|
เล่านิยาย เรื่องที่ 1-15
ป๋ายหลีแค่นยิ้ม แล้วแกล้งพูดคำพูดที่แม้แต่ตัวเองฟังแล้วยังขนลุกเกรียวว่า
ข้ากับท่านมีบุพเพฯต่อกันมาสามร้อยปี ไม่ทราบว่าท่านยังจำข้าได้หรือไม่?
ถึงจะแค่พูดซี้ซั้ว แต่ประโยคสุดท้ายเป็นการตั้งใจถามจริงๆ ว่าซือฝุยังจำข้าได้หรือไม่?
ชิงฟ่านทำท่าพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมยิ้มบางๆ ตอบว่า ย่อมจำได้อยู่แล้ว เมื่อสามร้อยปีก่อนข้าเป็นคนปลูกเจ้าที่เป็นต้นท้อน้อยเองกับมือนี่! พูดจบก็ถูกหยิกหน้าแรงๆ ทันทีจนต้องรีบก้าวถอยร้องโวยวายว่า ก็แค่พูดผิดเอง อย่าหยิกแก้มข้าเลยน่านะ?
จังหวะนี้ท่านแม่ของชิงฟ่านได้ออกมาเรียกไปกินข้าว ชิงฟ่านทำท่าจะแนะนำป๋ายหลี ป๋ายหลีรีบบอกว่ามีแต่ชิงฟ่านคนเดียวที่มองเห็นนาง ชิงฟ่านจึงเข้าบ้านไปกินข้าวโดยมีป๋ายหลีตามไปด้วย
กับข้าวบนโต๊ะมีเนื้อติดมันที่ป๋ายหลีรู้ดีว่าชิงฟ่านไม่ชอบกิน ชิงฟ่านจึงแอบทำใจดีถามป๋ายหลีว่าหิวมั้ย แล้วแอบคีบเนื้อติดมันให้ พอป๋ายหลีไม่เอา ก็โยนเนื้อให้แมวของตัวเองที่เดินผ่านมา จึงโดนท่านแม่ดุว่าระหว่างกินข้าวอย่าให้อาหารแมว
หลังกินข้าวเสร็จ ชิงฟ่านไปนั่งดูเงาในน้ำไม่พูดไม่จา เหมือนไม่สนใจที่ป๋ายหลีถามเรื่องมีบุพเพฯต่อกันสามร้อยปี ชิงฟ่านยังจำนางได้หรือเปล่า ป๋ายหลีปาก้อนหินใส่น้ำอย่างไม่พอใจ ชิงฟ่านจึงหันมาพูดประโยคเดิมว่าป๋ายหลีคือต้นท้อที่เขาปลูก พูดยังไม่ทันจบป๋ายหลีชิงตัดบทว่าเจ้าต่างหากคือต้นท้อที่ข้าปลูก จากนั้นคิดว่าไม่รู้ชาตินี้ชิงฟ่านกับชิงเหลียนจะได้เจอกันแบบไหน ชาตินี้ชิงฟ่านไม่ได้ฝึกเป็นเซียน ไม่รู้ว่าจะปกป้องชิงเหลียนได้หรือเปล่า ความจริงชิงเหลียนถูกภูตผีรังควานตั้งแต่เกิดแบบนั้นก็น่าสงสารอยู่หรอก ส่วนตัวป๋ายหลีเองรู้สึกละอายใจว่าตัวเองถูกซือฝุโอ๋มาสองปีจนคิดว่าซือฝุควรจะเป็นของตัว พอซือฝุไปดีกับคนอื่นเลยไม่พอใจซะงั้น นิสัยแบบนี้เหมือนเด็กผู้หญิงหวงของ ไม่ดีเลย
พอคิดได้แบบนี้ก็เริ่มปล่อยวาง ชิงฟ่านรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวป๋ายหลีเปลี่ยนไป จึงเดินมาถามว่าเป็นอะไรไปหรือ? ป๋ายหลีพูดว่า ข้าใช้อำนาจทำให้ดอกท้อบ้านท่านออกดอกตลอดไปแล้ว จึงไม่เหลือพลังจะทำให้มันติดลูกได้อีก ท่านโกรธข้าหรือเปล่า? ชิงฟ่านบอกต้องโกรธแน่อยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันพูดต่อ ป๋ายหลีก็ชิงพูดว่า อย่างนั้นข้าจะมอบพลังให้แก่ท่านเป็นการชดใช้ เพื่อให้ท่านสามารถใช้พลังนี้ปกป้องคนที่ท่านต้องการปกป้องได้ในวันหน้า แล้วถ่ายพลังให้ชิงฟ่านส่วนหนึ่ง ชิงฟ่านที่ได้รับพลังกะทันหันล้มลงหมดสติไปทันที จากนั้นป๋ายหลีก็จากไปโดยไม่ลา
ระหว่างที่หมดสติ ชิงฟ่านฝันเห็นสวนดอกท้อที่มีต้นท้อออกดอกบานสะพรั่ง กลางสวนท้อมีเหลืองหย่อยเล็กๆ อยู่หย่อมหนึ่ง ทั้งที่มองเห็นเงาร่างของหย่อมสีเหลืองนั้นชัดเจน แต่พอตื่นมากลับลืมไปจนหมดสิ้น นึกไม่ออกว่าเงาร่างนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
พอชิงฟ่านตื่นจากหมดสติ ก็รีบวิ่งออกไปที่สวน มองหาตะโกนเรียกเซียนดอกท้อ เรียกเท่าไหร่ป๋ายหลีก็ไม่ออกมา เพราะป๋ายหลีได้จากไปแล้ว ชิงฟ่านยืนใต้ต้นท้ออยู่หนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ ใครก้ลากตัวไม่ขยับ อุ้มตัวไปก็ไม่ได้ สุดท้ายล้มลงไปหมดสติอีกครั้ง ท่านแม่ตกใจรีบเรียกหมอมาอุ้มเข้าบ้านไป ในตอนที่หมดสติรอบสองนี้ หางตาชิงฟ่านได้มีน้ำตาไหลออกมาทั้งหลับ
วันรุ่งขึ้นชิงฟ่านก็หายดีพร้อมกับที่ท่านพ่อและคนบ้าม้าที่เป็นพี่ชายร่วมสาบานของพ่อกลับมา ลุงที่เป็นพี่ชายร่วมสาบานของพ่อชิงฟ่านเล่าว่าได้พบเด็กสาวประหลาด ตอนแรกเดินทางมาด้วยกัน แล้วเด็กสาวบอกติดธุระต้องปลีกตัวจากไปก่อนกะทันหัน ส่วนม้าขาวนี่เด็กสาวนั้นให้ยืมมา ชิงฟ่านฟังลักษณะเด็กสาวแล้วรู้ทันทีว่าต้องเป็นเซียนดอกท้อคนนั้นแน่นอน ก็ให้ลุงพาไปดูม้า จากนั้นทำหน้าใสซื่อบอกว่าในเมื่อม้าไม่ใช่ของลุง แถมดูม้าถูกชะตากับข้ามาก งั้นข้าขอเลี้ยงไว้เอง ไว้วันหลังจะเอาไปคืนเจ้าของแทนให้ ท่านลุงคงไม่ปฏิเสธคำร้องขอนี้ของข้าหรอกนะ?
ท่านลุงเลยจำต้องยกม้าให้ชิงฟ่านอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ม้าเองสัมผัสได้ว่าชิงฟ่านเป็นเซียนมาเกิด จึงเชื่องกับชิงฟ่านมาก เมื่ออยู่ตามลำพัง ชิงฟ่านพูดกับม้าว่า หากนางคือเซียนดอกท้อ เจ้าช่วยพาข้าไปหานางได้ไหม? ตอนที่ป๋ายหลีบอกว่าเขากับนางมีบุพเพฯต่อกันมาสามร้อยปี ชิงฟ่านก็เชื่อสนิททันที เพราะแรกได้พบนาง เขาก็รู้แล้วว่าเขากับนางเคยรู้จักกันมาก่อน เมื่อนานมาแล้ว...
ฉีหลิงออกตามหาตัวป๋ายหลีที่หนีออกมาเดินทางท่องเที่ยวจนเจอแบบงอนมาก ป๋ายหลีจึงต้องง้ออยู่พักหนึ่ง และพาฉีหลิงไปเยี่ยมเซียนจู๋หย่า โดยบังคับเข้าไปในเขตแดนทั้งที่จู๋หย่าไม่ต้อนรับ
จู๋หย่ากล่าวโทษป๋ายหลีว่าทำให้ชิงฟ่านเป็นแบบนั้นแล้วยังถือว่าชิงฟ่านเป็นอาจารย์อยู่อีกหรือ ป๋ายหลีนิ่งอึ้ง แล้วพูดว่าชิงฟ่านคือเซียนดอกท้อถูกลงโทษลงมาเปิดผ่านด่านเคราะห์เจ็ดชาติ การที่นางทำให้ชีวิตเขาจบลงเร็วๆ ไม่เท่ากับช่วยทำให้เขาได้กลับสวรรค์เร็วขึ้นหรอกหรือ? จู๋หย่าฟังแล้วก็ได้แต่อึ้ง
ป๋ายหลีไปขุดเหล้าของจู๋หย่ามาดื่ม มีอยู่ขวดเป็นเหล้าที่เซียนดอกท้อบ่มเองและแบ่งมาให้ ป๋ายหลีดันกินไปกว่าครึ่งขวด จึงหลับไปถึงห้าปีเต็มๆ โดยระหว่างที่หลับนี้ได้ฝันอย่างยาวนาน และมีฉีหลิงคอยเฝ้าดูแลอยู่ตลอด
ความฝันในระหว่างที่หลับไปห้าปีของป๋ายหลีคือ ฝันว่าตัวเองเป็นต้นทานตะวันต้นหนึ่งที่ขึ้นอยู่กลางสวนท้อของเซียนดอกท้อบนสวรรค์ เซียนดอกท้อในความฝันคือชิงฟ่าน ในความฝัน ชิงฟ่านสั่งให้ทานตะวันน้อยอยู่นิ่งๆ เขาจะได้วาดภาพให้ได้ แต่ภาพที่ชิงฟ่านวาดออกมา ทานตะวันน้อยเห็นแล้วหมดแรงมาก วงกลมหนึ่งวงแทนดอก เส้นตรงสองเส้นแทนลำต้น กับหย่อมดำอีกสองหย่อมข้างๆ แทนใบสองใบ แทนที่ชิงฟ่านจะยอมรับว่าตัวเองวาดห่วย ก็กลับแก้ตัวว่า
อย่าทำท่าห่อเหี่ยวอย่างนั้นสิ ไม่รู้ว่าเจ้าลอยขึ้นมาถึงในสวนท้อของข้าได้ยังไง ต้นท้อในสวนนี้สูงใหญ่บังแสงแดดเสียหมด ทำเอาเจ้าได้รับแสงไม่ดีขาดสารอาหาร พอจะย้ายเจ้าออกไปเจ้าก็สั่นใบไม่ยอมไป เลยออกมาเป็นสภาพอย่างนี้ไง แล้วบอกว่าข้ายกรูปนี้ให้เจ้านะ! จากนั้นเอามือขุดดินฝังรูปไว้ตรงหน้าต้นทานตะวัน เสร็จแล้วยิ้มชั่วร้ายแกล้งถูมือเช็ดเศษดินกับใบจนป๋ายหลีจักจี้ไปหมด
พริบตาต่อมาเหมือนเวลาผ่านไปหลายปี ได้ยินเสียงผู้หญิงสาวดังแว่วๆ มาว่า
ทำไมถึงอย่างกับเขาวงกตเลย แต่ป่าดอกท้อนี้สวยจัง เอ๋ ทำไมถึงมีทานตะวันอยู่ตรงนี้ต้นนึงล่ะ? โอ้โห ดอกทานตะวันนี่หันหน้าตามดวงอาทิตย์จริงๆ ด้วย...
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเดิมนี้ถามชิงฟ่านว่าคือใคร บอกว่านางหลงทาง และชวนชิงฟ่านคุยอีกยาวมาก ป๋ายหลีนึกภาพยิ้มลวงโลกของซือฝุออกชัดเจนว่าปั้นหน้ายิ้มคุยนานขนาดนี้ไม่เมื่อยแย่บ้างรึไงนะ หลังจากนั้นภาพก็กระโดดไป ได้ยินเจ้าของเสียงซึ่งตอนนี้เห็นชัดเจนแล้วว่าคือเจ้าหญิงชิงเหลียนพูดกับดอกทานตะวันน้อยว่าทำไมถึงมาขึ้นอยู่กลางป่าท้อล่ะ แบบนี้ได้รับแดดไม่ดีกันพอดี แถมยังทำลายความสวยงามของป่าท้อด้วย ป๋ายหลีนึกด่าในใจว่าเดือดร้อนอะไรเจ้าด้วย แต่ตอนหันไปพูดกับชิงฟ่าน ชิงเหลียนกลับพูดว่าดอกทานตะวันนี้น่ารักจัง และหลงเข้ามาในสวนดอกท้อของชิงฟ่านเหมือนกับนางเลยด้วย ชิงฟ่านพึมพำแบบมีแต่ป๋ายหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินว่าใช่ หลงเข้ามาแล้วดื้อด้านไม่ยอมออกไปเหมือนกันเลย
เวลาผ่านไปอีก คราวนี้ต้นทานตะวันน้อยได้กลายร่างเป็นเด็ก ป๋ายหลีจึงสิงอยู่ในร่างเด็ก ขยับตัวตามใจคิดไม่ได้ ได้แต่ขยับไปตามเจ้าของร่าง จังหวะนี้ก็ได้ยินเสียงชิงฟ่านร้องเรียกหา บอกว่าจะวาดภาพเหมือนให้ ป๋ายหลีได้ฟังก็นึกดูถูกในใจทันที แต่กลับรู้สึกได้ชัดเจนว่าทานตะวันน้อยในร่างเด็กหญิงได้วิ่งไปหาชิงฟ่านอย่างดีอกดีใจ
เสียงเจ้าหญิงชิงเหลียนแทรกขึ้นมาทันทีว่า ชิงฟ่าน ท่านจะวาดภาพเหมือนเหรอ? ช่วยวาดให้ข้าหน่อยได้ไหม...
ชิงฟ่านอึกอักบอกว่าเขาวาดได้ไม่เก่ง ป๋ายเหลียนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ว่าสามารถทำให้ซือฝุยอมรับข้อด้อยของตัวเองออกมาได้นี่ไม่ใช่ง่ายเลย แต่ชิงเหลียนเซ้าซี้จะให้ชิงฟ่านวาดรูปให้ แถมยังทำหน้าเศร้าบีบน้ำตา ชิงฟ่านจึงต้องยอม ชิงเหลียนจึงลอบยิ้มอย่างสมใจ พอชิงฟ่านจับพู่กันจดๆ จ้องๆ จะเริ่มวาด ชิงเหลียนก็ย้ำว่าช่วยวาดนางๆ สวยๆ หน่อยล่ะ ทำเอามือชิงฟ่านกระตุก หันมาส่งสายตาให้ป๋ายหลีที่ยืนอยู่ข้างๆ
ทานตะวันน้อยในร่างเด็กที่ป๋ายหลีสิงอยู่ร้องไห้โฮออกมาทันที ร้องเอาๆ อย่างเสียอกเสียใจมาก ชิงฟ่านรีบปาพู่กันทิ้งมาอุ้มโอ๋พูดปลอบเป็นการใหญ่ทันที หันไปบอกชิงเหลียนว่าขอตัวสักพัก แล้วอุ้มป๋ายหลีเข้าห้องไปนอน นั่งโอ๋ปลอบอยู่พักใหญ่จนทานตะวันน้อยหลับ ก็หยิบหนังสือมานั่งอ่านที่โต๊ะทันทีโดยไม่มีทีท่าจะออกไปวาดรูปให้ชิงเหลียนต่อ ทำเอาป๋ายหลีเหงื่อตกว่าชิงเหลียนยังรอให้วาดรูปอยู่ข้างนอกอยู่เลยไม่ใช่เรอะน่ะ
ความฝันได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้ทานตะวันน้อยตัวสูงขึ้นจนสายตาอยู่ระดับเดียวกับไหล่ของชิงเหลียนแล้ว ชิงเหลียนกำลังพูดอะไรบางอย่างกับทานตะวันน้อย เป็นปากขยับแต่ไม่ได้ยินเสียง มือจับมือทานตะวันน้อยแน่นไม่ยอมปล่อยจนเจ็บ จะลากไปไหนสักอย่าง ทานตะวันน้อยพยายามดิ้นแต่ไม่หลุด สุดท้านเหมือนโดนผลัก ตามด้วยเจ็บไปทั้งตัว ทำให้ป๋ายหลีโกรธมากว่าทำไมชิงเหลียนถึงรังแกเด็กที่อ่อนแอกว่าแบบนี้ นี่ถ้าตัวนางแข็งแกร่งเท่าตอนนี้ละก็ ไม่มีทางยอมถูกรังแกเอาเฉยๆ แบบนั้นแน่ จากนั้นป๋ายหลีจึงตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองกินเหล้าดอกท้อเมาหลับไปถึงห้าปี
ในห้าปีนี้ ลูกชิ้นและครอบครัวหมี่ตัวตัวได้พากันย้ายตามมาอยู่ที่บ้านของเซียนจู๋หย่า ส่วนเซียนจู๋หย่าทิ้งบ้านที่โดนพวกป๋ายหลียึดหนีไปแล้ว ส่วนราชามารพอได้ยินว่าป๋ายหลีนอนหลับ ก็กลับดินแดนมารไปนอนหลับบ้าง
ป๋ายหลีหลับไปห้าปีตื่นขึ้นมา ทีแรกว่าจะออกไปตามหาชิงฟ่าน ดูว่าโตขึ้นมาเป็นยังไงบ้าง แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจไม่อยากไปเป็นกขค.
ข้างชิงฟ่านได้ออกตามหาป๋ายหลีมาตลอดห้าปี หลังจากป๋ายหลีจากไปได้ไม่นาน สงครามก็ปะทุและลามไปทั่วแผ่นดิน คนตายมากมายเกลื่อนกลาดเป็นอาหารอันโอชะของเหล่าภูตผีปิศาจมารร้ายทั้งหลาย ปิศาจมารร้ายจึงเหิมเกริมอาละวาดไปทั่วแผ่นดิน ขณะที่หลังจากสำนักส้าวหัวถูกเล่นงานตายหมดทั้งสำนัก เหล่าผู้ฝึกตนเป็นเซียนก็ลดจำนวนลงมากและไม่เก่งกล้าดังก่อน จึงต้านทานพวกปิศาจไม่ค่อยจะได้
แต่ในจำนวนนี้มีอยู่คนหนึ่งที่ถูกกล่าวขานว่าบุคลิกพลิ้วสง่าดั่งเซียน มักจะสวมชุดขาวขี่ม้าขาวออกท่องตระเวนปราบปรามเหล่าปิศาจไปทั่ว พลังฤทธิ์แก่กล้าลึกล้ำ ไม่ทราบสังกัดอาจารย์ ซึ่งก็คือชิงฟ่านนั่นเอง
หลังจากป๋ายหลีจากไปแล้ว ระหว่างที่ออกเดินทางตามหาป๋ายหลี ชิงฟ่านได้รับปากท่านเจ้าเมืองพ่อแม่ของชิงเหลียนว่าจะคุ้มครองชิงเหลียน เขาจึงสร้างกระท่อมอยู่ในเขตปลอดภัย ลงอาคมป้องกันรอบๆ อย่างแน่นหนาให้ชิงเหลียนอยู่ ส่วนตัวเองออกไปตามหาป๋ายหลีครั้งละนานๆ
ครั้งล่าสุดที่กลับมา ก็พบว่าปิศาจที่เก่งมากพยายามจะทำลายเขตแดนเข้าไปทำร้ายชิงเหลียนพอดี ชิงฟ่านทุ่มกำลังปราบปิศาจลงได้ แต่ตัวเองก็บาดเจ็บไม่น้อย เพียงแต่พยายามปิดบังกลบเกลื่อนไม่ให้ชิงเหลียนรู้ และถึงจะอ่อนโยน เขาก็รักษาระยะห่างกับชิงเหลียนตลอด ไม่ให้เข้ามาแตะเนื้อต้องตัว ชิงเหลียนขอให้ชิงฟ่านอย่าออกไปไหนอีก ขอให้อยู่กับนางตลอด เพราะนางกลัว ชิงฟ่านนิ่งไป แล้วบอกว่าไม่ได้หรอก เพราะเขาต้องตามหาคนคนหนึ่ง เขาหยุดออกไปตามหาไม่ได้จนกว่าจะพบ แต่ตอนนี้บ้านหลังนี้และเขตแดนนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว เขาจะหาที่ปลูกบ้านแห่งใหม่ที่ปลอดภัยกว่าเดิม
หลังจากนั้นไม่นาน ป๋ายหลีก็รู้สึกได้ว่าพลังที่ถ่ายให้ชิงฟ่านไปหวนกลับมาเข้าตัว ซึ่งแปลว่าชิงฟ่านได้ตายไปแล้ว ป๋ายหลีทนนิ่งอยู่ไม่ไหว จึงตามไปดู ก็พบชิงเหลียนนั่งกอดร่างที่ไร้วิญญาณของชิงฟ่านอยู่ริมหน้าผา รำพันว่าชิงฟ่านทุ่มเทสร้างบ้านและเขตแดนที่ปลอดภัยให้นางอยู่จนตัวเองต้องหมดแรงตายไปแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อชิงฟ่านตายแล้ว นางเองก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีก จึงกระโดดลงเหวไปพร้อมกับร่างของชิงฟ่าน
ในสายตาของป๋ายหลี นี่เป็นคู่รักที่รักกันมาก ฝ่ายชายยอมทุ่มทั้งชีวิตเพื่อให้ฝ่ายหญิงปลอดภัย แต่ในความเป็นจริง ชิงฟ่านในชาตินี้ปักใจแต่กับป๋ายหลี ไม่เคยมีใจให้ชิงเหลียนเลย ที่ปกป้องชิงเหลียนแค่เพราะรับปากพ่อแม่ชิงเหลียนไว้ เลยทำตามคำพูดเท่านั้น
เป็นอันว่าชาติที่สองนี้ ชิงฟ่านตายไปทั้งที่อายุได้แค่ 16-17 ปี และชาติถัดๆ มาอีกห้าชาติ ก็ตายโดยที่อายุไม่ถึง 20 ปีทั้งหมด ดังนั้นแค่เก้าสิบปีต่อมา จู๋หย่าจึงรีบร้อนมาบอกข่าวต่อป๋ายหลีว่า เซียนดอกท้อผ่านด่านรักครบเจ็ดชาติและกลับคืนประจำตำแหน่งแล้ว ป๋ายหลีจึงตามจู๋หย่าขึ้นไปหาชิงฟ่านโดยมีฉีหลิงกับลูกชิ้นตามขึ้นไปด้วย เนื่องจากชิงฟ่าน ชิงเหลียน และเหลียนจิ้วเข้าเฝ้าเง็กเซียนด้วยกัน พวกป๋ายหลีจึงไปรอที่หน้าตำหนักเง็กเซียน
เจ้าหญิงชิงเหลียนกับเหลียนจิ้วออกมาก่อน เนื่องจากหัวใจของป๋ายหลีคือเลือดจากหัวใจของชิงเหลียน ชิงเหลียนจึงรู้สึกถึงป๋ายหลีได้ และขอตัววิ่งมาหาป๋ายหลี พูดบอกแบบหน้าตาเฉยว่า เอาของของข้าคืนมาให้ข้าด้วย ป๋ายหลีรู้ดีว่าหมายถึงหัวใจ และหัวใจของป๋ายหลีที่เกิดขึ้นจากเลือดของชิงเหลียนมีแต่จะพยายามทำให้ป๋ายหลีเอนเอียงไปทางส่งเสริมชิงเหลียนกับชิงฟ่านและตัดใจจากชิงฟ่าน ทำให้ป๋ายหลีไม่พอใจมันอยู่นานแล้ว จึงพูดอย่างไม่แยแสว่าจะเอาไปคืนให้ถึงที่แน่ ชิงเหลียนก็จากไปอย่างพอใจ
หลังจากชิงเหลียนกับเหลียนจิ้วไปแล้วนานพอสมควร ชิงฟ่านก็ออกมา จู๋หย่าช่วยตะโกนเรียกให้ ชิงฟ่านถึงหันมาเห็น และเดินตรงเข้ามาหา ตอนแรกชิงฟ่านแกล้งถามป๋ายหลี กูเหนี่ยงท่านนี้ ไยจึงมองข้าอย่างลึกซึ้งเช่นนี้เล่า?
ป๋ายหลีฟังแล้ววูบในใจทันทีว่าชิงฟ่านจำนางไม่ได้ จึงฝืนใจพูดว่าแค่เห็นว่าชิงฟ่านหน้าคล้ายคนรู้จักเก่าก่อน เพียงแต่นางเข้าใจผิดไปเอง แล้วหันหลังกลับทำท่าจะเดินหนีไป ชิงฟ่านกลับพูดเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า ตอนที่เขาผ่านด่านครบแล้ว เขายังตระเวนอยู่ที่โลกมนุษย์อยู่พักหนึ่ง คิดว่าจะซื้ออะไรมาเป็นของฝากให้ดี แต่ไม่มีเงิน จะเสกเงินมาใช้ก็ไม่ดี สุดท้ายจึงจำนำพิณนั่นไปเพื่อเอาเงินมาซื้อของฝาก ก็เสียดายมากเหมือนกัน แต่ก็ช่วยไม่ได้
จู๋หย่าถามอย่างอยากรู้ว่าแล้วซื้อของฝากอะไรกลับมาเรอะ? ป๋ายหลีเองก็นึกอยากรู้เหมือนกัน เท้าจึงหยุดเดิน จังหวะนี้ได้ถูกจิ้มใส่ไหล่ไปสองที จึงหันกลับไปดู ปรากฏว่าชิงฟ่านยื่นปิงถางหูหลูให้หนึ่งไม้พร้อมกับยิ้มให้ ป๋ายหลีตกตะลึง แล้วตีหน้าเคร่งถามว่า ท่านเซียนดอกท้อ มีเรื่องใดหรือ?
ชิงฟ่านฟังแล้วขมวดคิ้ว หดปิงถางหูหลุกลับเข้าไปในแขนเสื้อบ่นพึมพำกับตัวเองว่า ผ่านมาตั้งร้อยกว่าปี ยายหนูน้อยควรจะโตไปนานแล้ว ถางหูหลีไม้นี้แลกมาได้น่าเสียดายแท้ๆ!
ป๋ายหลีฟังแล้วที่เสียใจเมื่อกี้หายวับไปกับตาทันที ชิงฟ่านกวักมือเรียกว่า มานี่สิ! เห้นป๋ายหลียังยืนทื่ออยู่เหมือนเดิม ก็ยืนมือไปดึงป๋ายหลีเข้ามาใกล้เองเสียเลย พูดว่า ไหนๆ ก็แลกไปแล้ว เจ้าก็เอาไปเถอะ จะได้ไม่เสียทีต่อเจตนาดีของซือฝุ!
ป๋ายหลีถามเสียงแหบพร่าว่า ซือฝุ ท่านจำข้าได้หรือ?
ชิงฟ่านพยักหน้า ต้องจำได้อยู่แล้ว สงสัยถึงจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด ก็ต้องจำเจ้า ยายหนูโชคร้ายคนนี้ได้อยู่ดี
ถ้าท่านจำได้ชัดๆ งั้นแล้วทำไมเมื่อกี้...
ชิงฟ่านยิ้มเจ้าเล่ห์ชวนอัดออกมาทันที พูดว่า เมื่อกี้น่ะเป็นการลงโทษที่เจ้าทำตัวไม่เคารพซือฝุน่ะสิ! (หยิกแก้มชิงฟ่านชาติที่สองตอนสิบเอ็ดขวบซะหน้าบวม)
จังหวะนี้ ลูกชิ้นได้พูดขึ้นมาว่า เหนียงชิน ข้าอยากกินปิงถางหูหลุ! แล้วยื่นมือมาจะแย่งไป แต่ป๋ายหลีไม่ให้ จึงหันไปฟ้องฉีหลิงว่า เตียเตีย เหนียงชินไม่ยอมให้ข้า!
ชิงฟ่านได้ยินแล้วรอยยิ้มแข็งค้างหน้าเผือดสีทันที พอดีกับเซียนสาวแฟนคลับมาบอกว่าเตรียมน้ำไว้ให้อาบแล้ว จะนำทางไป ชิงฟ่านเลยบอกให้พวกป๋ายหลีไปรอเขาที่สวนดอกท้อวิมานของเขาก่อน แล้วขอตัวแล้วรีบจากไปแบบรีบร้อน
Create Date : 17 มิถุนายน 2554 |
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 18:38:42 น. |
|
10 comments
|
Counter : 711 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ซาลาสซา IP: 58.8.142.214 วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:19:42:08 น. |
|
|
|
โดย: Lucresia IP: unknown, 58.8.59.51 วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:20:43:08 น. |
|
|
|
โดย: กันติมา IP: 118.174.85.175 วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:20:48:46 น. |
|
|
|
โดย: คนอ่าน IP: 1.47.119.28 วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:21:05:04 น. |
|
|
|
โดย: รอม่านม่าน IP: 223.206.124.16 วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:21:17:51 น. |
|
|
|
โดย: พัชนี IP: 223.207.1.225 วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:21:31:49 น. |
|
|
|
โดย: แอม IP: 61.19.66.87 วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:22:18:13 น. |
|
|
|
โดย: calo IP: 124.121.62.180 วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:22:45:19 น. |
|
|
|
โดย: Matsakorn IP: 111.84.111.149 วันที่: 17 มิถุนายน 2554 เวลา:23:09:39 น. |
|
|
|
โดย: Big fan IP: 110.168.68.161 วันที่: 18 มิถุนายน 2554 เวลา:1:39:28 น. |
|
|
|
| |
|
|