|
วจนภาษากับการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม
ธรรมจักร พรหมพ้วย
ภาษาของมนุษย์เป็นสัญชาตญาณหรือพฤติกรรมที่ใช้ระบบสัญญะเพื่อแทนค่าสิ่งต่างๆ ที่ตาเห็นให้สามารถเข้าใจซึ่งกันและกัน กลายเป็นภาษาพูด แล้วจึงพัฒนาต่อมาเป็นภาษาเขียน ซึ่งการกำหนดความหมายให้กับสัญญะ (Sign) ต่างๆ นั้น บางสิ่งก็สัญญะตามธรรมชาติ เรียกว่า สัญญาณ (Signal) ซึ่งต่อมา Cronkhite ใช้คำว่า Symtom แทนสัญญะตามธรรมชาตินี้ ส่วนสัญญะที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดความหมายและขนานนามให้เป็นที่ยอมรับในวัฒนธรรมของตนโดยเฉพาะ เรียกว่า สัญลักษณ์ (Symbol) ดังนั้นความสามารถในการเข้าใจหมายรู้ในวจนภาษาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัฒนธรรมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะต้องศึกษาถึงการให้ความหมายสิ่งเดียวกันด้วยถ้อยคำที่แตกต่างกัน บางครั้งก็อาจก่อให้เกิดปัญหาในระดับการสื่อสารระหว่างบุคคล จนถึงระดับองค์กรและประเทศชาติ ซึ่งจะยังให้เกิดความเสียหายอันใหญ่หลวงหากปัญหาความไม่เข้าใจในวจนภาษาของกันและกันแล้ว ดังจะขอยกตัวอย่างการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural Communication) ที่ใกล้ตัวเรามากคือ ในกรณีของการใช้ภาษาถิ่น ซึ่งมิใช้ภาษาไทยกลาง ที่เรียกว่าได้ว่าเป็นปัญหาในการแย่งชิงพื้นที่ทางความคิด เพราะด้วยกำหนดให้ภาษาไทยกลางเป็นภาษาทางการที่ทุกคนต้องเรียนรู้ และพูดให้ได้ แม้ว่าจะอยู่ในภูมิภาคใด ชุมชนใดของประเทศ คนกรุงเทพอาจคุ้นเคยหรือรู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่ผิดปกติ เพราะใช้ภาษาเหล่านี้เป็นกิจวัตรไปแล้ว แต่สำหรับคนในพื้นถิ่นที่มีลักษณะเป็นชุมชนวัฒนธรรมชายขอบ เช่น ในภาคเหนือก็มีการ อู้กำเมือง ภาคอิสานก็ เว้าลาว ภาคใต้ก็ แหล่งใต้ หรือพูดภาษามลายู จากตัวอย่างเหล่านี้พอที่จะอนุมานได้ว่าการบังคับให้เลือกใช้ภาษาใดภาษาหนึ่งให้เป็นภาษาทางการที่มีบังคับเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับนั้น เป็นสัญญะทางการเมือง เพื่อที่จะปลูกจิตสำนึกให้คนที่อาศัยในผืนดินแห่งนี้เรียกตนเองว่า คนไท แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับชาวชายขอบที่พูดภาษาถิ่นมาแต่กำเนิด โดยที่เขาเองก็ไม่สนใจหรอกว่าทางการจะบังคับให้เขาต้องพูด หรือเขียนอ่านภาษาไทยกลางได้ เพราะภาษาถิ่นเหล่านั้นเป็นสายเลือดและจิตวิญญาณแสดงความเป็นตัวตนของพวกเขา การนำเสนอภาพคน เว้าลาว ในละครโทรทัศน์ ในเพลงของศิลปินระดับซุปเตอร์ จึงเป็นเพียงการสร้างจุดขายหรือเป็นการตอกย้ำความด้อยค่า น่าขบขันของวัฒนธรรมเหล่านี้ ทำให้เกิดการสร้างค่านิยมว่าคนที่พูดภาษาไทยกลางเท่านั้นจึงจะเป็นผู้เจริญ คนพูดภาษาถิ่นเป็นพวกด้อยการศึกษา เป็นประชากรชั้นสองของสังคม หนำซ้ำนักการเมืองที่จะต้องทำหน้าที่เป็นผู้บริหารประเทศ ก็ยังใช้ภาษาถิ่นเป็นเครื่องมือทำมาหากินเมื่อหาเสียงเลือกตั้ง แต่เมื่อได้เป็นผู้แทนกลับเหยียดหยามคนพูดภาษาถิ่นเดียวกันแท้ๆ นี่คือช่องว่างระหว่างภาษาที่สะท้อนปัญหาค่านิยมของคนไทย 8 กรกฎาคม 2546
Create Date : 24 พฤษภาคม 2550 |
Last Update : 24 พฤษภาคม 2550 3:28:15 น. |
|
2 comments
|
Counter : 5607 Pageviews. |
|
|
|
โดย: มงคล IP: 61.19.65.93 วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:23:07:22 น. |
|
|
|
โดย: คนวิจารณ์คน IP: 203.172.240.93 วันที่: 22 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:33:15 น. |
|
|
|
| |
|
|