Bible's Error

ตัวอย่างข้อผิดพลาดในบท ปฐมกาล (Genesis ) -1

เรื่องการสร้างโลก

ถ้าเราอ่านบทปฐมกาล ตั้งแต่ 1.1-1.31 จะสามารถเรียงลำดับการสร้างของพระเจ้าได้คือ
1.สร้างโลก ซึ่งพระคัมภีร์ให้คำอธิบายแบบกำกวมว่า เป็นพื้นแผ่นดินที่ยังไม่มีรูปร่าง? (the earth was without form) แต่มีผิวน้ำแล้ว ซึ่งไม่เข้าใจว่า เหตุใดจึงใช้คำว่าผิวน้ำ ทั้ง ๆ ที่น้ำนั้น โดยคุณสมบัติ ย่อมต้องการพื้นที่ หรือภาชนะบรรจุ และน้ำนั้น จะเปลี่ยนสภาพไปตามวัตถุที่โอบอุ้มมันอยู่ ประโยคหนึ่งที่น่าสนใจคือ พระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือผิวน้ำ (And the Spirit of God moved upon the face of the waters.)

...มีผิวน้ำ แต่พื้นดินไม่มีรูปร่าง..แล้วน้ำอยู่บนอะไร?


2.ความมืด ความสว่าง (วันที่ 1)
ที่น่าสังเกต คือ การใช้คำว่า วันและคืน (And the evening and the morning were the first day) ถ้าดูตามรูปการณ์ แสดงว่า โลกน่าจะเป็นรูปร่างได้แล้ว และมีการโคจรรอบตัวเอง เพราะไม่เช่นนั้น พระเจ้าจะเทียบวัน และคืน จากอะไร ...แน่นอนว่า ตามหลักดาราศาสตร์ กลางวัน กลางคืน เกิดขึ้นได้จากการโคจร(หมุน)รอบตัวเองของโลก โดยมีดวงอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดแสง

แต่แปลกที่ พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวเรื่องการสร้างดวงอาทิตย์ แต่กลายเป็นว่า ดวงอาทิตย์ถูกสร้างหลังโลก...แล้วแสงมาจากไหน


3.สร้างเมฆ และพื้นน้ำ (วันที่ 2)

ในวรรคนี้ จะมีข้อความหนึ่งที่เน้นย้ำเรื่อง กลางวันกลางคืน คือ วรรคที่ 1.8 (And the evening and the morning were the second day) ซึ่งน่าจะชัดเจนแล้วว่า โลกมีรูปร่างแล้วแน่นอน ทั้งในแง่ของการสร้างเมฆ และพื้นน้ำ แต่แปลกที่ไม่ปรากฏว่า จะมีการกล่าวถึง "แหล่งกำเนิดแสง" ใด ๆ?

4.การสร้างทะเล และพืชพันธุ์ (วันที่ 3)

เป็นครั้งที่ 3 ที่เน้นย้ำถึงเรื่อง กลางวันกลางคืน

5.การสร้างดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ (วันที่ 4)
ความน่าสนใจของวรรคนี้อยู่ตรงที่ว่า ไบเบิ้ลยอมรับในตนเองว่า พระเจ้าสร้างดวงอาทิตย์ทีหลัง ซึ่งสะท้อนแนวคิดที่ว่า โลกเป็นศูนย์กลางจักรวาล อันเป็นผลให้มีความเชื่อในเรื่อง "โลกแบน" จากข้อความใน ปฐมกาล1.2 ที่ใช้คำว่า ผิวหน้า (face) ซึ่งจะพบว่า ในปฐมกาล 1.1 นั้นไบเบิ้ลกล่าวถึงโลกในลักษณะแผ่นดิน แม้จะมีความพยายามที่จะใช้คำว่า earth มาแทนความหมายแผ่นดินโลก แต่มันก็จะไปขัดกับ ปฐมกาล 1.2 อยู่ดี ที่บอกว่า โลกยังไม่มีสัณฐาน

ที่น่าสนใจก็คือ ไบเบิ้ลใช้คำว่า พื้นอากาศในประโยคแรกที่สร้าง (ปฐมกาล 1.6) ว่า in the firmament แต่ใน วรรคนี้กลับใช้คำว่า in the firmament of the heaven

ถ้าให้ความหมายของ heaven คือ สวรรค์ แสดงว่า ผู้บันทึกเชื่ออย่างสนิทใจว่า บนท้องฟ้า มีสวรรค์อยู่ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์ที่เห็น ๆ อยู่ว่า เหนือท้องฟ้าขึ้นไป คือชั้นบรรยากาศ ไม่ใช่สวรรค์ และหากว่า ไบเบิ้ลเจตนาเช่นนั้นจริง ๆ ย่อมหมายความว่า ทัศนะการรับรู้ในเรื่องจักรวาลวิทยาของผู้เขียนไบเบิ้ลนั้น ด้อยมาก ในการจำกัดขอบเขตจักรวาลแค่ โลกกับดวงอาทิตย์ และกลุ่มดาวเพียงเล็กน้อย ซึ่งสะท้อนให้เห้นว่า เป้นการเขียนโดยจินตนาการของมนุษย์เอง ไม่ใช่การดลใจจากพระเจ้า

แต่หากให้ความหมายของ heaven คือ ท้องฟ้าธรรมดาที่สูงขึ้นไปอีกหน่อย ก็จะไปขัดกับเรื่องราวของอาดัมในบทต่อไปที่ว่า ตกลง อาดัมอยู่ที่ไหนกันแน่ และสวนอีเดนอยู่ที่ใด บนโลก บนฟ้า หรือสวรรค์?

6.การสร้างนกและสัตว์ต่าง ๆ และการสร้างสัตว์บกและแมลง (วันที่ 5-6)

7.สร้างมนุษย์ (วันที่ 6)
ที่น่าสังเกต คือ พระเจ้าตรัสถึงการสร้างมนุษย์ ถึง 2 เพศในคราวเดียวกัน แสดงว่า ทั้งอาดัม และ อีฟ ต้องถูกสร้างในเวลาไล่เลี่ยกัน และสร้างในวันเดียวกัน

นี่คือ ลำดับการสร้าง ที่ปรากฏในปฐมกาล 1.1-31

ที่นี้ เมื่อเราไปดูบทต่อไป จะเห็นความขัดแย้งได้ชัดเจน

(มีต่อ----------->)




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2549   
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2549 20:08:22 น.   
Counter : 746 Pageviews.  


Devil in baggy pants
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ครั้งหนึ่ง เคยสนใจเรื่องพระเจ้า จึงศึกษามาเรื่อย ๆ ...6 ปีต่อมาก็พบว่า พระเจ้าไม่ได้ได้อยู่ในไบเบิ้ล

เพราะไบเบิ้ล เป็นเพียงแค่ บันทึกความทรงจำของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่ไช่การดลใจจากพระเจ้า อย่างที่เขากล่าวอ้างกัน

ว่ากันว่า พระเจ้าสร้างทุกสิ่งอย่างมีเหตุผลเหลือเกิน แต่แปลกที่พระเจ้าในศาสนาคริสต์กลับไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล ต้องใช้เพียงแค่การเชื่อโดยไม่อาจโต้แย้ง

...จึงนำไปสู่วลีที่ว่า พระเจ้า(ของคริสต์)ตายแล้ว ในโลกแห่งความเป็นจริง ที่เป็นอยู่ ทุกวันนี้...

[Add Devil in baggy pants's blog to your web]