ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
เราควรรื้อถอนโครงสร้างของละคร'น้ำเน่า'หรือไม่?โดยวินทร์ เลียววาริณ

ผมดูละครโทรทัศน์ไทยครั้งแรกเมื่อสามสิบห้าปีมาแล้ว แทบทั้งหมดเป็นนิยายรักที่มีโครงเรื่องเกี่ยวกับการแย่งชิงมรดก การทะเลาะกันระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ การกลั่นแกล้งนางเอก การชิงรักหักสวาท การตบ-จูบ ฯลฯ

ผ่านมา 3.5 ทศวรรษ ดูเหมือนว่าเนื้อหาของละครโทรทัศน์ยังคงรักษารากเดิมอย่างเหนียวแน่น หลายคนปฏิเสธความบันเทิงแบบ 'หนีความจริง' นี้ ด้วยเหตุผลว่า ผู้สร้างละครไม่เคยเปลี่ยนโลกทัศน์ เนื้อเรื่องที่ 'เหนือจริง' เหล่านี้เป็นการดูถูกสติปัญญาของคนดู บ้างก็ว่าทำให้ผู้ชมจมอยู่ในโลกของความเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ และทำให้สังคมเราถอยหลัง เพราะรับสารความคิดมาผิดๆ ฯลฯ

ทว่าหากมองใน มุมของเวลา สิ่งใดที่อยู่ยืนยงมานานขนาดนี้อาจมีคุณค่าของมัน หรือกระทั่งเป็นเอกลักษณ์แบบไทยๆ ที่มีเสน่ห์ของมัน? คำถามคือเราสมควรรื้อถอนโครงสร้างของละครแบบเดิมๆ นี้หรือไม่? และเพราะอะไร?

นี่ไม่ใช่คำถามใหม่ สังคมรับรู้ปัญหานี้ (หากเราจัดมันเป็นปัญหา!) มานานแล้ว มีหลายความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนของสังคม แต่มันก็ยังคงดำรงอยู่

บาง คนแสดงความเห็นว่าคนไทยเกิดในสังคมที่หลอมเหลาให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือ สรรค์สร้างอะไรได้ด้วยตัวเอง ต้องรอโชคและฟ้าประทาน ความคิดนี้จึงสะท้อนในละครไปโดยปริยาย ตั้งแต่ตัวละครประเภทที่รอฟ้าบันดาล ไปถึงโครงเรื่องในรูปของการรอคอยความหวังใหม่ (บ่อยครั้งในรูปของมรดก หรือการแต่งงานกับคนที่รวยมาก)

บางคนเห็นว่า ในชีวิตจริงของแต่ละคนก็เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าสาหัส กลับถึงบ้านก็ไม่อยากรับรู้อะไรที่หนักหัวอีก การดูละครโทรทัศน์ที่หนีโลกแบบนี้ก็เป็นการคลายเซลล์สมองอย่างหนึ่ง

คน อีกไม่น้อยแย้งว่า ละครเหล่านี้มิได้เป็นเรื่องเหนือจริงแต่ประการใด ชีวิตจริงของคนบางคนไม่น่าเชื่อ (บางคนใช้คำว่า 'น้ำเน่า') เสียยิ่งกว่านิยายเสียอีก

ความจริง คำว่า 'รื้อถอน' นี้มิได้มีนัยของการทำลายโดยสิ้นซาก แต่เป็นการพัฒนาต่อไปไม่ให้ซ้ำรอยเดิมมากกว่า พูดง่ายๆ คือ เราจะเต้นฟุตเวิร์กอยู่กับที่ หรือว่าจะวิ่งออกไปจากจุดเดิม

หากเราเลือกที่จะวิ่งออกไปจากจุดเดิม ก็นำเราไปสู่อีกสองคำถามคือ

1 ทำไมต้องเปลี่ยนแปลง? มันสำคัญนักหรือ? ในเมื่อละครโทรทัศน์ก็เป็นเพียงความบันเทิงราคาถูกสำหรับคนทั่วไป จะหวังเอาสาระอะไรกันนักหนา?

และ 2 เรามีความสามารถเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือ ทั้งในแง่นายทุนและผู้สร้างสรรค์งาน?

สำหรับ ข้อแรก เราต้องเข้าใจตรงกันก่อนว่า สังคมคือการอยู่ร่วมกันของคนกลุ่มใหญ่ คุณค่าของสังคมก็คือความผาสุกของคนส่วนใหญ่, คุณภาพชีวิต และคุณภาพของมนุษย์ (ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้จะมาอยู่รวมกันทำไม) และเครื่องมือหนึ่งที่มีส่วนพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีก็คือศิลปะที่ดี

เมื่อ มองอย่างนี้ จะเห็นว่าเราสามารถใช้คุณภาพชีวิตและคุณภาพของมนุษย์เป็นมาตรวัดคุณค่าของ ศิลปะ ศิลปะที่ดีน่าจะมีส่วนช่วยทำให้มนุษย์มีคุณค่าขึ้น ไม่ทางจิตใจก็ทางความคิด และอะไรก็ตามที่ทำให้มนุษย์ลดค่าลงหรือโง่ลง ไม่ว่ามันจะดำรงอยู่ในสังคมมานานเท่าไร นอกจากจะไม่น่าจัดว่ามีคุณค่าแล้ว อาจจะไม่นับว่าเป็นศิลปะด้วยซ้ำ

ภาพยนตร์เป็นสายหนึ่งของศิลปะ หากเราดูสายธารของศิลปะทุกสายในประวัติศาสตร์โลก ศิลปะเป็นสิ่งที่ไม่อยู่นิ่ง ไม่มีกรอบตายตัว ไม่มีกฎกติกาใดๆ และเนื่องจากมันไม่อยู่นิ่งนี่เอง จึงก่อเกิดสายธารศิลปะมากมายหลายแขนง ยกตัวอย่างเช่นในงานจิตรกรรม หากถือว่าการวาดภาพแบบเรียลิสติกเป็นแนวทางมาตรฐานหรือเอกลักษณ์ที่ ต้องอนุรักษ์ดำรงไว้ โลกนี้ก็คงไม่มีทางกำเนิดศิลปะสายอื่นๆ เช่น แนวแอ็บสแตร็คท์ แนวเซอร์เรียลิสม์ แนวป๊อปอาร์ต ฯลฯ และศิลปินอย่าง แวนโก๊ะห์ ปิกัสโซ่ เซอราต์ ดาลี ฯลฯ ก็ไม่มีทางได้เกิด เช่นกันด้วยความเชื่อที่ไม่ยอมถูกจำกัดด้วยกรอบใดๆ โลกเราตอนนี้จึงมีตระกูลนิยายมากมายกว่าสมัยเชกสเปียรส์หลายร้อยเท่า และนี่เป็นสิ่งที่ดีมิใช่หรือ?

ผมเชื่ออย่างโง่ๆ (และอาจจะไร้เดียงสา) ว่า เราสามารถนำพาสังคมของเราไปสู่ความสวยงามและมีคุณค่ากว่าเดิมได้ ผมมองไม่เห็นว่าทำไมเราต้องจำนนทนอยู่กับสิ่งเดิมๆ เพียงเพราะมันอยู่มานาน เราเลือกได้ และเมื่อเราถูกต้อนไปสู่มุมอับที่ดูเหมือนไม่มีทางเลือก เราก็สามารถปฏิเสธทางเลือกที่คนอื่นยื่นให้เราได้ เช่นเดียวกับที่เราปฏิเสธผงชูรส สารกันบูด สีฟอก ฯลฯ เพราะเรารู้ว่าในระยะยาวมันอาจทำให้เราเป็นมะเร็งได้

ปัญญาของคนเรา เกิดมาจากการรับสารความคิดหลากหลาย มีใครบ้างที่ร่างกายแข็งแรงจากการเสพข้าวขาหมูอย่างเดียวทุกมื้อทุกวัน? สมองของคนเราก็ต้องการสารอาหารทางปัญญาครบห้าหมู่ ไม่ว่าเราจะรับสารความคิดมาจากการศึกษา ประสบการณ์ หรือผ่านศิลปะ ยิ่งมีทางเลือกมาก ก็ยิ่งทำให้เรารู้จักคิดมากขึ้น และท้ายที่สุดแล้วสังคมก็จะได้คนที่มีคุณภาพมากขึ้น และสังคมยิ่งมีคนมีคุณภาพมากขึ้นเท่าไร คุณภาพชีวิตของเราก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เราจะเป็นคนฉลาดขึ้น เราจะมีความสุขขึ้น

สำหรับ ข้อที่สอง : เรามีความสามารถเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือ ทั้งในแง่นายทุนและผู้สร้างสรรค์งาน? นี่เป็นคำถามที่ท้าทายความคิด โดยเฉพาะคนที่เชื่อว่า สภาพทางการตลาดทำให้เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ แต่จริงหรือ?

สำหรับความเห็นที่ว่า ในชีวิตจริงของแต่ละคนก็เหน็ดเหนื่อย กลับถึงบ้านก็ไม่อยากรับรู้อะไรที่หนักหัวอีก ข้อแย้งคือการเบื่อชีวิตจริงและความอยากหนีความจริงเข้าไปในโลกแห่ง จินตนาการเป็นคนละเรื่องกับการเดินย้อนรอยศิลปะแบบเดิม

ความเห็น ว่า 'ชีวิตจริงของคนบางคนน้ำเน่าเสียยิ่งกว่านิยายเสียอีก' นั้นเป็นความจริงแน่นอน แต่นี่ก็เป็นคนละเรื่องกับความจำเจของเนื้อหา เพราะในมุมมองของศิลปะ แก่นเรื่องเดิมๆ ก็สามารถนำเสนอได้ใหม่อย่างสร้างสรรค์ ตัวอย่างความบันเทิงมากมายในโลกที่สามารถสอดสาระเข้ากับความบันเทิงและยก ระดับผู้เสพ ทำให้เราต้องถามตัวเองว่า ถ้าเรารู้ว่าเราสามารถส่งเสียลูกให้เรียนจบปริญญาได้ เราจะยอมให้เขาจบแค่ชั้นอนุบาลหรือ?

ผมทำงานในวงการสร้างสรรค์มานาน พอที่กล้ายืนยันได้ว่า ศิลปะไม่มีข้อจำกัดอย่างที่คนไม่น้อยชอบใช้เป็นข้ออ้าง ผมไม่เห็นด้วยว่าคนสร้างไม่มีปัญญาคิดเรื่องใหม่ๆ

สำหรับ ประเด็นที่ว่า แนวทางละครเปลี่ยนไม่ได้เพราะการตลาดหรือเรตติ้งบังคับนั้น เราอาจดูตัวอย่างจากที่ในสมัยหนึ่งทุกคนในประเทศไทยมีความพอใจอย่างยิ่งกับ การดูหนังวิดีโอคาสเส็ตต์ จนเมื่อเทคโนโลยีวีซีดีเข้ามา วิดีโอคาสเส็ตต์ก็หายไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อดีวีดีเข้ามา วีซีดีก็ค่อยๆ กลายเป็นอดีตที่ไม่มีใครแยแส

ลองคิดดูเล่นๆ หากตีสามคืนนี้ผู้ผลิตละครโทรทัศน์ทุกรายถูกมนุษย์ต่างดาวจับไปล้างสมอง และวันพรุ่งนี้หันมาผลิตแต่หนังคุณภาพระดับสารอาหารครบห้าหมู่ ประชาชนก็ย่อมไม่มีทางเลือกนอกจากจะรับ และบางทีเมื่อพวกเขารู้รสของ 'ดีวีดี' ก็อาจไม่มีวันหวนกลับไปหา 'วิดีโอคาสเส็ตต์' อีก!

ทว่า เนื่องจากเราไม่มีมนุษย์ต่างดาวมาช่วยตัดสินใจแทนให้ เราก็ต้องเลือกเอาเอง จะเลือกที่จะเปลี่ยนมาก เปลี่ยนน้อย หรือไม่เปลี่ยนเลยก็อยู่ที่เราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทางใด อย่างน้อยที่สุดในด้านคนสร้างสรรค์งาน ก็ควรมีความรับผิดชอบส่วนหนึ่งในการไม่ใส่สารเมลามีนทางความคิดแก่คนดู ในด้านคนเสพ ก็มีความรับผิดชอบในการกลั่นกรอง รู้จักปฏิเสธสารพิษทางความคิดให้ลูกหลาน

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกอย่างทุกจุดของสิ่งเดิมจะเป็นเรื่องแย่ที่ต้องรื้อถอน หากรู้จักเลือกองค์ประกอบเดิมที่ดีมาใช้ เราก็อาจนำพาละครไทยไปสู่ความบันเทิงแบบไทยๆ ที่มีคุณค่าได้เช่นกัน

เราอาจเดินไปไม่ถึงโลกแห่งความสมบูรณ์แบบ แต่หากเราลองเดิน อย่างน้อยที่สุดเราก็น่าจะได้โลกที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวานนี้

และนี่มิใช่เรื่อง 'เหนือจริง' แต่อย่างไร

(* นี่เป็นคำถามที่ตั้งให้ Yahoo! รู้รอบ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551)

วินทร์ เลียววาริณ
13 ธันวาคม 2551


ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นนะครับ

เห็นด้วยกับความคิด แต่ไม่ใคร่จะเห็นด้วยกับวิธีคิดครับ

ความคิดของเจ้าของบทความที่ต้องการเห็นการผลิตละครน้ำดีโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะใช้ศิลปะที่ดีงามยกระดับความคิด ความสุขของคนในสังคม
ผมว่ามันสวนทางกับความเป็นจริง

ถ้า ผู้ผลิตละครผลิตแต่ละครน้ำดีมีสาระจะเป็นเหมือนการเติมสารอาหารที่ครบห้า หมู่ให้กับคนดูมันฟังดูเหมือนศิลปะเป็นสิ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้เสพ มันฟังดูเหมือน ดินจะดีไม่ดี ขึ้นอยู่กับชนิด คุณภาพของต้นไม้ที่งอกอยู่บนผืนดินนั้น ? ถ้าท่านปลูกแต่ต้นไม้ที่สูงส่งงดงาม ผืนดินก็จะอุดมสมบูรณ์?

ผมกลับ มองว่าความเป็นจริง ความสุข ระดับความคิด ของคนในสังคมต่างหากที่เป็นฝ่ายยกระดับศิลปะ ศิลปะควรเป็นเหมือนต้นไม้ที่งอกมาจากผืนดิน
ดินดี จะให้กำเนิดศิลปะที่งอกงาม ดินไม่ดี ศิลปะมันก็จะแคระแกรนบิดๆเบี้ยวๆหรือกลายพันธุ์ไปตามสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดิน

ฉะนั้น ถ้าจะมองว่าทำไมละครน้ำเน่า ตบจูบๆ แม่ผัวลูกสะใภ้ แย่งมรดก แย่งผู้ชายรวย ถึงได้รับความนิยมในสังคมไทย ก็คงต้องบอกว่าผืนดินไทยปลูกขึ้นแต่ต้นไม้จำพวกนี้ เหมือนทะเลทรายที่คุณต้องปลูกตะบองเพ็ดเท่านั้นถึงจะเติบโตงอกงาม ถ้าเอาพันธุ์ไม้สูงค่า หรือ ศิลปะสูงส่งอย่างอื่นมาปลูกลงไปก็เหี่ยวแห้งตายเสียเปล่าๆ

การ แก้ไขจึงไม่ใช่การพยายามยัดเยียดกล้าไม้พันธ์ดีลงบนผืนดินขาดสารอาหาร ถ้าผู้จัด ผู้สร้างถูกมนุษย์ต่างดาวจับไปแล้วพร้อมใจกันสร้างแต่ละครน้ำดีมาพร้อมๆกัน ผลคืออะไร ผลก็คงเหมือนเอาต้นข้าวปักลงบนผืนดินที่แห้งแล้ง อาจมีส่วนน้อยนิดที่งอก แถมงอกแบบแคระแกรนด้วย แต่ส่วนใหญ่ตาย! และผู้สร้างผู้จัดหลายคนคิดได้ เคยลองแล้ว และก็ไปไม่รอด การจะให้ผู้สร้างผู้จัดสร้างละครน้ำดีก็เหมือนเป็นการบอกให้เขาไปดำนาในทะเล ทรายยังไงยังงั้น

ถ้ามันปลูกข้าวขึ้น ใครมันจะตะบี้ตะบันปลูกแต่ต้นตะบองเพ็ด ล่ะครับ

วิธีที่ควรปฏิบัติน่าจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพดินโดยตรงเพื่อให้เป็นผืนแผ่นดินที่อุมดมสมบูรณ์พอที่ศิลปะชั้นสูงจะงอกเงยขึ้นมาได้

การปรับปรุงคุณภาพดินโดยตรง คือการ ยกระดับการศึกษาของประชาชน
ไม่ได้จะโยงเข้าการเมืองนะครับ แต่ต้องยอมรับว่าประชากรไทยส่วนใหญ่ยังด้อยการศึกษา การศึกษาจะช่วยให้คนฉลาดขึ้นหรือไม่ผมไม่แน่ใจ
แต่ที่แน่ๆการศึกษาจะช่วยให้โครงสร้างทางความคิดของคนซับซ้อนขึ้น

ซึ่งผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเรายังขาด โครงสร้างทางความคิดที่ซับซ้อนขึ้นจะเป็นตัวช่วยในการกลั่นกรองคุณภาพของ ศิลปะที่คนจะเสพ ผู้จัดจะทำแบบมักง่ายไม่ได้อีกต่อไป ทุกอย่างต้องสมเหตุสมผลมีที่มาที่ไปในระดับที่ไม่ขัดใจคนดู ละครน้ำเน่ามักง่ายแบบสุกเอาเผากินก็จะค่อยเสื่อมความนิยมลงไปเอง

เมื่อ ประชาชนในสังคมมีการศึกษา อย่าว่าแต่ศิลปะคุณภาพอย่างละครน้ำดีหลังข่าวเลยครับ ต่อให้เอาละคร หรือ ภาพยนตร์น้ำดีระดับเวิร์ลคลาสมาเสนอ ชาวบ้านเขาก็พร้อมที่จะเสพ เหมือนดินที่อุดมสมบูณร์เอาเมล็ดพืชชนิดใดหว่านลงไป มันก็พร้อมจะเจริญงอกงามได้

ถึงตอนนั้นค่อยพิจารณาหว่านแต่พืชพันธ์ดีๆสร้างสรรค์สังคม เช่นนี้ถึงจะแก้ปัญหาได้

สรุปว่าปัญหาของศิลปะ แต่กลับต้องใช้การเมืองการบริหารประเทศแก้ จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ผิด -_-"

จากคุณ : FinalPath - [ 19 ม.ค. 52 17:17:05 ]


Create Date : 21 มกราคม 2552
Last Update : 21 มกราคม 2552 15:07:19 น. 2 comments
Counter : 578 Pageviews.

 
มีละครของเกาหลี หลายเรื่องที่เป็นเรื่องคล้ายๆกับละครไทย แต่การเขียนบทแตกต่างออกไปเลยทำให้ได้ข้อเปรียบเทียบว่า ทำไมคนดูจึงติดละครต่างชาติ เช่นเกาหลี และญี่ปุ่น ชาติไหนๆ ก้อมีเรื่องเพ้อฝันเหมือนกันไม่เว้นแต่ สหรัฐและยุโรป ทั้งหมดอยู่ที่คนตีความของบทละคร ว่าต้องการสือ่อะไรให้คนดู เอามันส์ หรือ สาระปนมันส์ ลองดูเรื่อง ทีมดราก้อนคุณหมอฯ ทั้ง 2 ภาค ก้อได้ มันเหมือนเรื่องจริงแต่ จริงๆเป็นเรื่องแต่งจากการ์ตูน นั่นคือการสือ่ของทีมผู้สร้าง....


โดย: Plain white'T IP: 124.120.169.40 วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:19:03:43 น.  

 
ผมก็คิดอย่างนั้นแหละ ต้องปรับปรุงระบบการศึกษาก่อน
และที่สำคัญต้องส่งเสริมเรื่องรักการอ่านด้วย


โดย: @Shigong IP: 125.27.186.25 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:8:00:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.