~:~ SM.tale ~:~
|
|||
Deleted Scene :: Take IV - Start - [4.3]
Deleted Scene ::Take IV - Start - (continued)
อั่ก!!!
ร่างของข้ากระแทกลงบนพื้นหินทันทีที่พระเชษฐาจอมปลอมปล่อยมือ แรงเหวี่ยงกระแทกนั้นทำให้ร่างของข้าไถลไปอีกนิดหน่อย แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันเจ็บสิ้นดี วินาทีเดียวกันนั้นข้าเห็นแววเสียใจปรากฏขึ้นวูบหนึ่งในดวงตาสีฟ้าของธอร์
อ..อึก...ฮะ ฮึๆ ฮ่าๆๆๆๆ
อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับความโง่เง่าของพระเชษฐาแห่งตน ยิ่งไปกว่านั้น...คือหัวเราะให้กับความขลาดเขลาของข้าเอง
ข้าควรรู้...ควรรู้ดีอยู่แก่ใจ ข้าไม่ควรยอมให้ตนเองถูกเขาเจอตัวเลย
เทซเซอแรคต์อยู่ที่ไหน เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
ข้าก็คิดถึงเจ้าเหมือนกัน
ข้าเหมือนอยู่ในอารมณ์ชวนหัวรึไง!
ท่านไม่อยากหัวเราะแต่ข้าอยากนี่
ยิ่งเขาหงุดหงิดเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งรู้สึกอยากหัวเราะขึ้นเท่านั้น และไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของข้าจะยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดร้อนรนเพียงใด เพราะข้าไม่มีเค้าแววของผู้ปราชัยเลยแม้แต่นิดเดียว และธอร์ย่อมรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถเข้าถึงตัวข้าได้จริงๆ หาใช่เพียงภาพลวงตา แน่นอนว่าไม่นับวันเวลาอันแสนยาวนานซึ่งข้าแฝงตัวอยู่ในวาลฮาลลาประหนึ่งเงาที่ไม่มีผู้ใดสามารถจับต้อง ถ้าทำได้...เขาคงอยากตีข้าให้สลบแล้วพากลับไปเสียเดี๋ยวนั้น
แต่หากจะมีผู้ใดที่ข้าไม่เคยจะคาดเดาการกระทำของเขาได้ คนผู้นั้นคงเป็นธอร์ เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ใช้สองมือจับไหล่ของข้ากระแทกเข้ากับแผ่นหินเบื้องหลัง กักร่างของข้าเอาไว้ในวงแขนแข็งแกร่ง มองสบลงมาด้วยดวงตาเป็นประกาย...ข้าอ่านอารมณ์เขาไม่ออก หรือต่อให้อ่านออกมันก็เป็นเรื่องที่ข้าไม่ปรารถนาจะรับรู้
นึกว่าเจ้าสิ้นแล้ว...
แล้วเศร้าไหมล่ะ ข้าเหยียดยิ้ม เอ่ยคำถามซึ่งตนเองรู้คำตอบดี
เศร้ากันทั่ว บิดาของเรา...
บิดา...ของเจ้า... ข้าเอ่ยขัดกลางประโยค และไม่คิดจะรอฟังเขาพูดจนจบ ไม่ ข้าไม่ต้องการ ไม่ว่าจะคำพูดโน้มน้าวใดๆ ก็ไม่อาจทำให้ข้าเปลี่ยนใจได้
เราสองถูกเลี้ยงมาด้วยกัน เล่นด้วยกัน ออกศึกเคียงบ่าเคียงไหล่ เจ้าจำไม่ได้เลยเหรอ!?
...อดีตนั้นช่างแจ่มชัดนักพี่ข้า...และต้องขอย้ำอีกครั้งว่าความจำของข้าดีกว่าท่านมากมาย
จำได้แต่ความมืด เพราะอยู่ใต้เงาความเก่งกาจของเจ้า และยังจำได้ เจ้าโยนข้าลงขุมอเวจี
ข้าผู้เป็นอดีตราชาและคู่ควร!
รู้อะไรไหม เมื่อเจ้ายืนอยู่ในความมืด มืดสนิทจนมองไม่เห็นสิ่งใด อย่างแรกที่เจ้าจะเห็นได้ท่ามกลางความมืดนั้นหาใช่ฝ่ามือของตนไม่ ...หากแต่เป็นแสงสว่าง
แม้มันจะเล็กจ้อยเพียงใดก็ตาม
และผู้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดนั้นคือข้าเอง ท่านเข้าใจหรือไม่ พี่ข้า
ก็เลยจะทำลายดาวที่ข้ารักเพื่อชดเชยปมด้อยในใจอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง โลกอยู่ใต้การพิทักษ์ของข้า โลกิ!
ถ้อยคำของพระเชษฐาผู้โง่เง่าเริ่มทำให้ข้าโกรธขึ้นมาเล็กน้อย ท่านรักดาวดวงนี้มาก ท่านปรารถนาจะพิทักษ์มิดการ์ดให้พ้นจากเพศภัยทั้งปวง หากท่านไม่คำนึงถึงผลที่อาจจะตามมา!
ฮ่าๆๆๆ เจ้าพิทักษ์โลกได้อย่างดีน่าสรรเสริญยิ่งนัก มนุษย์ฆ่ากันเป็นผักปลาโดยที่เจ้าได้แต่นั่งทนดูไปวันๆ! ข้าจะปกครองพวกเขามันไม่ดีตรงไหนกัน
ข้าจะบอกเจ้าเลยก็ได้ว่าถ้อยคำนั้นมีเพียงความลวง เพราะหนึ่ง ข้าไม่คิดจะปกครองมิดการ์ด เป็นราชาของเหล่ามดจะได้อะไรขึ้นมาเล่า? รังมดรึไง ข้าจะเอามันไปทำอะไรมิทราบ?
และสอง...
...ข้าคิดว่า...ยังไม่บอกตอนนี้คงจะดีกว่า
คิดว่าเจ้าเหนือกว่าพวกเขาเหรอ
แน่นอน
งั้นเจ้าก็พลาดสัจธรรมการปกครองแล้วล่ะ เจ้าไม่คู่ควรครองบัลลังก์
เมื่อได้ยินถ้อยประโยคนั้น ข้ายอมรับว่าตนเองรู้สึกโกรธ...โกรธมากทีเดียว ที่ธอร์พูดราวกับว่าเขาฉลาดกว่าข้าเสียมากมายทั้งที่ความจริงแล้วมันตรงกันข้าม และเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัว!
...บางครั้ง...เมื่อย้อนนึกดูแล้วข้าก็สงสัย...เหตุใดกันคำพูดของธอร์จึงสั่นคลอนอารมณ์ของข้าได้มากมายถึงเพียงนี้...
ข้าได้เห็นหลายพิภพที่เจ้าไม่รู้จัก ข้าโตแล้ว! เจ้าบุตรแห่งโอดิน จากการพเนจร ข้าได้เห็นพลังแท้จริงของเทซเซอแรคต์! เมื่อข้าคุมมันได้...
ใครให้ดูพลังของมัน! ใครชักใยกษัตริย์จอมปลอม!! ธอร์ตวาดกร้าว ตัดบทซึ่งข้าบรรจงเขียนขึ้นอย่างหยาบคาย และง่ายดายจนน่าหัวร่อ
ข้าคือกษัตริย์ตัวจริง!!
ไม่ใช่ที่นี่! ส่งเทซเซอแรคต์มา! ละทิ้งความฝันอันตรายของเจ้าซะ!!! มือซึ่งกุมไหล่ข้าเอาไว้บีบแน่นสั่นเทา ธอร์ยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าขาวซีดของข้าอย่างแผ่วเบา อารมณ์ที่ส่งผ่านจากปลายนิ้วหาใช่ความเกรี้ยวกราดเช่นที่ควรเป็น...หากมันกลับ...เป็นความทุกข์ระทมและห่วงใย...
...อุณหภูมิของมือนั้นรุ่มร้อนมิต่างจากไฟ...
...กลับคืนบ้าน...
...แทบแผดเผาให้ยักษ์น้ำแข็งเช่นข้าหลอมละลาย...
ฮึ ข้าไม่มีหรอก
ข้ายิ้ม...คงมีเพียงตัวข้าเท่านั้นที่รู้ว่าต้องใช้ความพยายามมากมายเพียงใดจึงสามารถฉีกรอยยิ้มออกมาได้ ขอบตาร้อนผ่าวยิ่งกว่าสัมผัสจากฝ่ามือหยาบกร้าน...หากข้าจะไม่มีวันหลั่งน้ำตา...
ไม่มีวัน
ข้ารู้ดีว่าวาจาของตนนั้นร้ายกาจเพียงใด มันแผดร้อนดั่งพิษแห่งโยมุนกันด์[2] ฝังลึกลงในใจสร้างบาดแผลร้าวรานยิ่งกว่าเขี้ยวของเฟนริลร์[3] และมอบเพียงความสิ้นหวังแสนมืดมิดยิ่งกว่านิฟไฮม์แห่งเฮล[4]
ธอร์มีสีหน้าเจ็บปวด ขณะที่ข้าได้แต่เพียงแสยะยิ้มด้วยดวงใจค้างแข็ง ด้านชาเช่นนี้ก็ดีแล้ว มิเช่นนั้นข้าคงโดนวาจาแห่งตนกัดกินจนสิ้นสูญทั้งวิญญาณ
...ข้าไม่มีวันยอมถอยหรอก ธอร์ ข้าได้เลือกจุดจบให้ตัวเองแล้ว...แม้กระทั่งท่านเองก็เป็นเพียงหมากให้ข้าจับเดินเท่านั้น...
ข้ามิอาจปล่อยให้พี่ชายพาตัวกลับไปตอนนี้ได้...นั่นไม่ใช่จุดหมายปลายทางแห่งข้า ดังนั้นข้าจึงได้แต่ถ่วงเวลารอให้มนุษย์สองคนนั้นมาถึง
และข้าก็คิดว่าน่าจะทำมันได้สำเร็จ...อย่างน้อยก็คาดเดาได้จากปฏิกิริยาของชายเบื้องหน้าที่ยกมิโอลนิร์ขึ้น หากข้ากลับเอ่ยต่อราวกับมิกลัวเกรงในพลังอำนาจของค้อนแห่งราชา...ซึ่งข้ารู้ดีว่ามันสามารถปลิดชีพข้าได้อย่างง่ายดายเพียงใด
เจ้าต้องใช้ลูกบาศก์ส่งข้ากลับ แต่ข้าปล่อยมันไปแล้ว ที่ไหนก็ไม่รู้
ธอร์เงื้อค้อนไว้เช่นนั้น หากกลับไม่อาจหักใจฟาดมันลงมาได้ ข้ารู้ รู้ดีว่าเขาเป็นเช่นนี้ และเพราะเขาเป็นเช่นนี้เอง ข้าจึงไม่อาจปล่อยมือจากเทซเซอแรคต์ได้ลง...จนกว่าจะถึงเวลา
ท้ายที่สุดแล้วมือแกร่งนั้นก็ลดมิโอลนิร์โดยที่ข้าไม่มีความจำเป็นต้องกระทำสิ่งใดเลย ธอร์พยายามสะกดกลั้นอารมณ์อยากฟาดข้าให้สลบแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายกำลังพูดกับเด็กที่เข้าใจอะไรได้ยากเย็นเสียเหลือเกินว่า เจ้าฟังให้ดีนะน้องข้า! ข้า...
ข้าไม่มีโอกาสได้รู้ว่าธอร์จะเอ่ยอะไรต่อ...เพราะร่างสีแดงที่ปรากฏในครรลองสายตา ชั่ววินาทีเดียวกับที่เกิดเสียงปะทะขึ้นดังลั่น ได้พาร่างของเทพแห่งสายฟ้าให้หายวับไปจากเบื้องหน้าในทันควัน
ข้ากะพริบตาปริบ ก่อนยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความขบขัน ต้องขอขอบคุณ --ยอดมนุษย์-- อีกครั้งที่ได้ช่วยข้าไว้จากเงื้อมมือของธอร์
...
ข้าฟังอยู่
เมื่อทอดสายตามองลงไปเบื้องล่างก็สามารถเห็นแสงแปลบปลาบ รวมทั้งท้องฟ้าที่คำรามครั่นครืนได้อย่างชัดเจน ข้าทรุดกายนั่งลงบนโขดหิน เท้าคางมองแสงนั้นพุ่งใส่กันไปมาอย่างเบื่อหน่าย จนสุดท้ายแล้ว...ดูเหมือนว่าธอร์จะต้องการรักษาฉายาจอมทำลายล้างของตนเองไว้ให้ดีเยี่ยมไร้ที่ติ ผืนป่าสีดำเบื้องล่างจึงราบพนาสูรกลายเป็นสถานที่ล้านเลี่ยนเตียนโล่งไปในพริบตา
ข้าที่เฝ้ามองอยู่อดพึมพำไม่ได้ว่า ...พวกบ้าพลัง...
--- † --- † --- † --- † --- † --- † --- † --- † --- † ---
[2] โยมุนกันด์ ตามตำนานคืองูยักษ์ที่เป็นลางบอกเหตุถึงวันแร็กนาร็อก (เกมที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกันดีนั่นแล...ข้าพเจ้าไม่ได้ดักแก่ใช่ไหม...) ซึ่งเป็นวันมหาสงครามเทพ(โอดิน)และยักษ์(โลกิ) โยมุนกันด์เป็นลูกของโลกิ(ตามตำนาน) ถูกโอดินโยนทิ้งลงทะเลเพื่อป้องกันเหตุแร็กนาร็อก ขนาดตัวของโยมุนกันด์ยาวจนโอบมิดการ์ดได้ทั้งใบ ตามตำนาน ในวันแร็กนาร็อก ธอร์สังหารโยมุนกันด์ได้ แต่ก็จะถูกพิษของมันจนตายตกตามกัน
[3] เฟนริลร์ หมาป่าสีดำขนาดใหญ่ หนึ่งในบุตรของโลกิ เป็นลางบอกเหตุถึงวันมหาสงครามจึงถูกเทพจองจำเอาไว้ด้วยตรวนที่สร้างโดยคนแคระ ในวันแร็กนาร็อก เฟนริลร์คือผู้สังหารโอดินและกลืนกินลงไป แต่ก็จะถูกวีดาร์(บุตรของโอดิน)สังหาร แก้แค้นให้แก่บิดา
[4] เฮล บุตรีของโลกิผู้มีร่างครึ่งหนึ่งเป็นศพ เฮลก็เป็นหนึ่งในลางบอกเหตุที่จะทำให้เกิดสงครามแร็กนาร็อกขึ้น จึงถูกโอดินกักขังไว้ในนิฟไฮม์ ในวันมหาสงครามเฮลไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรง แต่คนตายในดินแดนของนางจะเข้าร่วมกองทัพกับโลกิเข้าห้ำหั่นกับเหล่าเทพ (ผู้ที่ไม่ได้ตายในสงครามจะมาอยู่ที่นิฟไฮม์ ส่วนนักรบผู้ตายจากสงครามจะไปอยู่ที่วาลฮาลลาเป็นกองทัพให้แก่โอดิน)
สุดท้ายนี้ก็...ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์ล่วงหน้านะคะ >__<,,
ฝันวายราตรีสวัสดิ์ค่ะ! ปล. ตัดเนื้อหาทอล์กออกเพราะคำเกิน T__T แงงงงง อ่านแบบเต็มๆ ได้ที่นี่ค่ะ >> //bit.ly/Mc8Ark |
SM.tale
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
มึนนิดๆเลย
แบบว่า ทำให้โลกิ(ซึ่งที่จริงเป็นตัวร้าย)
กลายเป็นพ่อพระไปเลยยยย 5555
ช่วงนี้บ้าโลกิเอามาก หาฟ้งหาฟิคอ่านหายใจเข้าออกเป็นโลกิๆ
แต่ฟิคนี้เจ๋งสุดเลยอะจริงๆ มันเนียนเรียบเข้ากับเนื้อเรื่อง
ดูมีเหตุมีผล (ถึงจะแปลกๆตรงที่โลกิไม่เกรียนก็เหอะ5555)
ภาษาก็งดงาม แถมยาวดี
อ่านแล้วแฮปปี้มีสุขอย่างมาก
ขอบคุณที่แต่งมาให้เสพ ปลื้มมม
ปลื้มพี่กิพี่ธอร์ฟิคนี้จริงๆ
ว่างๆมาอัพต่ออีกน้า