|
การเรียนบัลเล่ต์
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2554 | | |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2554 16:40:03 น. |
Counter : 786 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ความเป็นมาและประโยชน์ของบัลเล่ต์
การเรียนบัลเล่ต์ของเด็ก ก่อนจะมาเป็นระบำปลายเท้าผู้ออกแบบท่าเต้นของชนเผ่าต่างๆ ทั่วทุกมุมโลกในสมัยโบราณ ได้แปรความหมายของบรรดาสรรพสิ่งรอบกายไม่ว่าจะเป็นการแสดงท่าทางล้อ หรือเลียนแบบสัตว์ป่าทั้งหลาย ความรู้สึกอารมณ์ต่างๆ ของมนุษย์ไปจนถึงสงครามการต่อสู้ ความเชื่อถือศรัทธาของชนเผ่าที่มีต่อธรรมชาติ นำสิ่งแวดล้อมและเหตุการณ์ต่างๆ ในขณะนั้นมาสอดแทรกไว้ในลีลาร่ายรำของตน การเต้นรำมีวิวัฒนาการขึ้นเรื่อยๆ ตามอายรธรรมของโลก ดังจะเห็นได้จากการร่ายรำเพื่อบวงสรวงดวงวิญญาณ เพื่อบวงสรวงบูชาภูตผีปีศาจในสมัยยุคดึกดำบรรพ์ซึ่งต่อมาได้วิวัฒนาการกลายมาเป็นการเต้นรำ เพื่อสื่อถึงความรู้สึกของจิตใจในสมัยกรีกโบราณ และหลังจากนั้นได้ถูกนำมาเป็นส่วนสำคัญในพิธีการทางศาสนา ฉลองงานวิวาห์ รวมทั้งงานรื่นเริงบันเทิงต่างๆ นอกเหนือไปจากท่วงท่าเคลื่อนไหวที่งดงามอ่อนช้อยแล้ว มนุษย์ในยุคโบราณยังค้นพบว่า การเต้นรำ คือการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง มีเรื่องเล่าว่า ในขณะกำลังเดินเรืออยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลอยู่นั้น กัปตันคุกนักเดินเรือผู้มีชื่อเสียงซึ่งพวกเรารู้จักกันดี ได้ออกคำสั่งให้ลูกเรือเต้น 'Hornpipe' ในยามว่าเพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดี ความเชื่อนี้สอดคล้องกับ Carlo Blasis ปรมาจารย์ด้านการเขียนตำราบัลเล่ต์ซึ่งได้กล่าวว่า ประโยชน์ของการเต้นรำนอกเหนือไปจากความเพลิดเพลินแล้ว ยังทำให้ร่างกายแข็งแรงแม้ในหญิงสูงวัยถึง 70 ปี หากได้เต้นรำสม่ำเสมอจะยังคงแข็งแรงเคลื่อนไหวได้กระฉับกระเฉงกว่าคนวัยเดียวกัน กำเนิดบัลเล่ต์ การเคลื่อนไหวภายใต้สภาวะบังคับ 'The Dance d'ecole' โดยการนำเอาลีลาท่าเต้น การเคลื่อนที่ สรีระ ดนตรี ความยืดหยุ่น มาประกอบเป็นแม่บทของการเต้นรำ จากความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบท่าเต้น ผู้ออกแบบฉากและเครื่องแต่งกาย มาเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานให้สมดุลตามจังหวะ ท่าทางและสิ่งที่ต้องการสื่อ ศิลปะอ่อนช้อยงดงามที่เรียกกันว่า บัลเล่ต์นั้น สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งเป็นเพียงการเต้นสลับกับการเสวยพระกระยาหารเท่านั้น เรียกการเต้นรำนี้ว่า ระบำในราชสำนัก (Court Dance) อย่างไรก็ตาม พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงโปรดปรานการเต้นชนิดนี้มาก จึงได้ทรงสถาปนาโรงเรียนบัลเล่ต์แห่งแรกของโลกขึ้น บัลเล่ต์ในยุคปัจจุบันได้สลัดละทิ้งภาพลักษณ์ซึ่งดูเหมือนเครื่องจักรกล เย็นชา ปราศจากความรู้สึก ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านฉาก แสง เสียง เครื่องแต่งกาย และที่สำคัญ คือ สภาพและความสามารถของนักเต้น มีการสอดใส่อารมณ์เข้าไปในลีลาเพื่อให้สื่อความหมายได้อย่างมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น แม้ว่า บัลเล่ต์คลาสสิคดั้งเดิม (Classical Ballet) ที่มีมากกว่า 400 ปีนั้น จะดูไร้อารมณ์ แต่ก็ได้มีผู้คำนวณว่าท่าเต้นบัลเล่ต์ซึ่งปรากฏอยู่ในโลกนี้มีจำนวนถึง 39,550 ท่า และหากนับรวมท่าที่พลิกแพลงต่างๆ แล้วมีไม่น้อยกว่า 1 ล้าน 5 พันท่าเลยทีเดียว
ประโยชน์ของการเรียนบัลเล่ต์ . การเรียนบัลเลต์มีประโยชน์มากมายต่อเด็ก ทั้งทางด้านร่างกาย และจิตใจ . ทำให้ผู้เรียนมีพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติ ปัญญา และเป็นการ ออกกำลังกายด้วย . ทำให้ผู้เรียนมีสรีระและบุคลิกภาพที่ดี เช่น เวลายืน เพราะการยืนแบบ บัลเล่ต์จะต้องยืน หลังตรงหน้าเชิดตลอด . ฝึกให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบและมีระเบียบวินัย เพราะมีการสอนเลื่อน ระดับทุกปี . ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านดนตรี ช่วยให้ผู้เรียนได้รู้จักเพลงคลาสสิค . เป็นการปูพื้นฐานการเต้นทุกชนิดให้กับผู้เรียน หากเริ่มเรียนบัลเล่ต์ไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว ผู้เรียนสามารถที่จะเรียนการเต้นรำชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสเก็ตน้ำแข็ง การเต้น ลีลาศ ยิมนาสติกลีลา ระบำใต้น้ำ แจ๊ส ระบำสเปนหรือแม้กระทั่งฮิบฮอปได้ง่ายขึ้นมากกว่าคนที่ไม่มีพื้นฐานบัลเล่ต์มา . ปลูกฝังรสนิยมที่ดีให้กับเด็ก คุณค่าที่ยังสืบเนื่องไปถึงอนาคต นอกจากบัลเลต์จะมีคุณค่าในตัวของมันเองแล้ว ยังเป็นพื้นฐานของการเต้นในทุกรูปแบบเช่น คอนเทมโพราลีดานซ์ ระบำแจ๊ส ลีลาศ ฯลฯ ทั้งนี้เพราะบัลเลต์สอนให้รู้ถึงความสมดุลย์ของการเคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อการสั่งการของสมองได้ว่องไว และยังเป็นพื้นฐานให้กับกีฬาหลายอย่าง เช่น ยิมนาสติค, สเก็ตน้ำแข็ง, และกีฬาอื่นๆอีกหลายประเภทเด็กที่มีพื้นฐานของบัลเลต์อยู่ในตัว แม้ว่าไม่ได้เป็นนักบัลเลต์อาชีพ ย่อมเติบโตขึ้นด้วยความมีทักษะของร่างกายที่พร้อมจะร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ด้วยความมั่นใจในตนเอง และมักจะได้รับเลือกให้เป็นผู้แสดง และผู้แทนในกิจกรรมต่างๆของสถาบัน ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยทำงาน เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสนใจทางศิลปะแขนงต่างๆ หลายด้าน มีความเข้าใจซาบซึ้งได้ถึงวัฒนธรรมทั้งของตอนเอง หรือชาติอื่น เด็กๆเหล่านี้ได้รับการปลูกฝังให้รักการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสำหรับบางคนอาจเป็นนิสัยที่ติดตัวไปจนตลอดชีวิต หลักสูตรของสถาบัน Royal Acadmy of Dance ประเทศอังกฤษ มีการสอบเพื่อขอรับประกาศนียบัตรของสถาบันดังกล่าวเป็นประจำทุกปี แบ่งออกเป็น 1.หลักสูตรสามัญ เริ่มตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไป เรียนชั้น Pre- Primary Primary เกรด 1 - เกรด 8 2. หลักสูตรระดับอาชีพ เริ่มตั้งแต่อายุประมาณ 9 ปีขึ้นไป เรียนชั้น Intermediate Foundation Intermediate Advanced Foundation Advanced 1 Advanced 2 3. การสอบพิเศษ ( Solo Seal ) สำหรับนักเรียนซึ่งจบชั้น Advanced และได้คะแนนระดับสูงสุด (Distinction) เท่านั้น ในปัจจุบันทางโรงเรียนมีการสอนในทุกระดับชั้นของทุกหลักสูตร มีนักเรียนซึ่งจบและประสบความสำเร็จในการสอบได้ในระดับ Solo Seal แล้วหลายคน 4.ชั้นเรียนอิสระ ( Open Class ) คือการเต้นสำหรับนักเรียนระดับสูง หรือบุคคลทั่วไป โดยใช้บทเรียน และการประกอบท่าจากครูผู้สอน ไม่ได้เต้นตามในหลักสูตร เพื่อการสอบ
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2554 | | |
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2554 15:27:06 น. |
Counter : 3505 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|