และแล้วผมก็ได้เครื่องPrinter,ScannerและCopyในตัวเดียวกันมาจนได้
ผมไปงานคอมมาร์ทมาเมื่อกลางเดือนมีนา ก่อนงานสัปดาห์หนังสือไม่กี่วัน คิดว่าคงจะไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาแล้วแท้ๆเชียว แต่พอได้ดูเครื่องInkjet Printerซึ่งปัจจุบันไม่ได้เป็นแค่Printerอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังเป็นเครื่องScanner,เครื่องCopyถ่ายเอกสารและPhotoCaptureอีกด้วย แต่ราคาขั้นต้นอยู่ที่2000บาทต้นๆเองครับ เทียบกับColour Inkjet Printerตัวเก่าอย่างCanon Colour Bubblejetรุ่นBJC-4310SPซื้อเมื่อปี2542ราคา7000-8000บาทเข้าไปแล้วคนละเรื่องเลยครับ ค่าเสื่อมราคาของเครื่องจักรกลเทคโนโลยีสูงมากจนน่ากลัวจริงๆ ทางบ้านผมเองก็ไม่ได้ใช้เครื่องพิมพ์ตัวเก่ามาตั้งนานแล้ว คาดว่าหัวหมึกคงจะอุดตันไปหมดแล้วละมั๊ง
หลังจากตรวจสอบราคาและก็ความสามารถมาเรียบร้อยแล้วก็เลยถือโอกาสทุ่มทุนประมาณ2390บาทซื้อPrinter All in Oneเครื่องใหม่เป็นยี่ห้อBrotherรุ่นDCP-150C Specของเครื่องก็ตามรายละเอียดนี้ครับ Print ความเร็วในพิมพ์สี/ขาวดำ 22/27 แผ่นต่อนาที ความละเอียดการพิมพ์ 1200*6000 dpi. Copy ความเร็วในการถ่ายเอกสารสี/ขาวดำ 18/20 แผ่นต่อนาที ความละเอียดสูงสุดในการScan 19200*19200 dpi. พิมพ์รูปหรือเอกสารโดยตรงจากFlash Driveหรือแผ่นSD Cardได้โดยที่มีช่องให้เสียบโดยเฉพาะโดยไม่ต้องต่อผ่านคอม ใช้ตลับหมึกของแท้ราคา490บาทสำหรับสีดำ และราคา290บาทแยกตามสีต่างหาก สำหรับสีเหลืองส้ม(Yellow),สีน้ำเงินเข้ม(Cyan)และสีชมพูเข้ม(Magenta) พิมพ์ภาพสีขนาดA4ได้200หน้า
ว่าด้วยราคาตลับหมึกของPrinterแต่ละยี่ห้อผมก็มีข้อมูลเอามาเปรียบเทียบให้อ่านกันด้วยโดยแยกเป็นดังนี้ Canon145 หมึกดำ830ราคาตลับละ710บาทพิมพ์ได้225หน้า หมึกสี831ราคาตลับละ870บาทพิมพ์ได้205หน้า Hewlette Packard4185 หมึกดำ21ราคาตลับละ550บาทพิมพ์ได้185หน้า หมึกสี22ราคาตลับละ650บาทพิมพ์ได้170หน้า Epson CX5500 หมึกดำT0911ราคาตลับละ190บาทพิมพ์ได้170หน้า หมึกสีT0912-4ทั้งหมด3ตลับ ตลับละ190บาทพิมพ์ได้200หน้า ซึ่งถ้าเอามาเทียบกันแล้วตลับหมึกของEpsonราคาถูกสุดรองลงก็Hewlette Packard แพงสุดก็Canon โดยคิดจากราคาตลับหมึกต่อจำนวนหน้าที่พิมพ์ได้ โดยผมไม่มีข้อมูลจากทางยี่ห้อBrotherมาเปรียบเทียบด้วย
นอกจากนี้ผมยังซื้อชุดInk Tankสำหรับใช้เพื่อจะได้ไม่ต้องซื้อตลับหมึกราคาแพงๆโดยแลกกับความเสี่ยงที่จะสูญเสียประกันเครื่อง2ปี ยี่ห้อInkMediaสำหรับใช้กับตลับหมึกรุ่นLC37พร้อมหมึกในTank4สี สีละ100ml. และยังแถมหมึกเติม4สี4ขวดไว้เติมเพิ่มอีก ราคาทั้งหมดก็1600บาท กะเก็บไว้ใช้หลังจากที่ใช้หมึกตลับแท้จนหมดนั้นแหละครับ โดยหมึกเติมขวดละ100ml.แยกตามสีทั้งหมด4ขวดพิมพ์ภาพสีขนาดA4ได้1500หน้าครับ ชุดหนึ่งก็ราคา544บาท
ทดลองใช้ดูแล้วก็ทึ่งในความสามารถของเครื่องพิมพ์ปัจจุบันจริงๆ ทั้งScanเอกสารหลักฐานส่วนตัวเป็นไฟล์ลงเครื่อง ,พิมพ์ภาพสีจากไฟล์รูปภาพ และถ่ายเอกสารหลักฐานเก็บสำรองไว้ใช้ไม่ต้องไปพึ่งร้านถ่ายเอกสารอีกต่อไป ตอนนี้ใช้หมึกในตลับแท้หมดไปแล้วทั้ง4สี(แต่จริงๆแล้วหมึกดำเกิดหมดก่อนในขณะที่หมึกสียังไม่หมด เนื่องจากในการพิมพ์ภาพสีนั้นมีการใช้หมึกดำด้วย) พิมพ์ภาพสี+ขาวดำได้ประมาณ250แผ่นได้มั๊ง ทดลองใช้Ink Tankก็ดูปกติใช้ได้ดีมากเลยหมดเมื่อไหร่เวลาเติมก็สะดวกละ ถ้าทำตามขั้นตอนในคู่มือรับรองว่าหมึกไม่หยดเลอะเทอะแน่นอน หมึกที่มักจะใช้เยอะสุดคือหมึกเหลืองส้ม(Yellow)ครับรองลงมาก็หมึกดำ ใช้น้อยสุดพอๆกันระหว่างหมึกชมพูเข้ม(Magenta)กับหมึกน้ำเงิน(Cyan)
ราคา2000ต้นๆนี่คือราคาขั้นต่ำสุดของPrinter All in Oneแล้วครับ ไม่แน่ว่าต่อไปPrinter All in Oneที่มีความสามารถในการรับส่งโทรสาร(Fax.Modemส่งทำเวลาได้3วินาทีต่อแผ่น) ,ระบบป้อนกระดาษเพื่อScanหรือCopyถ่ายเอกสารอัตโนมัติสูงสุด35แผ่น ,ระบบเครือข่ายสำหรับใช้ได้หลายๆคนและWirelessไร้สาย ที่มีราคาตั้งแต่8000-12000บาท ในอนาคตราคาอาจจะตกลงอย่างมากจนน่ากลัวไปเลยก็ได้
ส่วนLaser Printerตอนนี้ราคาก็ยังสูงอยู่ประมาณ10000-20000บาท สำหรับความสามารถพิมพ์ ถ่ายเอกสารขาวดำ และScanเอกสารในเครื่องเดียว แต่ถ้าเอาเฉพาะพิมพ์ขาวดำอย่างเดียวราคาอยู่ที่4000-9000บาท และถ้าเป็นพวกColour Laser Printer All in One ราคาจะถีบขึ้นเป็น30000-45000บาทครับ ตลับผงหมึกที่ใช้ก็มีตั้งแต่1090บาท(พิมพ์ขาวดำได้12000แผ่น หน้าปก5%)ไปจนถึงราคา3490กับ4590บาท(พิมพ์4สีได้4000-5000แผ่น หน้าปก5%) นอกจากนี้ก็มีตลับแม่พิมพ์(Drum)ราคา9900บาท(พิมพ์4สีได้17000แผ่น) กับราคา2990-5490บาท(พิมพ์ขาวดำได้12000-25000แผ่น)
ถึงตรงนี้Laser Printerคุ้มค่ากว่าInkjetแค่งานพิมพ์ขาวดำเท่านั้น ส่วนงานพิมพ์สีนั้นInkjetยังถูกกว่าเยอะครับ ในอนาคตถ้าLaser Printer All in Oneขาวดำและตลับหมึกที่ใช้ ราคาถูกลงมากกว่านี้ ผมอาจจะตัดสินซื้อก็ได้อยู่ครับ เพราะจำนวนงานพิมพ์ต่อราคาตลับหมึกที่ใช้น้อยกว่าInkjetหลายเท่าเลยครับ
ส่วนกระดาษเอาที่ราคาถูกสุดก็คงเป็นกระดาษที่ผลิตโดยบริษัทรีมส์แอนด์โรลส์จำกัด 80/6 หมู่11 ถนนเจริญพัฒนา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร 10510 โดยมักจะเอามาขายโดยใช้ยี่ห้อของห้างค้าปลีกที่เอามาจัดจำหน่ายทั่วไป เช่นOffice Depot ,First Price(ของห้างBig C) ฯลฯ แบ่งเป็นกระดาษทั่วไปผลิตจากเยื่อไม้โดยตรงกับกระดาษรีไซเคิลที่ผลิตจากกระดาษที่ใช้แล้วผสมกับเยื่อไม้กับใส่สารฟอกขาวสักหน่อย เพื่อให้ได้กระดาษออกมาขาวสะอาดไม่แพ้กระดาษทั่วไป แยกเป็นความหนา70แกรมกับ80แกรม(แกรม(Gram)คิดจากน้ำหนักในหน่วยกรัมของกระดาษพื้นที่1ตารางเมตร)
โดยราคากระดาษ1รีมส์(Remes)ที่หาข้อมูลมาได้ กระดาษทั่วไป80แกรม จำนวน500แผ่น ราคา97บาท กระดาษทั่วไป70แกรม จำนวน500แผ่น ราคา87บาท กระดาษรีไซเคิล80แกรม จำนวน450แผ่น ราคา79บาท กระดาษรีไซเคิล70แกรม จำนวน450แผ่น ราคา69บาท
ในที่นี้ผมเลือกใช้เอากระดาษรีไซเคิล80แกรม ซึ่งผิวเนื้อกระดาษอาจจะหยาบด้านกว่ากระดาษDouble A80แกรม ราคา119บาทอยู่นิดหน่อย แต่ก็สามารถเอามาใช้พิมพ์ภาพสีได้คุณภาพดีไม่ได้ต่างกันเลย โดยหลังจากพิมพ์ภาพสีกระดาษอาจจะชื้นเป็นลอนเนื่องจากปริมาณที่หมึกที่เข้มมาก แต่ถ้าเอามาตากลมให้แห้งแล้วก็เอามาซ้อนทับกันก็จะเรียบสนิทสวยงามไม่เลอะเทอะเลย
งานคอมมาร์ทที่ผ่านมาผมได้ลองซื้อหมึกเติมยี่ห้อHot Printราคาขวดละ100บาท4ขวด4สี มาสำรองไว้ยังไม่ได้ทดลองเติมเลยยังบอกไม่ได้ว่าสามารถใช้แทนMediaJetที่ราคา4ขวด544บาทนี่ได้หรือไม่ และก็มีกระดาษPhoto Glossy Paper(พิมพ์สีเคลือบพิเศษผิวมันเงา)ขนาดA4ความหนา150แกรม 100แผ่นราคา200บาทยี่ห้อHi-Jet ผลิตโดยบริษัท Hi-Coat(Thailand) จำกัด จำหน่ายโดยบริษัท ปภาวิน จำกัด 88 หมู่4 ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 เป็นราคาที่ถูกที่สุดแล้วสำหรับกระดาษแบบนี้
Create Date : 22 เมษายน 2551 |
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 3:43:25 น. |
|
6 comments
|
Counter : 626 Pageviews. |
|
|
|
ดีจังค่ะ อยากได้ scan มานานแล้ว...
เครื่องเดียวรวมฮิต แถมยังไม่แพง...
เข้าทางคุณนายเกลือทิพย์เลยค่ะ...อิอิ