โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย

แพทย์เตือนใช้ยาโรคผิวหนังนานทำให้ตับอักเสบและตาบอดได้

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 สิงหาคม 2548 18:04 น.

แพทย์เตือนใช้ยารักษาโรคผิวหนังต่อเนื่องระวังตับอักเสบและตาบอดได้ แนะยอมรับความจริงและอยู่กับโรคที่รักษาไม่หายจะดีกว่าเสี่ยงเกิดโรคใหม่จากการใช้ยา ด้านนายกสมาคมแพทย์ผิวหนังเอเชียชี้ ยาทุกตัวมีผลแทรกซ้อน อาจเกิดการแพ้ยาได้ ดังนั้นต้องใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น เผยโรคแพ้ยาสตีเวนส์ จอห์นสัน 1 ใน 4 เกิดขึ้นเองไม่มีสาเหตุ

น.พ.ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนัง บรรณาธิการตำราโรคผิวหนังในเวชปฏิบัติปัจจุบัน เปิดเผยว่าโรคผิวหนังหลายชนิดเป็นโรคเรื้อรังจำเป็นต้องได้รับยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน พบว่ายารักษาโรคผิวหนังหลายตัวมีผลเสีย เช่น ทำให้ตับอักเสบ และผิวลอกทั้งตัวจนถึงขั้นตาบอด จึงต้องควรระมัดระวังไม่ใช้ยาเหล่านี้โดยไม่จำเป็น

น.พ.ประวิตร กล่าวว่า ยารักษาอาการโรคผิวหนังที่อาจมีผลเสียต่อ ได้แก่ ยาเมทโทรเทรกเสท ที่ใช้รักษาโรคสะเก็ดเงิน อาจทำให้เกิดการอักเสบของตับ ซึ่งถ้าเป็นเรื้อรังจะทำให้ตับแข็งได้ และผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินจะต้องเข้าใจว่าโรคนี้ไม่หายขาด บางครั้งการยอมรับความจริงและอยู่กับโรคที่ไม่มากนัก อาจดีกว่าที่จะรับประทานยาที่อาจเป็นพิษเพียงเพื่อหวังว่าให้มีผิวเรียบสนิท นอกจากนั้นยังมี ยาเรตินอยด์ ที่ใช้รักษาโรคสิวและโรคสะเก็ดเงิน อาจมีพิษต่อตับและทำให้มีค่าเอนไซม์ตับสูงขึ้นได้ ยังทำให้ทารกในครรภฺ์พิการ ยามิโนไซคลิน ยาซัลฟา เช่น แบคทริม และยาอิริโทรมัยซิน ที่ใช้รักษาโรคสิวอาจทำให้ตับอักเสบได้

“ยากริสิโอฟุลวิน คีโตโคนาโซล ที่รักษาอาการติดเชื้อราและยีสต์ของผิวหนัง อาจมีพิษต่อตับได้ ยากลุ่มสเตียรอยด์ ใช้รักษาโรคผิวหนัง เช่น โรคตุ่มน้ำพองใส โรคหลอดเลือดอักเสบและโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ถ้าได้รับยาต่อเนื่องกันนานอาจทำให้ตับอ่อนอักเสบและมีไขมันสะสมที่ตับ ยากลุ่มสมุนไพรและยาหม้อ สมุนไพรบางตัว เช่น ใบขี้เหล็กและเห็ดหลินจือ ถ้าได้รับในขนาดสูงอาจเป็นพิษต่อตับได้ ยาในกลุ่มนี้บางครั้งมีสารปนเปื้อนหรือแบผสมยากลุ่มสเตียรอยด์ลงไป จึงต้องระมัดระวังในการใช้ยาด้วย” น.พ.ประวิตรกล่าว

ด้านพ.ญ.ปรียา กุลละวณิชย์ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งเอเชีย กล่าวว่า ยากลุ่มซัลฟา เช่น แบคทริมที่ใช้รักษาสิว นอกจากจะทำให้ตับอักเสบได้แล้วยังอาจทำให้เกิดกลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรมได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วกลุ่มอาการนี้นอกจากเกิดจากการแพ้ยายังอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา และพยาธิ และพบว่า กลุ่มอาการสตีเวนส์ จอห์นสัน ที่อาจรุนแรงจนทำให้ตาบอดได้นั้น ร้อยละ 25-50 จะไม่ทราบสาเหตุคือเกิดขึ้นได้เอง เพื่อป้องกันการแพ้ยาโดยไม่จำเป็นซึ่งอาจมีผลเสียต่อร่างกาย เช่น ตับอักเสบ และมีผิวหนังลอกทั้งตัวจึงควรใช้ยาเท่าที่จำเป็นภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะยาทุกตัวมีข้อแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถ้าใช้ยาแล้วมีผื่นผิวหนัง ลมพิษ ไข้ อาการคัน คลื่นไส้อาเจียน เหนื่อยอ่อน ตัวเหลือง ตาเหลือง ต้องรีบหยุดยาและมาพบแพทย์ทันที เพราะอาจเกิดจากแพ้ยาได้


Create Date : 26 กันยายน 2548
Last Update : 26 กันยายน 2548 12:25:25 น. 4 comments
Counter : 918 Pageviews.  

 
อ่านแล้วน่ากัวจังค่ะ



โดย: หมวยแก้มป่อง วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:14:48:35 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: uggie* วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:15:19:21 น.  

 
โอวได้ความรู้ค่ะ เพราะมีคนรู้จักเป็นโรคสะเก็ดเงินอยู่ เห็นใช้ยาตลอดเลยค่ะ น่าเป็นห่วงจัง
ขอบคุณมากค่ะ


โดย: Fruit_tea วันที่: 26 กันยายน 2548 เวลา:22:14:57 น.  

 
เป็นสะเก็ดเงินกินเห็ดหลินจืออยู่จะหายเป่า
ลอกมาทุกอย่างเเล้วไมหาย0845919328


โดย: วิทยา IP: 117.47.139.213 วันที่: 7 มกราคม 2552 เวลา:17:43:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sriphat
Location :
ภูเก็ต Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




โลกนี้มีเรื่องราวดีๆ ไว้ให้แบ่งปันกันมากมาย
New Comments
[Add sriphat's blog to your web]