Group Blog
 
All Blogs
 

37-เรื่องของคนจีน

ช่วงนี้ผมหยุดงานได้พักร้อนสองอาทิตย์
ขอหยุดขับแท็กซี่ เอาเรื่องแท็กซี่มาเล่าสักพักนะครับ
ก็ไม่ได้กะไปเที่ยวไหนไกลๆนะครับ
และได้ไปมาตอนยังหนุ่มกว่านี้ ก็เกือบทั่วเมกาแล้ว
อาจจะไปแบบใกล้ๆ เช้าไปเย็นกลับขับรถเที่ยว
หรืออาจเหมือนที่พวกที่ทำงานผมชอบว่าคนที่ไม่เดินทางไปเที่ยวไหน
ว่า subway vacation,shopping malls vacation,bronx zoo-coney island vacation
หมายถึงพวกที่ไม่มีปัญญาไปไหน ได้แต่ไปๆมาๆอยู่แต่ในเมืองนี้

อยู่บ้านพักผ่อน ไม่ต้องทำงานแต่ได้เงินนี่ ก็ดีเท่าไรแล้วละนะ
เป็นความสุขที่พอหาได้อย่างหนึ่งทีเดียวละครับ
ก็การอยู่เมืองนอกนี่ หากไม่ทำงานอยู่ไม่ได้นะครับ
ยิ่งอย่างชีวิตที่นิวยอร์ก อะไรๆก็แพงกะอัก
ชีวิตบั้นปลายหลังรีไทร์ของคนไทย ส่วนมาก
ท่าจะต้องไปตายรัง กลับไปบ้านเกิดที่เมืองไทย
อาศัยเงินบำนาญจากเมกา ก็คิดว่าคงอยู่ไปได้จนตาย

Public School ที่นี่ก็กำลังจะเปิดเรียนอีกวันสองวันนี่แล้วครับ
หลานสาววัยสิบขวบผม ก็ต้องไปโรงเรียนแล้วละ
ตอนโรงเรียนปิดเทอมซัมเมอร์ วันหยุดงานของผม
ก็ต้องพาแกออกตระเวณไปเรื่อยทั้ง มิวเซี่ยม และตามพาร์ก ตามสวนสนุก

วานนี้ครับ มีเรื่องตลกครับ
หลานสาวผมรับโทรศัพท์ ได้ยินแกพูดตอบว่า โทรผิด wrong number
เมื่อแกวางหู ก็มีเสียงกริ่งดังมาอีก
แกรับแล้ว บอกคำเดิมอีกว่า wrong number แล้ววางหู
ผมเลยถามว่า ใครละที่โทรมา
หลานสาวผมตอบว่า เสียงไชนิสนะลุง ฮี คี๊พ เซย์อิ้งไชนิส
เสียงโทรมาอีกแล้วครับ ทีนี้ผมเลยรับเสียเอง
เป็นเสียงคนจีนผู้ชายนะครับ พูดรัวเลยครับ
เหมือนจะว่าถามหาใครสักคนมั๊ง
ผมก็ตอบไปเหมือนหลานผมนะครับว่า ยู ต่อเบอร์ผิดนะยู
แต่ผมไม่วางหูทันที เพราะอารมณ์อยากสนุกเริ่มจับผมอีกแล้วอะ
เสียงอาเฮียนั่น ก็ยังพูดต่อเหมือนโวยวายเป็นภาษาจีนอีกนะ
ผมเลยเอาลูกเล่นที่เคยทำตลกให้เพื่อนๆฟังหลายครั้ง
คือการพูดภาษาจีนแบบดำน้ำนะครับ
โหย ภาษาจีนแบบมั่วๆนี่ผมพูดคล่องเลย
ลากเสียง หนักสระอา หน่อยก็เหมือนแล้ว
ผมเลยพูดไป(สมมุตินะครับ เพราะหากให้พูดซ้ำคงไม่เหมือนทั้งร้อยครั้ง)
"เฉียนเต้าจุ่งเก้หา"
นายนั่นก็ตอบมาครับ (สมมุติอีกแหละครับ ผมจะไปจำได้ไงว่าแกพูดไรมา)
" เจี๋ยงเต่ากุ้งกี่หม่า ห๊าหล่า"
เสียงผม" กี้หล่าเผสี่ม้าหน่า เก่เต้าหมิงหาหล้า"
เสียงเขา" เหย่ก้าห้านดี๋ซี่อึ่มเก๊ ฟลัชชิ่ง ควีน หา"
คำท้ายนี่ออก ฟลัชชิ่ง ควีนส์ อาเฮียคงถามหาคนที่อยู่นั่นมั๊ง
ผมเลยบอกไป" ไอ๋ด่อนโน้ หา สี่เปะสี่เป๊นแปด ซือต้าหม่า หล่า."
นายนั้นก็ยังบ้านะครับ ต่อความมาอีก สนุกจริงว้อย
หลานผม แฟนผม หัวเราะลั่น ผมเลยจบเสียที ด้วยคำว่า
" หร่องหน่ำเบอ ห่าหล่า ฝักหยู่"
แล้วจะวางหูครับ แต่ได้ยินนายนั่น ชิงพูดมาเสียก่อนว่า
" ติ๋วหน่า ฝัก หยู่ ทู โอ่เค๊"
หุหุ อาเฮียนั่น ฟังคำด่าออกนีหว่า ฟักหยู่ ผมหัวเราะลั่นเลย
บอกหลานผมไป แฟนผมว่า โสนะหน้า ทาลึ่ง

คนจีนที่นิวยอร์กนี่ มีมาก เขาว่าเป็นที่สองรองจากซานฟรานซิสโก
ไชน่าทาวน์ที่นี่ จะเรียกว่าตอนนี้มีสองแห่งแล้วก็ได้
ไชน่าทาวน์ ของแท้ ในแมนฮัตตั้นนั่น ที่เป็นแลนด์มาร์ก
จุดสำคัญของทัวริสท์แห่งหนึ่ง
มีคนจีนอาศัยและเปิดกิจการร้านค้าขายของขายผัก ร้านอาหาร
อีกแห่งหนึ่งก็ที่ FLUSHING ,QUEENS
ก็เหมือนไชน่าทาวน์แล้วครับ
เพราะมีคนจีนและคนเอเชียอื่นๆอยู่กันมาก

รถไฟใต้ดินสาย7 วิ่งระหว่างflushing- times square
ถูกขนานนามให้เป็นสาย The Orient Express
เรื่องคนจีนกับรถไฟใต้ดินนี่ ก็มีขำๆมาเล่ากันมากครับ

แต่ที่รู้เห็นกันมา ก็เนื่องจากการขาดมรรยาทและเห็นแก่ตัว นี่แหละมาก
ผมไม่ได้เจาะจงดูถูกเชื้อชาติ เผ่าพันธ์อะไรนะครับ บอกไว้ก่อน
ผมก็เชื้อจีนคนหนึ่ง ที่จังหวัดบ้านผมแปดสิบเปอร์เซ็นต์
เป็นคนเชื้อสายฮกเกี้ยน ที่มีชื่อเรียกเผ่าพันธ์ว่า พวกจีน บาบา
ไม่ใช่จีนบ้าบ้า นะ เรียกให้ถูกด้วยครับ
ชุดย่าหยาของสาวเมืองนี้ ก็ผ้านุ่งปาเต๊ะ กับเสื้อรัดรูปฉลุลายไงครับ สวยนะ

เอ้า ออกตัวแล้วมาว่าเรื่องคนจีนที่นี่กับรถไฟต่อ
เพื่อนรุ่นน้องสองสาวสองพี่น้องคนสวย เคยเล่าให้ฟัง
น้องหนิงน้องเป้านี่จะต้องมาขึ้นรถไฟสาย7 flushing ตอนเช้าไปทำงานทุกวัน
ทุกวันจะเห็นการแย่งชิงที่นั่งกันในหมู่คนจีนคนเอเชีย
รถสายนี้นี่ขนาดเริ่มสถานีต้นทางที่flushing นะ
แต่มีคนไปทำงาน หรือเข้าเมืองเข้าแมนฮัทตั้น เป็นจำนวนมากทุกวัน
ระยะทางก็ไม่ใกล้หากต้องยืนเกาะเสาจับห่วงตลอดทาง คงเมื่อยเหมือนกันนะ
เลยทุกครั้งที่ก่อนประตูรถไฟจะเปิด จะมีเหมือนว่า
เหมือนนักวิ่งร้อยเมตร ที่จะออกสตาร์ทนะครับ
ตั้งท่าไว้เลยก็มี พอประตูเปิด ทั้งหญิงทั้งชาย
จะตรูเข้าไปพร้อมกัน ได้ก่อนนั่งก่อน
ผู้ชายก็แย่งผู้หญิง ตัวใครตัวมัน
บ้างถือแก้วกระดาษใส่กาแฟร้อน กับพวกขนมซาลาเปา
แย่งที่นั่งกัน กาแฟร้อนหกกระเซ็นใส่กันก็มี

มีครั้งหนึ่งสองสาวนั้นหนิงกะเป้า ก็ต้องทำเหมือนคนอื่นที่ทำกันนะ
คือรีบเข้ารถแล้วหาที่นั่ง
เมื่อได้ที่นั่ง และกำลังจะขยับตัวให้นั่งถนัด
ก็มีอาเฮียจากแผ่นดินใหญ่คนหนึ่งมาแทรกนั่ง
บนท่อนขาขวาน้องหนิง กับ ท่อนขาซ้ายน้องเป้า
ทั้งสองสาวทั้งงง ทั้งขำ ไอ๊หยา แหม ทำไปได้ คดีนี้
เลยมองหน้ากันแล้วลุกขึ้นยืนทั้งสองคน
ทำตัวเป็นเลดี้ เสียสละให้อาเฮียที่ดูหนุ่มแน่น
อาเฮียนั่นก็ขยับก้นนั่งเต็มที่เต็มก้น โดยไม่รู้สึกอะไรเลย
ยกกาแฟซดเฉย มองหน้าสองสาวนิดแล้วกล่าวว่า แท้งกิ๊ว หา
สองสาวนั้นก็ มองหน้าตอบ ทั้งขำทั้งไม่รู้จะว่าไง

เรื่องพูดเสียงดังลั่นด้วยภาษาจีนนี่ ก็อย่างหนึ่ง
ที่สร้างความรำคาญให้กับผู้โดยสารรถไฟใต้ดินมาก
อาเฮียอาตี่อาซิ้มอากู๋ จะส่งเสียงโล้งเล้งสื่อกันด้วยเสียงดัง
บ้างที่ไม่ได้นั่งติดชิดกัน ก็ตะโกนข้ามฝั่ง คุยกัน
ฝรั่งนิวยอร์กเกอร์ นั่งอ่านนิวยอร์กไทมส์ อยู่ต้องขยับมองแล้วส่ายหน้า
เขาจะพูดเสียงดังกันไปตลอดจนกว่าจะลงป้ายแหละ

ผมเคยเจอด้วยตัวเอง ขำมากๆ เอาไปเล่าต่อ
คนได้ฟังจะหัวเราะและจะสะใจด้วย
คือวันหนึ่งในรถไฟสาย N ครับ
ชายจีนสองคนนั่งคุยเสียงลั่นกันมาในรถตลอด
เสียงหล่าห่าห่า เหยวเหยว ทำให้คนในรถรำคาญกันหมด
เหลียวดูกันว่าาใครหวา แล้วส่ายหน้า
ผมก็อายแทนไปเหมือนกันแหละ
หน้าตาเอเชียนี่ใครจะไประบุได้ละว่าใครเป็นใคร
พอถึงป้ายหนึ่งสองจีนนั่นก็เถียงกันเหมือนว่า
อีกคนว่าป้ายนี้แหละ แล้วจะเดินออกจากรถ
อีกคนก็ตะโกนเหมือนว่าไม่ใช่นะ แล้วดึงคนที่ออกไปกลับมาในรถ
เสียงคนในรถ ชักรำคาญขึ้นมากแล้วสิครับ
เพราะนายสองคนก็ยังทะเลาะ เอ้ย พูดกันเสียงลั่นอีก
พอรถจอดอีกป้าย นายจีนทั้งสองก็ตะโกนใส่กัน
เหมือนอีกคนว่าป้ายนี้แหละลงนะแล้วเดินออกไปจากรถ
นายอีกคนก็บอกเหมือนว่า โบ๋หล่าๆๆไม่ใช่ๆๆจะไปดึงตัวมาอีก
ก็พอดีประตูรถจะปิด เสียง ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง บอกสัญญานแล้ว
นายจีนที่คาอยู่กับประตูก็ตะโกน โบ๋หล่าๆๆ
ทันใดก็มี ตีนเทวดา ถีบไปที่ตูดนายจีนนั่น หลุดออกไปจากรถ
ตามด้วยเสียงว่า" Get the fcuk out MAN"
ทุกคนในรถหัวเราะ ด้วยความขบขัน บ้างส่ายหน้า
แต่สายตาบอกเหมือนอ่านว่า GOOD
ผมนี่ขำมากๆ และสะใจด้วย หันไปยิ้มกับเจ้าของตีนเทวดา
เป็นคุณมืดหนุ่มครับ ไอ้คนที่ยืนอ่านหนังสือพิมพ์New York Daily News

เพราะการมาจากประเทศที่มีพลเมืองพันล้าน
ที่ผู้คนต้องแย่งชิง เพื่อเอาตัวรอด
และการได้รับข่าวจากคนที่มาอยู่เมกาก่อนแล้ว
ว่าชีวิตที่นี่สบายสดวก หาเงินคล่อง
จึงมีคนจีนจำนวนมากหาทางให้ได้มาอยู่เมกา
บ้างต้องเสียเงินจำนวนมากให้พวกมาเฟียจีน
ต้องมาแบบลักลอบมาทางเรือทั้งลำก็เคยมี
มีเรือล่มครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ยามฝั่งช่วยเหลือได้ทัน
ไม่ตาย แต่ก็ถูกกักกัน
แล้วมีพวกเกี่ยวกัฐ human rights มาช่วยเหลือ
ขอให้อย่าจัดการส่งกลับแผ่นดินใหญ่กับพวกเรือล่มนี้
ผมไม่แน่ใจว่า ตอนนี้พวกนี้ได้เป็นพวกมีกรีนคาร์ดกันหมดแล้ว

เรื่องการไม่รับรู้ขนบธรรมเนียม มรรยาทในสังคม
ของคนจีนที่มาจากโพ้นทะเลนี้
เป็นที่รังเกียจมากของคนที่พบเห็น
บ้างที่ไม่ได้ศึกษามาก่อนก็คิดเหมาไปเลยว่า
หน้าตาเอเชียทุกชาติ คือ CHINESE หมด
และการทำตัวก็คงเหมือนกันหมด
แต่พวกทีมีการศึกษาจะดูออกนะครับ ว่าไม่เหมือน
และ ชั่วดีอยู่ที่การกระทำด้วยครับ
ไม่ใช่เผ่าพันธ์เชื้อชาติ
ยังไงๆผมภูมิใจนะครับ ที่เกิดเป็นคนไทย
คนไทยที่นี่ไม่ค่อยมีหรอกครับ ที่จะทำไรน่าอายแบบนั้น

สวัสดีจาก นิวยอร์กครับ













 

Create Date : 07 กันยายน 2548    
Last Update : 18 กันยายน 2548 16:15:31 น.
Counter : 859 Pageviews.  

36- ตอนแท็กซี่สาวไทย

เขาว่ากันมานานแล้วว่า นารีมีรูปเป็นทรัพย์
ย้ำ มี รูป นะครับ อย่าให้ตกตัวป ปลา จนทำให้ความหมายเปลี่ยนไปซะนะ
ภาษิตเกี่ยวกับรูปสมบัติของกานดานารีสตรีวีแม่น นี่
ผมก็ชักเห็นด้วยมากๆเลยละ การเป็นผู้หญิงหน้าตาดี
ก็ได้คะแนนนำไปก่อนแล้วละ ไม่ว่าจะเรื่องไหน
หากมีส่วนประกอบอื่นๆดีด้วย เช่น เก่ง ฉลาดหลักแหลม นิสัยดี เป็นคนดีเข้าอีก
ไม่ต้องมาคอยรอโชคดีอะไรอีกแล้วละ เพอร์เฟ็กบริบูรณ์ อย่างนั้น
ก็กำหนดชะตาชีวิตตัวเองไปได้เลย เลือกทำ เลือกเป็นไปเถอะ
คงน้อยมากนะที่จะ ล่มจม ตกอับคับขันไม่มีอันจะกิน
เอ้อ ว่าไปนะ แม้หากจะต้องตกอับ ไม่มีอันจะกินจริงๆ สักวัน
ก็เอา รู เอ้ย เอารูปนั่นแหละ มาทำให้มีอะไรกินได้ ไม่อดตายแน่นอน

ครั้งใดที่ผมเปิดดูรูปผู้หญิงสวยๆมากๆ ในหนังสือ เพลย์บอย หรือ เพนท์เฮาส์
ผมจะรู้สึก เอ้อ นอกจาก บอกกับตัวเองว่า มันสวยจริงๆ มันน่ารักน่าดูนัก นังพวกนี้ แล้ว
อีกใจผมคิดไปไกลไม่เหมือนคนอื่นเขา
ผมว่าทำไมนะผู้หญิง ที่สวยทั้งหน้าตา รูปร่าง
ต้องมาแก้ผ้า อ้าแอ่นแขนขา อวดอก กระดกโนนเนื้อ กันอย่างนั้น
แค่ได้เงิน ได้ดังเพราะรูปโฉม แค่นั้นหรือ
บางคนก็มีความรู้ ที่เรียนอยู่ คอลเลจก็มี ที่ทำงานทำการบริหารบริษัท ก็มี
ในเพลย์บอยนี่ จะมีรูปถ่ายสาวนั่นกับพ่อแม่ ทั้งตอนวัยเด็ก จนถึงวัยเรียน
บอกประวัติคร่าวๆ ความชอบ รสนิยม เรื่องผู้ชาย การมีแฟนตาซีกับเรื่องเซ็ก
และก็แทบทุกคน ไม่ได้ถึงต้องเอาร่างกายมาอวด เพื่อแค่จะได้มีอันจะกินเลย
บางท่านอาจว่า อ้าว ฝรั่งเขาไม่ถือนี่นา ตัวเขา ร่างเขา สิทธ์ของเขา จะทำไงก็ช่างเขา
อันนั้น ใช่อยู่หรอก แต่ผมไม่พูดถึงเรื่องสิทธิอิสระเสรี ไรนั่นละ
ผมแค่คิดว่า เอ้อ สักวัน แม่สาวคนไหนสักคนนี่ แกเกิดไปแต่งงาน มีครอบครัว
อาจได้สามีรวยร่ำ ทำงานดี มีเกียรติ
แล้วมีลูก ลูกชาย ลูกหญิง ว่ากันไป
เออ คิดมากนิ หากลูกชายที่เกิดมาจากแม่นั่น โตขึ้นมา จนเป็นวัยที่พอรู้ความได้
แล้ววันหนึ่ง เพื่อนๆแกมาบอกว่า ไอเห็นแม่ยูในเพลย์บอย แล้ว
เอ้อ ไอ้นั่นแม่ยูนะ อะจึ๋ย อือหือ
ตัวลูกชายก็กลับไปบอกแม่ พร้อมกับรูปที่เพื่อนฉีกจากหน้า centerfold ให้แม่ดู
นังแม่ที่เคยแก้ผ้าอ้าแอ่น ให้คนเห็นทั่วหล้าจรดเมกามาเอเชียเวียยูโรปโอบอัฟริกา
ตัวนังแม่นั่นนะ แกจะรู้สึกนึกคิดอย่างไร

นั่นก็นารี นี่แหละ ที่เลือกจะเอารู เอารูป ให้เป็นทรัพย์
เคยได้ยินเรื่องนี้ไหมครับ
ที่ว่า นายGeorge Bernard Shaw ผู้ขี้เหร่ กวีเอกของโลกกับสาวสวย
แม่สาวสวยเลอล้ำฉ่ำโฉม แต่สมองกรวงโบ๋
เมื่อได้เจอกับยอดกวีเอก ก็บอกกับเขาว่า คนสวยระดับเลิศหล้า อย่างไอนั้น
หากได้พันธ์ผสมกับคนที่หัวขมองฉลาดล้ำโลกอย่างยู
ลูกที่ออกมาคงทั้งสวยมากๆเหมือนไอ และฉลาดสุดๆเหมือนยู นะจะบอกให้
นาย เบอร์นาด ชอว์ แกตอบแม่สาวสวยนั่นไปว่า
ไอกลัวแต่ว่าลูกที่เกิดมา จะหน้าเหมือนไอ แต่ดันไปโง่เหมือนยูสิ นะจะบอกให้

หุหุ เขาว่ากันนะครับ คนฉลาด คนเก่งนี่หาหน้าตา สวยๆหล่อๆ มีนับหัวได้
ยิ่งพวกนักเขียนดังๆนี่ ยิ่งไม่หล่อไม่สวย
มีคนว่า เพราะพวกนี้หากสวย หากหล่อกันหมด
มันจะไม่เขียนหนังสือกันละ จะเอาเวลาไปหวานชื่นกับสาวๆหนุ่มๆ เสียมากกว่า
หรือหากหล่อ สวยเกินพิกัด ก็ไปทำอาชีพอื่นกันดีกว่า เช่น ดารา นักร้อง
เรื่องไรจะมานั่งจมกับการเขียนหนังสือ
หุหุ ก็น่าจะเป็นได้นะ นักเขียนนี่หาหล่อๆยาก

อ้อ เดี๋ยวครับ ผมขอเวลาไปส่องกระจกหน่อยครับ
หุหุ ตั้งแต่มีคนมาชมผมว่า เขียนไร น่าอ่านใช้ได้นิ
ผมรู้สึกว่า ความหน้าตาดีของผมนี้
ค่อยๆเลือนไปกับการจะมาริเป็นนักเขียนของผมอยู่พอได้อยู่นะครับ
อ๊วกได้ครับ เชิญครับ อ๊วกกกกกกกกกกกกก

กลับมาเรื่องผู้หญิงอีกทีครับ
เขาว่าอีกแหละครับ ว่าพระเจ้าจะไม่ค่อยสร้างมนุษย์ ให้สมบุรณ์พูนผลกันทุกคน
ไอ้ที่หน้าตาดี จะมีส่วนที่ไม่ดีในตัวมาปนปะคละเคล้า
ไอ้ที่หน้าตาแบบไม่เอาไหน จะมีอะไรที่ดีๆมาทดแทน

ตอนไปบ่อนคาสิโนกับเพื่อนๆชายหญิง หลายครั้งหลายครา
น้องผู้หญิงคนหนึ่ง แนะตอนนั่งกันมาในรถว่า
อย่าไปเล่นที่โต๊ะแบลกแจ๊ก ที่คนแจกไพ่ ขี้เหร่ ไม่สวยไม่หล่อนะ
ให้ไปเล่นกับคนแจกไพ่สวยๆหล่อๆ
แกว่า ไอ้พวกหล่อสวยนี่ มันมีดีในตัวพอแล้ว
พระเจ้าไม่ให้ดวงมาทำไพ่กินเราอีกหรอก
แต่ไอ้ที่ขี้เหร่ ระวังไว้ดวงมันแข็ง
ผมหัวเราะลั่น บอกว่า ก็น้องสวยออกอย่างนี้ นั่นสิมาทีไรหมดตูดๆๆ
แบบพี่นี่ ทำไมงั้นละ ทั้งขี้เหร่แล้วยังดวงไม่ดีอีก หมดตูดเหมือนกันๆ

นั่นก็นารีแหละ มีทรัพย์ถูกรูด หมดตูดประจำ

ไม่ค่อยมีให้เห็นนักนะ ที่ผู้หญิงสวยๆ ต้องใช้แรงกายทำงานหนัก
ที่หน้าตาพอใช้ จนถึงหน้าตาไม่ดี นี่แหละมาก
แม้จะนับว่าการศึกษาก็มีส่วนมากเหมือนกัน
แต่ที่สวยๆการศึกษาน้อย ก็คงไปทำงานที่เบาๆไม่ใช้แรงมาก ไม่หนักหนา
ไปดูแถวอาคารที่กำลังก่อสร้าง จะเห็นพวกหล่อนหน้ามัน หิ้วถังปูน เหงื่อไหล
ไปเที่ยวที่พวกบันเทิง อาบ อบ นวดจะเห็นพวกหล่อน นั่งยิ้ม ร่ารื่นในห้องแอร์สบาย
อะไรที่เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างของผู้หญิง สองกลุ่มนี้ครับ
ก็นารีนี่แหละครับ มีรูปเป็นเครื่องผ่อนแรง

ที่นิวยอร์ก เมื่อครั้งผมขับแท็กซี่อยู่สมัยนั้น
นอกจาก99% ของคนขับแท็กซี่ จะเป็นผู้ชายแล้ว
มีด้วยครับ ผู้หญิงขับแทกซี่ ที่เป็นหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เหลือไว้
ผู้หญิงขับแทกซี่ ก็ส่วนมากจะเป็น พวกเลยสามสิบขึ้นไป
มีมากตอนนั้นก็พวกคนชาวกรีก
หน้าตาก็ถึงไม่ขี้ริ้ว แต่ไม่สวยหรอกครับ
ซึ่งอาจจะเพราะฝ่ายนายสามีซื้อป้ายรถแท็กซี่ ผ่อนค่าป้ายหมดแล้ว
วันที่สามีหยุดขับ แม่ภรรยาก็มาขับแทน
สามีก็แนะ วิธีหากิน ลูกเล่นหรือทริกต่างๆให้
ผมเห็นแล้ว โห พวกคุณเธอๆเหล่านี้ เก่ง กล้าจริงๆครับ
ท่าทางคล่องแคล่ว หัวไว ตัดสินใจฉับ ขับรถดีกว่าพวกพี่บัง ทั้งหลายอีกครับ

คนสวยที่ต้องทำงานหนักแบบผู้ชาย
ในนิวยอร์กนี่ มีครับ เป็นสาวไทยเสียด้วย น่านับถือเธอไหมละ
ผมเสียดายจัง ที่ไม่อาจสืบเสาะถึงสาวไทยใจกล้า หนึ่งเดียวของนิวยอร์กคนนี้
สาวไทยที่ขับแท็กซี่ รุ่นเดียวกับที่ผมขับสมัยนั้น
หากได้เจอเธอตอนนี้ ผมจะไปขอให้เล่าชีวิตการขับรถแท็กซี่มาให้คุณอ่านกัน
น่าสนใจมากครับ ผมไม่ได้รู้จักเธอเป็นส่วนตัว
เลยไม่ได้ทราบถึงเรื่องของเธอมาก
และเป็นการไม่สมควรหากเขียนไรเรื่องเธอผิดไป
ผมแค่ทราบจากเพื่อนผมว่า คุณแต๋ว สาวแท็กซี่นิวยอร์กคนนี้
เธอสวย แกร่ง ทรหด ใจกล้า ยิ่งกว่าชายอกสามศอกหลายคน

งานขับแท็กซี่นิวยอร์กนะครับ
ขนาดผมผู้ชายงี้ ยังต้องยอมแพ้ บอกลาในวันหนึ่งเลย
มันมีเรื่องราว สารพันสารพัดให้พานพบ
ผู้คนที่ผ่านมาให้เรารับ มานั่งรถเรา เอาเงินให้เรา
ทั้งทุกลักษณะของเผ่าพันธ์ คนขาว คนดำ คนยูโรป คนแขก คนเอเชีย คนอัฟริกา
ทั้งนิสัยสันดานดีและเลว ดีจนน่าให้นั่งรถฟรีแล้วแถมเงินให้
ไปจนถึงเลวจนน่าพุ่งชนให้ตายตอนที่มันโบกมือไหวๆเรียกแท็กซี่

แล้วคุณสาวไทยคนนี้ ทำไมต้องมาขับแท็กซี่ให้เหนื่อย
พอได้รู้บ้างว่า สาวไทย คนสวย คนแกร่งนี้
เธอทำเงินจากการขับแทกซี่ ขยันขับ ยอมเหนื่อยกาย
จนได้มีรถ มีป้ายเป็นของตัวเอง
อาจจะพอผ่อนป้ายหมด ก็ขับแบบสบายๆไปแต่ละวัน
อ้อ เธอเป็น สาวแบบทอมครับ
เรื่องนี้เธอไม่ได้ทำดัดจริต หลอกตัวเองหลอกคนอื่นนะ
เธอยอมรับด้วย ว่าเป็นเลสเบียน รวมอยู่กับผู้หญิงประเภทนี้อีกมากในนิวยอร์ก
ผมเคยเจอเธอในร้านอาหารไทย สมัยนั้น
ที่เขาจัดให้มีดนตรี นักร้อง ทุกคืนวันศุกร์ เสาร์
ผมกับเพื่อนๆ นั่งโต๊ะ ติดๆกับโต๊ะของพวกเธอสาวๆทั้งโต๊ะ
เพื่อนคนหนึ่งรู้จักเธอดีครับ ก็พุดจาแซวกันได้ พอสนุก
แต่พวกสาวๆสามสี่คนที่มากับคุณแต๋วสิครับ
สาวไทย สวยกันทุกคนเลยครับ แต่งตัวกันทันสมัย

ก็สมัยดิสโก้ นั้นนะครับ สตูดิโอ54 ต้นตำรับ ดิสโก้แท้ของพวกคนดัง ดารา
ก็อยู่แถวใกล้ร้านไทยนี้ อือม์ ผมชอบยุคดิสโก้นะ
มานึกถึงตอนนี้แม้อาจเชยไป
แต่ก็น่าเป็นอย่างหนึ่งที่ควรจำเป็นเมมอรี่ได้

คุณแต๋วคนสวย มีสาวสวยๆเป็นแฟนแก เปลี่ยนหน้าให้เห็นบ่อยๆเลยครับ
เธอกระเป๋าหนัก ใจใหญ่ สปอร์ท ทั้งแจก ทั้งแถม
เอาใจ รู้ใจสาวๆ ดีกว่าชายแท้ๆเสียอีก

ผมนับถือและยกย่องเธอ ตั้งแต่ได้รู้ว่าเธอ มีอาชีพขับแท็กซี่เหมือนผม
ผมนิยมในความแกร่งทรหด สู้ชีวิต
การเอาตัวมาเสี่ยงกับภัยอันตรายต่างๆ ในเมืองใหญ่
อาจเคยโดนจี้มาแล้วจากไอ้พวกติดยา
ใครจะรู้ว่า อาจมีไอ้เลวๆสักคน ที่คิดไม่ดีเมื่อขึ้นมาบนรถในค่ำคืน
อาจจะเจอไอ้กักขละ พูดจาลวนลาม
เธอยังทนฝ่ามาได้ ไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อท้อ
น่าอายไหมครับ คุณผู้ชาย ที่ไม่กล้าสู้ชีวิต

ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหน ขณะนี้
จะมีชีวิตอย่างไร
ผมขอคารวะเธอครับ ที่มาร่วมระบายสีเหลือง
ให้คงภาพเป็นเอกลักษณ์บนท้องถนนนิวยอร์ก
เมืองที่ไม่เคยหลับ
เมืองที่หากคุณได้มาอยู่แล้ว ได้ทำอะไรสักอย่างแล้ว
คุณจะทำอะไรนั้น ที่ไหนก็ตาม คุณจะทำได้หมด
"If you can make it there,You can make it anywhere
It's up to you...NEW YORK,NEW YORK"














 

Create Date : 01 กันยายน 2548    
Last Update : 18 กันยายน 2548 16:14:53 น.
Counter : 878 Pageviews.  

35-เรื่องของ เกย์ไทยคนหนึ่ง



เรื่องของ เกย์ไทยในนิวยอร์ก

ตุ๊ด- กระเทย- เกย์-Gay -Homo-Faggot-Queer-Mari'con-Ma Si Si
คำเหล่านี้คือคำที่ผมได้ยินได้ฟังคนเขาเรียก ผู้ชายประเภทหนึ่ง มานานแล้ว
คิดว่าคุณๆก็คงจะทราบดีกันนะครับ ว่าหมายถึงผู้ชายประเภทไหน
ที่เมืองไทยเรา คำว่า กระเทย อาจหมายถึงผู้ชายที่มีจริตจก้าน
ออกไปทางเป็นผู้หญิง กระตุ้งกระติ้ง ดูอ้อนแอ้นอรชร
ชอบแต่งกายหรือทำตัวเองให้ดูเป็นผู้หญิง ทั้งแต่งหน้าทาปาก
มีค้อน มียักคิ้วหลิ่วตา มี อุ๊ย ว๊าย ตายแล้วเธอ
ผมเห็นบางคนนะ นอกจากไม่น่ารักแล้ว ยังน่าตบอีกต่างหาก

คำว่า เกย์ นี่ดูเหมือนจะมาติดปากเอาตอนหลังๆ สำหรับคนไทยเรา
เมื่อตอนที่ทุกอย่าง ทั่วทุกมุมโลก
ได้เกิดการเปลี่ยนไปหมดแล้ว
เป็นยุค New Generations อย่างแท้จริง
ยุคที่คนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปรไปทั้งทาง กายภาพ และ ความนึกคิด กว่าคนรุ่นเก่าๆ
รูปร่าง หน้าตา คนยุคใหม่ดูในทางรวมๆจะเห็นชัดว่า ดูดีทีเดียวละครับ
ผู้ชายผู้หญิง ตัวสูงใหญ่ขึ้น เพราะได้รับการบำรุงเลี้ยงดู
อย่างถูกหลักมาแต่วัยเด็กด้วยอาหารที่ให้ผลดีกับสุขภาพพลานามัย
กินนมสดเป็น เพิ่มโปรตีนด้วยอาหารประเภทเนื้อมากขึ้น
เหมือนเอาอย่างจากประเทศตะวันตก นั่นแหละ
ทั้งหน้าตาผู้คนทั้งหญิงชาย ก็นับอัตราเฉลี่ยไปได้ว่า หน้าตาดี
มีสวย มีหล่อ ขี้เหร่จะมีบ้างก็น้อยหากเทียบกับประเทศแถบเอเชียอื่นๆ
มีมาดผู้หญิงแกร่ง ผู้ชายก็มาดแมน แฮนด์ซั่มไม่ดาร์กแต่ก็ทอลล์ พอได้อยู่

และก็นั่นคือที่มาของ การยอมรับเอาคำว่า เกย์ จากทางตะวันตกมาเรียก
พฤติกรรม การรักร่วมเพศ ที่เคยหลบๆซ่อนๆ
เพราะสังคมไทยเคยถือว่าเป็นสิ่งน่าละอาย ผิดเพศผิดฝา น่าอุบาทว์

แล้วก็เริ่มมีคนอย่างว่านั้น ยอมออกมาจากที่ซ่อน
ไม่กลัวไม่แคร์อีกแล้วกับสังคม
ชีวิตฉัน ตัวของฉันนะยะ
คุณชายๆที่มีชื่อเสียงที่เราเห็นในสังคมทั้งวงการ ไฮโซ
วงการบันเทิง หรือเหล่า ดารา
หรือคุณๆมาดแมนแต่แอ้นอ้อน ที่เคยมาใช้ชีวิตอิสระที่เมืองนอกเมืองนา
รักชีวิตที่เป็นแบบว่า เคารพสิทธิเสรี ทั้งของตัวเองและผู้อื่น
ก็เอาแบบอย่างที่ตัวเองพบพาน มาประกาศก้องท้องฟ้าไทย
ฉันเป็นเกย์ แล้วจะทำไม หือ
กลายเป็นว่าสังคมไทยเรา ก็ต้องยอมรับในสิทธิส่วนตัว
ของเขาเหล่านั้นไปด้วย ไม่ไปก้าวก่ายพวกเขา
ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ทำให้สังคมหรือใครๆเดือดร้อน

ที่อเมริกานี่ พวกที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศนี้ นับว่ามากเชียวละ
มีสมาคม ชมรม องค์การ ทั้งเกย์ ทั้งผู้หญิงรักผู้หญิง หรือ Lesbian
มีการรณรงค์ ให้ทางรัฐหรือเมืองที่พวกรักร่วมเพศ อาศัยอยู่มาก
ยอมรับพวกเขาให้มีสิทธ์เท่าเทียม ในทุกเรื่องเหมือน หญิง ชาย ปกติธรรมดาทั่วไป
การเรียกร้องสิทธ์ของชายกับชาย หญิงกับหญิง
จดทะเบียนแต่งงานกันได้-Gay/Lesbian Marriage Rights

นิวยอร์กนี่ ก็นับว่าประชากรชาวเกย์ มีมากติดอันดับเหมือนกันนะครับ
และดูเหมือนความเคลื่อนไหวของชาวเกย์ ที่นี่ จะคึกคักและเสียงดัง

นี่วันGay Parade ก็เพิ่งผ่านไปไม่นานนี่เอง
ขบวนพาเหรด จัดได้ยิ่งใหญ่มาก นับเป็นวันรวมเกย์ รวมเลสเบียน
ที่ดังและมากที่สุดของนิวยอร์กเลยละครับ
อีกงานที่จะถึงในเดือนตุลาปลายๆก็งานHolloween Party
ซึ่งจะมีพวกเกย์มาหลอกมาหลอน มาโชว์ตัวกันอย่างสนุกสนาน
ทั้งพวกที่เรียกว่า Drag Queen กระเทยชายร่างใหญ่ในคราบหญิง หุหุ

ผมมีเพื่อนในที่ทำงาน ที่เป็นเกย์ หรือเลสเบี้ยนก็หลายคนอยู่เหมือนกัน
และไอ้ที่ไม่เกย์ แต่เที่ยวล้อๆพวกเกย์ ด้วยคำขอดค่อนเขา
Hey you..Faggot ไอ้ตุ๊ดเว้ย
Yo.. Maric'on คำนี้ภาษาสเปนิช ไอ้กระเทยโว้ย
คำอื่นๆที่เรียกกัน ก็มีคำว่า Queer ,Gaywod,Homo
และคำนี้ Ma Si Si คำนี้ผมได้ยินพวกเฮติเรียกกันนะ
จะเป็นภาษาครีโอล์ หรือฝรั่งเศษ ผมก็ไม่แน่ใจ

แถวถิ่นพวกชาวเกย์ สมัยผมขับแทกซี่อยู่เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น
แม้ถึงตอนนี้ด้วยละ ก็จะเป็นแถวถิ่น กรีนิช วิลเลจGreenwich Village
เริ่มจากทางEast ตั้งแต่แถวLower Eastside-Avenue A-B -C -D
ยันมาถึงBowery Street ถนน West8th Streetไปถนน12th Street
Washington Square แถว NYU ถนน West 4th Street
ข้ามมาถนนChristopher จนจรดWestside Highway ริมแม่น้ำHudson River
มี Gay Bar -Gay Club- Gay Bath- Gay Sex Shop-
Gay Theatre- Gay SiminarWorkshop และ Gay Motel
บาร์เกย์สมัยก่อนนั้น ที่ดังที่สุด ก็ต้องRAM ROD ที่ถนนChristopher Street
หุหุ ฟังชื่อหน่อยเดียวก็เสี้ยวตู๊ดแหล่วหน่องเอ๊ย
มันน่าแปลว่าอย่างนี้ไหมครับ ....มันจะ Ram(ตะบัน) ส่วนตู๊ดด้วยRod (แท่งยาว)
แล้วไอ้เกย์ที่มาเที่ยวบาร์นี้แต่ละคนนะ น่ากลัวมากกว่าน่ารัก
หุ่นม๊าโช่แมน ใส่กางเกงหนัง เสื้อหนัง ห้อยโซ่แขวนกุญแจมือ
บาร์แรมร๊อด นี่จะคึกคักเสียงดัง ตั้งแต่ค่ำยันเกือบรุ่ง
พวกนี่จะมาออกันหน้าบาร์ ถึงบนถนน รถติดทีเดียวละ
ดนตรีที่เล่นกันก็ สุดหนวกรูหู ทั้งHeavy ทั้งMetal ทั้งRock ดิบๆเถื่อนๆ

คืนหนึ่งราวๆสามทุ่ม หน้าร้อนปีนั้น(อีกแหล่ว)
ผมรับชายสองคนครับ จากหัวมุมถนนHouston
(คำนี้อ่าน เฮ๊าส์- ตั้น)ตัดกับถนน Broadway
พอขึ้นรถกดมีเตอร์ ฝ่ายชายที่เป็นเมกันร่างสูงใหญ่ ก็บอกจุดหมาย
"RAM ROD ...CHRISTOPHER STREET.. You know where?"
ผมบอกโอเค๊ ไอโนว์แวร์ แล้วออกรถ

ผมเห็นนายที่มากับไอ้ม๊าโช่แมนนี่ เป็นเด็กหนุ่มหน้าจีนๆเหมือนตี๋ไทยเรานะ
เลยคอยฟังสำเนียงว่า ไอ้ตี่นี่จะตี๋ไหนกันแน่
เอ้อ พอได้ยินเสียงสำเนียงเสนาะ ก็เจาะลึกลงไปว่าไทยแน่
นายนี่พูดอังกฤษดีนะครับ ใช้คำเก่งด้วย สำเนียงดีกว่าผมสามสิบหกเท่าครึ่ง
นายตี๋น้อยก็คงรู้นะว่า ผมก็คนไทย จากสำเนียง คอปเปอร์เซ๊าเทิร์นไทยแลนด์
และจากรูปถ่ายป้ายชื่อใบขับขี่แทกซี่ตัวใหญ่ใบโตของผม
นายตี๋ ท่าจะไม่อยากพูดไรให้ผมได้ยินนะครับ คงอายๆมั้ง
หุหุ เป็นตุ๊ดแน่ เห็นตาก็รู้แล้ว แต่หน้าอ่อน ตัวเล็ก
คนละไซส์กับนายเมกันแมนลิบลับ
หึหึ แกให้นายนักกล้ามกอดด้วยละหวะ
นายม๊าโช่ก็พูดเหมือนพูดกับแฟนเลยนะ
มีประโยคหนึ่งผมฟังออก รู้ได้ว่า นายตี๋ไทยเพิ่งมาจากแบงค๊อกแค่สองวันเอง
หุหุ มาสองวันพบรักแล้ว ตูดไว ใจง่าย เสียหายตุ๊ดไทยหมด

เมื่อถึงจุดหมายปลายด้าม แรมร้อด
นายนักกล้ามจ่ายเงิน ทิปบาทเดียว เอ้อ เหรียญเดียวขี้เหนียวจัง
แล้วพานายตุ๊ดไทยร่างบอบบาง กอดกันเดินเข้าบาร์ไป

ผมคิดขณะออกรถไปต่อ
นายเด็กไทยนี่เพิ่งมาสองวันเอง มาเที่ยวแบบนี้ได้ไงหว่า
หรือใจกระหายมานานแต่ก่อนที่อยู่เมืองไทย
อยากได้มีอิสระเรื่องความเป็นเกย์ของตน
ผมก็ไม่เคยคิดไปก้าวก่ายสิทธิของพวกเกย์นะครับ
ตัวใครตัวมัน เขาก็เป็นคนเหมือนกัน
นับว่าโชคร้ายนะ ที่ต้องมามีจิตใจปรวนแปร ผิดธรรมชาติวิสัย
คิดให้ดีอีกที ก็ต้องน่าเห็นใจ และต้องเข้าใจเขานะครับ

คืนนั้น ผมก็ขับรถหากินตามปกติ คนขึ้นคนลงไปส่งโน่น ไปรับนี่
คืนวันเสาร์ ที่นิวยอร์ก เมืองนี้ไม่หลับกันง่ายๆหรอกครับ
ประมาณตีสองกว่าๆผมก็ได้ผู้โดยสารมาส่งที่แถวถนน14th ติดกับWestsideHighway
เป็นโมเต็ลครับ โมเต็ลเล็กๆไม่กี่ห้อง ท่าทางจะน่ากลัวกว่าน่านอน
พอผู้โดยสารลงไป ผมจะออกรถ ก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลังรถ
'' TAXIIIIII"
ผมหันไปดู
อ้าว นั่นไอ้ตี่น้อยนี่หว่า ทำไมมาอยู่นี่คนเดียว
นายนั่นเปิดประตู เข้ามานั่งในรถปิดประตูปัง
ผมจะกดมีเตอร์พอดี ก็ได้ยินเสียงจากนายตี๋
"พี่ครับ พี่คนไทยใช่ไม๊ครับ"
ผมก็ตอบว่า ใช่ครับคุณ จะไปไหนหรือครับ
"ผมขอเล่าพี่นะ แล้วพี่ช่วยผมด้วยได้ไหมครับ"
" อ้าว มีไรหรือ ช่วยยังไง"
"ผมถูกไอ้ระยำนั่น มันทารุณผมครับ
คือว่าพี่ต้องรู้ผมเป็นเกย์แล้วสิ ผมเป็นนักเรียนครับ"

โอ๊ะโอ่ นายนี่มาสารภาพกับผมทำไม ไอ้รู้ว่าเป็นเกย์เป็นตุ๊ดนะ รู้แต่แรกแล้ว
"พี่ช่วยไปส่งที่ไหนที่มีหมอนะครับ ผมจะไปหาหมอ
อย่าให้ผมบอกพี่ตรงๆกว่านี้เลยครับ ผมอาย และเจ็บแผลมากๆด้วย"

ผมยังไม่ออกรถนะครับ หันไปมองหน้าพอเห็นได้จากแสงไฟข้างถนน
น้องนี่แกมีสีหน้าเจ็บปวดจริงๆครับ มือแกก็ไปจับๆอยู่ใต้ก้นแกเอง
เหมือนมีน้ำตาเล็ดให้เห็นแวปๆด้วยครับ

ผมไม่กล้าถามรายละเอียด แกก็คงไม่อยากตอบอะไรมากด้วยหรอก
ก็คิดเอาเองว่า การอภิรมย์สมรักของพวกชาวเกย์นั้น
คงแบบ อือม์ ทางนั้นจริงๆด้วย
คิดถึงร่างใหญ่ นักกล้ามของไอ้คนที่มาด้วยกับน้องคนนี้
น้องนี่ตัวแค่นี้ กับที่ยังไม่เคยเจอไรกับไอ้ที่วิปริตวิตถาร
หากมันทำไรเพื่อความบ้า ความมัน อย่างเดียว
ผิดเผ่าเหล่าพันธ์กันอีกด้วย มันต้องทำอย่างทารุณ แน่นอน

ผมชักสงสารแล้วสิครับ อย่างแรกเลย น้องนี่คนไทย หากไม่มาร้าย
ผมต้องช่วยอย่างใดอย่างหนึ่ง แน่อยู่แล้ว
และเป็นนักเรียน เพิ่งมาได้แค่สองวันเอง
โลกหนอโลก คนหนอคน

ผมนึกถึงโรงพยาบาลที่ผมเคยไปเข้าแบบEmergency
เมื่อมือโดนแก้วบาดเลือดไหลแผลลึกมาก นานมาแล้ว
เลยรู้ว่าโรงพยาบาลทุกแห่งที่นี่ ไม่เหมือนเมืองไทย
ไม่มีการถามถึงเรื่องการเงิน และสถานะใดของคนเจ็บ
ต้องรักษาก่อนแล้วค่อยว่ากัน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อาการหนักเบาแค่ไหน

ผมออกรถไปที่โรงพยาบาลนั้น ทันทีครับ
อธิบายน้องนั่น ว่าให้บอกชื่อหลอกๆไป บอกเบอร์ใบโซเชี่ยลปลอมๆไป
ทั้งที่อยู่ ก็บอกไปเท่าที่นึกได้ อย่าให้ตรงกับที่อยู่จริง

เมื่อถึงโรงพยาบาล ผมก็พาแกไปที่ห้องEmergency
คอยนานหน่อยแกก็ถึงมือหมอ
ผมถามแกว่ามีเงินติดตัวไหม หากตอนกลับบ้านด้วยรถแทกซี่
ผมคิดไปเองว่า ไอ้บ้านั้น อาจจะฉกเงินแกไปหมด
แกว่ามีพอ ไอ้นั่นไม่เอาเงิน เอาตู๊ดเสียแหกอย่างเดียว

ผมไม่ได้คอยแกจนเสร็จการรักษา เพราะเห็นว่าภาษาแกก็ดี คงช่วยตัวเองได้
แล้วผมก็กลับ เอ้อ ไมได้คิดเงินแกค่าแทกซี่นะ แม้แกจะยื่นให้ยี่สิบเหรียญ

*** ในงานปาร์ตี้บ้านคนรู้จักที่ผมไปกับเพื่อน อีกปีต่อมา
ผมได้เจอน้องคนนี้ครับ
กลายเป็นแกเป็นญาติกับเจ้าของงานปาร์ตี้วันเกิดนั้น
แกจำผมได้มาทักผม และแนะนำให้รู้จัก แฟนแก
เอ้อ เกย์นะครับเป็นฝรั่งนิสัยดี
ก็ครองคู่อยู่ด้วยกัน น้องนี่เรียน ยูมีชื่อของนิวยอร์ก
จวนจะจบโทแล้วครับ ขณะนั้น**

** หลายปีผ่านไป ผมได้เจอเพื่อนที่พาผมไปงานปาร์ตี้วันนู้นนะ
ผมได้ข่าวน้องเกย์ไทยคนนี้ว่า แฟนฝรั่งคนนั้นตายไปเพราะโรคเอดส์
น้องนี่ก็หายสาปสูญไปไหน ไม่มีใครรู้
ญาติแกคนนั้น แค่บอกว่ากลับไปเมืองไทยแล้ว
เฮ้อ เรื่องของคนๆหนึ่ง
ที่มีชีวิต จิตใจ สุข ทุกข์ ดีใจ เจ็บปวด
เหมือนผมและคุณๆ
น่าเศร้าเหมือนกันนะ
***********************************************************









 

Create Date : 26 สิงหาคม 2548    
Last Update : 18 กันยายน 2548 16:14:04 น.
Counter : 1869 Pageviews.  

34-หนึ่งเดียวคนนั้น -นี่แหละชีวิตเมืองนอก (มีอัพเดทมาบอกตอนท้าย)

เรื่องเล่าแทกซี่นิวยอร์ก ตอน นี่แหละชีวิต..หนึ่งเดียว homeless ไทยในนิวยอร์ก

วันนั้นในหน้าหนาวของปีหนึ่ง
ซึ่งนับเป็นช่วงปลายๆ สำหรับการใช้ชีวิต กับอาชีพขับแทกซี่ของผม
ผมเพิ่งเสร็จจากเอารถไปทำ inspection ที่ TLC ที่แถว astoria ,queens
ก็ขับเลยมาทาง jackson height ..............
ถิ่นแถวแนวนี้ เลยไปจนถึงแถวที่เรียกว่า elmhurst
มีคนไทยอาศัยอยู่กันมากพอสมควร มีร้านอาหารไทย ร้านให้เช่าวีดีโอของคนไทย
และร้านอาหารจีน ร้านโกรเซอรี่คนจีนที่ขายทุกอย่างทั้งจีน ไทย
ส่วนมากคนไทยเราก็มักมาจับจ่าย เครื่องปรุงอาหารไทย
ผักสด ของแช่แข็งจากไทย ทุเรียน มังคุด โอย มีครบละครับ
หาได้ไม่ยากก็เหมือนเป็น little thai town พอได้เหมือนกัน

แถวถิ่นนี้นอกจากนั้น ก็เป็นพวกจากประเทศเอเชียอื่นๆ ปนกันไป
เช่น จีน พม่า เขมร ฟิลิปปินส์ เวียนาม
ที่เป็นส่วนใหญ่ของพื้นที่นี้ก็ต้องพวกคนที่มาจากประเทศทาง south america
อาเจนติน่า โคลัมเบีย บราซิล
พูดถึงพวกจากเซ้าท์ เมกา นี่ ผมต้องนึกถึงตอนแข่ง world cup soccer
ฟุตบอลโลก ของทุกสี่ปี ว่าก็ว่านะ
ผมไม่อยากให้ทีมจากทางเมกาใต้นี่ ชนะผ่านไปเข้าชิงรอบสำคัญๆเลย
เพราะหากทีมทางพวกเขาชนะแล้ว คนอยู่แถวนี้ แบบว่า ไม่ได้หลับได้นอนกันละ
หากได้แชมป์ไปด้วยละก็ มันฉลองกันตั้งแต่กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา
และรู้ผลว่าทีมมันได้แชมป์ มันจะขึ้นรถโบกธงชาติ
กินเหล้ากินเบียร์ ตะโกน ลั่น ขับตระเวนไปทั่ว queens
บีบแตรรถถี่ๆ ยาวๆ หนวกหูชาวบ้านไปหมด
บ้างก็เมามาย บ้างทำท่ารวนกวนคนที่มันขับผ่านไป
ผมเลยอยากเชียร์ทีมประเทศ ที่มีคนจากประเทศนั้นอาศัยแถวถิ่นนี้ไม่มากเท่าไร
ให้ได้แชมป์ทุกสี่ปี เช่นทีมจากประเทศไทย เป็นต้น หุหุ สู้เค้า ไทยแลนด์
วันไหนทีมไทยแลนด์ได้แชมป์ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์อีก
ผมจะพาเพื่อนขึ้นรถ ขับตระเวนบ้าง
หากเจอพวกเมกาใต้ ถามว่า อ่ามี๊โก้ ยู้ เซลเลเบรท อะไรหรือ
ก็จะบอกมัน มันงงก็ช่างมัน
เพราะจะให้ทีมไทยของผม เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกนี่
ไม่รู้รุ่นลูก รุ่นเหลนนี่จะได้เห็นเป็นบุญตาหรือเปล่าก็ยังไม่กล้าคิด.....

เวลาหลังเที่ยงวันนั้น ผมขึ้นป้ายบอก off duty ไม่รับผู้โดยสารครับ
และกำลังจะไปหาข้าว หาก๋วยเตี๋ยวกินที่ ร้านไทยเล็กๆ ร้านหนึ่ง ใกล้ๆ แถวนั้น
ขณะที่ผมหยุดรถ รอไฟสัญญาณบนถนน ที่ใกล้ๆ ร้านอาหารไทยที่ว่า
ผมก็ได้ยินเสียงเหมือน คนเอามือทุบข้างรถด้านผมปังๆ
แม้จะหมุนกระจกรถขึ้น เพราะหน้าหนาว ก็ยังได้ยิน
ผมเลยเหลียวไปดู
อ้าวนั่นไอ้ เด่น นี่หว่า ผมรู้จักครับ
เลยร้องเรียกมันไป เฮ้ย เด่น เป็นไงวะ
ไอ้เด่น ยกมือไหว้ผม เรียกชื่อผม พี่....

ตอนนั้นไฟเขียวแล้ว ผมเรียกให้มันขึ้นรถ
มันจะอ้อมมาด้านหน้า ผมบอกว่านั่งหลังนี่แหละไม่เป็นไร
เมื่อมันขึ้นรถมา นั่งด้านหลัง
กลิ่นอะไรๆ ที่ผมมักจะได้ทนดม บ่อยๆ ในรถไฟใต้ดิน หรือแถวสถานี
กลิ่นนี้อวลอยู่ในรถขณะนี้ แม้จะไม่มากเท่าพวกนั้น
แต่เป็นที่รู้กันว่า คนมีกลิ่นแบบนี้ คือ พวกที่เรียกว่า บัม bum
หรือพวก homeless นั่นเอง

ผมหาที่จอดรถ เพื่อจะถามไถ่ เปิดหน้าต่างระบายลมนิด
ไม่กล้าแสดงออกมาก ไอ้เด่นก็รู้
ก็คงคิดว่าผมคิดเรื่องนี้ยังไง
มันยกมือขอโทษผม แล้วบอกผมว่า
พี่ขอโทษนะ งั้น ผมไปละ
ผมบอกเดี๋ยวสิโว้ย ไปกินข้าวกันก่อน พี่ไม่ได้ว่าไรนี่หว่า
แค่เหม็นก็เหม็นแค่นั้นเอง ไม่ได้พูดโว้ย

ผมหาที่จอดรถ แล้วลงเดินไปกับไอ้เด่น
ไปที่ร้านนั้น ร้านเล็กๆ ขายพวกข้าวราด ก๋วยเตี๋ยว ราคาไม่แพง
(ปัจจุบันนี้ เจ้าของร้านเล็กๆนี้ เปิดกิจการใหญ่โต ขายดี ร่ำรวย
นับเป็นร้านที่คนไทย ฝรั่ง จีน รู้จักดี ชื่อเสียงก็ดี
นับเป็นคนไทยที่สู้มาก จากความเหนื่อยยากแต่ต้นๆ จนประสบผลในที่สุด)
ผมเห็นท่าทางมันจะหิว แต่มันก็ไว้เชิงนะ บอกไม่ๆ กินมาแล้ว ครับ
ผมถามว่ากินไรที่ไหนมา
แล้วผมก็สั่งข้าวราดหน้ากะเพราไก่ให้มัน พร้อมก๋วยเตี๋ยวน้ำอีกชาม
ผมก็เอาด้วยเหมือนกัน คนละสองไปเลย แถมกาแฟเย็น คนละแก้ว
ท่าทางมันเกรงใจผมมากเลย
ผมสังเกตเสื้อโค๊ตที่มันสวมใส่อยู่ ของเก่า สีดำ รุ่มร่าม ไม่ฟิตกับตัว
มีรอยขาดด้วย และไม่หนาเท่าไร
ตอนนั้นพวกที่หนาๆ แบบ down jacket ยังไม่มีมาก
ที่ใส่แล้วกันหนาวได้ ดีจริงๆ นะ

หน้าตามันซูปผอม ตาโหล แก้มตอบ ผอมเอามากๆ
มันไม่ได้ถอดโค๊ทออก
ผมเห็นเสื้อ sweater แบบมีฮูดปิดหัว สีเทาๆ อีกตัว ที่มันใส่อยู่
ผมไม่อยากถามไรมันมาก
แต่ก็ได้รู้ข่าวเรื่องของมันก่อนแล้ว และก็เคยเจอมันแบบผ่านๆ บ้าง แบบ เดินสวนกัน
แล้วมันหลบบ้าง

และอีกครั้งที่จำได้ เพราะครั้งแรกที่ไอ้เด่น มาเป็นแบบนี้
วันนั้น ผมนั่งกินกับแฟนผมที่ร้านนี้แหละ เจ้าเด่นเดินผ่าน
แฟนผมก็ให้ผมไปเรียก มันมากินด้วย
มันแค่เดินมายกมือไหว้แฟนผม เอ้อ เมียผมอะนะ
แล้วบอกไปก่อน เมียผมให้เงินไปยี่สิบ มันรับเงินแล้วไปต่อตามประสามัน
วันนี้ มันไม่ค่อยพูดเลย ไม่เหมือนก่อนนี้ ที่มันจะพูดเอาๆ มีไรมาเล่า มาบอก
เพราะมันนับถือผมกับเมียผมมาก เรารู้จักเจ้าเด่นนี้ ก็ตั้งเกือบยี่สิบแล้ว

แต่สมัยคนไทยที่นี่รุ่นผม ชอบเล่นโบว์ลิ่ง กัน มีจัดแข่งขันมีพนันขันต่อ
เอ้อ เอาแถมอีกนิดนะ ลูกเกด เมทินี นะตอนเด็กๆนะ
แกเที่ยววิ่งเล่น ในโรงโบว์ลิ่ง กับพ่อแก ที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่ผมอะ
คนนี้มีเค้าสวยอยู่ตั้งแต่เด็กแล้วละ
ใครๆ เรียกแกว่า เคที่ น่ารักมาก เหมือนจะเป็นเด็กไทยไม่กี่คนที่เกิดเมกา ช่วงนั้น

เจ้าเด่น ก็ชอบเล่นโบว์ลิ่ง มีเพื่อนมาก ใจสปอร์ต
เราคนไทยจะรวมกันเป็นกลุ่ม ไปเล่น
จนเจ้าของเลน รู้จักและชอบพวกเราคนไทยมาก
ทุกวันเสาร์หลังเที่ยงก็ไปกัน พาเมียพาลูกไปสนุกกัน
เจ้าของเลนจะปิดเลนจองให้เราสี่เลน เล่นได้ไม่จำกัดเวลา คิดตามเกม
ปิดแล้วยังเคาะประตูให้เปิดเลย
เราทำงานกลางคืนกัน เลิกงานก็ไปเล่นพนันกินเงินกัน
มีคนทำความสะอาดเฝ้าอยู่สองคน เราก็ไม่โกงนะคิดตามเกม เพราะพนันกัน
เล่นจนเช้า เจ้าของมาเปิดร้านเปิดเลนอีก
เราไม่เรื่องมากด้วย มีทิปให้คนเฝ้ากลางคืน
เจ้าของบอกใครเล่นได้สองร้อยแต้ม
ก็ให้ถ้วยทุกคนอีกต่างหาก

ไอ้เด่นตอนนั้น มันทำงานเก่ง หาเงินเก่งมาก ทำงานเป็น เชฟ ร้านอาหารฝรั่ง แถวอัพทาวน์
เจ้าของร้านชอบ และเกรงใจมัน
เหมือนว่ามันนี่แหละ ที่เอาตำราอาหารไทย ไปผสมอาหารฝรั่ง เป็นคนแรก หรือคนต้นๆด้วย
ร้านฝรั่งแบบไทยปนฝรั่งเศสนั้น
ไอ้เด่น ทำให้คนติด ฝรั่ง ดารา คนดังก็ชอบรสชาติฝีมือมันมาก
คนแน่น รอคิวยาว ทุกคืนดินเนอร์
เจ้าของร้านเอาใจมัน
เงินเดือนมันสมัยนั้น เรียกว่า มากนะ พันกว่าเหรียญต่อวีค และมีโบนัสพิเศษ อีก
มันมีฝีมือ พวกทำซ้อส ทำซุป เรียนเร็ว รู้รสหมดเหมือนพรสวรรค์อย่างหนึ่ง
มันใส่เมนูไทย เป็นspecial ทุกวันมีให้เลือก
ไทยสลัด ที่เอาน้ำจิ้มสะเต๊ะมาปรุง เป็นน้ำสลัด ผมเคยกิน
ขนาดเราคนไทยยังว่าอร่อยมากเลย
เมียผมฝากญาติที่เพิ่งมาจากเมืองไทยให้ไอ้เด่นหางานให้ แรกๆ ไม่มีงานอื่นนอกจากล้างจาน
ไอ้เด่นก็บอกให้ทนก่อน งานหนักมากๆ เลย
ญาติเมียผมคนนั้นเกือบจะบอกเลิกแต่วันแรกแล้ว
แต่วันรุ่งขึ้นไอ้เด่นก็ไปบอกเจ้าของ ดึงมาให้เป็นผู้ช่วยกุ๊กทั่วไป
ไอ้เด่นเห็นแววว่าสอนได้ ภายหลังก็สอนหมดไส้หมดพุงให้คนนั้น
จนอีกไม่ถึงปีต่อมา ญาติเมียผมก็ได้เป็น ซูเชฟ มือรองจากเชฟใหญ่
มือขวาไอ้เด่นนั่นเอง
ร้านก็ยังขายดี ไอ้เด่นเป็นที่โปรดปรานเจ้าของร้านมาก
จนมันมีสิทธ์ไล่เวทเตอร์ ที่งี่เง่ากับมัน
หรือทำให้มันไม่พอใจ

ร้านนี้ เวทส่วนมากเป็นเด็กหนุ่มๆ มีเป็นเกย์บ้าง ผู้จัดการก็เกย์ แต่เข้ากันได้ดีกับไอ้เด่น

อ้อ ขอบอกอีกนิด ไอ้เด่นมีอะไรที่เหมือนทีวีซีรีส์ ของฝรั่งเรื่องหนึ่ง barretta
นายพระเอกนักปราบ นักสืบนั้น จะมีนกแก้วเกาะบ่าเป็นเอกลักษณ์
ในบางช่วงอยู่ว่างๆ ไอ้เด่นก็มีนกแก้วเกาะบ่านะครับ
เพื่อนๆเลยให้ฉายามันว่า เด่น บาเรทตา ไปด้วย
หน้าตามันก็ใช้ได้ดูดีนะ แม้ตัวเล็กไปนิด
แต่ท่าที่เข้าคนได้ง่าย ยิ้มเก่ง พูดจาดี อ่อนน้อม ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของมัน
มันควงสาวฝรั่งคนโน้นคนนี้ให้เห็นบ่อยๆ
เพื่อนคนไทยก็มาก ไอ้นี่ใจ สปอร์ต เพราะได้งานเงินดี ชอบเลี้ยงเพื่อน
ตอนนั้นร้านอาหารไทย สองสามแห่งจะมีดนตรี นักร้อง ทุกคืนวันศุกร์ และเสาร์
ไอ้เด่นจะมากับพรรคพวก หรือลูกน้องที่ทำงานหลังปิดร้าน
ก็ดื่มกิน กันสนุก เฮฮา โดยไอ้เด่น จะเป็นเจ้ามือเกือบทุกครั้ง
แล้วสมัยนั้น ก็เริ่มการมาถึงของยาเสพย์ติด ชนิดใหม่
โคเคน ไงครับ
ผมขับรถก็ได้พบเจอ พวกติดยาทุกวัน นั่งรถไปซื้อยา ที่จุดโน้นจุดนี้
บ้างก็ไปนัดรับยา บอกให้คอยก่อน เดี๋ยวไปต่อ จนผมจะเรียกตำรวจหลายครั้งแล้ว
วัยรุ่น ทั้งดำ ขาว โก้ นิยมกันมาก ที่ปราบก็ปราบไป
มีมาเฟียมาเกี่ยวข้อง เป็นเหมือนที่เราๆ ได้ดูจากหนังหลายเรื่องนั่นแหละครับ
คนติดยานี่ พอขึ้นรถมาก็ตัวเหม็นมาเลย
ลงรถไปก็ทิ้งหลอดยาไว้อีก
ผมรังเกียจพวกนี้มาก

คนทำงานหนัก แต่รับเละแบบไอ้เด่น ก็ชักมีเพื่อนมากขึ้นด้วย
มีทั้งฝรั่งไทย สาวหนุ่ม พวกนี้ และทั้งผู้จัดการร้านเกย์คนนั้นด้วย
ก็เริ่มชักพาไอ้เด่นให้ได้ลองโคเคน
แรกๆ มันก็ค่อยเป็นค่อยไป นานเข้าๆ ชักติดแล้ว
ไม่สูบไม่ได้ แพงก็แพงหายากด้วย
เงินก็หมดไปกับความไม่ยั้งคิดของมันเอง งานที่ทำก็ชักอ่อนฝีมือ
อารมณ์ที่เคยดีๆปกติ ก็ไม่มี หงุดหงิด
ที่เคยคิดว่าเจ้าของร้านเกรงใจ
ก็ไม่ค่อยเหมือนก่อน งานที่ทำให้เขา ก็ชักเบี้ยวๆ ไม่สนใจ
พูดจาก็เพี้ยนๆเอาแต่ใจ
เงินที่เก็บๆไว้ ก็จ่ายไปกับอบายมุข และความอยากซ่า อยากดัง
เพื่อนฝูงก็ชักปล่อยๆทิ้งๆมัน
ข่าวมันและคนไทยหลายคน ที่ติดยานี้ เล่าลือกันไปทั่ว
บ้างที่เป็นคนขายยาไปเลยก็มี แต่คนที่รับรู้ก็กล่าวกันในทางรังเกียจ
เพราะคนดีๆที่มีสติยั้งคิดจะไม่หาทางลองเลย
ข่าวคราวและพิษร้ายของเจ้าพวกยาๆ ทั้งหลายก็มีให้เห็นทุกวัน
ญาติเมียผมที่เป็นมือขวา ของไอ้เด่น เกือบไปเหมือนกัน
ดีที่ว่ามีคนมาบอกเมียผมก่อน แค่กำลังจำหัด
แกก็ลาออกร้านนั้น ไปหางานร้านอื่นที่ทำเงินดีเป็นเชฟใหญ่
ด้วยฝีมือที่ไอ้เด่นฝึกปรือมา

หลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้เจอ ไม่ได้ข่าวไอ้เด่นอีกนาน
จนได้รู้จากข่าวที่เพื่อนๆ บอกกันต่อๆ ว่า
ไอ้เด่น ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีเพื่อน
ต้องนอนตามสถานีรถไฟใต้ดิน หรือหลบตัวเองตามมุมปั้มน้ำมันหรือกล่องลังขนาดใหญ่
บางวันเที่ยวคุ้ยเขี่ยอาหารจากถังขยะ
นานทีก็ไปเชลเตอร์ อาบน้ำ รับของแจก
เมื่อเห็นคนไทยก็รีบหลบแต่ไกล เพราะอาย
ผมยาว หนวดเครารุงรัง
มันเป็นอย่างนั้นนานมากเป็นปี สร้างความเวทนาแก่คนไทยที่พบเห็น
แต่ไอ้เด่นก็ยังมีไรที่หยิ่งๆในตัว เพราะทั้งหมดทั้งหลายไม่มีใครทำมัน มันทำมันเอง
พอใครจะขอเข้าไปช่วย มันจะไม่ยอมรับ มันจะหนี บอกว่าอย่ายุ่งกับมัน
ในที่สุด ทางเพื่อนๆทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก ทางสมาคมชมรมคนไทย และทางสถานทูตไทย
ก็หาทางจะช่วยให้มันหลุดพ้นจากการเป็นโฮมเลส
ได้ติดต่อทางบ้านที่เมืองไทย หากบอกนามสกุลมัน ทุกคนจะร้อง โอ้โห นะครับ
ตระกูลไอ้เด่นไม่กิกก้อกครับ
แต่ไอ้เด่นไม่เคยส่งข่าวคราวตัวเองตั้งแต่มาเมกา
ถึงใครเลย
นับจากวันที่คนทางนิวยอร์กร่วมด้วยช่วยกัน นำไอ้เด่นขึ้นเครื่องบินกลับ จนถึงทุกวันนี้
ไอ้เด่นมีชีวิตที่ดีกว่า ที่บ้านมันที่เมืองไทย
เป็นอีกคนที่ ทิ้งคราบชีวิตต่างแดน นิวยอร์ก
ทั้งยามมี ยามหมด ยามสุข ยามทุกข์ ไว้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกผู้คนที่ยังต้องต่อสู้กับวิถีชีวิต
ทั้งที่พบทางชีวิตที่ดีงามและที่ผิดพลาด หาทางไม่เจอ ที่กำลังจะหลงผิด
ให้รู้ถึงความเปลี่ยนแปลง ของชีวิต ที่เรากำหนดมันเอง ดีหรือชั่ว
วันนี้ เป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลกพอดี
เรื่องนี่ เอาไปคิดกันก็ดีนะครับ ไม่ว่าอยู่ไหน เมืองใหญ่ เมืองเล็ก
คิดและมีสติก่อนทำ
รู้ว่าผล จะมาจากเหตุ เป็นเหตุผล

ผมไม่ได้มีเจตนาเอาเรื่องนี้มาประจาน นายเด่น
ผมแค่อยากให้คนอ่านได้รับรู้ว่า การใช้ชีวิตอยู่เมกา
ไม่ได้น่าโก้ทุกคน ทุกอย่าง เช่น ที่คนเมืองไทยคาดไว้นะครับ
******..............................................................
****มีอัพเดทมาเพิ่มเติม เรื่องนายเด่นด้วยครับ****
เพื่อนผมคนหนึ่งได้กลับไปเที่ยวเมืองไทย เมือ่สองปีที่แล้ว
เพื่อนคนนี้กับ อีกรุ่นพี่คนหนึ่ง ชื่อพี่สมพรได้เป็นตัวตั้งตัวตี
ช่วยเหลือหาทางให้นายเด่น ได้กลับเมืองไทย
พี่สมพรเป็นผู้ที่นายเด่น เคารพนับถือมาก
ค่าตั๋วเครื่องบินผมมาทราบทีหลังว่า คุณสมพรเป็นคนซื้อ
ให้
เพื่อนผมคนที่ว่านี้ ก็ได้ไปเยี่ยมนายเด่นด้วย
นายเด่นเล่าให้ฟัง ถึงวันแรกที่เหยียบแผ่นดินเกิด
หลังจากที่จากมา ยี่สิบกว่าปี
ก็ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งถึงสามคืน
ไม่อยากโผล่ไปบ้านทันที
กลัวแม่จะตกใจ จะช๊อก ที่จู่ๆก็เห็นลูกชาย
ที่แม่รอมานานแสนนาน
แล้วพอวันที่สาม จึงโทรศัพท์เข้าไปถามลาดเลา
คนในบ้านรับสาย
นายเด่นถามว่า คุณ.. (ชื่อแม่)อยู่สบายดีไหม
คนในบ้านถามกลับว่าเป็นใคร
ไม่รู้มาก่อนหรือ ว่า คุณ..เสียชีวิตไปสามปีแล้ว
กลายเป็นนายเด่นช๊อกเสียเอง
เสียใจมาก ที่เอาชีวิตตัวเองมาจมอยู่ที่เมกา
ต้องเสียผู้เสียคน
ไม่ได้คิดถึงพ่อแม่ที่คอยถามข่าวลูก
คอยวันจะได้เห็นลูกชาย
จนแม่ตายไปก็ไม่ได้เห็นกัน แม่ ลูก
เพื่อนบอกข่าวให้นายเด่นรู้ด้วยว่า พี่สมพร ที่ช่วยนายเด่น
จนได้มาพบชีวิตใหม่
ก็เสียชีวิตแล้วด้วยหลังจากที่นายเด่นกลับมาได้ปีกว่า

นายเด่น ได้อุปสมบท อุิทิศส่วนกุศลให้คุณสมพร
หลังจากได้รู้ข่าวจากเพื่อนผมคนนี้







 

Create Date : 21 สิงหาคม 2548    
Last Update : 18 กันยายน 2548 16:13:22 น.
Counter : 799 Pageviews.  

33-ผู้ดีอังกิด... ตุ๊ย..

สวัสดีครับ ผมมาขับแทกซี่อีกแล้วนะครับ
ไม่ได้คิดทำเก่งเปลี่ยนไปเขียนแนวอื่นหรอกครับ
เรื่องล่าสุดนี่ ก็ทำเอาเขินไปเหมือนกันนา
ผมให้เมียผมอ่าน แกยิ้มๆนะ บอกว่า แหม โรแมนติกจังนะเธอ
ปีหน้าชั้นจะกลับไปให้ใครเค้าคิดอยาก
"โผเข้าหาอ้อมกอด"บ้างละ
ไปหาที่ the way we were ด้วยไง
ผมว่า โนพลอบแบลม หุหุ
ก็แถมไปว่า ที่จริงที่กล้าเขียนไปได้อย่างนั้น เพราะ
วันนั้น เป็น" วันแฟนเก่าโลก" แค่นั้นเองหรอก จึงเขียน
(world's x lovers day)
อีกสองเดือนก็เป็น "วันฉันรักเมียฉันโลก"
(world's i love my wife day)
ชั้นก็จะเขียนให้เธออ่านแน่นอนอยู่แล้ว
หุหุ วันที่ว่านี่ มีจริงไม่รู้นิ

เอ้อ ที่จริงนะ คุณ บอกอ สนพแห่งหนึ่งนะแก เมล์มาบอกผมว่า
ลองเขียนแบบเรื่องสั้น บ้างสิ
ผมว่าไม่อาว เขียนไม่เป็น จะให้แต่งแบบนิยายสั้นๆ
แบบให้มีนางเอก พระเอก มีธีม มีจุดหักรักชื่นขื่นขม
แค่ผมคิด ตั้งชื่อตัวลครผมก็ว่ามันฝืนๆและขำๆแล้ว ดูเอาจริงเกินไป ม่ายอาว
แบบที่คนเขียนเป็น เค้าเขียนกันนะครับ ผมไปอ่านที่ห้องถนนนักเขียน ลองดูนะ หุหุOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
........" นี่เราฝันไปหรือเปล่า โอ ทุกอย่างจะเป็นความจริงแน่แล้วหรือ"
ทันทีกับความรู้สึกได้ ถึงส่วนลึกที่แอบซ่อนไว้คู่กับหัวใจตนเองมานาน
พจมานหยิบภาพเขาของเธอคนนั้น จากโต๊ะเล็กข้างเตียง
ค่อยๆบรรจงเอาภาพนั้นแนบกับอก
ตากลมซึ้งใสบริสุทธ์ ส่อประกายแวว
" เขาจะได้เป็นถึงผู้นำของประเทศแล้วสินะ
โอ นายกรัฐมนตรี.....
แค่คำเรียกก็ดูสูงส่งนัก..
เกินจะกล่าวเรียกกันได้ง่าย ๆแล้ว.."
หล่อนเลื่อนมือ ขยับภาพแสนหวงนั้นไปตรงหน้า
ตาก็เพ่งพิศจ้องไปที่ภาพถ่าย จ้องตา จมูก ปาก หู
....บอกฉันหน่อยสิ ทำไมเธอดีอย่างนั้นแล้ว เธอต้องหล่ออีกด้วยละ
เธองามนักนะ รู้ไหม ทุกส่วนช่างเหมาะเจาะนัก กับรูปหน้าใบเหลี่ยมของเธอ
" โอ โอ ฉันรักเธอ ทักษิน ได้ยินไหม ฉันรักเธอ แม้ว "
อ๊วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก แหวะ อิวส์ แยกส์ โอ มายก้อดซิลล่าาาาาาาาาาาา
........................................................................................................................................................................
ผมจะรู้สึกพิกลๆปนขำทุกครั้ง ที่ได้เห็น หนังสือพิมพ์ของบ้านเรา
ไม่ว่า หัวเขียว หัวแดง หัวดำขาว ที่เขาเรียกสมญานามประเทศต่างๆ
โดยเฉพาะจากหน้าข่าวกีฬา จะมีมากที่สุด
นักเตะผู้ดี นักเตะฟรีเซ็ก นักเตะโสม นักเตะโคเคน นักเตะปลาดิบ
นักเตะเมืองเบียร์ นักเตะน้ำหอม นักเตะแซมบ้า นักเตะกระทิงดุ
นักเตะกังหัน นักเตะมักกะโรนี นักเตะโรตี
หรือบางทีก็มีเป็นหัวข่าวหน้าหนึ่ง ที่ไม่เกี่ยวกับกีฬาก็มี
แบบรู้กันว่าหมายถึงประเทศใด
ลอดช่อง เสือเหลือง หม่อง ยุ่น
ไอ้คำเรียกที่ฟังออกในทางลบนั้น ที่จริงเราไม่น่าไปเรียกเขานะ
เช่น โคเคน แทนโคลอมเบีย
ฟรีเซ็ก แทน สวีเดน
พอทางเขา กล่าวไรในทางไม่ดีต่อประเทศเรา เราคนไทยก็ไม่ชอบใจ จะโกรธ จะคิดว่าเขาดูถูก
เช่น ไทยแลนด์แดนเซ็ก ไทยแลนด์แดนยาเสพย์ติด
ดีที่ว่า คนทางประเทศนั้นๆเขาไม่บ้ายุบ้ายอ นิดหน่อยก็โกรธเหมือนเรา
เรียกได้เรียกไป หรือเขาไม่สนใจไม่คิดมากก็ไม่รู้
แต่หากไปบอกคนจากประเทศนั้น แบบเฉพาะตัว เขาก็คงไม่ชอบใจนักละนะ
ที่เราไปดูเขาผิดๆ อย่างนั้นตามกันมาแต่ไหนแต่ไร

ก็นานนักหนามาแล้ว สมัยนั้น
คนไทยไม่ได้อยู่ ไม่ได้ไป เมืองนอกมากมายกันเหมือนตอนนี้
พวกนักข่าว นักหนังสือพิมพ์ ่ที่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตามีไม่มาก
ที่ได้ไป ก็นำเอาเรื่องที่ตนเองได้เจอแค่ส่วนหนึ่ง ภายในเวลาไม่กี่วัน
มาเล่า มาเขียนไปคิดเอาว่า เมืองฝรั่งเขาฟรีเซ็กแบบไม่รู้จริง
ให้คนอ่านรับรู้ไปเองว่า
โอโห น่าไปเที่ยวนะ ฝรั่งมันฟรีๆกันอย่างนั้น
แปลกที่ว่า คนหนังสือพิมพ์รุ่นหลังๆนี่ก็ยังเรียกกันอยู่ได้ เชยมากๆๆ
เอ้อ หากจะเขียนเป็นเรื่องเล่า สั้นๆเรียกไปบ้างประกอบเรื่องก็ไม่ว่ากัน
แต่นี่เอามาเรียกเป็นพาดหัวหน้าหนึ่ง ทำไมไม่ใช้ชื่อประเทศตรงๆเล่า เอ้อ
นี่หากมีการแข่งฟุตบอลโลก คราวหน้า เตรียมตา เตรียมหูไว้เลย อาจจะมี

กระทิงซัดเบียร์กระจุย ( สเปน6 เยอรมัน0)
ผู้ดีกินข้าวเหนียวไม่ลง ( อังกฤษ 0 ลาว0)
มักกะโรนีเฉือนปลาดิบ ( อิตาลี่ 2ญี่ปุ่น1)
เสือเหลืองสับโสมขาวเตรียมเจอโสมแดง (มาเลเซีย3 เกาหลีใต้1)
น้ำหอมยำลอดช่องเละ (ฝรั่งเศษ5 สิงค์โปร์1)
ปลาดิบ โสม โคเคน ฟรีเซ็ก เข้ารอบชิง - สี่ทีมนี่มันจะชิงไรแน่ ฟังแล้วฮึดดีนะ

ที่น่าหมั่นใส้มากที่สุดสำหรับผมคือ
การเอาลักษณะนิสัย ของคนแค่กลุ่มหนึ่งมาเรียกแทนประเทศ
ให้ดูเหมือนว่า ประเทศนี้ โห แมร่ง
คนทั้งประเทศไม่มีไอ้ เห้ๆเลย
ประเทศไหนรู้นะ อังกฤษ เมืองผู้ดี
ตุ๊ย ถุ้ย ทุ๋ย ผู้ดีอังกฤษ
โธ่เอ้ย งี่เง่ามาก ผู้ดีมานานแล้วสิ
ไปล่าเมืองขึ้น ไปตั้งระบบเอาเองกับคนพื้นเมืองเขา
สอนเขาให้มีมรรยาท แบบผู้ดี
นักเรียนนอกคนไทยรุ่น ที่ตายไปหมดแล้วมั้ง
ก็ไปยกตูดผู้ดี เอาความโก้แบบผู้ดีอังกฤษมาอวดกับ คนที่ไม่เคยไปกัน

ประเทศลาวก็มีผู้ดี เขมรก็มี ไทยก็มี รัสเซีย จีน เปรู โบลิเวีย
เมกา แคนาดา โอ้ย มีหมดแหละผู้ดี ในโลกนี้
ไอ้ที่เห้ๆ ผู้ไม่ดี ก็พอๆกันหรือมากกว่า ทั้งที่อังกฤษ
หรือที่ลาว ที่ไทย ที่ไหนมีหมดเหมือนกันแหละ
มันดูกันตรงไหนนะ ที่เรียกชาวอังกฤษประเทศเดียว ว่า ผู้ดี
ไม่ไปเรียกใครไทยลาวชาวไหน ในทางลบๆก็พอแล้ว
อย่าไปเอานิสัย ความประพฤติ ของกลุ่มน้อยๆมายกเอา ว่า ผู้ดีเลย หมั่นใส้อะ

นี่เขียนๆนี่ เกิดมีคนไทยที่รู้จัก หรือมีแฟนเป็นชาวอังกฤษ
มาทักท้วงว่าผมมีอคติ กับคนอังกฤษอีก
ต้องกันไว้ก่อนว่า คนอังกฤษที่คนไทยเราคบได้
และคนอังกฤษที่คบคนไทยเราได้
นั่น ผมว่ามันต้องดีพอสมควรแล้วละ
แบบนี้ยกไว้ ครับ ถึงไม่ผู้ดี ก็ไม่ผู้เลวนักนะครับ
แบบนี้ขอให้จงเจริญและคบกันได้ต่ออย่างดีครับ

ไม่ได้ครับ เล่นเรื่องแบบนี้หากไม่ละเอียด
บอกกันชัดๆว่า ที่ไหนก็มีหมดละ ทั้งผู้ดี ผู้ไม่ดี
คนไทยเรา เกิดคิดมาก เดี๋ยวมาชวนให้ทะเลาะกันเปล่าๆ กลัวแล้ว
หวังว่าคงเข้าใจนะครับ
โฮ๊ะ หยู่ อั่นเดอะแต่น แท้กิ่ว โซ๊ มั่ช อิ่นดี๊ด (สำเนียงบริทิช อิงลิช หุหุ โคตรฟังยาก )
......................................................................................................................................................
คืนหนึ่ง หน้าร้อน(อีกแหล้ว )
ผมรับคนจากถนน14th.Street ระหว่าง3rd.Avenue กับ2nd.Avenue
เป็นหญิงชายวัยค่อนข้างแก่ นะครับ
แต่งกายดี ภูมิฐาน ทั้งคู่สมเป็น Lady and Gentleman
คุณผู้หญิงอยู่ในชุดราตรี มีหมวกปีกกลมสีขาวอยู่บนหัวซะด้วย
คุณผู้ชายก็ใส่แบลกไท ดูสง่าราศรีดี
ฝ่ายชายเปิดประตูด้วยมาดสุภาพบุรุษ ผายมือเชิญคุณผู้หญิง
ปิดประตูให้เบาๆ แล้วพาตัวเองอ้อมมาเปิดประตูขึ้นรถทางด้านขวา
หุหุ เสียเวลานิ นิวยอร์กเกอร์ไม่ค่อยทำหรอกแบบนี้
มีแต่ที่เห็นจะดันตัวแม่คุณขยับไปแล้ว รีบขึ้นรถปิดประตูปัง
เอ้า แบบนี้ต้อง Greet พิเศษหน่อย แทกซี่กระเหรี่ยงเป็นเหมือนกันนะ
"Good evening Madaam ,Sir...How 're you doing?"
ไม่ต้องตอบหรอก ถามต่อ

"And your destination is.............Sir..."
ท่านหลอด เอ้อ หลอดดูดเน่ แทนที่จะกล่าวทักบ้าง ตามมรรยาท
สั่งงานด้วยสำเนียงขึ้นจมูก แบบรู้เลยว่ามาจากไหน
สำเนียงนี้ ตอนเป็นเวทก่อนนี้ ทั้งเราคนไทย หรือคนเมกัน
กว่าจะฟังออก ต้องตั้งใจเป็นพิเศษ
" ลา รีแวร์"
ผมออกรถ ช้าๆ แต่ต้องหันมาถามก่อนเพราะใกล้ถึงมุมถนน
จะได้จัดการเลี้ยว ซ้ายขวาหน้าตรงได้เลย
ที่นายหอยหลอดนั่นบอก ผมฟังไม่ออกนะ และไม่รู้ด้วยว่าอยู่ไหน
ผมถามว่า " Any idea of the location?"
" Driver.. you're supposed to know "
" But, I am sorry I 've never heard of ..is it a restaurant or a bar or.a .?"
เอ้อ เขียนไทยดีกว่ารำคาญนิ ไม่ได้เล่าให้ฝรั่งฟังนิ
เซ่อร์หรือหลอดดูด แทนที่จะรีบๆบอกจะได้ไปกันเร็วๆ
กลับว่า "London taxi drivers know all ,never have to ask "
เอ ไรกันหว่า แปลกคนมาต่อล้อต่อความอยู่ได้
ผมเลยว่า นี่นิวยอร์กนะเซอร์ มีร้าน มีบาร์เป็นพัน
หากที่ๆไม่ดังเท่าไร ไม่มีใครรู้จักหมดหรอก
แต่ก็มีหนังสือคู่มือ หากจะเปิดดูก็รู้
ท่านหอยหลอดกับแม่เลดี้ทำหน้าไม่พอใจมาก เอ่ยมาคนละคำว่า
"Stupid .....Foolish"
อ้าว ทำแบบนี้ได้หรือ เป็นนักท่องเที่ยวเอง น่าจะฉลาดหน่อย
มาทำไรโง่ๆรังแต่จะมีเสียท่าเดียว
ผมยัวะแล้วนา บอกว่างั้น ยูลงไปหาคันอื่นละกัน
ไอ้หอยหลอดกับเลดี้ไดอาเน่า บอกโน
ผมบอกว่าหากยูจะไปก็บอกมาอยู่ที่ไหน ก่อนไอจะเทิร์นจะตรง
"Go up third make a right at forty eighth"
โห ดูมันสิ แทนที่จะรีบๆบอกแล้วไปเร็วๆ กลับมาด่าแทกซี่
เอ้า ผมก็ไปตามนั้น แต่ ไรวะ ยังด่าอยู่ได้ ท่ามันจะ เหยียดไอ้ผิวเหลืองอย่างเราด้วย
ผู้ดีผู้เห้ไรวะ มันย้ำแต่ว่า สติวปิด ฟูลิช ไดรเวอร์
ผมชักทนไม่ไหวแล้วโว้ย
"FCUK YOU STUPID FOOLISH OLDMAN...
AND YOU LADY.. YOU 'RE UGLY OLD BITCH"
หุหุ สองคนนั้น ท่าทางโมโห ด่าตอบอีกยาว เลย จำไม่ได้หมดอะ
แล้วจบด้วยว่า ไอจะรีพอร์ท ยู แล้วอ่านชื่อผมจากใบขับขี่ที่ติดไว้ตอนหน้ารถ
" Give me a pen "ขอปากกาจากผมด้วย
บ้าแล้ว ไอ้แก่อีแก่นี่ ผมว่าไป
"The more you talk ,the more stupid you are,
Me..ha ... give a pen to you to write a complain against me
You must be a real fcuking foolish Briton
FCUK YOU ...get your own "
ก็ด่ากันมาตลอดทางนะ เกือบถึงแล้ว ไอ้อิงลิชคู่บ้านี่ จึงเงียบ
คงคิดไรแล้วกลัวผมนะ ว่าผมอาจทำบ้าอะไรก็ได้
หลักการอยู่เมืองนอกนี่ง่าย ใครกัดมา ต้องอย่าเฉย กัดตอบไปเลย
แล้วก็มาถึง La Riviere จนได้ในที่สุด

หุหุ ผมว่าไอ้แก่อีแก่นี่ ต้องเข้าใจไรผิดแน่
นี่มันคลับของชาวเฮตินีหว่า ใช้ภาษาครีโอล์ปนฝรั่งเศษด้วย
เห็นพวกผิวดำหญิงชาย ออกันเต็มหน้าคลับ
ผมนึกได้ทันที โธ่เอ้ย มันไปหลงจำมาผิดเองแน่เลย
มันน่าจะเป็น ร้านฝรั่งเศษ LE RIVAGE ร้านนี้ดังใครๆก็รู้จัก
อยู่ถนน48 เหมือนกันแต่อยู่ด้าน WEST ระหว่าง 8-9th.Avenue
ไอ้หลอดกับอีแก่หอยเน่า จ่ายเงินค่าโดยสาร ไม่ทิปหรอก
ผมไม่อยากได้จากมันด้วย ก่อนลงรถยังตอดอีกนะ
"You IDIOT "
ผมเห็นสองผู้ดีหมาไม่แดะ ลงรถไป แต่สีหน้าทำงงๆ กับสถานที่
ทำไมไอ้มืด มากจังมั้ง หุหุ สมน้ำหน้า
ผมกดล๊อกประตู แล้วจอด ดูอยู่ ยังไม่ออกรถ
อยากรู้ว่าไอ้อังกฤษคู่นั้นจะ เอาไงต่อ
สักพักหนึ่ง ผมก็เห็น ทั้งคู่รีบมาที่รถผม
แต่ผมล๊อกประตูไว้ มันเปิดไม่ได้
มาที่หน้าต่างทำท่าบอกให้ผมกดเพาเวอร์ให้กระจกลง
ผมก็โอเค เอาลง ไอ้แก่ผู้ดีก็ยื่นหน้ามาพูดกับผม
" Wrong place driver"
ผมบอก "I knew ,but ..good for you..
tonight there will be a SPANKING WHITE ASSES NIGHT here.. ah ha
ENJOY it okay ...stupid"
ขำโว้ย ผู้ดีหน้าเสียทั้งคู่ ฝ่ายหญิงนี่ ท่าเหมือนหวาดๆเลยนะ
แล้วท่านหลอดปากหมาก็ กล่าวกับผมว่า
"Can you take me to LE RIVAGE please "
ผมหัวเราะดังเลย นี่แหละนะ ปากหมาพาตาย
ด่ากรูมาตลอดทาง เป็นแค่ทัวริสท์ทำมาซ่า
ผมว่าหากเป็นคนขับไอ้มืด หรือไอ้ขาวเมกัน
ไอ้ผู้ดีเห้ๆนี่จะไม่กล้า
ผมเลยบอกไปว่า
"SORRY SIR,MADAAM,
WAIT FOR YOUR LONDON CABBIE OKAY..
have a GOOD FCKING NIGHT"
หุหุ แล้วชายหนุ่มก็ใส่เกียร์ กระชากรถออก.......
















 

Create Date : 17 สิงหาคม 2548    
Last Update : 18 กันยายน 2548 16:12:22 น.
Counter : 977 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  

smartupid
Location :
New York United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




กรุณาตรวจตราสิ่งของก่อนลงจากรถไป แค่ลืมหัวใจไว้ในรถ คนขับก็สดชื่น.... โอ่เค้
Please check your belongings before leaving my cab, just leave your heart here ...Thank You
Friends' blogs
[Add smartupid's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.