• เพลง
• ขิม
• กลอน
• สุขภาพ
• ประเพณีไทย
• เกล็ดความรู้
• โรคที่น่ารู้
• กัน the star 6

วิธีการฟอกปอด การฟอกปอด มนุษย์เราสามารถเพิ่มพูนพลังชีวิตได้ 3 ทาง คือ                       1. ทางจิต                         2. ทางลมหายใจ                         3. ทางจักระของร่างกาย                  ในการฝึกพลังชีวิตจากจักรวาล  สามารถสื่อรับพลังได้ชัดเจน 2 ทาง คือ ทางลมหายใจ และทางจักระของร่างกาย   ปอดเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายที่ต้องทำงานตลอดเวลา 24 ชั่วโมงต่อวัน  โดยไม่มีการหยุดพักทั้งยามหลับและยามตื่น   โดยการสูดเอาออกซิเจนพร้อมพลังชีวิตเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกาย   และขจัดชำระความสกปรกออกจากโลหิตที่ใช้งานแล้วให้กลับคืนเป็น โลหิตที่สะอาดมีคุณภาพดีเพื่อนำกลับไปใช้งานใหม่  ขณะปฏิบัติหน้าที่   ถุงลมในปอดจำนวนล้านๆ ถุงต่างก็ขยายตัวออกรับออกซิเจนเข้าไป   ขณะที่กล้ามเนื้อ  กะบังลม  และกล้ามเนื้อทรวงอกที่เกี่ยวข้องขยายตัว   อากาศพร้อมออกซิเจนก็จะพรั่งพรูเข้าไปบรรจุในถุงลมที่ปอดตาม ทางเดินของการหายใจ  ขณะนี้เอง  หัวใจก็จะทำการสูบฉีดโลหิตดำที่ใช้งานแล้ว   และถูกลำเลียงมารอคอยทำความสะอาดไปยัง เส้นโลหิตฝอยเล็กๆ ที่กระจายอยู่เต็มพื้นที่ของปอด   ตอนนี้ปฏิบัติการทำความสะอาดก็เริ่มขึ้นโดยจะมีการแลกเปลี่ยนเติมออกซิเจนเข้าไป ยังโลหิตพร้อมพลังชีวิต  และรับคืนเอาคาร์บอนไดออกไซด์   และสิ่งสกปรกออกมาจากโลหิตที่ใช้งานแล้ว  เมื่อเสร็จสิ้นการทำความสะอาด และเติมออกซิเจนพร้อมพลังชีวิตแล้ว  ลมหายใจก็จะถูกระบายออกมาพร้อมสิ่งสกปรก  ขึ้นตอนการทำงานของอวัยวะที่กล่าวนี้   หากปอดมีคุณภาพสูง  ก็จะสามารถรับออกซิเจนพร้อมพลังชีวิตได้ดีและจะทำการชำระด้วย   เติมออกซิเจนพร้อมพลังชีวิตกลับคืนไปสู่ โลหิตได้ดีด้วย  หากปอดมีคณภาพไม่ดี   ก็ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจหน้าที่ได้ดี ตัวอย่าง สิ่งของเครื่องใช้ที่ไม่สะอาด เช่น เสื้อผ้าใช้แล้วไม่ซักฟอกให้สะอาด  ถ้วยชามใช้แล้วไม่ล้างให้สะอาดก่อนใช้ใหม่   เครื่องยนต์กลไกที่ใช้แล้วไม่บำรุงรักษา  การทำงานของปอดก็เช่นเดียวกัน  จากระบบการทำงานที่ได้อธิบายแล้ว  ขั้นตอนสุดท้ายการ ระบายเอาของเสียทิ้งโดยการหายใจออกนั้น  เป็นระบบการทำงาน  ไม่ใช่การทำความสะอาดที่แท้จริง  ดังนั้น ตลอดเวลาปอด ก็ยังมีละอองไอของความสกปรกอยู่  การฝึกฝนเพื่อเติมพลังชีวิตโดยการหายใจจึงมีคราบความสกปรกปิดกั้นไว้ไม่ให้พลังชีวิตพร้อม ออกซิเจนผ่านเข้าไปได้สมบูรณ์แบบ  หากได้ทำความสะอาดปอดให้อยู่ในสภาพใหม่สดใสก็จะทำให้การฝึกได้ผลดียิ่งขึ้น วิธีการปฏิบัติ     เริ่มต้นด้วยการหายใจโดยสมบูรณ์แบบ  เก็บอัดลมหายใจไว้นับหนึ่งถึงห้า (ในใจ) แบ่งลมหายใจ ออกเป็นสามส่วน  เป่าลมออกจากปากเต็มแรงเพียงหนึ่งส่วนโดยใช้แรงบีบจากปอดช่วย  เก็บอัดลมหายใจ  นับหนึ่งถึงห้า  เปล่าลมออกจากปากเต็มแรงอีกหนึ่งส่วน  เก็บอัดลมหายใจ  นับหนึ่งถึงห้า  เป่าลมส่วนที่สามออกให้หมดจด ผ่อนคลายเล็กน้อยและปฏิบัติใหม่ห้ารอบ  ขณะนี้ปอดจะถูกชำระล้างขจ้ดเอาความสกปรกละอองไอออกหมด   เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจชัดเจนถึงประสิทธิภาพการทำความสะอาดปอดแบบนี้  โดยจะขอเปรียบเทียบการล้างขวดที่สกปรก 2 แบบ   แบบที่ 1  เมื่อขวดสกปรกเอาน้ำใส่ให้เต็ม  เขย่าขวดและเททิ้ง   แบบที่ 2  เมื่อขวดสกปรก  เอาน้ำใส่ให้เต็ม เขย่าขวดเททิ้งไปครั้งแรกหนึ่งในสาม  เขย่าขวดต่อไปเททิ้งไปอีกหนึ่งส่วน  เหลือน้ำในขวดอีกหนึ่งส่วน  เขย่าขวดและเททิ้งให้หมด   แน่นอนท่านต้องเข้าใจแล้วว่าวิธีล้างขวดวิธีที่ 2 สะอาดกว่าแน่นอน  การทำความสะอาดปอดเปรียบได้กับวิธีที่ 2 นี้แหละค่ะ   ข้อมูลจาก  Health Holistic   Create Date : 29 มกราคม 2553     Last Update : 29 มกราคม 2553 22:38:44 น. Counter : 2148 Pageviews.   2 comment Share Tweet

มะเร็งรังไข่ แจกโค้ดเพลงhi5 เพลงใหม่ๆฟรี มะเร็งรังไข่ เป็นมะเร็งที่พบได้มากเป็นอันดับ 2 ของ มะเร็งระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรีพบ ได้มากในช่วงอายุ 40-60 ปีในเด็กก่อนหรือหลังวัย 10 ปีก็อาจพบได้  เนื่องจากธรรมชาติของโรค โตและกระจายรวดเร็วในช่องท้อง สังเกตุได้ยากผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อมี อาการมากแล้ว  เป็นมะเร็งที่พบบ่อย ในหญิง แต่เป็นสาเหตุการตายเป็นอันดับแรกของโรคมะเร็งของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ สตรี ทั้งนี้ เนื่องจากธรรมชาติของโรคที่สามารถโตและกระจายได้อย่างรวดเร็วในช่องท้อง และเป็นตำแหน่ง ที่สังเกตได้ ยาก ผู้ป่วยจึงมักมาพบแพทย์ในระยะที่เป็นมากแล้ว สาเหตุ  ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบเหตุส่งเสริม ที่ทำให้เกิดมะเร็งรังไข่ ดังนี้ คือ  1.สภาพแวดล้อม เช่น สารเคมี อาหาร เนื่องจากพบว่าในประเทศ อุตสาหกรรมมีผู้ป่วยเป็น มะเร็งรังไข่    มากกว่าประเทศเกษตรกรรม  2.สตรีที่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรน้อย  3.ผู้ที่เคยเป็นมะเร็งที่เต้านม มะเร็ง มดลูก และมะเร็งระบบทางเดิน อาหาร โอกาสเป็น มะเร็งรังไข่มี       มากกว่าคนปกติ  # สาเหตุไม่ทราบแน่ชัด มักพบในหญิงไม่มีบุตร หรือมีบุตรน้อย เคยเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก  และมะเร็งลำไส้ใหญ่ รับประทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำ เคยใช้ยากระตุ้นการทำงานของรังไข่เพื่อให้มีบุตร  อาการ 1. อาจไม่มีอาการ แพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญ  2. มีอาการท้องอืดเป็นประจำ  3. มีก้อนในท้องน้อย  4. ปวด แน่นท้อง และถ้าก้อนมะเร็งโตมากจะกด กระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ส่วนปลาย ทำให้ ถ่ายปัสสาวะ     หรืออุจจาระลำบาก  5. ในระยะท้ายๆอาจมีน้ำในช่องท้องทำให้ท้องโต ขึ้นกว่าเดิม เบื่ออาหาร ผอมแห้ง น้ำหนักลด  อาการและอาการแสดง ในระยะเริ่มแรกอาการไม่แน่นอน ปวดท้อง แน่นท้อง น้ำหนักลด เบื่ออาหาร คลำพบก้อนในท้อง หรือในอุ้งเชิงกราน เมื่อก้อนโตขึ้นกดเบียดกะเพาะปัสสาวะก็จะทำให้ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขัด ถ้าก้อนไปกดลำไส้ใหญ่ส่วนปลายทำให้ปวดถ่วงและถ่ายอุจจาระลำบาก เมื่อมีการกระจายตัว ของเซลล์มะเร็งในช่องท้องก็จะมีนำในท้อง ประจำเดือนผิดปกติ  การวินิจฉัย  1. การตรวจภายในอาจคลำพบก้อนใน บริเวณท้องน้อย การคลำพบก้อนรังไข่ได้ในสตรีวัย หมดประจำเดือน      ควรนึกถึงมะเร็งของรังไข่ไว้ด้วย (เพราะตามปกติวัยหมดประจำเดือน รังไข่จะฝ่อ)  2. การทำแพพสเมียร์จากในช่องคลอด ส่วนบนทางด้านหลัง อาจพบเซลล์มะเร็งของรังไข่ ได้  3.การตรวจด้วยเครื่องความถี่สูงอาจช่วยบอกได้ว่ามีก้อนในท้อง ในรายที่อ้วนหรือหน้าท้อง หนามาก      คลำด้วยมือตาม ปกติตรวจไม่พบ  4. การผ่าตัดเปิดช่องท้อง และตรวจดู เป็นวิธีที่สำคัญ และแม่นยำที่สุดในการวินิจฉัยโรค อย่างแน่นอน     สามารถ ขลิบหรือตัดเอาเนื้อมาตรวจหาชนิดของมะเร็ง และทราบถึงระยะ ของโรค ด้วย  5. การวินิจฉัย การตรวจภายใน เอ็กซเรย์หรือ ULTRASOUND หากพบก้อนที่น่าสงสัย ควรทำผ่าตัด     ทุกราย เพื่อนำก้อนเนื้อไปพิสูจน์ทางพยาธิวิทยา  การรักษา  การผ่าตัดเป็นวิธีแรกที่แพทย์จะเลือกทำการ รักษา ถ้าไม่สามารถตัดออกได้หมดเนื่องจาก โรคกระจายออกไปมากแล้ว แพทย์จะพยายาม ตัดออกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วจะให้ การรักษาต่อด้วยเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัด  การรักษา โดยการผ่าตัดเป็นหลัก ปัจจุบันผลการรักษาอยู่ในเกณฑ์ดีแม้เป็นระยะลุกลามก็สามารถควบคุมโรค ได้ระยะเวลานาน ผลการรักษาขึ้นกับระยะของโรค  ดังนั้นการตรวจพบระยะแรก ๆ เท่านั้นจึงจะรักษาให้หายได้ ข้อควรปฏิบัติ ตรวจภายในปีละครั้งหลังอายุ  40 ปี สังเกตุอาการผิดปกติ ความผิดปกติของประจำเดือน เช่น เริ่มขาดประจำเดือนก่อนวัยอันควร มีเลือด ออกผิดปกติ ปวดท้องน้อยควรพบแพทย์ทันที การป้องกัน  เนื่องจากมะเร็งรังไข่ในระยะแรก ๆ มักจะไม่มีอาการ อีกทั้งยังไม่ทราบสาเหตุที่ แท้จริง การป้องกันจึงทำได้ยาก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ รับการตรวจภายในหรือตรวจด้วยคลื่นความ ถี่สูง โดยแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง  ข้อควรปฏิบัติ 1. ควรได้รับการตรวจภายในปีละครั้ง หลังอายุ 40 ปี  2. หากมีความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ขาดประจำเดือนก่อนวัยอันควร การมีเลือดออกผิดปกติ ปวด      ท้องน้อย หรือสงสัยมีก้อนบริเวณท้องน้อย ควรพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจภายใน    Free TextEditor   Create Date : 29 มกราคม 2553     Last Update : 29 มกราคม 2553 22:38:53 น. Counter : 192 Pageviews.   0 comment Share Tweet

ปอดปลอดภัย p class="MsoNormal" style="margin: 0cm 0cm 0pt; mso-layout-grid-align: none">ปอดปลอดภัย   จากมะเร็งปอด   ในการพิจารณาการรักษามะเร็งปอด หลังจากที่แพทย์วินิจฉัยชี้ชัดว่าเป็นมะเร็งปอดแน่แล้ว และตรวจสอบพยาธิสภาพของชิ้นเนื้อจนทราบว่าเป็นมะเร็งปอดชนิดใดดังที่ได้อธิบายไว้ในตอนที่แล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการวางแผนการรักษา ซึ่งต้องพิจารณาจากระยะของมะเร็งที่เป็นประกอบกัน ที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่า คนนั้นคนนี้เป็นมะเร็งระยะใดๆ นั้น   เขาแบ่งระยะกันอย่างไร? การแบ่งระยะจะกำหนดตามขนาดและลักษณะของก้อนมะเร็ง   ตลอดจนปริมาณการแพร่กระจายของก้อนมะเร็งจากจุดเริ่มต้นไปยัง   ส่วนอื่นๆ ของปอด ต่อมน้ำเหลือง หรือตามส่วนอื่นๆ ของร่างกาย   ซึ่งจะทราบได้จากการผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ หรือใช้วิธีถ่ายภาพ   (scans) เมื่อตรวจพบก้อนเนื้องอกในปอด แพทย์จะส่งตรวจ CT   scans ช่องท้อง สมอง กระดูก หรือวิธีการอื่นๆ เพื่อหามะเร็ง เมื่อ   ทราบผลแล้ว ทีมแพทย์ผู้รักษาก็จะพิจารณาแบ่งระยะของโรคเพื่อ   ที่จะดูว่าก้อนมะเร็งนี้สามารถผ่าตัดได้หรือไม่ ถ้าตรวจแล้วไม่พบ   การกระจายไปที่อวัยวะอื่นก็จะถือว่าก้อนมะเร็งนี้สามารถผ่าตัดได้   แต่ถ้ายังไม่สามารถบอกได้ ก็จะทำการผ่าตัดเพื่อหาคำแนะนำต่อไป   การผ่าตัดเพื่อแบ่งระยะของโรคนี้ ศัลยแพทย์จะดูทั้งที่ปอดและ   ต่อมน้ำเหลืองในช่องอก ถ้าก้อนมะเร็งสามารถผ่าตัดออกได้ก็จะ   ทำให้เวลาเดียวกันกับการแบ่งระยะของโรคเลย   มะเร็งปอดทั้ง 2 ชนิดมีความแตกต่างกันในการแบ่งระยะของ   โรคดังนี้   มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก   (Non-small cell lung cancer)   แพทย์มักแบ่งระยะของโรคโดยใช้ระบบที่   เรียกว่า TNM system โดย T (tumor) บอกถึง   ขนาด และลักษณะของก้อนมะเร็ง N (node)   บอกถึงการแพร่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลือง และ   M (metastasis) บอกถึงการแพร่กระจายไปที่   อวัยวะอื่นของร่างกาย ซึ่งเมื่อพิจารณารวมกัน   แล้วจะได้การแบ่งระยะของโรคโดยกว้างๆ   ดังนี้ .ระยะแอบแฝง (occult cancer) คือเซลล์มะเร็งถูกตรวจเข้าไป ่ 1 เซลล์มะเร็งเป็นเฉพาะที่เนื้อปอด ยังไม่มีการแพร่   กระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองหรือเยื่อหุ้มปอด ระยะนี้เป็นระยะที่ผ่าตัด   ่ 2 นอกจากจะพบก้อนมะเร็งที่เนื้อปอดแล้ว ยังมีการ   แพร่กระจายไปตามท่อน้ำเหลืองต่างๆ ไปสู่ต่อมน้ำเหลืองข้างเคียง   ของปอด แต่ยังอยู่ในช่องของปอด สามารถตรวจพบโดยการทำ CT   scan หรือการใช้กล้องส่องดู (mediastinoscope)  การรักษาโดย   การผ่าตัดเอาเนื้อปอดที่เป็นมะเร็งออกพร้อมทั้งเลาะเอาต่อม-   น้ำเหลืองใกล้เคียงออกด้วย และตามด้วยการฉายรังสีรักษาหรือยา   เคมี บำบัดระยะที่ 3 พบว่ามะเร็งมีการลุกลามไปในเนื้อเยื่อใกล้เคียง   และแพร่กระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณส่วนกลางของอก ซึ่งยัง   แบ่งย่อยได้อีกเป็น 2 ระยะ คือ   o ระยะที่ 3A พบว่ามีก้อนเนื้องอกเพียงก้อนเดียว การรักษา   จะใช้วิธีรังสีบำบัดร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัดก่อน เมื่อก้อนมีขนาด   เล็กลงจึงจะทำการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออก   o ระยะที่ 3B พบว่ามีก้อนเนื้องอกมากกว่า 1 ก้อน ซึ่งมัก   จะทำการผ่าตัดไม่ได้ การรักษาจะใช้วิธีรังสีบำบัดร่วมกับการให้เคมี-   บำบัด .ระยะที่ 4 ระยะนี้มะเร็งได้มีการแพร่กระจายไปส่วนอื่นๆ ของ   ร่างกาย เช่น ที่สมอง ตับ การรักษาจะใช้วิธีเคมีบำบัด ตามด้วย   รังสีรักษาเป็นบางตำแหน่งเท่านั้น   มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก   (Small cell lung cancer)   สำหรับการแบ่งระยะของมะเร็งปอดชนิดนี้   แพทย์มักจะแบ่งโดยพิจารณาจาก “ระยะรอยโรค   จำกัด” (limited) หรือ “ระยะแพร่กระจาย” (extensive)   มากกว่าจะใช้ระบบ TNM แต่ก็มีแพทย์   มะเร็งแต่ละระยะนั้นแบ่งกันได้อย่างไร ในฉบับหน้าเราจะมาเล่าให้ฟังถึงกระบวนการรักษา   มะเร็งปอด และมาดูว่าแพทย์มีวิธีพิจารณาปัจจัยในการรักษาอย่างไรกันบ้าง โปรดติดตาม__ Free TextEditor   Create Date : 29 มกราคม 2553     Last Update : 29 มกราคม 2553 21:08:11 น. Counter : 305 Pageviews.   2 comment Share Tweet

• snow2531
• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com