|
ดาบนั้นเมื่อไรจะคืนสนอง?
กรรมใดใครก่อ?
ทุกวันนี้เราเชื่อเรื่อง กฎแห่งกรรมกันสักแค่ไหนกัน กรรม คือผลของการกระทำ ฉันเชื่อนะ และคิดว่าหลายคนเชื่อเหมือนกัน เชื่อด้วยว่า ดาบนั้นคืนสนองแน่ ขึ้นอยู่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ไม่รู้ทำไม นึกถึงเรื่องนี้ เมื่ออ่านข่าวเรื่องในเว็บข่าวประชาชาติธุรกิจ //www.prachachat.net
ไปตามอ่านเรื่องนี้อย่างละเอียดอีกทีใน "มติชนออนไลน์" //www.matichon.co.th
เรื่องนี้เงียบหายไปนานและจะไม่เป็นประเด็นขึ้นมาอีกเลย ถ้า คำพิพากษาของศาลฏีกา ยกฟ้องคดีที่นายโภคิน พลกุล อดีตรมต.สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายเทพเทือก-สุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์
โภคินฟ้องเทพเทือกเรื่องอะไร?? ทำไมศาลถึงยกฟ้อง???
ฉันคงไม่สนใจเลย ถ้าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท เมื่อ 11 ปีที่แล้ว (2ก.ค.2540 รัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)
ไม่กี่วันก่อน กลับไปรื้อพ็อกเก็ตบุ๊กที่เขียนเล่มแรก เมื่อหลายปีก่อน
เป็นเรื่องของคุณบุญชัย เบญจรงคกุล อดีตเจ้าของดีแทค (3 ปีก่อนเบญจรงกุลตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดของตนเองให้เทเลนอร์ ก่อนหน้ากลุ่มชินคอร์ปไม่กี่เดือน)
พ็อกเก็ตบุ๊กเล่มนั้นชื่อ "ด้วยบุญดั่งนี้จึงมีชัย"
ยังจำบรรทัดแรกๆ ของบทแรกได้ดี
"คุณบุญชัยครับ รัฐบาลประกาศลดค่าเงินบาทแล้ว" ผมจำได้ว่าเมื่อเสียงจากปลายสายเงียบลง
ผมทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนนิ่ง
..."วันนั้น ผมยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เหม่อมองไปยังถนนเบื้องหน้า มองฟ้า มองนก มองไปไกล ใครมาเห็นผมตอนนี้ ถ้าไม่รู้จักผมดีพอ คงคิดว่าผมจะกระโดดตึก"
....การลอยตัวของค่าเงินบาท เกี่ยวอะไรกับการฆ่าตัวตาย ด้วยการ "กระโดดตึก"
...เพราะการลอยตัวค่าเงินทำให้บริษัทใหญ่น้อยของไทยที่กู้เงินต่างประเทศมาลงทุน จากเป็นหนี้ธรรมดาๆ กลายเป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัว
ไม่ล้นพ้นตัวได้อย่างไรกัน ก็ค่าเงินกระโดดจาก 25 บาทต่อดอลล่าร์ เป็น 50 กว่าบาท
ยูคอมและแทคของคุณบุญชัย จากเป็นหนี้ 3-4 หมื่นล.กระโดดเป็น 7 หมื่นกว่าล้าน
กลุ่มทีเอ หรือทรูวันนี้ก็หนักหนาเช่นกัน หนี้กระโดดพรวดไปเป็น 9 หมื่นกว่าล้าน
แทค หรือดีแทควันนี้ต้องยอมขายหุ้นให้"เทเลนอร์"ก็เพราะเหตุนี้
การลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อ 11 ปีก่อน เป็นมรสุมร้ายระดับสึนามิ หรือไม่ก็น้องๆ สึนามิสำหรับบริษัทน้อยใหญ่ในบ้านเราขณะนั้น
ค่ายสื่อสารในบ้านเรา โดนกันถ้วนหน้า เพราะกู้เงินต่างชาติมาลงทุนทั้งนั้น
มีรายเดียวที่รอดมากได้ คือกลุ่มชินวัตร หรือชินคอร์ปทุกวันนี้
"เพราะการบริหารจัดการทางการเงินอย่างคอนเซอร์เวทีฟของเรา ทำให้รอดมาได้" ผู้บริหารกลุ่มชินมักเอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วยความภูมิใจ เมื่อมีใครถามถึงวิกฤตค่าเงินบาทในสมัยโน้น
....ฉันได้แต่คิดว่า..."ช่างโชคดีจริงๆ"
จนมาอ่านคำพิพากษาศาลฏีกา....
"กรรมใดใครก่อ"
...หลายปีก่อน พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์หลายครั้งยืนยันว่า คนที่รู้เรื่องการลดค่าเงินมีแค่ 3 คน ตัวเขา ผู้ว่าแบงก์ชาติและรมต.คลังในขณะนั้น
แต่จากคำพิพากษาฉบับนี้ ซึ่งนายโภคินฟ้องสุเทพ เพราะสุเทพอภิปรายกล่าวหาว่านายโภคินรู้เรื่องนี้ เพราะอยู่ในห้องประชุมในการหารือเรื่องลดค่าบาทด้วย
ศาลยกฟ้อง เพราะสืบข้อมูลเป็นที่ยอมรับได้ว่า นายโภคินอยู่ในห้องประชุมด้วยจริง
ศาลฏีกาจึง ยกฟ้องคดีที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเทพเทือก
ถ้าผู้ที่อยู่ในห้องประชุมในวันที่รัฐบาลตัดสินใจลดค่าเงินบาท ไม่ใช่แค่ 3 คน ตามที่บิ๊กจิ๋วยืนยัน
ถ้านายโภคิน เป็นบุคคลที่4
จะมีมากกว่า 4 หรือไม่ และใครกันบ้างที่รู้เรื่องนี้ รู้ก่อนที่รัฐบาลจะประกาศลอยตัวค่าเงินบาท
และเมื่ออ่านต่อไป
อึ้งมากๆ จะไม่ให้อึ้งได้อย่างไรกัน
ไม่เชื่อ ลองอ่านดูดิ
สำนักข่าวอิศรารายงานถึงกรณีที่ศาลฎียกยกฟ้องคดีที่นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก นายสุเทพ เทือสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กับหนังสือพิมพ์อีก 8 ฉบับเป็นเงินกว่า 2,500 ล้านบาท
กรณีที่นายสุเทพอภิปรายในญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เมื่อวันที่ 26 กันายน 2540 โจมตีเรื่องการลดค่าเงินบาทว่า สงสัยนายโภคินจะนำความลับเรื่องการลดค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ของรัฐบาลไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ทำให้บริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณได้ประโยชน์จากการลดค่าเงินว่า จากการตรวจสอบรายงานการประชุมสภาครั้งดังกล่าวพบข้อมูลที่น่าสนคือ
พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขณะนั้นเป็นรองนายกรัฐมนตรีได้ลุกขึ้นตอบนายสุเทพซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณยอมรับว่ารู้เรื่องการประชุมเรื่องการลดค่าเงินบาทที่ทำเนียบรัฐบาลเพราะมีคนแจ้งไป ดังรายละเอียดต่อไปนี้
"เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม ( 2540 ) กลางคืนวันนั้น บังเอิญผมทานข้าวกับผู้ใหญ่ที่ผมนับถือร่วมกับนักหนังสือพิมพ์อาวุโสคนหนึ่ง ประมาณ 4 ทุ่ม มีคนโทรมาบอกผมว่า ได้มีการพบปะกันอย่างซีเรียสมากที่ทำเนียบ มีคน 4 คนคือ นายกฯ ( พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ), นายเริงชัย มะระกานนท์ ( ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยขณะนั้น ), นายทนง พิทยะ และ นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ( รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ) เพราะผมรู้ว่า นายชัยวัฒน์ เป็นผู้จัดการกองทุนรักษาระดับ
ผมเลยเดาแล้วยังบอกกับผู้ใหญ่คนนั้นกับนัก นสพ. อาวุโส ว่า สงสัยจะมีการลดค่าเงินบาทแน่ เพราะถ้ามีผู้จัดการทุนรักษาระดับเข้าไปร่วมด้วยในการพิจารณาซีเรียสอย่างนั้น ผมเดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือคือ พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ ครับ ผมอยู่กับท่านวันที่ 1 กรกฏาคม ตอน 4 ทุ่ม"
รายงานการประชุมสภาผู้แทนฯชุดที่ 20 ปีที่ 1 ครั้งที่ 25-26 ( สมัยสามัญครั้งที่ 2 เล่ม 21 พ.ศ. 2540 ) หน้า 179 -181--
กรรมใดใครก่อ....
ดาบนั้นคืนสนอง
หรือว่า ได้คืนสนองไปบ้างแล้วกันนะ
...แนะนำให้อ่านฉบับเต็มๆ ได้ที่
//www.matichon.co.th/news_scoop.php?id=159
Create Date : 08 เมษายน 2551 | | |
Last Update : 9 เมษายน 2551 18:40:07 น. |
Counter : 507 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|