We always love you, Roger Federer !
Group Blog
 
All Blogs
 
Roger Federer: A smashing guy .....2


Roger Federer: A smashing guy
– โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ชายหนุ่มผู้วิเศษสุด


มาเล่าต่อจากตอนที่แล้วนะคะ...

เมื่อเย็นวันอังคารแอนดี้ ร็อดดิกนักเทนนิสมือวางอันดับ 2 ของรายการ
ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อเฟเดอเรอร์ว่า

“เขาน่าจะเป็นนักเทนนิสที่มีความสามารถมากที่สุดเท่าที่วงการเคยมีมา
ไม่ว่าจะเป็นทุกช็อตที่เขาตี หรือวิถีทางที่เขากลายมาเป็นนักเทนนิส
ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ผมคิดว่า ยิ่งเห็นเขาเวลาอยู่นอกคอร์ตแล้ว
ผมก็ยิ่งนับถือเขามากขึ้น”

“แชมป์เปี้ยนที่เก่งกาจอาจจะมีอยู่อีกหลายคน
แต่เขา (เฟด) นั้นยอดเยี่ยมกว่ามากนัก
เวลาที่อยู่ในล็อคเกอร์ รูม หรือที่อื่น ๆ ก็ตามที
เขาไม่เคยทำตัวให้สูงกว่าหรือว่าอวดเบ่งใส่คนอื่นเลย
เขามักจะให้เกียรติผู้อื่นเสมอแม้ว่าคนนั้นจะเป็นเพียงผู้ดูแลล็อคเกอร์ รูม
หรือคนเสิร์ฟอาหารก็ตามที
คำพูดที่ติดปากของเขาก็คือคำว่า “กรุณา....” และ “ขอบคุณ”
ผมคิดว่านั่นคือเหตุผลที่ดีว่า
ทำไมเขาจึงเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นในทัวร์นาเมนท์อยู่เสมอ
ไม่มีใครเลยที่จะแสดงออกถึงความไม่เป็นมิตรกับเขา
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างล้นเหลือก็ตามที”




การที่เฟเดอเรอร์มีลักษณะแบบนี้
เป็นเรื่องที่ต้องยกความดีให้กับพ่อแม่ของเขา
สมัยที่เขายังเด็ก
พ่อแม่ของเขาจะไม่ทนความเป็นคนเจ้าอารมณ์ของเขาเลย
แต่จะหาวิธีสั่งสอนให้เขารู้สึกตัว


พ่อและแม่ของเฟเดอเรอร์



ตอนเป็นวัยรุ่นใหม่ ๆ นั้น
เฟเดอเรอร์มีทีท่าว่าจะเป็นพวกที่ติดนิสัยชอบขว้างแร็คเก็ต
เวลาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ในสนาม
โรเบิร์ตพ่อของเขาซึ่งตอนนั้นเป็นเซลส์แมน
อยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซีบ้า ไกกี้
มักจะตกใจมากเวลาเห็นลูกชายแสดงกิริยาแบบนี้
เขาจะออกคำสั่งทันทีให้ลูกหยุดทำ
จากนั้นก็ขับรถพากลับบ้านโดยไม่พูดอะไรด้วยสักคำเดียว
แม้บางครั้งจะต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านก็ตามที
ลูกชายของเขาจึงรับรู้ถึงสิ่งที่พ่อต้องการสื่อได้เป็นอย่างดี

เมื่อเขามาเล่นเทนนิสอาชีพในปี 1998
ตอนที่อายุได้ 16 ปี
เขาก็ได้เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ให้ได้แล้ว


เฟดตอนอายุ 16 ปีทำเซอร์ไพรซ์คนในครอบครัว
ด้วยการย้อมผมเป็นสีบรอนซ์




เฟเดอเรอร์เป็นลูกคนที่สองในครอบครัว เขามีพี่สาวอีก 1 คนชื่อ ไดอาน่า



พ่อของเขาเป็นชาวสวิส ส่วนลินเน็ตแม่ของเขานั้นเป็นชาวแอฟริกาใต้
ทั้งพ่อและแม่เล่นเทนนิสเป็นการออกกำลังกาย
และเพื่อเข้าสังคมที่สโมสรแห่งหนึ่งใกล้เมืองบาเซิล
โรเจอร์จึงเคยชินกับการไปดูพ่อแม่เล่นเทนนิส
ตั้งแต่ยังเดินเตาะแตะอยู่



เมื่อเขาอายุได้เพียง 3 ขวบก็เริ่มที่จะตีลูกบอลด้วยตัวเองได้
ซึ่งความกลมกลืนอย่างน่าประทับใจของเขานั้น
เป็นสิ่งที่สมาชิกของสโมสรแห่งนั้น
จดจำและระลึกถึงได้อย่างมีความสุขเสมอ




2-3 ปีหลังจากนั้นทั้งโรเบิร์ตและลินเน็ต
จึงตระหนักได้ว่าพวกเขามีสิ่งแปลกมหัศจรรย์อยู่ในมือ
แต่กว่าเด็กชายโรเจอร์ซึ่งมีบอริส เบคเกอร์เป็นนักเทนนิสต้นแบบอยู่ในใจ
จะได้มาพบกับโค้ชคนที่เหมาะสมกับตัวเขาก็ต่อเมื่อเขาอายุได้ 12 ปี

โค้ช Peter Carter เป็นชาวออสเตรเลียที่มาทำงาน
ให้กับสหพันธ์เทนนิสแห่งสวิสเซอร์แลนด์




คาร์เตอร์แตกต่างจากคนอื่นตรงที่เขาไม่ได้ตื่นเต้นจนเกินไปนัก
กับความแปลกมหัศจรรย์ของเฟเดอเรอร์
เขากลับสั่งให้เด็กชายฝึกการเล่นคู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
ทั้งนี้ก็เพื่อพัฒนาเกมส์ของเขา
และเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหน็ดเหนื่อยที่อาจเกิดขึ้น
มากเสียจนเด็กชายเบื่อการเล่นเทนนิสไปเลย




และคาร์เตอร์ยังแนะนำอีกด้วยว่า
เขาไม่ควรจะสนใจแต่เทนนิสเพียงอย่างเดียว
จนละเลยเรื่องอื่น ๆ ในสังคมไปจนหมด


ต่อมาเมื่อเฟเดอเรอร์เปลี่ยนโค้ช มาเป็น Peter Lundgren
ชาวสวีเดนซึ่งเคยเป็นนักเทนนิสอาชีพมาก่อน



คาร์เตอร์ก็ยังคงเป็นที่ปรึกษาที่เฟเดอเรอร์ให้ความเชื่อถือ
ไว้วางใจเป็นอย่างยิ่ง และตัวเขาเองยังเฝ้ามองลูกศิษย์คนนี้
อย่างภาคภูมิใจที่ความเฉลียวฉลาดในการเล่นเทนนิส
ทำให้เขาก้าวสู่ระดับท็อปเทนของโลกได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตามเฟเดอเรอร์ต้องใช้ช่วงเวลานานที่เดียว
กว่าเขาจะก้าวไปคว้าแชมป์แรกในรายการแกรนด์ สแลมแรกได้สำเร็จ
เป็นเรื่องที่เชื่อกันไปทั่ว
ว่าเขาคงไม่มีความเหมาะสมและยังดื้อดึงเสียจน
ไม่สามารถที่จะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จได้ในช่วงเวลาการแข่งขัน 2 สัปดาห์
ทั้งที่เป็นเรื่องที่พูดกันมาตั้งแต่สมัยเขายังเด็กแล้วว่า

เขานั้นมีความเป็นอัจฉริยะอยู่ในตัว
มีจิตใจอันแน่วแน่มั่นคงที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
และยังต้องการที่จะเก็บเกี่ยวชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า
รวมไว้ด้วยกันอีกด้วย

อันดับโลกของเขาเริ่มที่จะลดลง
หนึ่งปีหลังจากที่เขาเอาชนะพีท แซมพราสได้ในการเล่นกันถึง 5 เซ็ต
เขากลับตกรอบแรกในการแข่งขันวิมเบิลดัน ในปีถัดมา (ปี 2002)
และนั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตนักเทนนิสของเขา
ที่เขาต้องเดินคอตกออกจากสนาม
แทนที่จะเชิดหน้าเหมือนที่เคยทำ




หลังจากนั้นก็มีโศกนาฏกรรมบางเรื่องเกิดขึ้น
ก่อนจะถึงวันครบรอบวันเกิดปีที่ 21 ของเขาไม่กี่วัน(8 สิงหาคม 2002)
ในระหว่างที่เขาลงแข่งในรายการที่แคนาดา
เฟเดอเรอร์ก็ได้รับข่าวร้ายทางโทรศัพท์จากโค้ช Lundgren
ซึ่งข่าวที่ได้รับนั้นทำให้เขาตกใจสุดขีด
นั่นคือ การที่คาร์เตอร์ อดีตโค้ชวัย 37 ปีของเขา
เสียชีวิตเนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
ในระหว่างการไปพักผ่อนที่แอฟริกาใต้
ซึ่งเฟเดอเรอร์เป็นผู้ขอร้องให้เขาไปพักผ่อนที่นั่นเอง
เหตุเกิดเมื่อรถจิ๊ปที่คาร์เตอร์เช่าไปขับเกิด
เสียหลักพลิกคว่ำบนสะพานและคาร์เตอร์ก็เสียชีวิตในทันที


วันเกิดปีนั้นเป็นปีที่เฟเดอเรอร์เศร้าโศกเสียใจเป็นที่สุด
และยังคงอยู่ในอารมณ์นั้นต่อมาอีกนานหลายเดือน
เฟเดอเรอร์บอกว่า

“ปีเตอร์เป็นผู้ที่ให้ผมมากที่สุด
และผมก็ติดค้างเขาอยู่มากที่สุดเช่นกัน”


ในตอนแรกนั้นประสิทธิภาพในการเล่นเทนนิสของเขานั้นยังคงตกต่ำลงมาอีก
จนกระทั่งเขาเริ่มที่จะฟื้นตัวจากความเศร้าโศกเสียใจได้ทีละเล็กละน้อย
พร้อมกับที่เขาพบวิธีแก้ปัญหาแบบใหม่
นั่นคือการสร้างช็อตที่น่าอัศจรรย์ของเขาขึ้นมา

ซึ่งเดี๋ยวนี้มันสมบูรณ์แบบมากขึ้นเพราะเขามีจุดมุ่งหมายที่แน่วแน่
และยังประกอบด้วยทักษะที่ยากที่สุด
แต่ก็จำเป็นสำหรับนักกีฬาทุกคนที่ต้องการชัยชนะ
นั่นคือการฝึกให้มีสัญชาตญาณของนักฆ่า



สิบเอ็ดเดือนหลังการเสียชีวิตของคาร์เตอร์
เฟเดอเรอร์สามารถคว้าแชมป์แกรนด์ สแลมแรกของตัวเองได้สำเร็จ
ในการแข่งขันที่วิมเบิลดัน






ซึ่งเป็นชัยชนะที่ทำชื่อเสียงให้กับเขาได้มากที่สุด
เหนือกว่าชัยชนะอื่นทั้งหมด
หลังการแข่งขันจบลงเขาร้องไห้ออกมาอยู่พักหนึ่ง
แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในขณะนั้น
ระหว่างความดีใจ ความภาคภูมิใจ และความโศกเศร้า



ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเมื่อเขาได้แชมป์แกรนด์สแลมมาอีก 3 รายการ
เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมามากนัก

วันพรุ่งนี้มีแนวโน้มว่าเขาคงจะได้แชมป์แกรนด์ สแลม
อีกเป็นรายการที่ 5
แต่หากเขาต้องการที่จะแซงหน้าแซมพราส
ที่ได้แชมป์แกรนด์ สแลมทั้งหมดรวม 14 รายการ

เขาก็คงต้องมุ่งหน้าไปสู่ที่สูงและจะต้องปีนป่ายมันขึ้นไปให้ได้
แต่เขาเป็นชาวสวิสนี่นะ เพราะฉะนั้นเขาน่าจะรู้จักภูเขาได้เป็นอย่างดี


....ยังมีต่อตอนที่ 3....




Create Date : 12 ตุลาคม 2550
Last Update : 12 ตุลาคม 2550 19:58:50 น. 5 comments
Counter : 1420 Pageviews.

 
thank you so much for sharing the story na kha.


โดย: Rogina IP: 124.120.206.236 วันที่: 12 ตุลาคม 2550 เวลา:22:04:37 น.  

 
แล้วแวะมาเยี่ยมเยียนกันบ่อย ๆ นะคะ


โดย: เวสาตรี (เวสาตรี ) วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:17:05:35 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ


โดย: nanny_nan วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:12:53:03 น.  

 
เรื่องราวชีวิตคน มักจะไม่ราบรื่น

แต่จากนี้ไป ให้น้องเฟดได้แต่ถ้วยๆๆๆ นะคะ
ถาดพอแล้ว


ขอบคุณคุณนุชสำหรับเรื่องดีๆๆ
อ่านเพลินลืมง่วงนอนเลย อิอิ


โดย: optical lens IP: 68.34.122.162 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:4:58:52 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาซึมเหมือนกัน


โดย: เต่า IP: 203.146.71.174 วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:10:52:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เวสาตรี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add เวสาตรี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.