ลองผิดลองถูกเข้าไปชีวิต มีครั้งเดียว ถ้ารอจะให้มันได้แต่ถูก ชีวิตมันก้อจะไม่ได้ทำไรเลย

และแล้วก้อเดินทางมาถึงประเทศญี่ปุ่น ทั้งสนุกและปวดหัว ภาคจบ

อ่ะ มาต่อกันนี่เป็นภาคจบละนะ มีภาคแรกด้วยไปอ่านได้นะครับ แต่ภาคนี้ยาวมาก จิงๆน่าจะทำเป็นไตรภาคซะเลย เอ่าเข้าเรื่องละ

อ่อ ลืมบอกว่าวันที่นั่งเขียนบลอคให้อ่าน นี่วันที่สามที่มาอยู่ละนะ เพราะคน ถามเรื่องที่เหมือนกัน บอกสิบคนก้อเหมือนเดิมเลย มาพิมไว้ให้อ่านกัน

เริ่มจากขึ้นเครื่อง เจ๋งมากครับ โดน ไฟนอลคอล แต่ก้อยังเก๋า เพราะตำรวจคุม แถมยังไปเยี่ยวกันอีกหลายคน ก่อนตรวจสัมภาระ ขึ้นเครื่อง ไม่ได้เกรงกลัวเลย
มาเที่ยวนี้ดูหรูดี เพราะมีเชื้อพระวงศ์ หนึ่งพระองค์ เสด็จ ในเครื่องบินเที่ยวเดียวกันนี้ แต่ไม่ได้เห็น นักบินก้อคงต้องขับสุดฝีมือ(แต่ก้อลงไม่นิ่มอยู่ดี)
ออกเที่ยงคืน ถึงสนามบิน คันไซ ที่โอซาก้า เจ็ดโมงครึ่ง เพราะบวกเวลาญี่ปุ่นไปอีกสองชั่วโมง สรุปนั่งเครื่องห้า ชม. ไอ่เราก้อยังไม่ง่วงปกตินอน ดึก พยายามนั่งฟังเพลงเพื่อชีวิตจะได้ง่วง แต่ดันร้องตามซะนี่ ไม่ได้นอนซะที จนคนอื่นหลับกรนหมดละ แต่ก้อยังไม่นอน เพราะที่นั่งมันนอนไม่สบาย เปลี่ยนท่าไปมา ทำไปทำมา จะหลับได้แล้ว แอร์โฮสเตส ก้อมาเสริฟอาหารพดี สรุปไม่ได้นอน แต่ก้อช่างมัน แล้วก้อลงจากเครื่องบิน อากาศที่นี่สิบองศา ต้นๆครับหนาวเลยล่ะ ต่างกะไทยลิบ ร้อนโคตร ส่วนที่นี่ตอนกลางคืนพูดมาเป็นควันเลยไม่รู้กี่องศา(อ่อ ลืม พวกที่มากะขบวนตำรวจที่ผมมาเส้นใหญ่มาก ขนกระเป๋ามาได้ ใบใหญ่คนละสองใบ ราวๆ สี่สิบโล แต่มันหนักหนังสือเรียนนี่หว่า ไม่มีหนังสือก้อใบเดียวอยู่) แล้ว ตรวจคน ไรมาเรียบร้อย ก้อมีรถที่ โรงเรียน จ้างมารับ นักเรียนไปส่งที่หอในเกียวโตมารับ(แต่แม่งเก็บตัง สามพัน เยน ต่อคน) คนที่มาพร้อมผม ทั้งหมด เค้าอยู่หอทางเดียวกัน เลยได้นั่งรถไปด้วยกัน ทิ้งให้ผมนั่งไปไนไม่รู้คนเดียว แต่โชคดีที่ยังมีคนไทยอีกคนมาทีหลังไปคันเดียวกัน แต่ก้อคนละหอไกลกันมาก พร้อมคน มาเล สอง กะจีน อีกหนึ่ง โดยไปส่งคนไทยคนนั้นก่อน ที่ รร แล้วมีอาจานมารับ แล้วก้อไปส่งผมที่ไหนไม่รู้ แต่คือที่ผมต้องพักน่ะแหละ แต่ก่อนถึงที่พักคนขับก้อหลงในซอยเพราะมันซอกแซกเยอะ ผมก้อนึกในใจ ขนาดมันคนญี่ปุ่นยังหลง แล้วกูจะรอดเรอะว่า แต่เค้าก้อบริการดี ครับ แก่แล้วแต่ต้องมายกกระเป๋าหนักๆของพวกผมที่นั่งรถ จอม(บ้า)พลังอย่างผมจึงจำเป็นต้องช่วยเค้า นี่รูปห้องพักในตอนแรก






ผมเลยนึกละ ว่าแล้วกูจะไปไหนยังไงละทีนี้ อยู่คนเดียวด้วย ติดต่อใครที่ไหนไม่ได้เลยแล้วจากนี้กูจะทำไงละเนี่ย ไม่รู้ห่าอะไรเลย เดชะ บุญ คนอินโด ห้องตรงข้าม มาชวนคุย มีคนนึงมาเรียน ส่วนพี่สาวเค้าซึ่งรู้ภาษาญี่ปุ่นมาส่งเด๋วไม่กี่วันกลับ มาชวนคุยว่าไป รร กันไหม ตอนแรกผมเก็บของอยู่กะจะไม่ไปละ แต่ยังเอิ๊น อยากผูกมิตรไว้ก่อน เลยบอกว่าไปก้อได้อ่ะ(คุยอังกิด ปนญี่ปุ่น) แล้วก้อเดินทางไป รร ไปรถเมล์กัน ครั้งแรกที่ต้องพยายามหาทางรู้ว่า กฎเกณฑ์ ใช้รถเมล์เค้าทำไง(เคยมาเที่ยวกะพ่ชายแต่ตอนนั้นก้อไม่สนใจ เค้าทำไรก้อทำตาม ก้อจบ)พอดี อาจานพักเที่ยง เลยไปกินข้าวกันก่อน แล้วกลับไป รร อีกรอบ โชคดีจิงๆเลย เจอ คนไทยที่มาด้วยกัน แต่โชคร้ายที่เค้าไปทำใบต่างด้าว และประกันสุขภาพ แต่ผมไม่รู้ พกมาแต่ พาสปอร์ต ไม่เอารูปถ่ายมา สรุปผมเป็นคนไทยคนเดียว ที่ทำใบต่างด้าวทีหลัง เซง
แล้วจากนั้นผมก้อรอ คนอินโด เพราะเค้าทำทีหลัง และเรากลับทางเดียวกัน จึงให้เพื่อนไทยไปกันเลย เพราะเค้าจะไปซื้อของ โดย คนที่มาเรียนอยู่ก่อน (เค้าเป็นคนพาไป รวมทั้งที่มาทำใบต่างด้าวด้วย) พอรอเส็ดปั๊ป เค้าก้อพาเดินกลับ คนละทางกะที่มา สรุปวันนี้จำทางไรไม่ได้เลย แต่ก้อได้เห็น ซากุระเป็นทิวแถวตามถนน




บังเอินว่าที่เกียวโต มีเลือกตั้ง พอดี มีป้ายหาเสียง แล้วก้อ รถหาเสียงซึ่ง สส มันจะนั่งรถมาโบกมือ(ในรูป) แล้วก้อมีโฆษก สาวเสียงใสพูดออกเครื่องขยายเสียงบนรถ ทั้งวัน ไม่หยุด ผมคิดว่าหากเป็นเมืองไทยละก้อ คนคงรำคาญ เพราะรถมันไม่เขยื้อน คงจอดพูดอยู่กะที่ รึไม่ก้อไม่ต้องขับรถไปยืนอยู่กะที่พูดก้อเหมือนกัน
ลองสังเกต ดูตรงแถวที่มีเบอร์สิบเจ็ด คนที่สองที่ดูแก่ๆ มันใส่ชุดญี่ปุ่น ดูละเป็น พวกยากุซ่า แหงเลย

แล้วหลังจากนั้นเราก้อไปร้านร้อยเยนในห้างกันต่อ เพื่อซื้อของใช้ กะอาหารเย็น แล้วก้อกลับกัน ปวดขามากเดินทั้งวัน แล้วก้อกลับมาแล้วเจอคนไต้หวันเพิ่งมาสองคน ผมเลยอยากซ้อมภาษา จีนที่ไม่ใช้มานานมาก สรุปคุยกะเค้าที สี่ภาษา ทั้ง จีน อังกิด ญี่ปุ่น แน้นหนักไปที่ภาษามือ ทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ(แต่ผมไม่เข้าใจ พยักหน้าหลอกไปงั้น) แล้วมาที่ห้องต้องมาจัดห้องต่อ ที่จิงจัดเส็ดไปแล้ว แต่เพราะจะยกเตียงให้สูงขึ้น ใต้เตียงจะใต้มีที่วางของ เลยคว่ำเตียงมันซะ (นึกสภาพ ต้องคว่ำเตียงแล้วหมุนในแนวราบอีก หนึ่งรอบ ให้มันถูกด้าน ในขณะที่ห้องแสนเล็กและมีของวางตรึม เล่นเอาเหนื่อยเลย)สุดท้ายพอนอน ตรงฐานมันโค้ง เวลาปีนขึ้นมันทำท่าจะล้ม แต่เหนื่อยแล้วเลยไว้ทำวันรุ่งขึ้น โดยการกลับเตียงมาเหมือนเดิม แต่ให้เจ้าของบ้านเอา สกรู มาขันน็อต ออกแล้วไปต่อด้านบนแทน (ทีแรกเจ้าของบ้านผู้หญิงออกให้ใช้แรงดึงออก เราก้อบ้าจี้ทำอีก คิดว่าแรงเยอะเพราะไปฟิตเนส มา กำ) และแล้ววันที่สองผมจะออกไปหาเพื่อนโดยหวังจะไปถึงที่พักเพื่อนเก้าโมงเช้า ตื่นมาอาบน้ำครับ หนาวโคตร ไม่ใช่หนาวตอนอาบ แต่หนาวพื้นห้องน้ำที่เปียก กะตอนแก้ผ้าอาบนี่ละครับ เกือบตาย เพราะห้องเปลี่ยนเสื้อมันไม่มีฮีทเตอร์ซะนี่ ตอบอาบเส็ดมาใส่เสื้อนี่สุดตีนจิงๆ หนาวสุดๆ พอเส็ดแล้วก้อเดินทางไปหาเพื่อนคนไทยด้วยรถเมล์อีกแต่คราวนี้ไปเอง เพื่อผมจะไปทำใบต่างด้าว ส่วนพวกเค้าต้องไปรับใบประกันสุขภาพ หลงทางตรงที่ใกล้ๆหอเค้าแหละ เพราะถามทางคน แล้วกางแผนที่ด้วย คนแถวนั้นไม่ได้รู้จักบางคนก้อชี้ผิด จนมีคนรู้จักบอกทาง(อ่อบ้านที่นี่เหมือนในเกม เชนมู เลย เล่นเกมละคงจะอิน) สุดท้ายก้อไปถึง สรุปครับเห็นว่าไปรับใบ สิบโมง ผมถึงเก้าโมงกว่า สรุปผมไปเคาะห้องปลุกเค้ากัน ฮ่าๆๆๆ (กำ ทำตัวเหมือนกูเลย เวลาอยู่เมืองไทยก้อทำแบบนี้ หากมีคนจะมาหา) ผมเลยเฉยๆ ไปช้าก้อไม่เป็นไร นั่งคุยทำความคุ้นเคยกันก่อนก้อด้าย แต่คนที่จะพาไปรับใบ (คนเดียวกะเมื่อวาน กัวเค้าจะเซงเอามากกว่า เพราะเค้ามาถึงก้อยังไม่พร้อมไป เค้าเลยไปทำธุระแล้วรีบบึ่งมารับไปทำ(ใจดีจัง) ผมเลยโชคดีได้เดินทางไปด้วยกันกะทุกคน) โดยไปกินข้าว ที่ ม.เคียวได(ม.ดัง) แล้วไปที่ทำใบต่างด้าว คนอื่นไปละทำเรื่องตัวเองได้เลย ส่วนผมต้องรอพนักงานที่ไปพักกลางวันกันก่อน (กำ)
ผมไม่อยากให้รอผมคนเดียวเลยสวมวิญญาณพระเอกให้เค้าไปซื้อของเลยเด๋วตามไป ฮ่าๆๆ เลยอยู่ทำเรื่องคนเดียว ไม่รู้ว่ามันจะถามไรมั่ง ที่บอกว่าคนญี่ปุ่นตรงเวลา คงไม่จิงเพราะ มันมาเปิดให้ผมเข้าไป เรท ยี่สิบนาที แล้วก้อทำไปราบรื่นดีครับ ติดๆนิดหน่อย จากน้านก้อตามไปสมทบ โชคดีอยู่ใกล้ๆ และหาไม่อยาก จากนั้นเพื่อนๆก้อไปเก็บของที่หอกัน ผมขอวิ่งไปเอาแผนที่ที่ รร เพราะมันใกล้ ระหว่างที่เก็บของ โคตรเหนื่อยเลยวิ่งขึ้นเขา เซง แล้วก้อไปร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ากัน ระหว่างรอคนอื่นซื้อของ ผมเลยไปนั่งเก้าอี้นวด สบายไปเยอะเลย เพราะเดินทั้งวัน ของมันดีจิงๆ แต่ราคาไม่ดีเลย ซื้อ มอเตอร์คันใหญ่ได้เลย
แล้วก้อไปดูจักรยายกัน แต่ยังไม่ได้ซื้อแล้วเราก้อไปกินข้าวต่อ (ให้เยอะมากๆ) แล้วก้อมาง่วนกะการจัดห้องต่อจนได้หน้าตาแบบนี้






เห็นรูปสุดท้ายม่ะ เป็นครั้งแรกที่ต้องจับด้ายมาเย็บกระเป๋า นอกเหนือจาก ตอนทำงานวิชา ประดิษฐ์ สมัย ประถม เย็บได้น่าเกลียดมากแต่ก้อเอาไปใช้งานได้ต่อ เอาเข็มกะด้ายติดมือมาแต่ไม่คิดว่าจะได้มาใช้ในวันที่สอง (เร็วเกิ๊น) แต่ก้อดีครับ ดูว่าตัวเองคงใกล้เป็นแม่บ้านแม่เรื่อนไปทุกทีละเพราะทำแต่ละอย่าง โห่ (ด้ายสีดำเหนือด้ายสีแดงน่ะคับ แต่คงมองไม่เห็นหรอก)
อ่อ เห็นราวตากเสื้อรูปล่างสุดทางซ้ายมะครับ มันอามาใช้เล่นแทน ที่ยก นน. ได้เลย(ทำมาแล้ว)

แต่ถ้าถามว่าตอนนี้เหงาไม๊ คงไม่ละครับ เพราะปกติผมเองก้ออยู่คนเดียวที่บ้านประจำทั้งกลางวัน กะ ตอนดึกหลังคนที่บ้านนอนกันไปละ แต่ไปนานๆไม่รู้นะ แต่คงจะสนุกขึ้นหากเพื่อนเหี้ยๆด้วยกันมาด้วย คงเละเทะ ฮาน่าดู

จบละคับ เด๋วต้องอ่านหนังสือละคร้าบ


Create Date : 05 เมษายน 2550
Last Update : 10 เมษายน 2550 0:41:04 น. 2 comments
Counter : 564 Pageviews.  

 
พี่ add blog โส่ยไปตั้งนานแล้วนะ (soisun) อยู่ตรง friends' blog ไง

ไปเป็นมนุษย์ต่างด้าวแล้วสินะ อิจฉาอากาศที่โน่นจัง ที่นี่ยังร้อนอยู่ แต่วันนี้ฝนตกฟ้าครึ้มทั้งวันก็พอสบายบ้าง อยากให้หิมะตกที่กรุงเทพฯจังเลยว่ะ

พี่คงไม่ได้ไปงานแล้วล่ะ จริงๆวันนี้พี่ปุ๊กเค้าไปมาแล้ว ถ้าบอกเร็วกว่านี้ซักวันคงได้ฝากเค้าซื้อให้(พี่1ฝากซื้อ รันม่า ยกชุด40กว่าเล่ม เกือบพัน เค้ายังแบกมาให้เลย) แต่ว่าไม่มีตัวที่โส่ยเขียนเลยอ่ะ(เสียใจด้วย) พี่ก็งงๆอยู่ สงสัยเค้าเอาตัวเก่าๆที่เคยส่งไปให้ดูมาลงล่ะมั้ง

ตะกี๊ โทรบอกพี่1ไว้แล้ว(เค้ายังไม่ได้ไป)ถ้าเค้าไปจะซื้อไว้ให้ แต่มาเอาเองนะ

ปล.เคาะขึ้นบรรทัดใหม่บ่อยๆหน่อยก็ดีนะ ช่วงกลางๆอ่านยากเหลือเกิน


โดย: jojo วันที่: 6 เมษายน 2550 เวลา:22:46:09 น.  

 
มาแล้ววว มาเมนท์ให้แล้วคับ senpai!!

ขอให้อยู่อย่างมีความสุข รักษาสุขภาพด้วยนะคับ

ปล. อ่านยากจริงๆแหละ เคาะเว้นบรรทัดหน่อยก็ดีเน่อ

^^


โดย: นกน้อยไขลาน วันที่: 7 เมษายน 2550 เวลา:22:47:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บอกเล่าต่อกัน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เพิ่งเริ่มฝึกนะครับ ขอครับแนะนำจากผู้รู้ไม่รู้ทุกท่านด้วย อยากก้าวหน้า
[Add บอกเล่าต่อกัน's blog to your web]