รวบรวมเนื้อหาธรรมะดีๆ รูปภาพสวยๆ

" ผม...เคยคิดจะมาเผาวัด เคยพูดกับนายพลระดับบิ๊กๆ ว่าทำไมพี่ปล่อยวัดพระธรรมกายให้โตมาถึงขนาดนี้ "

จากหนังสืออะไรที่ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ
อะไรที่ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ เล่ม 1 เรื่องที่ 1

ผม...เคยคิดจะมาเผาวัด
พ.อ.  ณัฐสรณ์   สาริมาน
ประจำ  ศบบ.รรก.หน.รร.การบินทหารบก


" ผม...เคยคิดจะมาเผาวัด
เคยพูดกับนายพลระดับบิ๊กๆ  ว่า
ทำไมพี่ปล่อยวัดพระธรรมกายให้โตมาถึงขนาดนี้ "


ผม...เคยคิดจะมาเผาวัด

       ผมเป็นคนหนึ่ง ที่เคยเกลียดวัด ไม่ชอบวัดพระธรรมกายอย่างรุนแรงถึงขั้นที่จะมาเผาวัด  และในฐานะที่ผมมีตำแหน่งหน้าที่ทางการโดยตรง  ถูกปลูกฝังเรื่องการรักชาติ  ศาสนา  พระมหากษัตริย์  มาอย่างดื่มด่ำเข้าไปในสายเลือด  ผมยังเคยคิดเลยว่า  วัดพระธรรมกายทำให้ศาสนาแตกแยก  เป็นองค์กรที่โตขึ้นๆ  จนปัจจุบัน คนมาวัดนี้เป็นแสนๆ  โตอย่างหยุดยั้งไม่ได้  สร้างโน่นสร้างนี่อะไรกันนักหนา  ผมถึงขนาดที่ว่าไปหานายพลระดับบิ๊กๆ  บอกว่า  " พี่ๆ  ทำไมพี่ปล่อยวัดพระธรรมกายให้โตมาถึงขนาดนี้ "

       " ทำไมถึงปล่อยให้วัดลอยนวล " นายพลท่านนั้นตอบว่า " เรื่องนี้มันพูดยาก เพราะมีผู้ใหญ่หลายท่านมาวัดนี้" ตอนนั้นผมหัวรุนแรงมาก  ขนาดเข้าสอนชั้นผู้บังคับกองร้อย  และชั้นผู้บังคับกองพันทั้ง 16 เหล่าของกองทัพบก ผมสั่งนักเรียนของผมเลยว่า ห้ามมาวัดนี้

        แต่แล้วคนใกล้ตัวที่ผมรักที่สุด คือภรรยาของผมเอง กลับมาเข้าวัดนี้อย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมจึงตัดข่าวหนังสือพิมพ์ทั้งหมดเอาไปให้เธออ่านและต่อว่าอย่างหนัก ถึงขนาดขู่เธอว่า " ระหว่างวัดกับผมเธอเลือกใคร? "ภรรยาผมกลับตอบว่า เธอเลือกวัด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เธอก็เลือกวัด ผมและเธอจึงนัดกันไปหย่า แต่ในที่สุดภรรยาของผมก็บอกว่า เธอเชื่อว่าวัดจะสอนให้ลูกเป็นคนดีได้  ขอให้ทำเพื่อลูก ให้ขึ้นไปนั่งสมาธิ(Meditation)กับลูกสักครั้ง ผมจึงยอมและคิดในใจว่า

       ถ้าวัดสอนไม่ดียังไง ผมก็จะไม่ทำ ผมไม่ยอมถูกล้างสมองอยู่แล้ว เพราะไม่อยากทะเลาะกันรุนแรงอีกและที่สำคัญผมต้องยอมทำเพื่อลูก ซึ่งผลก็คือ แปลกมากเลย หลังจากที่ลูกชายวัยรุ่นทั้งสองคนไปนั่งสมาธิและเริ่มไปวัดพระธรรมกาย เขาเปลี่ยนไปมาก เขาเป็นคนดีเหมือนเป็นคนใหม่จนผมปลื้มใจ จากนั้นผมก็เริ่มใจเปิด แต่ก็ยังคิดว่า ต้องมาหาข้อแท้จริงกับทางวัดให้ได้

       ช่วงแรกที่ผมมา ผมจ้องจับผิดในทุกเรื่อง จนกระทั่งมาเจาะลึกถึงที่มาที่ไปของวัด หลังจากมาศึกษามานั่งสมาธิที่วัด มาฟังคำสอนของหลวงพ่อเจ้าอาวาสบ่อยๆ  ประกอบกับภรรยาคอยอธิบายข้อสงสัยต่างๆ ให้ฟัง  และเปิดรายการธรรมะของทางวัดให้ผมดู  ตัวผมเลยได้ฟังคำสอนของวัดนี้ ในที่สุดก็พบว่า ไม่เห็นพระวัดนี้สอนอะไรที่ไม่ดีอย่างที่เขาว่ากันเลย ตั้งแต่นั้นเลยเริ่มเข้าใจ  รู้แล้วว่าทำไมวัดต้องสร้างใหญ่โต จากเดิมที่เป็นวัดเล็กๆ แถวปทุมธานี ซึ่งสมัยนั้นกันดารสุดๆ มีศาลาปฎิบัติธรรมจุคนได้มากที่สุดก็แค่ 400 กว่าคน แต่หลังจากนั้นคนก็เริ่มแห่กันเข้าวัดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนพื้นที่ของวัดจุคนไม่พอคนมาวัดต้องมานั่งตากแดดเปรี้ยงๆ บางทีหน้าฝนก็เปียกปอนกันหมด วัดจึงต้องขยายพื้นที่และสร้างศาลาเพิ่มขึ้นตามปริมาณคนที่มา

        เพราะเขามาแล้ว จะไปไล่เขาไม่ให้มาก็ไม่ได้  ปัจจุบันคนยังแห่กันมาอีกเป็นแสน พอมีงานบุญใหญ่ๆ ทีไร  พื้นที่ 2,000 ไร่ของวัด รู้สึกเล็กลงไปแล้ว ที่จอดรถก็ไม่ค่อยพอ ผมว่าถ้าคุณมาดูกันจริงๆ ก็จะต้องคิดตรงกันว่า 2,000 ไร่  ยังเล็กเกินไป หลังจากที่ผมศึกษาพุทธศาสนามากขึ้น ทำให้ผมพบว่า
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างวัดพระเชตวันมหาวิหารถวาย พระพุทธเจ้า
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี

        วัดพระเชตวันมหาวิหาร ที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย พระพุทธเจ้า มีราคาถึง 540 ล้านกหาปณะ ถ้าเทียบเป็นเงินในปัจจุบันก็เกือบแสนล้านบาท  พระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ที่นี่ถึง 20๐ กว่าพรรษา  ซึ่งหากมาศึกษาถึงคำสอนจริงๆ แล้ว จะพบว่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนให้พระภิกษุมีความสมถะ  สันโดษทำอะไรให้เรียบง่ายนั้น พระองค์ทรงสอนในแง่ของการฝึกตน ในเรื่องของการเป็นผู้อยู่ง่ายเลี้ยงง่าย มีอาหารที่เขาตักบาตรมาอย่างไรก็ทำตนให้ง่ายต่อการขบฉัน อีกทั้งยังมีพุทธบัญญัติห้ามพระภิกษุสร้างกุฎิที่พักอาศัยใหญ่จนเกินควร

        แต่ในแง่ของการสร้างศาสนสถาน เพื่อให้คนมาฟังธรรมให้ได้มากที่สุด พระองค์กลับทรงชื่มชมอนุโมทนา เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการสร้างวัดใหญ่ๆ  ซึ่งนอกจากวัดพระเชตวันแล้ว ก็ยังมีอีกหลายวัดเช่นวัดปุพพาราม ที่นางวิสาขาสร้างถวายเป็นโลหปราสาท  ค่าก่อสร้างตั้งหลายหมื่นล้านเช่นกัน เพราะท่านหวังเพื่อให้เป็นประโยชน์ด้านเผยแผ่พระพุทธศาสนาต่อไป

        หากพระองค์ไม่ทรงทำอย่างนี้เมื่อ 2,548 ปีที่แล้ว ก็คงไม่มีพระพุทธศาสนาตกทอดมาจนถึงปัจจุบันไม่มีหลักฐานทางศาสนาใดหลงเหลือ ซึ่งผมคิดว่า หากจะพูดว่าวัดพระธรรมกายใหญ่โตแล้ว ผมว่าวัดนี้ยังคงเล็กมากด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับสมัยพุทธกาลเมื่อผมมองแล้วผมก็เพิ่งเข้าใจ

        ที่วัดสร้างเจดีย์ให้มีองค์พระ 1 ล้านองค์ ก็เพื่ออยากให้ทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าของ เมื่อรู้สึกเป็นเจ้าของมีใจผูกพันอยู่กับพระพุทธเจ้าและคำสอนของพระองค์แล้ว ก็จะมาช่วยกันดูแลรักษา มาพร้อมเพรียงกันปฎิบัติธรรม  ซึ่งเมื่อเจดีย์สร้างเสร็จแล้ว ก็จะกลายเป็นเจดีย์ของชาวพุทธทั่วโลก ทุกคนจะเป็นเจ้าของร่วมกัน  เป็นสมบัติของแผ่นดินที่ต่างชาติจะต้องอัศจรรย์ใจ ซึ่งวัดเองก็ใช่ว่าจะเอาไปขายได้เมื่อไร หากขายจริงๆ ..ใครจะซื้อเจดีย์หรือ ?

          ทุกวันนี้หากถามว่าพุทธศาสนามีอะไรเป็นศูนย์รวมบ้าง อิสลามเขายังมีเมกกะ เขายังห้ามกินเหล้า ต้องละหมาดวันละ 5 ครั้ง คริสต์เขาก็มีวาติกัน ไปโบสถ์กันทุกวันอาทิตย์ ต้องมีหน้าที่แบ่งเงินเดือนของตัวเองมาบริหารงานศาสนาของเขา  ส่วนคนพุทธไม่มีกฎอะไรมาบังคับเลย มีอะไรที่น่าภาคภูมิใจในการนับถือศาสนาประจำชาติบ้างซึ่งคนพุทธสมัยนี้นอกจาก  ศีลยังไม่ถือแล้ว เขาจะขยายวัดขยายวา เขาจะทำบุญยังไปห้าม ยังไปโจมตีอีก

  ผมว่ามันแปลกๆ  เราคงต้องมาทบทวนอะไรกันบางอย่างนะครับ

          *กระผมขอกราบขอขมาต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และคณะสงฆ์ ที่เคยคิดอกุศล พูดอกุศล ขอได้โปรดอดโทษ ให้เป็นอโหสิกรรมต่อกระผมด้วยเถิด





Create Date : 05 ตุลาคม 2555
Last Update : 5 ตุลาคม 2555 12:18:26 น. 0 comments
Counter : 1509 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เจ้าหญิงใจดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add เจ้าหญิงใจดี's blog to your web]