Group Blog
 
All blogs
 

คำแปลบทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง ตอนที่ 3





ในการแปลครั้งนี้มีคำหลายคำที่ไม่รู้จะแปล ยังไงฉะนั้นบางประโยคถ้ามันฟังแปลกๆ นั่นอาจจะเพราะเราแปลไม่ดีก็ได้ สำหรับคอมเม้นที่เราใช้จะเป็น [] ส่วนคอมเม้นของคนที่แปลเป็นภาษาอังกฤษจะเป็น {}

บทนำ
ฉัน ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าข้อความต่อไปนี้เป็นความจริงและไม่ใช่นิยาย มันได้ถูกเรียบเรียงจากเทปบันทึกเสียงตันฉบับสามม้วนที่ได้ถูกบันทึกเมื่อ วันที่ 24 เมษายน 2000 ระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งที่สองกับชาวเลื้อยคลานที่รู้จักกันในนาม "Lacerta" ตามที่ Lacerta ร้องขอ, ข้อความต้นฉบับจำนวน 31 หน้าได้นำมาตรวจปรู๊ฟและบางคำถามและคำตอบได้เขียนใหม่ให้มันกระชับขึ้น บางคำถามที่เห็นนั้นได้ถูกทำให้สั้นลงหรือมีการปรับปรุง มันได้ถูกจัดการเอาข้อความหรือส่วนที่สำคัญออก เรื่องที่สัมภาษณ์กันนั้นบางเรื่องไม่ได้เขียนลงในนี้หรือบางเรื่องก็เขียน แต่ไม่สมบูรณ์เช่น การติดต่อกับบุคคลอื่น, การสาธิตปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ, ระบบสังคมของเผ่าพันธุ์เลื้อยคลานและ ข้อมูลฟิสิกส์และเทคโนโลยีของเอเลี่ยน

เหตุผลของการเลื่อนวันและเวลา ของการนัดเจอครั้งที่สองคือมีความเป็นไปได้ที่จะถูกแอบลอบสังเกตุของผู้คน ของเราหลังจากที่ได้เผยแพร่บทความชิ้นแรก แม้ว่าจะทำตามคำแนะนำของ Lacerta แล้วที่ว่าไม่บอกสิ่งที่ทำให้รู้ว่าฉันเป็นใคร,แต่สองวันหลังจากที่เผยแพร่ เอกสารออกไป,ก็มีเหตุการณ์ผิดปกติหลายอย่างเกิดขึ้น กรุณาอย่างคิดว่าฉันประสาทนะ; อย่างไรก็ตาม,ฉันเชื่อว่าการเผยแพร่เอกสารชิ้นนั้นได้ทำให้พวกข้าราชการและ บางองค์กรมีความสนใจฉัน จนกระทั่งบัดนี้,ฉันที่ปกติแล้วจะพูดถึงคนที่เชื่อว่าถูกติดตามโดยเจ้า หน้าที่รัฐนั้นเป็นตัวตลก แต่ตอนนี้ฉันเริ่มที่จะทบทวนความคิดของฉันเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน เดือนมกราคม มันเริ่มต้นที่โทรศัพท์ของฉันนั้นไม่สามารถใช้ได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อโทรศัพท์กลับมาใช้ได้อีกครั้ง,มันมีเสียงสะท้อนที่เงียบและเสียงคลิ้ก แปลกๆ และเสียงหวือๆ[whirring]เมื่อฉันกำลังโทรศัพท์ ฉันไม่พบว่าโทรศัพท์มีปัญหาตรงไหน ในตอนกลางคืน,ข้อมูลที่สำคัญหายไปจากฮาร์ดดิสก์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของฉัน โปรแกรมที่ใช้ในการทดสอบฮาร์ดดิสก์แจ้งว่ามี "ส่วนที่เสีย" ตรงที่เก็บข้อมูลเกี่ยวรูปวาดและข้อความเกี่ยวกับการสัมภาษณ์ครั้งแรกซึ่ง เป็นเรื่องที่แปลกมาก "ส่วนที่เสีย" นั้นยังเกิดขึ้นตรงข้อมูลการวิจัยของฉันเกี่ยวกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอีก ด้วย(โชคดี,ที่ข้อมูลเหล่านั้นได้ถูกเก็บไว้ได้ฟรอปปี้ดิสก์ด้วย) มากไปกว่านั้นฉันได้ค้นพบว่ามีข้อมูลแอบซ่อนอยู่ในเครื่องอย่างเช่นไดเรคเท อรี่ที่ซ่อนอยู่ ชื่อของข้อมูลและไดเรคเทอรี่นั้นก็คือ "E72UJ" เพื่อนของฉันคนหนึ่ง,ผู้ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์,ก็ไม่สามารถทำ อะไรอย่างนี้ได้ และเมื่อฉันจะแสดงให้เขาดู,ไดเรคเทอรี่นั้นก็ได้หายไป เย็นวันหนึ่ง,ฉันพบว่าประตูอพาร์ทเมนต์ของฉันเปิดกว้างอยู่และทีวีเปิด ค้างอยู่-และฉันค่อนข้างแน่ใจว่าฉันได้ปิดทีวีไปแล้ว

มีรถมินิแวนที่ มีตราสัญลักษณ์อังกฤษและรอยประทับของยุโรป-จอดอยู่ที่ที่จอดรถของซูปเปอร์ มาร์เกตหน้าบ้านฉัน ฉันสังเกตว่ามีรถมินิแวนอย่างเดียวกันนี้ตามห่างๆ รถของฉันเวลาฉันขับรถ,แม้แต่เมื่อฉันได้ไปเมืองของ...ที่อยู่ห่างออกไป 65 กิโลเมตร เมื่อฉันกลับมา,รถก็จอดอยู่ที่อีกฝากของถนนอีกครั้ง ฉันไม่เคยเห็นใครเดินเข้าหรือเดินออกจากรถเลย ฉันไปเคาะที่ประตูหรือกระจกรถคันนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากนั้นสองอาทิตย์,รถมินิแวนคันนั้นก็ได้หายไป เมื่อฉันได้บอกกับ E.F. เป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้,เขาแนะนำว่าให้ฉันเปลี่ยนสถานที่และ วันเวลาในการนัดเจอกันเพื่อเป็นการแน่ใจว่าพวกเราและ Lacerta จะได้ปลอดภัย ได้มีการนัดเจอกันในวันที่ 27 เมษายน 2000 ในที่ห่างไกลที่อื่น มันไม่มีสังเกตเห็น

อีกครั้งหนึ่ง เรื่องทั้งหมดนี้มันดูแปลกและพิลึกพิลั่น,เหมือนเรื่องราวจากนิยายวิทยา ศาสตร์ราคาถูกๆ อย่างไรก็ตาม,ฉันทำได้แค่บอกย้ำกับคนอ่านอีกครั้งว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่อง จริงแท้ เชื่อคำของฉันหรือไม่เชื่อ สิ่งเหล่านี่ได้เกิดขึ้นแล้วและมันจะเกิดขึ้นต่อไป,ไม่ว่าคุณจะเชื่อมันหรือ ไม่ก็ตาม ถ้ามันไม่สายเกินไป อารยธรรมของพวกเราตกอยู่ในอันตราย

Ole K.-3 พฤษภาคม 2000


บทสัมภาษณ์(ฉบับย่อ)

วันที่:27 เมษายน 2000

[คำ อธิบายโดย Ole.K.: การพูดคุยเริ่มต้นด้วยการประเมินคำถามและข้อคิดเห็นที่ฉันได้มาจากผู้อ่านบท สัมภาษณ์ครั้งแรกโดยการแจกจ่ายของเพื่อนที่เชื่อถือได้ของฉัน ข้อคิดเห็นบางเรื่อง - ทั้งหมดมีมากกว่า 14 หน้า - มีความคำอธิบายที่เฉียบแหลมในการพูดถึงรากฐานของความเชื่อทางศาสนาและมีแนว โน้มที่ยินดีที่มีการติดต่อกับเผ่าพันธุ์เลื้อยคลาน บางความคิดเห็นนั้นก็มีวลีที่ยังติดกับความเชื่อเดิมๆ เช่นคำว่า "ทาสรับใช้ของนรก" หรือ "เผ่าพันธุ์ของปีศาจ" ฉันไม่ต้องการที่จะลงลึกในรายละเอียดมากกว่านี้เพราะว่าไม่ต้องการยุ่ง เกี่ยวกับความคิดที่ผิดๆและรุนแรงมากไปกว่านี้]

คำถาม: เมื่อคุณอ่านคอมเมนต์ที่เต็มไปด้วยความเชื่อทางศาสนาและยังดูรังเกียจพวก คุณ, คุณคิดและรู้สึกอย่างไร? ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรากับพวกคุณนั้นเกิดได้แต่ความคิดที่ไม่ยอมรับอย่าง นี้ได้แค่อย่างเดียวหรือเปล่า?

คำตอบ: นั่นมันทำให้คุณประหลาดใจเหรอที่ฉันไม่โมโหในเรื่องนี้? ฉันได้คาดไว้แล้วว่าจะต้องมีการตอบสนองอย่างนี้ คุณได้ถูกโปรแกรมที่จะปฏิเสธถึงเผ่าพันธุ์อื่นๆ โดยสิ้นเชิง(โดยเฉพาะพวกเผ่าพันธุ์ชาวสัตว์เลื้อยคลาน)ในกรณีของพวกคุณมัน ติดลึกไปยังจิตสำนึกของแต่ละคน เงื่อนไขนี้มันได้เริ่มแตกหน่อออกมาตั้งแต่รุ่นที่สามของพวกคุณและ,ถ้าพูด กันในทางชีวภาพแล้ว,มันส่งต่อไปในทางยีนจากรุ่นสู่รุ่น คำจำกัดความเกี่ยวกับพวกของฉันคือพลังแห่งความมืดซึ่งตั้งโดยพวก Illojiim ,ผู้ที่มองตัวเองว่าเล่นบทพลังแห่งแสงสว่าง-บางทีมันดูเหมือนขัดแย้งในตัว มันเอง,เพราะว่าพวกเผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์เหล่านี้ไวต่อแสงอาทิตย์และไม่ สามารถโดนแสงอาทิตย์ได้ คุณคงคิดว่าฉันคงแสดงท่าทีที่ไม่พอใจออกมา,ฉันเดาว่าฉันคงทำให้คุณผิดหวัง หน่อยๆ ความคิดที่ไม่ถูกต้องอย่างนี้ไม่ใช่ความผิดของพวกคุณเลย;คุณแค่ทำตามส่วนที่ ได้รับสืบทอดมากจากบรรพบุรุษ สิ่งที่ทำให้รู้สึกผิดหวังมากกว่าก็คือว่าพวกคุณจำนวนมากยังไม่มีสติ สัมปชัญญะเป็นของตัวของตัวเอง[self-conscience]ที่แข็งแรงมากพอ,สิ่งนี้อาจ จะช่วยคุณให้เอาชนะเงื่อนไขเหล่านั้น ตามที่ฉันได้พูดไปแล้ว,พวกเราได้มีการติดต่อโดยตรงเมื่อหลายศตวรรษที่ผ่านมา กับชนเผ่าพื้นเมืองของพวกคุณ;ชนเผ่าเหล่านี้พวกเขานั้นได้เอาชนะ "สิ่งที่ถูกโปรแกรมไว้ตั้งแต่อดีต" พวกเขาสามารถพบปะกับพวกเราโดยปราศจากความตึงเครียด, ความเกลียดและ การปฏิเสธ โดยสิ้นเชิง มันเห็นได้ชัดว่าพวกชาวที่เจริญแล้วของพวกคุณจำนวนมากไม่สามารถที่จะคิดได้ ด้วยตัวของเขาเอง,แต่ยังคงถูกควบคุมโดยความคิดที่ถูกโปรแกรมเอาไว้ความเชื่อ ทางศาสนา(ที่ซึ่งยังมีสิ่งที่อยู่ในโปรแกรมของพวก Illojiim ปรากฏอยู่เป็นบางส่วน) ดังนั้นพวกคอมเมนต์เหล่านี้ทำให้ฉันขบขันมากกว่าทำให้โมโห มันทำให้ฉันมั่นใจมากขึ้นในข้อสมมติฐานเกี่ยวกับความคิดของพวกคุณ


คำถาม: เพราะฉะนั้น,พวกคุณก็ไม่ใช่พวก "เผ่าพันธุ์ปีศาจ" อย่างที่ได้ถูกระบุไว้ตั้งแต่สมัยก่อน?

คำตอบ: ฉันจะตอบยังไงดีล่ะ?พวกคุณนั้นยังคิดง่ายๆและยังมีหลักเกณฑ์ในการคิดที่ไม่ เหมาะสมเอาซะเลย เอาง่ายๆเลย,มัน ไม่ มีเผ่าพันธุ์ไหนที่เป็นปีศาจโดยทั้งหมด แต่ว่ามันมีอยู่ในทุกที่ทั้งบนโลกและพวกเอเลี่ยนที่ดูว่าเป็นฝ่ายดีและฝ่าย ไม่ดี;แม้กระทั่งพวกคนของพวกคุณด้วย;มันไม่มีอะไรเลยที่เป็นพวกเผ่าพันธุ์ ปีศาจไปซะหมด ความคิดนี้เป็นเรื่องพื้นๆ พวกคนของคุณถูกทำให้คิดอย่างนี้ตั้งแต่สมัยโบราณมาก-สำหรับพวกคุณคงเดาได้ ว่าพวกที่สร้างคุณทำให้คุณเชื่ออย่างนี้ ในทุกๆ เผ่าพันธุ์ที่เรารู้จัก,แม้แต่เผ่าพันธุ์ที่พัฒนาไปไกลมากแล้ว,ต่างก็ประกอบ ด้วยผู้ที่มีจิตสำนักเป็นตัวของตัวเอง[individual consciousnesses] เยอะมาก(อย่างน้อยส่วนนึงของจิตสำนึกก็เป็นตัวของมันเอง,แม้ว่าทั้งหมดนั้น จะเชื่อมเข้ากับจิตสำนึกร่วม[คล้ายๆกับว่าเคยได้ยินทฤษฏีจิตวิทยาอันนึงว่า ทุกคนบนโลกนี้มีจิตใต้สำนึกร่วมกันรู้สึกจะเป็นทฤษฏีจิตใต้สำนึกร่วมหรือไง นี่แหละ]);จิตวิญญาณ[spirit]ที่เป็นตัวของตัวเองเต็มที่สามารถตัดสินใจได้ อย่างอิสระว่าชีวิตของพวกเขานั้นอันไหนดีหรือเลว,ตามมาตรฐานของมนุษย์ มันขึ้นกับมุมมองของแต่ละบุคคลอีกด้วย;ผู้คนของคุณไม่อยู่ในตำแหน่งที่จะ ตัดสินได้ว่าการกระทำของเผ่าพันธุ์ที่พัฒนาแล้วอย่างไหนดีหรือเลว,เพราะว่า คุณยืนอยู่ในมุมมองที่ต่ำกว่า,ซึ่งอยู่ในจุดที่ไม่สามารถประเมินอะไรได้ คำง่ายของคุณอย่างคำว่า "ดี" และ "เลว" นั้นเป็นตัวอย่างนึงของการโน้มเอียงในการกำหนดกฏเกณฑ์สิ่งต่างๆ; ในคำพูดของฉันมันมีหลายๆ ความคิดเห็น[concepts]สำหรับความหมายของการกระทำหลายๆ อย่างของแต่ละบุคคลในการเทียบกับบรรทัดฐานของสังคม

แม้แต่พวกเอ เลี่ยนที่ดูมีแนวโน้มที่จะเป็นศัตรูกับคุณก็ไม่ใช่ "เผ่าพันธุ์เป็นปีศาจ"[หรือว่าเป็นพวกที่เลวไปซะหมด] แม้ว่าพวกเขาจะทำไม่ดีกับพวกคุณก็ตาม พวกเขาทำอย่างนี้ก็เพราะว่ามีเหตุผลของเขาเองและอย่าเทียบกับพวกเขาว่าเป็น ปีศาจ;วิธีของพวกคุณเป็นเส้นตรงและให้ความสำคัญว่าพวกเขาเป็นอะไร,แล้วคุณก็ คิดอย่างนี้จนเป็นเรื่องปกติ ทัศนคติที่มีกับแต่ละเผ่าพันธุ์นั้นปกติแล้วจะขึ้นอยู่กับว่าความคิดของแต่ ละบุคคลโดยรวมแล้วเน้นหนักไปทางด้านไหน;ซึ่งก็แล้วแต่ว่าแต่ละเผ่าจะไปทาง ไหน การจำแนกว่าเป็นสิ่งที่ "ดี" หรือ "เลว" เป็นอะไรที่พื้นๆมาก,ก็มีหลายๆเผ่าพันธุ์ที่โต้แย้งกันในเรื่องนี้,พวกคุณก็ เป็นหนึ่งในนั้น,และก็ยังรวมถึงการกระทำต่างๆ ที่ถือว่าเป็นการกระทำที่แย่ที่สุด ฉันไม่อยากพูดถึงเผ่าพันธุ์ของฉันในเรื่องนี้,เพราะว่ามันได้เกิดขึ้นมาแล้ว ในอดีตซึ่งฉันไม่ค่อยอยากพูดถึงมันนัก,และก็ไม่อยากพูดถึงรายละเอียดด้วย แต่กรุณาจำคำพูดนี้:มันไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนที่ดีไปทั้งหมดและเลวไปทั้ง หมด,เพราะว่าแต่ละเผ่าพันธุ์และทุกๆเผ่าพันธุ์ก็ประกอบไปด้วยบุคคลต่างๆที่ มีความประพฤติแตกต่างกันไป


คำถาม: ในพวกจดหมายที่ฉันได้รับมามันมันจะมีคำถามว่า,คุณควรจะอธิบายถึงลงไปในราย ละเอียดของเรื่องฟิสิกส์ที่ก้าวหน้าที่คุณพูดถึงในคราวก่อน หลายๆ คนบอกว่า,คำพูดของคุณดูไม่หนักแน่น ยกตัวอย่างเช่น,UFOs ทำงานอย่างไร,มันบินได้อย่างไร,มันมีกระบวนการอย่างไรถึงเหาะได้?

คำตอบ: ฉันควรจะอธิบายสิ่งเหล่านั้นให้พวกเขารู้ใช่ไหม? มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ ให้เวลาฉันคิดหน่อย ฉันจะพยายามใช้คำง่ายๆ ที่จะอธิบายให้คุณเข้าใจถึงหลักการพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ขั้นสูง ลองดูแล้วกัน:คุณต้องเข้าใจกระจ่างถึงความจริงพื้นฐานบางอย่างก่อน สิ่งแรกนั้นคุณต้องแบ่ง[divide up]มโนคติเกี่ยวกับโลกทางกายภาพเพราะว่าวัตถุแต่ละชิ้นนั้นประกอบไปด้วย หลายๆ ชั้น;จะอธิบายให้มันเข้าใจง่ายๆว่ามันประกอบด้วยภาพลวง(illsuion)ของวัตถุ และ sphere of influence[ทรงกลมแห่งอิทธิพล??]{หมายเหตุของคนแปล[จากภาษาสวีเดนเป็นอังกฤษ ล่ะมั้ง]:ยังไม่มีการบัญญัติความหมายของคำว่า 'Feldraum';"Feld" หมายความว่า "field","Raum" หมายความว่า "space,room,expanse" ดังนั้นฉันจึงแปลมาเป็นคำว่า "sphere fo influence"} เงี่อนไขทางฟิสิกส์จะสามารถเกี่ยวข้องกับทางวัตถุ{สิ่งที่เป็น'รูปธรรม'}ได้ อย่างเดียวเท่านั้น,ระหว่างที่เงื่อนไขอย่างอื่นและซับซ้อนมากกว่าจะสามารถ เกี่ยวข้องกับ sphere of influence ของวัตถุได้ ความรู้ทางฟิสิกส์ของพวกคุณตั้งอยู่บนพื้นฐานของภาพลวง[illusion]ของวัตถุ อย่างพื้นๆ ภาพลวงเหล่านี้ได้ถูกแบ่งออกเป็นสถานะพื้นฐานสามสถานะ มันมีสถานะที่สี่และเป็นสถานะที่สำคัญมากอยู่ด้วย,ซึ่งคุณได้ให้ความสำคัญ กับมันมากหรือน้อยก็แล้วแต่คุณ;มันเป็นขอบเขตของ sphere of influence หรือ พลาสม่า สำหรับคุณ,ทฤษฎีสำหรับการควบคุมการเปลี่ยนรูปหรือการทำให้ความถี่ของวัสถุ สูงขึ้นและการที่สถานะที่สี่ของวัตถุแต่ละอันมารวมกันได้นั้นเป็นเรื่องที่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอธิบายเลย,และมันเกิดขึ้นที่ระดับพื้นฐานของ วัตถุ(สสารนั้นมีสถานะอยู่ 5 สถานะ,แต่สถานะช่วงก่อนที่จะเป็นพลาสม่า[post-plasma] เป็นเรื่องที่ต้องคุยกันยาว,และมันจะทำให้คุณสับสนซะเปล่าๆ นอกจากนั้น,มันไม่มีความจำเป็นในการเข้าใจทฤษฏีพื้นฐาน;ที่มันเกี่ยวข้องกับ ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่คุณบอกว่าเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ) เอาล่ะ,กลับมาเรื่องที่สำคัญ:พลาสม่า...แต่พลาสม่าที่พูดถึงนี้ไม่ใช่พลา สม่าที่มีความหมายแค่ว่า "ก๊าซร้อน" - คำจำกัดความของพลาสม่าของพวกคุณเป็นอะไรที่พื้นๆมาก - แต่ฉันหมายความไปมากกว่านั้นฉันหมายถึงสถานะของวัตถุที่มี aggregate[ซึ่งรวมกัน?พลวัต?]สูงมาก สถานะพลาสม่าของวัตถุเป็นรูปร่างของวัตถุที่พิเศษที่ซึ่งอยู่ระหว่างโลก กายภาพกับ sphere of influence เพราะว่ามันไม่มีมวลและมีได้หลายรูปแบบของการดึงพลังงานมารวมกันเมื่อวัตถุ ถูก "pushed or shoved" {คำอธิบาย:ไม่มีคำคธิบายที่ดีกว่าในการใช้คำว่า "pushed, shoved"ที่ใช้ในบทความนี้ คุณคงต้องเดาความหมายเอาเอง}


สถานะ ที่สี่ของสสารนั้นเป็นสถานะที่สำคัญมากสำหรับสถานะภาพทางฟิสิกส์ที่ซึ่ง สามารถนำไปใช้ได้อย่างเช่น...ฉันจะอธิบายยังไงดีล่ะ...สร้างแรงต่อต้านแรง โน้มถ่วง[antigravity](นั่นเป็นคำของมนุษย์ที่ดูแปลกและความหมายไม่ถูก ต้อง,แต่เพื่อให้คุณเข้าใจว่ามันเป็นอย่างนี้) โดยเฉพาะ,ในโลกทางกายภาพ,มันไม่มีแรง bipolar[แปลตรงตัวแปลว่ามีสองขั้ว] แต่มันเป็น "observer depondent reflective behavior[พฤติกรรมสะท้อนกลับที่ขึ้นตรงกับผู้สังเกต?]" ของแรงชนิดเดียวกัน,ในแรงจำนวนมากมายที่ต่างระดับกัน การใส่แรงต่อต้านแรงโน้มถ่วงหรือการเปลี่ยนตำแหน่ง[displacement]ของ คุณสมบัติเฉพาะตัวของแรงโน้มถ่วงเข้าไปในสถานะที่สี่ของวัตถุ,ทำให้ เกิด,ตัวอย่างเช่น ทำให้วัตถุที่เห็นนั้นลอยตัวขึ้น ; วิธีนี้นำเอาไปใช้โดยพวกเราและโดยเอเลี่ยนในการขับเคลื่อน UFOs คนของคุณมีความรู้แค่พื้นฐานนิดหน่อยในการดำเนินการโปรเจคลับทางการทหาร,แต่ เพราะว่าคุณได้ขโมยเทคโนโลยีนี้มา(และมันตั้งใจที่จะส่งมายังคุณแบบผิดๆโดย เอเลี่ยน),ดังนั้นคุณจึงขาดความเข้าใจในเรื่องฟิสิกส์ที่เป็นของจริง;ผลที่ ตามมา,ทำให้คุณติดอยู่กับปัญหาเรื่องการไม่เสถียรและการแผ่รังสีของ "UFOs" ของคุณ ตามข้อมูลที่ฉันมี,มีคนของคุณตายเป็นจำนวนมากเพราะว่าโดนรังสีและสนามพลัง ที่เข้มข้นรบกวนการทำงานของร่างกาย คุณเห็นด้วยมั้ย,นี่เป็นตัวอย่างอันของคำถามที่ว่า"ดี"หรือ"เลว"? ผู้คนของคุณเล่นกับสนามพลังที่พวกคุณไม่รู้จักและยังจะยอมที่จะให้เพื่อน ร่วมเผ่าพันธุ์ของคุณตาย,สำหรับเหตุผลที่ยิ่งใหญ่,ที่ชื่อว่า,เพื่อความก้าว หน้าทางเทคโนโลยีของพวกคุณ,ซึ่งผลลัพธ์ของเทคโนโลยีเหล่านี้ก็จะถูกนำไปใช้ ในสงคราม,ฯลฯ,สำหรับด้านที่ไม่ดี ตอนนี้ฉันก็ได้บอกไปมากกว่าเรื่องที่คุณถามมาถึงเรื่องที่มีพวกคุณน้อยคนที่ รู้เกี่ยวกับโปรเจคของเอเลี่ยนเหล่านี้ซึ่งเป็น - ตามคำพูดของคุณ - เป็นความลับสุดยอด พวกเอเลี่ยนเหล่านั้นได้บอกเลขอะตอมของธาตุที่สูงซึ่งทำให้เงื่อนไขมันเพิ่ม ขึ้น,แต่ว่ามันก็ถูกแต่บางส่วน ถ้าคุณไม่สามารถหลักเลี่ยงพลังงานเหล่านี้ได้,คุณก็ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับ มัน แต่พวกคุณนั้นยังโง่และก็ยังไปยุ่งกับพลังงานที่ยังไม่รู้จัก เมื่อไหร่พวกคุณจะเปลี่ยนแปลงซักทีเนี่ย?

คุณจำ เรื่องการรวมตัวของทองแดงได้มั้ย?ในสนามพลังที่ปั่นป่วน[fluctuation] ที่การเหนี่ยวนำสนามการแผ่รังสี[radiation field] ที่ถูกองศา,ทองแดงจะรวมตัวเข้ากับธาตุอื่นๆ(ภาพลวงของวัตถุจะรวมเข้าด้วย กัน,สนามพลังของ sphere of influence จะซ้อนทับซึ่งกันและกัน,แต่ว่าพลังงานหลักจะสะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการนั้น และดูเหมือนว่าเป็นคุณสมบัติของ quasi-bipolar[quasi หมายความว่า ดูเหมือน]) ผลของการรวมกันนี้และของสนามพลังทำให้ไม่เสถียรในสภาพปกติสำหรับสสารและไม่ สามารถทำไปใช้งานได้ ผลลัพธ์ของมัน,ทำให้ช่วงสเปคตรัมทั้งช่วงเลื่อนขึ้นไปอยู่ในขั้นที่สูงขึ้น กลายเป็นสภาพที่คล้ายๆ พลาสม่า,ในการที่สเปคตรัมทั้งช่วงเลื่อนไปยังขั้ว[pole]ด้านตรงข้าม- คำที่ใช้ 'ไม่' ถูกต้อง -ของสนามพลัง[force field] และมันคล้ายคลึงกับการเลื่อนระดับ[shift]ที่มาจากแรงดึงดูดโลก การเลื่อนระดับนี้ทำให้เกิด "การเอียง" ของ repulsing[การขับไล่?]ของแรง quasi-bipolar, ที่ซึ่งตอนนี้ไม่ไหลอยู่ข้างในสนามพลังไล่,แต่บางส่วนยังไหลออกมาสู่ข้างนอก สนามพลัง ผลของมันก็คือทำให้เกิดการแยกออกเป็นชั้นๆระหว่างสนามพลังที่ซึ่งทำให้ยุ่ง ยากที่จะปรับเปลี่ยนภายในขอบเขตทางเทคนิคในความสัมพันธ์ของคุณสมบัติเฉพาะ ตัวของมันเอง มันยังทำให้นำมาใช้ได้หลากหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ทำให้วัตถุสามารถลอยขึ้นมาได้ มันยังสามารถใส่ความสามารถในการพรางตัวในพื้นที่ที่การแผ่แม่เหล็กไฟฟ้าไป ถึงโดยการปรับเปลี่ยนความถี่- โดยแท้จริงแล้วมีขอบเขตจำกัด -และสิ่งอื่นๆ ด้วย คุณเข้าใจเรื่อง "quantum tunnel effect" ที่วิทยาศาสตร์ของคุณกล่าวไว้ดีไหม? แม้แต่ความกว้างของช่วงคลื่นในหมู่สสารจะเท่ากันก็ยังสามารถได้รับผลของสนาม พลังเหล่านั้นแบบใดแบบหนึ่งถ้าความถี่และและระยะทางจาก plane[หน้าตัด?]ของสนามพลังงานสูงเพียงพอ โชคไม่ดี,ทุกๆ สิ่งที่ฉันได้อธิบายด้วยคำพูดของคุณนั้นอธิบายออกมาด้วยคำที่พื้นๆ ฉันกลัวว่า มันฟังดูแปลกๆ และไม่ทำให้คุณเข้าใจมันได้,แต่บางทีคำอธิบายอย่างง่ายๆ นี่นั้นบางส่วนจะสามารถทำให้คุณเข้าใจได้ แต่ขอพูดอีกครั้ง,อาจจะไม่

คำถาม: มันมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับพลังที่เหนือธรรมชาติ,อย่างเช่นพลังแห่งความคิด[พลังจิต]ของคุณ ไหม?

คำตอบ: มีสิ ก่อนที่จะอธิบายให้ฟัง,คุณต้องรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติของ sphere of influence{Feldraum} ฉันจะลองอธิบายดู...ขอเวลาคิดสักพัก...คุณจะต้องแยกความคิดของคุณออกจาก ภาพลวงของวัตถุที่คุณเห็นว่าเป็นธรรมชาติของจักรวาล,มันเป็นเหมือนแค่ผิว หน้า จินตนาการว่าตัวคุณและวัตถุต่างๆ ที่อยู่ตรงนี้-คุณ, โต๊ะตัวนี้, ดินสอด้ามนี้, อุปกรณ์ทางเทคนิคนี้, กระดาษแผ่นนี้- มันไม่มีอยู่จริง, แต่มันเป็นแค่ผลของการเปลี่ยนไปมาอย่างคงที่ของพลังงาน[oscillation] และความเข้มข้นของพลังงาน วัตถุทุกๆ ขิ้นที่คุณเห็น, สัตว์ทุกๆ ตัว, ดาวเคราะห์และดวงดาวทุกดวงในจักรวาล,ต่างก็มี "information-energy equivalent[การเท่ากันของพลังงานที่เป็นข้อมูล?]" ใน sphere of influence ที่อยู่ในพลังงานหลัก-ระดับที่ปกติ{ของสิ่งของ}เหมือนกัน ซึ่งระดับพลังงานนี้ไม่มีแค่ระดับเดียว,แต่มีหลายๆ ระดับ ครั้งที่แล้ว,ฉันได้พูดถึงเผ่าพันธุ์ที่มีการพัฒนาสูงมากที่ซึ่งสามารถ เปลี่ยนระดับ(ที่ซึ่งบางทีทำให้เป็นไปโดยสิ้นเชิง,จาก bubbles ที่เป็นส่วนหนึ่งและทุกๆส่อนของทุกระดับชั้น) คุณเข้าใจหรือเปล่า? มิติ,ตามที่คุณเรียกอย่างนั้น,เป็นส่วนนึงของ bubble ที่อยู่โดดๆ, bubbles หรือ foam[ฟอง] ของจักรวาลเป็นส่วนนึงของระดับๆนึง,และมีหลายระดับอยู่ใน sphere of influence, โดยที่ sphere of influence ทำหน้าที่เหมือนส่วนบรรจุข้อมูลทางกายภาพที่มีขนาดเป็นอนันต์; มันประกอบด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล-ข้อมูลนั้นก็คือระดับชั้นของพลังงานและ ระดับปกติ มันมีระดับพลังงานหลายชั้นมากใน sphere of influence; ที่เหมือนกัน, แต่ว่าต่างกันตรงสภาวะทางพลังงานของพวกมัน ฉันคิดว่าคุณคงสับสนแล้วล่ะตอนนี้ ฉันคิดว่าควรจะหยุดอธิบายแต่เพียงเท่านี้



คำถาม: ไม่,กรุณาเล่าต่อเถอะ ทำอย่างไรถึงจะให้มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างนี้

คำตอบ: งั้น, ได้จะอธิบายต่อเลยละกัน ขอบอกอีกครั้งนะว่าที่อธิบายมานี้มันไม่ถูกต้องนักหรอกแต่ก็จะอธิบายไปอย่าง นี้ต่อ สสารที่จับต้องได้นั้นที่อยู่ในด้านนี้เป็นเงาสะท้อนใน sphere of influence{Fildraum} ของสนามพลังในชั้น[layers]ที่จำเพาะ ชั้นเหล่านี้บรรจุข้อมูล,อย่างเช่น, เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของวัตถุหรือระดับความถี่ คุณรู้จักทฤษฏีของมนุษย์เรื่อง "morphogenetic field" ไหม? ชั้นหนึ่งชั้นสามารถที่จะถูกออกแบบมา[designated]ได้หลายแบบ ตอนนี้ยังเรื่องเกี่ยวกับชั้นอื่นๆ ที่อยู่คั่นกลางแต่โชคไม่ดีที่มีความแนวความคิดของมนุษย์กล่าวถึง, เพราะว่าทฤษฏีนี้ไม่ธรรมดาในความคิดมนุษย์ เรียกมันว่า "para-layer" ในระดับชั้นนี้จะเกี่ยวข้องโดยตรงกับทุกๆ สิ่งที่คุณเรียกว่า PSI[พลังจิต] และสิ่งที่เหนือธรรมชาติและสิ่งที่อยู่เหนือขอบเขตทางวิทยาศาสตร์ที่พื้นๆ ของพวกคุณ ชั้น para-layer นี้จะอยู่ระหว่างชั้นของวัตถุและชั้น morphogenetic ของสนามพลังใน sphere of influence มันสามารถอยู่รวมกันได้กับทั้งคู่ ยกตัวอย่างเช่นร่างกายของคุณเป็นเงาสะท้อนของสนามพลังใน sphere of influence{Feldraum} มันไม่ได้หมายความว่าไม่ได้มีพวกสิ่งที่ไม่มองเห็นอย่างเช่น เนื้อ, เลือด, กระดูก อยู่ด้วย ในรูปของวัตถุหรืออะตอม, ไม่เพียงเท่านั้น การมีอยู่นั้นเกิดขึ้นทั้งสองด้าน บางชั้น[ซึ่งมีหลายชั้น]ในสนามพลังงานบรรจุข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับส่วนที่ เป็นของแข็งของร่างกายคุณและความถี่ของมัน, ในขณะที่ชั้นอื่นๆ {บรรจุข้อมูลเกี่ยวกับ} spirit ของคุณ, จิตสำนึกของคุณ, หรือถ้าพูดในมุมมองทางศาสนาของมนุษย์, วิญญาณ[soul]ของคุณ ความรู้สึกตัว[awareness] หรือ จิตสำนึก[consciousness] ในกรณีนี้เป็นแหล่งกำเนิด[matrix] พลังงานพื้นฐาน ที่ถูกแบ่งย่อยไปในชั้นต่างๆ ของสนามพลังใน sphere of influence - ไม่มาก ไม่น้อย ความตื่นตัว[awareness]ที่แท้จริงสามารถมีอยู่ที่นี่ด้วยในด้านของสสาร แต่อยู่ในรูปของ post-plasme{สถานะที่ห้าของสสาร} ด้วยความรู้ทางฟิสิกส์ที่จำเป็นและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง, แหล่งกำเนิดจิตสำนึก/ความตื่นตัว[consciousness/awareness matrix], หรือว่าวิญญาณ[soul], สามารถที่จะแยกออกจากสนามพลังของมันเองได้ มันสามารถ,ถึงแม้ว่าจะแยกออกมาแล้ว,ที่จะอยู่ต่อไปได้ในโดยตัวของมันเองใน เวลาที่เหมาะสม นั่นคือเหตุการณ์แปลกๆที่เรียกว่า "soul robbing[การแย่งวิญญาณ]" แต่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด,พวกเรากำลังพูดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์กันนะ,ไม่ได้ พูดถึงเวทมนตร์หรือว่าพลังในด้านมืด

[คำอธิบายโดย Ole.k.:"การแย่งวิญญาณ"นั้นหมายถึงส่วนนึงของข้อคิดเห็นที่มีแรงบันดาลใจมา จากพื้นฐานทางศาสนาที่ส่งมาติดต่อกับพวกสัตว์เลื้อยคลาน ]


กลับ ไปยังคำถามที่คุณถามมา:สัตว์ที่มีพลังทางจิตมากสามารถที่จะส่งผลโดยตรงต่อ para-layer ของสนามพลังส่วน จิตสำนึก/ความรู้สึกตัว[consciousness/awareness] ของพวกมัน ตอนนี้ชั้นนี้ไม่ได้อยู่แยกกับชั้นอื่นโดดๆอีกแล้ว แต่ว่าจะเป็นส่วนนึงของชั้นข้อมูลทั่วไป-คุณควรจะเรียกว่ามันอยู่ในสัมผัส ที่ธรรมดา[prosaic]ของกลุ่มวิญญาณ- ที่มันเชื่อมต่อเข้ากับสสารที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตและ จิตสำนึก[consciousness]ทั้งหมดที่มีอยู่ในชั้นระดับพลังงานหลัก สาเหตุทางชีวภาพสำหรับความสามารถเหล่านี้ที่อยู่ด้านของสสาร,ในต่อมพิตุอิตา รี่[pituiary], ที่ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สร้างความถี่ที่จะควบคุม sphere of influence{Feldraum} แม้แต่พวกคุณในทางทฤษฏีแล้วสามารถทำได้;อย่างไรก็ตามคุณยังถูกปิดกั้นในสิ่ง เหล่านี้ ตามที่ฉันได้เคยพูดไว้แล้ว para-level นั้นสามารถติดต่อกับจิต[mind] ได้ดีพอๆ กับสสาร ยกตัวอย่างเช่น, ถ้าฉันตัดสินใจที่จะใช้พลังจิตของฉันในการที่จะเคลื่อนไหวดินสอแท่งนี้,มัน อธิบายได้ว่า,ฉันต้องจินตนาการในความคิดของฉันว่า consciousness/awareness ของฉันขยายยืดออก/ขยายความถี่[expand/amplify] ในด้านของสสารในรูปของ post-plasme ไปยังดินสอ ในเวลาเดียวกันมันจะทำให้ไปกระตุ้น sphere of influence ให้ส่งคำสั่งจากระดับชั้น consciousness/awareness ไปยังระดับชั้น para-layer โดยอัตโนมัติเพื่อไปปฏิสัมพันธ์กับระดับชั้นสสารของดินสอ เพราะว่า para-layer นั้นไม่ถูกจำกัดอยู่กับร่างกาย,มันจึงไม่เป็นปัญหาแม้ว่าดินสอจะอยู่ไกล,มัน ก็ไปปฏิสัมพันธ์ได้อย่างแม่นยำ,แม้ว่าฉันจะไม่ได้ขยับร่างกายเลย ทางนี้ส่ง post-plasma ไปแล้วไปปฏิสัมพันธ์กับ para-layer ของดินสอ, ทำให้ฉันสามารถควบคุมดินสอได้และปฏิสัมพันธ์นี้ส่งผลกับส่วนที่เป็นสสารของ ดินสอถึงจุดที่ว่าสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมันได้,นี่คือตัวอย่าง

[คำ อธิบายโดย Ole.k.:ฉันรับรองว่าดินสอได้ลอยขึ้นไปในอากาศสูงประมาณ 20 ซม.และตกกลับลงมาที่โต๊ะ เสียงกระแทกโต๊ะนั้นได้ยินอย่างชัดเจนในเทปที่บันทึกไว้ ไม่มีใครไปสัมผัสกับดินสอแท่งนั้นแน่]

คำถาม: มันน่าหลงไหลมาก มันสามารถใช้ทำอะไรอย่างอื่นได้อีก?

คำตอบ: ทุกอย่าง ทุกๆสิ่งที่คุณเรียกว่าเหนือธรรมชาติ อย่างที่ได้พูดไป,ระดับชั้นพิเศษที่อยู่ใน sphere of influence{Feldraum} ระหว่างระดับชั้นข้อมูลของ morphogenetic และระดับชั้นของสสาร, และสามารถที่จะปฏิสัมพันธ์กันได้ทั้งสองด้าน มันพูดได้ว่า,มันสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับสสารที่เป็นของแข็งได้ดีพอๆกับทาง ด้านความจิตซึ่งที่ให้สามารถทำได้ทุกๆอย่าง อย่างเช่นที่เรียกว่าเทเลคิเนซิสและเทเลพาธี "connection absorption[การดูดซืมการติดต่อ?]" กับ consciousness/awareness อันอื่นๆ ใช้วิธีที่แตกต่างจากการติดต่อกับสสาร,เพราะว่า สนามพลัง consciousness/awareness อันอื่นๆ ก็มีระดับความถี่ต่างกันไป consciousness/awareness ที่เป็นตัวส่งหรือ consciousness/awareness ที่เป็นตัวรับจะต้องปรับตัวมันเองให้เข้ากับจิตอันอื่นก่อน,ก่อนที่การ ติดต่อถึงจะทำได้ เผ่าพันธุ์ส่วนมากมีโอกาสที่จะปิดกั้นไม่ให้พวกเอเลี่ยนติดต่อ/แทรก ซึม[access]เข้ามา,แต่ว่าพวกของคุณไม่มีความสามารถนี้ มันเป็นความจริงว่า:เผ่าพันธุ์ที่มีความสามารถทางจิตสูง,ก็เป็นเรื่องง่าย ที่จะเปลี่ยนแปลง consciousness/awareness ของเค้าและ แทรกซึม[access]เข้ามา ความสามารถของพวกเราไม่มีกำลังสูงพอ; ดังนั้นพวกเราตอนแรกพวกเราต้องเรียนรู้ที่จะจิตของพวกเอเลี่ยนเพื่อที่จะใช้ วิธีการพรางตัว[mimicry] ยกตัวอย่างเช่นการพรางตัว[mimicry] ทำได้ง่ายมากสำหรับจิตพวกคุณเพราะว่าพวกคุณมีสวิตซ์ เปิด/ปิต อยู่แล้ว ความสามารถเหล่านี้บางส่วนสามารถที่สืบทอดไปได้; แม่กับลูกของพวกของฉันก็เป็นตัวอย่างนึงที่ว่าติดต่อกันได้ในช่วงเดือนแรก- บางกรณีสามารถทำได้แม้ว่ายังอยู่ในไข่ในครรภ์ของแม่ -โดยวิธีเทเลพาธี ในการที่จะจูงจิตของพวกคุณนั้น,พวกเราต้องการเวลาในการฝึก,แม้ว่าระดับจิต ของพวกคุณจะพื้นๆ ดังนั้นมันจึงมีการห้าม,ยกตัวอย่างเช่น,สำหรับผู้ใหญ่ในพวกของฉันที่ยังไม่ ผ่านช่วง "Age of Enlightenment[ช่วงอายุในการบรรลุ]" ขึ้นมายังผิวโลก(ในกรณีนี้รวมถึงความสามารถทางกายภาพด้วย) ในกรณีที่ยังฝึกไม่สมบูรณ์,อันตรายที่จะเกิดขึ้นเมื่อพวกคุณมาพบเข้าก็จะ เกิดขึ้นได้สูง และมันยังมีการสอนลับๆจำนวนมากที่สอนและฝึกฝนความสามารถเหล่านี้,แต่ฉันก็ ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้


แม้ ว่าจิตของพวกเอเลี่ยนจะสามารถจูงจิตได้, มันก็มีขั้นตอนที่จะทำสิ่งเหล่านั้นกับเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนกลุ่มอื่นๆ เริ่มแรกสุดเลยต้องรู้สึกถึงความถี่[oscillation]ของพวกเอเลี่ยนก่อน,สิ่ง นี้จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติโดยสมอง เช่น ความถี่[oscillation]ในย่านๆนึง,คลื่น quasi-electrical ในสมองในระดับต่างๆ ในที่ช่องว่างปกติ{ในที่ที่สสารดำรงอยู่} กระบวนการนี้มันไม่ยาก หลังจากนั้นก็จะตรวจสอบ consciousness/awareness ของสิ่งๆนั้นโดยจิตโดยผ่านทาง post-plasma, ส่วนของ sphere of influence{Feldraum} จะทำปฏิสัมพันธ์และเชื่อมต่อกันในขั้นตอนนี้ ตอนนี้คนๆ นั้นก็สามารถที่จะอ่านข้อมูลในขั้นตอนแรกและบันทึกข้อมูลที่อยากบันทึกลงไป ให้อีกฝ่ายกลับไปในขั้นตอนที่สองในตำแหน่งที่ถูกต้อง คุณได้ถามฉันในคราวที่แล้วว่าพวกคุณนั้นมีโอกาสที่จะป้องกันตัวคุณเองจากการ จูงจิตมั้ย,และฉันก็ได้บอกไปว่าต้องตื่นตัวและทำจิตให้เป็นความสมาธิเท่า นั้นถึงจะสามารถป้องกันได้ ในสภาวะนั้นความถี่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันและทำให้การแทรกซึม[access] ยากที่จะทำได้ มากกว่านั้นมันยังทำให้ผู้ที่ส่งกระแสจิตมาได้รับความเจ็บปวดด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหลับตา,สนามพลังจะ "flat[เรียบ]", และพวกเอเลี่ยนจะสามารถแทรกเข้ามา{ในจิต}ได้อย่างทันทีและโดยปราศจากการต่อ ต้าน ในกรณีของพวกคุณโอกาสที่จะป้องกันพวกเอเลี่ยนที่มีการพัฒนาสูงส่งกระแสจิต แทรกเข้ามานั้น,ไม่มีเลย พวกเขาสามารถที่จะปรับเปลี่ยนความถี่ได้เร็วกว่าพวกคุณ ฉันได้สาธิตให้คุณดูแล้วในครั้งก่อนแต่รู้สึกคุณจะรู้สึกหวาดกลัวและ สับสน,ดังนั้นพวกเราจึงจบลงตรงคำอธิบายตรงนั้น

เรื่อง ที่ฉันอธิบายให้คุณฟังนี้บางทีคุณอาจจะรู้สึกว่ามันเหมือน- ตามคำพูดของคุณ - เรื่องที่ลึกลับหรือเป็นเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์ เหตุผลที่คุณรู้สึกอย่างนี้ก็เพราะว่าคุณขาดความเข้าใจพื้นฐานในการมองสิ่ง ต่างๆ เหล่านี้ เหตุการณ์เหนือธรรมชาติทุกอย่างนั้นทุกเรื่องมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ทั้ง นั้น ไม่มีเรื่องไหนซักเรื่องเลยที่เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติ พวกเราเติบโตมาด้วยความรู้เหล่านี้, พวกเรารู้ว่าพวกเราสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไรและมันเกิดจากอะไร พวกเรามีทฤษฏีและมีการฝึกฝน แต่พวกคุณไม่มี ดังนั้นพวกคุณจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในโลกนี้-คุณเห็นแค่ด้านๆ เดียว แต่ไม่ได้เห็นอีกด้านนึง(ฉันหมายความว่าทั้งสองด้านที่เป็นด้านกายภาพเหมือน กัน) เหตุการณ์เหนือธรรมชาติทุกอย่างมันเกิดขึ้นสองด้านควบคู่กันไป,มันเกิดขึ้น ในที่ว่างที่วัตถุอยู่และเกิดขึ้นใน sphere of influence{Feldraum} ด้วย ในการอธิบายมันก็อธิบายได้ในรูปแบบของตัวอักษรเท่านั้น,เพราะว่า sphere of influence เป็นสิ่งพื้นฐาน ฉันคงจะจบการอธิบายคำถามนี้ไว้แค่นี้เพราะว่าคุณคงจะไม่สามารถเข้าใจมันมาก ไปกว่านี้แล้ว พวกเราจะเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆ


คำถาม: ขออีกคำถามนึง ครั้งแรกที่เราพบกันเมื่อเดือนธันวาคน,คุณบอกว่าคุณไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์หรือเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ แต่ว่าทำไมตอนนี้คุณถึงเล่าให้ฟังล่ะ?

คำตอบ: ครั้งที่แล้วฉันเห็นว่ามันไม่จำเป็นและคงจะเป็นเรื่องที่หนักไปสำหรับคุณที่ จะอธิบายถึงความจริงเหล่านั้น(และตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่หนักไป สำหรับคุณจริงๆ) ดังนั้นฉันจึงอยากที่จะแค่พูดถึงเรื่องเหล่านี้แค่ผิวเผินไม่เจาะลึกมาก และเป็นที่ปรากฏว่าสิ่งที่ฉันทำไปนั้นทำให้คุณคิดเกี่ยวกับโลกมากขึ้น, บางสิ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร และอีกเรื่องนึง,พวกนักวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ก็มีแนวโน้มที่คิดว่าเรื่องที่ ฉันพูดนั้นเป็นแค่ "เรื่องหลอกลวง[humbug]" ดังนั้นฉันจึงเห็นว่าไม่มีอันตรายอะไรถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ไม่มีใครใส่ใจกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก และก็,ผู้คนที่ขนานนามฉันว่าเป็นพวก"เผ่าพันธุ์ปีศาจ" นั้นพวกเขาก็มีพื้นฐานความเชื่อในเรื่องอำนาจลึกลับและเวทมนตร์คาถา-ซึ่ง ทั้งสองสิ่งนี้ ไม่มี จริง มันไม่มีเวทมนตร์,มันเป็นแค่วิทยาศาสตร์ขั้นสูง และทุกๆ สิ่งที่คุณขนานนามว่า "เวทมนตร์" ก็เป็นแค่ส่วนนึงของวิทยาศาสตร์ ถ้าคุณอยากเข้าใจเรื่องพวกนี้,คุณก็ควรจะพัฒนาวิทยาศาสตร์ให้ก้าวหน้ากว่า นี้ ฉันขอพูดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไว้เพียงแค่นี้ กรุณาถามคำถามอื่นต่อเถอะ

คำถาม: ดี,ต่อไปพูดเกี่ยวกับเรื่อง UFOs แล้วกัน คุณอธิบายให้หน่อยได้มั้ยว่ารัฐบาลของพวกเราไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง UFO จนถึงจุดที่ว่ามีโปรเจคที่จะสร้าง UFO ขึ้นมาได้ยังไง? มันเกี่ยวกับเหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวล[Roswell]หรือเปล่า?

คำตอบ: ใช่แล้ว แต่ว่าเหตุการณ์ UFO ตกในครั้งนั้นไม่ใช่ครั้งแรก ฉันไม่ได้เป็นนักประวัติศาสตร์,ฉันศึกษาแค่ความประพฤติของพวกคุณในขณะ นี้,ดังนั้นความรู้ของฉันเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้ในตามประวัติศาสตร์ของ คุณแล้วจึงไม่รู้ชัดเท่าไหร่ ฉันจะบอกคุณตามที่ฉันรู้ก็แล้วกัน ขอเวลาฉันนึกสักหน่อย ตามช่วงปี 1946 ถึง 1953 ในเวลาของคุณ, มีห้าเหตุการณ์ที่ยานบินของพวกเอเลี่ยนตกมายังผิวโลก ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ UFO ตกที่รอสเวลด้วย, มันไม่ได้มีแค่ยานเอเลี่ยนลำเดียว,แต่มีสองลำที่ตกหลังจากการปะทะกันในที่ ส่วนอื่นของดินแดนในตะวันตก-คือที่คุณเรียกว่าอเมริกา(คุณควรรู้ว่ายานบิน ของพวกเผ่าพันธุ์นี้ยังสามารถลอยตัวอยู่ได้ในอากาศเป็นระยะเวลาหนึ่งแม้ว่า ยานจะเสียหาย;นั่นเลยทำให้มันตกคนละที่{กับที่ที่มันชนกันกับที่ที่ตก}) เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นครั้งที่สองและสาม[เนื่องด้วยมี UFO สองลำที่ชนกันและตกลงมา] ลำอื่นนั้นตกมาในปี 1946[เหตุการณ์ที่รอสเวลเกิดปี 1947] แต่ว่ามันเสียหายจนไม่สามารถนำมาใช้งานได้

สิ่ง หนึ่งที่ต้องรู้ก่อนที่จะอธิบายต่อ: มันคงดูเป็นเรื่องน่าขันสำหรับคุณที่ยานบินของพวกเอเลี่ยนที่เจริญมากๆ ตกลงมาได้,และดูเป็นจำนวนมากในเวลาสั้นๆ คำอธิบายในเรื่องนี้อาจฟังดูแปลกๆ แต่เป็นเรื่องจริง มันไม่เป็นเรื่องโกหกที่ยานบินมีตัวขับเคลื่อนในตัวมันเอง,แต่ว่ามันก็ยัง อาศัยสนามแม่เหล็กโลกด้วย เผ่าพันธุ์นั้นที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่-และตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่ เผ่าพันธุ์นี้ใช้ยานที่รูปร่างเหมือนจานอยู่-ใช้ระบบขับเคลื่อนที่ขับ เคลื่อนยานโดยใช้หลักการฟิวชั่นแต่แค่อย่างนั้นอย่างเดียวนั้นในชั่วเวลา นั้นไม่เป็นไปตามวิธีการบินที่ต้องสอดคล้องกับสนามแม่เหล็กโลกเป็นอย่างมาก วิธีนี้มีข้อดีหลายอย่างแต่ก็มีข้อเสียด้วย สนามพลังที่ถูกขับออกมานั้นจะต้องสอดคล้องในมุมที่เหมาะสมกับผิวโลก เผ่าพันธุ์นี้ใช้เทคโนโลยีในการปรับเปลี่ยนสนามพลังที่ถูกขับออกมานี้,เป็น แบบล็อกค่าไว้เป็นค่าเดียวกันในทุกจุดของสนามแม่เหล็กโลก ตอนนั้นพวกเอเลี่ยนกลุ่มนี้พึ่งเข้ามายังโลกและดาวของพวกเขานั้นมีสนามแม่ เหล็กที่คงที่,ซึ่งเป็นที่ที่เขาพัฒนาตัวขับดัน แต่สนามแม่เหล็กบนโลกนั้นไม่คงที่; มันมีการเปลี่ยนแปลงเป็นวัฏจักรและทำให้เกิดกระแสหมุนวน [eddy] ภายใต้สภาพการณ์ที่ไม่เหมาะสม เมื่อยานของพวกนี้เข้าไปในสนามแม่เหล็กที่แกว่งไปมา[fluctuation]หรือ หมุนวน [eddy] ที่แรงมาก, ทำให้สนามพลังที่ถูกปล่อยออกมาจากยานไม่สามารถจะปรับเปลี่ยนตัวมันเองให้ถูก ต้องในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และระบบนำร่องของยานไม่สามารถควบคุมเส้นทางการบินได้ ตัวขับเคลื่อนทำงานถูกต้องแน่ๆ แต่ว่าสนามแม่เหล็กโลกที่เปลี่ยนแปลง[fluctuate]ในทุกๆ ทิศทาง เพราะว่าเหตุผลเหล่านั้นทำให้ยานตกลงมา ในการตกเมื่อปี 1947 ตามตำแหน่งที่คุณเจอยานที่ตก,ในความเข้าใจของฉัน ยานลำนึงตกอยู่ในสนามแม่เหล็กที่ปั่นป่วน, มันเกิดขึ้นกับผู้นำฝูงบินและยานลำนั้นได้ชนกับลำอื่นทำให้ยานทั้งสองลำเสีย หายมาก สาเหตุของการปั่นป่วนของสนามแม่เหล็กโลกครั้งนั้นบางทีอาจะเกิดจากการรบกวน ทางไฟฟ้าที่มาจากสภาพอากาศ ท้ายสุดยานทั้งสองลำก็ตกลงมา;ยานลำนึงตกลงใกล้ๆ จุดที่ปะทะกัน ส่วนอีกลำตกห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ลูกเรือตายทั้งหมด โครงสร้างบางๆ ของยานไม่แข็งแรงมากนักเพราะว่าไม่ได้ถูกออกแบบมาเผื่อการตกและสำหรับการบิน ในสนามพลังที่สนามพลังภายนอกมีการเปลี่ยนแปลง


หลัง จากนั้นพวกทหารของมนุษย์ก็ได้มาเก็บชึ้นส่วนยานจนกระทั่งพวกเขาพบยานทั้งลำ ที่มีศพลูกเรืออยู่ข้างใน ทันทีทันใดนั้นพวกเราก็ระบุว่าทุกๆสิ่งเป็น "ความลับสุดยอด" และนำซากเหล่านั้นไปที่ฐานทัพของพวกเขาเพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์ตัวขับ เคลื่อน ความพยายามอย่างลับๆ ที่จะเอาเทคโนโลยีของพวกเอเลี่ยนเพื่อที่จะนำไปใช้กับศัตรูของประเทศที่ยิ่ง ใหญ่นั้น มันเป็นเรื่องที่น่าขันสิ้นดี ฉันเชื่อว่าฉันจำได้ - ฉันไม่ต้องการที่จะระบุวันเวลาที่แน่นอนลงไป - ว่าในช่วงปี 1949 และ 1952 นั้นมีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นระหว่างการวิจัยซากยาน ตามที่ฉันได้ยินมา -จากพวกเผ่าพันธุ์ของฉันที่สมาชิกของรัฐบาลนั้นเล่าให้ฟัง- มันเป็นผลมาจากไปกระตุ้นชิ้นส่วนของตัวขับเคลื่อนโดยไม่ได้ตั้งใจในสภาพที่ ไม่มีอะไรป้องกัน[unshield]ตัวขับเคลื่อน ผลที่ตามมา ในช่วงเวลาสั้นๆ - ฉันจะใช้คำพูดอะไรดี - มันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมให้เปลี่ยนแปลงระดับขึ้นเป็นสภาพที่ เหมือนพลาสม่า,ซึ่งในอีกนัยหนึ่ง,ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ถือว่าโชคไม่ดีเอา มากๆ,ทำให้เกิดการสร้างสนามพลังที่มากเกินไปในการสั่นสะเทือนทางแม่เหล็กของ พลังที่มหาศาล คุณพอจะรู้ไหมว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าสนามพลัง plasma-manatic เมื่อกระแทกเข้าใส่ร่ายกายสิ่งมีชีวิตแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คงไม่ มันจะทำให้เกิดการปั่นป่วนในโครงสร้างของสนามพลังและไฟฟ้า ชีวภาพ[bioelectric] ลองจินตนาการดู,ถ้าคุณนึกออก,ร่างกายของมนุษย์ที่มีไฟลุกท่วมเป็นเวลา 3 หรือ 4 วัน เปลวไฟพวกนี้ไม่ดับและจะเผาพลาญจนกระทั่งองค์ประกอบสุดท้าย ตอนนี้คุณคงรู้บ้างแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่ามีนักวิทยาศาสตร์ 20 หรือ 30 คนตายไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น


เหตุการณ์ UFO ตกอีกสองครั้งหลังเกิดขึ้นในปี 1950 และ 1953 ตกลงในส่วนที่เป็นที่กักน้ำของแผ่นดินอเมริกา ยานสามารถกู้ขึ้นมาได้ในสภาพที่ค่อนข้างจะสมบูรณ์ (ยานลำที่ตกในปี 1953,เท่าที่ฉันจำได้,แม้ว่าตัวขับเคลื่อนจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในความหมายของคุณที่คุณเข้าใจว่าสิ่งนั้นเรียกว่าตัวขับเคลื่อน มันถูกสร้างมาด้วยแนวความคิดที่ไม่ถูกต้องและคุณก็นำเอาไปเป็นแบบทำให้สร้าง ออกมาก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน จนกระทั่งบัดนี้มันก็ยังไม่ปรังปรุงให้มันถูกต้อง) เผ่าพันธุ์นั้น,ที่สร้างยานของเขาที่ดาวดาวของเขา - เผ่าพันธุ์ที่ฉันนับว่าพวกเขาไม่เป็นมิตรกับพวกคุณ - มีความกังวลเกี่ยวกับการที่พวกเราไปวิเคราะห์เทคโนโลยีของพวกเขา พวกเขาไม่อยากให้ทำ,อย่างไรก็ตาม,ก็ในช่วงแรก ทำให้พวกเขามีการติดต่อโดยตรงกับรัฐบาลประเทศนั้นในช่วง 1960 ตามเวลาของคุณ แน่นอนพวกเขาไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงว่าพวกเขามาทำไมที่โลกนี้ -ทองแดง, ไฮโดรเจน, อากาศ นี่เป็นสิ่งที่พวกนั้นต้องการ- แต่ว่าพวกก็แอบอ้างว่าเป็น "นักวิจัย[researchers]" ที่อยากรู้อยากเห็นและเสนอที่จะให้หลักการการทำงานของยานของพวกเค้าและคาด ว่ามี "ความกรุณา" บางอย่างเป็นการตอบแทน ความคิดที่พื้นๆ ของคุณทำให้คุณตกลง...และมันเป็นการหลอกลวงของพวกนั้น คุณให้วัตถุดิบ, คุณให้สถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อให้พวกนั้นใช้เป็นที่อยู่, คุณให้พวกเขารู้ถึงข้อมูลเกี่ยวกับกำลังทางทหารที่เป็นความลับของพวกคุณ, คุณให้พวกเขารู้ถึง DNA ของพวกคุณและมากมายกว่านั้น-ทั้งหมดนั้นคุณทำไปเพื่อสนองความอยากของคุณที่ จะได้มีกำลังทหารที่ยิ่งใหญ่และเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า พวกเอเลี่ยนเหล่านั้นรู้ได้ทันทีว่าพวกเขากำลังติดต่อกับพวกสัตว์โลกที่มี ความคิดพื้นๆ[หรือจะเรียกว่าโง่ก็ได้], พวกเขาให้ข้อมูลที่ผิดๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีกับคุณดังนั้นพวกเขาจึงได้ประโยชน์มากกว่าพวกคุณ ยกตัวอย่างเช่น,พวกเขาให้ข้อมูลว่าตัวขับเคลื่อนนั้นสามารถสร้างโดยใช้ธาตุ ที่ไม่เสถียรที่มีเลขอะตอมสูงๆ ได้เพียงอย่างเดียว, แต่พวกเขาไม่บอกข้อมูลที่ว่าตัวขับเคลื่นสนามพลังนั้นต้องถูกสร้างด้วยการมี การดัดแปลงหลายอย่างถึงจะทำงานได้ดีด้วยธาตุที่เสถียรและมีเลขอะตอมน้อย กว่า,และต้องทำอย่างนี้มันถึงจะสมบูรณ์ ความจริงเพียงแค่ครึ่งนึงที่พวกเขาบอกไปนั้นทำให้คุณต้องใช้แต่ธาตุ สังเคราะห์ที่{มีเลขอะตอม}สูง,และด้วยเหตุนั้นจึงต้องนำไปทำใหม่ด้วย เทคโนโลยีของพวกเขาเอง คำใบ้ของพวกเขาในการสร้าง "UFOs" ของพวกคุณวางอยู่ในแนวทางในการแก้ปัญหาเก่าๆ และก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆตามมา พวกเขาไม่เคยบอกความจริงทั้งหมด,แต่สร้างเรื่องโกหกที่แนบเนียนหลายต่อหลาย ครั้ง,ที่ทำให้เกิดปัญหาทางเทคนิก-และทำให้ต้องพึ่งพวกเขาตลอด


ใน ช่วงปลาย 1970 และต้น 1980 ของพวกคุณ เป็นครั้งสุดท้ายที่มีเหตุการณ์หลายๆ อย่างเกิดขึ้นกับพวกเอเลี่ยนกับรัฐบาลมนุษย์พวกนั้น - ฉันไม่ต้องการพูดลึกลงไปในรายละเอียดเพราะว่ามีหลายเรื่องที่ฉันไม่รู้จริง เหตุการณ์มันเกิดมาจากปัญหาปัญหาทางเทคนิคใหม่,หรือจะพูดให้ดีกว่านั้น,เป็น ปัญหาเก่าๆ[ของเอเลี่ยน]กับยานที่พวกคุณสร้างซึ่งการพรางตัวและการขับ เคลื่อนบางส่วนไม่ทำงานในการทดลองบินกลางแจ้ง เพราะว่าเรื่องนั้นทำให้เรื่องที่เป็นความลับนี้ถูกเปิดเผย ทหารของพวกคุณและนักการเมืองของพวกคุณรู้สึกตัวได้ช้า-ช้ามากๆ-ว่าเป็นเวลา กว่า 20 ปีมานี้พวกเขาถูกหลอกโดยมนุษย์ต่างดาวกลุ่มนี้ มีการไม่ลงรอยกันหลายอย่างและมีการก้าวล้ำขอบเขตข้อตกลงโดยทั้งสองฝ่ายท้าย สุดมันเป็นการนำไปสู่การทะเลาะกันระหว่างคุณกับพวกเอเลี่ยนจนกระทั่งถึงจุด ที่แตกหักที่ว่ามีการทำลายยานของเอเลี่ยนสามลำโดยอาวุธพิเศษ-คุณเรียกมันว่า อะไร?- อาวุธที่ปล่อย EMP{คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า} และมีการโจมตีทางทหารที่ฐานใต้ดินแห่งหนึ่งของพวกเอเลี่ยน ผลที่ตามมาจากการโจมตีครั้งนี้,พวกเอเลี่ยนยกเลิกการติดต่อกับพวกคุณทั้งหมด และเข้าใจว่าโมโหพวกคุณมาก ดังนั้น,ฉันจึงนับว่าพวกเอเลี่ยนกลุ่มนี้ในสามกลุ่มเป็นศัตรูกับคุณ,และอีก สองกลุ่มที่เหลือก็ทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาเอง,และก็มีสงครามเย็นท่าม กลางพวกนี้ในการยึดโลกเป็นของพวกตัวเอง,"เพื่อน"เก่าของคุณกำลังเตรียมหา เสบียงให้พวกตัวเองโดยการยึดครองวัตถุดิบทั้งหมดและ DNA ของมนุษย์ไว้แต่เพียงกลุ่มเดียว ในตอนนี้มันอาจจะจริงที่ว่าพวกเขาขาดความเป็นไปได้ทางเทคนิกและกำลังทางทหาร ที่เยอะพอที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย แม้ว่าอย่างนั้น,พวกเราก็คาดว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้น - เป็นไปได้ว่ามีการใช้เลห์เหลี่ยมมาก - ต่อพวกคุณในไม่กี่ปีหรืออีก 10 กว่าปีข้างหน้า

คำถาม: แล้วกลุ่มเอเลี่ยนกลุ่มอื่นๆ จะไม่ทำอะไรต่อเหตุการณ์ที่ดูเหมือนสงครามนี้เลยเหรอ?โดยเฉพาะ,บางสิ่งที่ อาจจะเกิดบนโลกกับเผ่าพันธุ์ที่เจริญก้าวหน้ามาก

คำตอบ: คุณเข้าใจผิดแล้ว,กับคำว่า โดยเฉพาะ,สำหรับคำว่าเผ่าพันธุ์ที่เจริญก้าวหน้ามาก นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยมากในโชคชะตาของพวกคุณ คุณเหมือนกับสัตว์ในสายตาของพวกเขา สัตว์ในห้องวิจัยที่ใหญ่โต เพื่อให้เข้าใจมากกว่านี้,การที่มีเอเลี่ยนกลุ่มอื่นเข้ามายุ่งบนโลกใบนี้ อาจจะรบกวนโปรเจคของพวกเขา,แต่ฉันก็ไม่คิดว่าพวกนั้นจะออกมาเผชิญหน้ากับ กลุ่มที่มารบกวนหรอก พวกเค้าอาจจะออกไปหาดาวอื่นเพื่อทำการวิจัยหรือพวกเค้าอาจอยู่ศึกษาพฤติกรรม ของคุณและ consciousness/awareness ของคุณเมื่อเผชิญกับวิกฤตการณ์ นั่นอาจจะเป็นเรื่องที่สนใจสำหรับพวกเขาก็ได้ เหมือนอย่างที่เมื่อพวกคุณสังเกตรังมดอยู่,และก็มีคนอื่นเดินมาเหยียบรังมด คุณจะทำอะไรล่ะ? ทำตามวิธีของคุณ,หารังมดรังใหม่หรือสังเกตมดเมื่อมันอยู่สภาวะที่วิกฤต แต่พวกคุณนั้น - ถึงแม้ว่าจะมีกำลังมากกว่าคนที่เดินมาเหยียบรังมด - จะปกป้องมดที่ไม่มีค่าอะไรเหรอ? ไม่หรอก คุณลองจินตนาการตัวคุณเองในมุมมองของเผ่าพันธุ์ที่เจริญกว่า คุณก็เป็นเหมือนมด อย่าคาดว่าจะมีความช่วยเหลือจากพวกเขาเลย แน่นอนพวกเราก็คุณขอความช่วยเหลือด้วยเมื่อมันเป็นที่แน่ชัดว่าพวกเพื่อน เก่าๆของคุณรวมตัวกันเพื่อทำไม่ดีกับคุณ สมาชิกของรัฐบาลของมนุษย์บางคนรู้ว่ามีพวกเราอยู่จริง-บางคนก็ยังยึดติดกับ พื้นฐานความเชื่อทางศาสนาแบบเก่าๆ ยกตัวอย่างเช่น มีสิ่งก่อสร้างใต้พื้นดินที่ใหญ่มากในเมืองหลวงบางแห่งที่เป็นของพวกเราและ มีลิฟต์ที่จะใช้ติดต่อโดยตรงกับสิ่งก่อสร้างนี้และระบบใต้ดิน ในตึกนี้บางทีก็เป็นที่สำหรับประชุมระหว่างพวกเรากับมนุษย์ พวกเราได้ให้ข้อมูลกับคุณในช่วงหลายปีที่ผ่านมา;ในเรื่องที่เรารู้ ,พวกเราพยายามจะอยู่ห่างจากข้อขัดแย้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณควรเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเองหรือว่าฉลาดขึ้นมากพอที่จะไม่สร้าง สถานการณ์อย่างนี้อีก อะไรที่จะเกิดขึ้นและใครที่จะมาอยู่ข้างคุณนั้น,เวลาเท่านั้นที่จะเป็นคำตอบ ฉันไม่ต้องการที่จะพูดเรื่องนี้ไปมากกว่านี้แล้ว


คำถาม: ฉันมีรูป UFOs ที่แตกต่างกันอยู่ 5 รูป,ที่อ้างว่าเป็นรูป UFOs คุณช่วยดูรูปพวกนี้แล้วบอกหน่อยได้ไหมว่ารูปไหนเป็นของจริง?

คำตอบ: ฉันจะลองดู คุณถามคำถามมากมายในวันนี้ที่ฉันไม่สามารถตอบได้กระจ่าง อย่าประเมินค่าฉันสูงเกินไป,ฉันไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยีของพวกเอ เลี่ยนและโครงสร้างยานของพวกเอเลี่ยน ถ้าให้ถูกต้องแน่นอนต้องมีข้อมูลทางเทคนิคและคุณสมบัติของ "UFOs" ด้วย,มันจะทำให้ฉันสามารถจำแนกได้ว่าเกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติหรือว่า มนุษย์ทำขึ้นเอง คุณปลอมแปลงโดยอาศัยรูปแบบยานของจริง,ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะ แยกออก ฉันจะลองดู เอารูปมาให้ฉัน

[คำอธิบายโดย Ole.K.:เธอพิจารณารูปโดยใช้เวลาแค่สองวินาทีและก็เรียงรูปที่ 1, 3 และ 5 ออกมา]

สาม รูปนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นของปลอมหรือเข้าใจผิด ในรูปแรก,สำหรับฉันภาพยานที่ดูเหมือนของจริงนี้เป็นแค่โมเดลเล็กๆ มันขาดลักษณะเฉพาะที่สำคัญทางเทคนิค-และทางฟิสิกส์-ที่เกี่ยวข้องกับสนาม พลัง พูดให้ง่ายรูปนี้เป็นของปลอม เค้าโครงยานและสีของมันที่มองเห็นได้ชัด,เพราะว่ายานที่ลอยอยู่นั้นปกติ แล้วจะซ่อนอยู่ในสภาวะที่สนามพลังยกตัวขึ้น[shifted-field condition] นั่นจะทำให้สีมันผิดเพี้ยนไปหรือหว่ารูปร่างผิดเพื้ยนไป มันอาจจะฟังดูแปลกๆ แต่รูปที่ดูคลุมเคลือไม่ค่อยชัดและมีการยกระดับของแสงสเปกตัม[spectrally- shifted คงจะหมายความว่า รูป ufo ที่มีแสงเรืองออกมา] บางครั้งก็ระบุได้ว่าเป็นของจริง และอีกอย่าง,วัตถุนี้ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ถ้านี่เป็นของจริง,เราก็น่าจะเห็นน้ำบุ่มลงไปเป็นแอ่งหรือว่ามีคลื่นเกิด ขึ้น แต่ว่าผิวน้ำมันเรียบ,มันจึงไม่ใช่ยานของจริง ในความคิดของฉันทั้งสามรูปนี้ไม่ใช่วัตถุที่บินได้ของจริงหรือ UFOs อย่างในรูปนี้ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นวัตถุ มันดูเหมือนการหักเหของแสงในกล้องมากกว่า คุณควรจะฉลาดมากพอที่จะไม่หลงเชื่อภาพที่สร้างขึ้นมา พวกผู้คนของพวกคุณตามล่าของปลอมที่โดนหลอกเป็นเวลานาน,มันก็คงสายไปมากที่จะ ค้นพบว่าที่แท้จริงแล้วอะไรที่เกิดขึ้นบนท้องฟ้า

รูปที่ 2:Albiosc, France, 1974



รูป นี้ดูเหมือนว่าเป็นของจริง เพราะว่ามันเห็นลักษณะที่สำคัญของยาน ฉันมองก็รู้แล้วว่าเป็นยานของพวกเอเลี่ยนที่มาโลกนี้เมื่อ 35 ปีก่อน สีของยานเหมือนโลหะและมีรูปร่างคล้ายจาน;แน่นอนว่ารูปที่เห็นนั้นทั้งรูป ร่างและสีของยานถูกบิดเบือนเนื่องด้วยได้รับผลกระทบจากสนามพลังงานที่ยาน ปล่อยออกมา แสงสี่ขาวสี่ลำยาวๆ นี้เกิดจาก "กระบวนการ" ที่เกิดด้านใต้ยานเพื่อสร้างแสงจำลองแรงโน้มถ่วง [quasi-gravitational], มันทำให้สนามพลังงานของจักรวาลขยับ[shift] ขึ้นไปในทิศทางที่ก่อให้เกิดแรงโน้มถ่วง จริงๆ แล้วแสงนี่ก็ไม่ใช่แสงจริงๆหรอก(แสงที่เห็นส่องสว่างจาก "UFOs" นั้นโดยมากไม่ใช่แสงจริงๆ) แต่ว่ามันเกิดจากการสนามพลังที่มีพลังงานอัดแน่นอยู่เยอะมากซึ่งเมื่อมองจาก อากาศแล้วจะเห็นว่ามันดูคล้ายแสง[quasi-light] ฉันยังไม่เข้าใจในเรื่องของระบบพลังงานสูงพิเศษในบรรยากาศนี้นักหรอก มันเป็นไปได้ว่ามันเป็นมีอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมด้วย อีกอย่างนึงมันแย่มากที่พวกนี้ไม่มีความระวังทำให้ถูกมนุษย์ถ่ายภาพได้ เอาล่ะ ฉันคิดว่าที่ฉันพูดว่าเนี่ยพวกของคุณคงไม่ค่อยเข้าใจกันหรอก,และพวกที่เข้า ใจคงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับให้สาธารณะชนรู้หรอก

รูปที่ 4:Petit Rechain, Belgium, 1990





นี่ เป็นวัตถุที่บินได้ของจริง;แต่มันไม่มีทางเป็นของพวกเอเลี่ยนหรอก รูปทรงสามเหลี่ยมแบบนี้ไม่มีเอเลี่ยนเผ่าไหนใช้ รูปร่างเพลียวลมแบบนี้น่าจะเป็นความคิดของมนุษย์ มันเป็นของกองทัพของพวกคุณซึ่งเป็นโครงการลับที่สร้างมันขึ้นมาโดยอาศัย เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวที่ยังไม่สมบูรณ์-เทคโนโลยีที่มนุษย์ต่างดาวโละ ทิ้งให้คุณเมื่อระหว่างปี 1960 และ 1970 โดยปกติแล้วรูปร่างของยานของพวกเอเลี่ยนนั้นไม่ค่อยมีผลอะไรเท่าไหร่,เพราะ ว่าเมื่อมันอยู่ในสนามพลังที่สร้างขึ้นมาแล้วแรงจากภายนอกจะไม่มีผลอะไรเลย รูปร่างยานโดยปกติจะทำให้รูปร่างเป็นวงกลมและจะไม่มีขอบ-เหมือนอย่างจานหรือ ทรงกระบอก-เพื่อให้สนามพลังสามารถไหลผ่านได้ง่าย โครงการของพวกคุณนั้นใช้สนามพลังขับเคลื่อนของเอเลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อน เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงใช้รูปทรงสามเหลี่ยมและสร้างให้เพรียวลมในการกำหนดทิศ ทางบิน[steerable]ด้วยหลักการ recoil


ในตัวอย่างนี้ยานบินจะลอย ตัวด้วยตัวขับสนามพลังงาน คุณเห็นการบิดเบือนและแสงเทียม[quasi-light] ในกระบอกที่หมุนอยู่มั้ย? มันเป็นตัวที่ชี้ชัดว่าภาพนี้เป็นของจริง แต่ทำไม,คุณอาจจะถามว่า,ทำไมมี 4 อัน? มันผิดปกติ-แม้แต่ระยะห่างแต่ละอัน[interval]ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ สีมืดมากและการบิดเบือนที่เกิดขึ้นภายในก็ยังสังเกตเห็นได้ชัด น่าจะเป็นไปได้ที่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากระบบเดิมโดยนักวิทยาศาสตร์ของพวก คุณ เพราะว่าพวกเอเลี่ยนไม่ได้ให้ข้อมูลคุณอีกเลยหลังจากไม่ลงรอยกัน,พวกเขา สร้างระบบมาใหม่โดยพวกเขาเองและโดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมัน อันตรายขนาดไหน การปรับปรุงไม่ได้ทำให้ระบบดีขึ้นแต่จะทำให้แย่ลงด้วยซ้ำ วัตถุทรงกระบอก[cylinder] สองอันข้างหน้านั้นอยู่ใกล้กันเกินไปสนามพลังที่เกิดจะไหลไปยังอีกตัวนึงได้ สีที่เห็นบอกได้ว่ามีการแผ่รังสีออกมาเยอะมาก มันเป็นไปได้ว่าเกิดจากการใช้ธาตุที่มีเลขอะตอมสูง มันเป็นอันตรายต่อพื้นที่ใกล้เคียงที่ไม่มีอะไรป้องกันมาก คนที่ถ่ายภาพนี้แสดงอาการการบาดเจ็บจากการรับรังสีหรือเปล่า?

คำถาม: ฉันไม่รู้ "UFOs" ของพวกทหารนี้มาจากไหน?จากอเมริกาหรือเปล่า?

คำตอบ: ใช่ ฉันคิดว่ามันใช่ มาจากแผ่นดินทางตะวันตก


คำถาม: ทำไมพวกเขาถึงมาบินเหนือพื้นที่ที่มีคนหนาแน่นของยุโรปล่ะ?รูปนี้มาจาก เบลเยียม มันดูไม่มีความหมายอะไรเลย คุณช่วยอธิบายอะไรได้มั้ย?

คำตอบ: ฉันก็ได้แต่พูดว่า ทำไม เหมือนกับกับพฤติกรรมแปลกๆของมนุษย์ มันเป็นไปได้ว่ามันเป็นการทดสอบระยะทางไกลหรือเป็นการทดสอบระบบการพรางตัว แม่เหล็กไฟฟ้า ประเทศที่เป็นศัตรูของอเมริกามาแต่ก่อนอยู่อีกฟากของโลก,ดังนั้นทำไมพวกเขา ถึงมาทดสอบที่นี่ล่ะ? ที่ประเทศพวกเขาพวกเขาอาจจะมีเวลาเพียงพอที่จะขับยานของพวกเขาไปและกลับ หรือบางทีพวกเขาอาจสนใจที่จะมาสังเกตบริเวณนี้ ด้วยโครงสร้างของตัวสร้างสนามพลังที่ไม่เสถียร-ตามที่รูปนี้ระบุ-ฉันพิจารณา ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ยานลำนี้จะบินข้ามทะเลมาถึงที่นี่ มันเป็นไปได้ว่ามีสถานีที่ใช้ทดสอบอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ โชคไม่ดี ที่ฉันไม่รู้อะไรเลย

____________________

ติดตามชม ในตอนที่ 4




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 0:19:38 น.
Counter : 841 Pageviews.  

คำแปลบทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง ตอนที่ 2




คำถาม: บางครั้งคุณพูดถึงเมืองใต้ดินและแสงอาทิตย์เทียม คุณหมายถึงบางสิ่งอย่างเช่น "โลกกลวง" งั้นหรือ หรือว่ามันดวงอาทิตย์ดวงที่สองอยู่ภายในโลก?

คำตอบ: ไม่ๆ โลกไม่ได้กลวงและไม่มีดวงอาทิตย์ดวงที่สองอยู่ข้างในเรื่องนี้มันน่าขันและ ทั้งเป็นไปไม่ได้ในทางกายภาพ(แม้ว่าเผ่าพันธุ์ของคุณจะฉลาดพอที่จะไม่เชื่อ เรื่องพวกนี้) คุณรู้มั้ยดวงอาทิตย์ต้องมีมวลเท่าไหร่ถึงจะสามารถผลิตพลังงานและแสงออกมา ได้เป็นเวลานานโดยอาศัยการฟิวชั่น? คุณคิดจริงๆหรือว่ามันสามารถมีดวงอาทิตย์เล็กๆอีกดวงในดาวเคราะห์? เมื่อฉันพูดถึงบ้านใต้ดิน,ฉันหมายถึงระบบถ้ำที่ใหญ่ ถ้ำที่คุณพบใกล้ๆผิวโลกนั้นเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับถ้ำจริงๆและเป็นโพรงที่ โหญ่อยู่ลึกลงไปในโลก(ลึกประมาณ 2,000 ถึง 8,000 ในหน่วยเมตรของคุณ,แต่เชื่อมต่อกันด้วยอุโมงค์ที่ซ่อนอยู่มากมายเพื่อไปยัง ผิวโลกหรือผิวโลกแถวๆถ้ำ) และพวกเราอาศัยอยู่ในเมืองและโคโลนีที่กว้างใหญ่และก้าวล้ำมากข้างในถ้ำ เหล่านี้ เมืองหลักๆของพวกเราอยู่ภายใต้อาร์กติก, แอนตาร์กติก, ส่วนในเอเชีย, อเมริกาเหนือและออสเตรเลีย ถ้าฉันพูดถึงแสงอาทิตย์เทียมในเมืองของพวกเราฉันไม่ได้หมายถึงดวงอาทิตย์ จริงๆแต่เป็นแสงที่มาแหล่งที่สร้างโดยเทคโนโลยี(รวมถึงแหล่งที่มาจากแรงโน้ม ถ่วงด้วย)ที่ส่องแสงอยู่ในถ้ำและอุโมงค์ มีบางพื้นที่ในถ้ำและอุโมงค์ที่เป็นที่พิเศษที่มีแสง UV แรงเป็นพิเศษซึ่งจะมีอยู่ทุกเมืองและพวกเราใช้สถานที่นี้ทำให้เลือดของพวก เราร้อนขึ้น ยิ่งกว่านั้นพวกเรามีพื้นที่ที่ใช้รับแสงอาทิตย์บนผิวโลกด้วยในพื้นที่ที่ ห่างไกลโดยเฉพาะในอเมริกาและออสเตรเลีย
__________________

คำถาม: พวกเราจะสามารถค้นหาทางเข้าไปสู่โลกของคุณได้ที่ไหนบ้าง?

คำตอบ: คุณคิดว่าฉันจะบอกสถานที่เหล่านั้นงั้นเหรอ? ถ้าคุณต้องการรู้ว่าอยู่ตรงไหนบ้างละก็,คุณต้องไปค้นหาด้วยตัวเอง(แต่ฉันแนะ นำว่าอยู่ทำอย่างนั้นเลย)เมื่อฉันขึ้นมายังผิวโลกเมื่อสี่วันก่อน,ฉันใช้ทาง เข้าอยู่เหนือไปจากที่นี่ประมาณ 300 ในหน่วยกิโลเมตรของคุณ ใกล้ๆ กับทะเลสาปที่ใหญ่,แต่ฉันสงสัยว่าคณสามารถหามันเจอเหรอ(มีทางเข้าออกไม่มาก ในส่วนนี้ของโลก-ส่วนมากจะอยู่ไกลออกไปทางเหนือและตะวันออก) มีคำแนะนำนิดหน่อย: ถ้าคุณอยู่ในถ้ำที่แคบหรือในอุโมงค์หรือบางสิ่งที่ดูเหมือนปล่องเหมืองและ ตามทางที่เดินลึกเข้าไปพบว่ากำแพงนั้นเรียบและถ้าคุณรู้สึกว่ามีอากาศอุ่น ที่ผิดปกติไหลผ่านออกมาหรือหรือถ้าคุณได้ยินเสียงอากาศไหลผ่านออกมาอย่างแรง ให้มองหากำแพงที่และเรียบบางที่ในถ้ำที่มีประตูที่ทำจากโลหะสีเทา ถ้าคุณสามารถเปิดประตูนั้นได้(แต่ฉันสงสัยว่าจะทำได้เหรอ)คุณก็น่าจะอยู่ใน ห้องเทคนิคที่กลมด้วยระบบระบายอากาศและลิฟต์เพื่อที่จะลงไปลึกกว่านั้น นี่ก็น่าจะเป็นทางเข้าไปสู่โลกของเรา ถ้าคุณถึงจุดนั้น,คุณควรจะรู้ว่าพวกเรารู้ว่าคุณอยู่ตรงนั้น คุณกำลังตกอยู่ในปัญหาใหญ่ถ้าคุณเข้าไปในห้องกลมนั้นแต่คุณควรจะหาสัญลักษณ์ ของชาวเลื้อยคลานหนึ่งในสองแบบบนกำแพง ถ้าไม่มีสัญลักษณ์หรือเจอสัญลักษณ์อื่นคุณอาจจะตกอยู่ในปัญหาที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่คุณจะคิดได้,เพราะว่าไม่ใช่ทุกอันจะเป็นของเรา ระบบอุโมงค์แบบใหม่เป็นของเอเลี่ยน(รวมถึงพวกที่เป็นศัตรูด้วย) คำแนะนำของฉันคือถ้าคุณพบว่าตัวเองอยู่ในเครื่องจักรใต้ดินอะไรที่แปลก สำหรับคุณ ให้วิ่งออกห่างให้เร็วที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้
__________________


คำถาม: คุณบอกมาแต่แรกแล้วว่าคุณใช้ชื่อ "Lacerta" เมื่อคุณอยู่ท่ามกลางมนุษย์และคุณมีความสุขที่ได้อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์จริงๆ บนผิวโลกแต่คุณอยู่ท่ามกลางมนุษย์ได้อย่างไร?คุณมองดูไม่เหมือนพวกเรา,ดัง นั้นคนอื่นน่าจะเห็นว่าคุณเป็นพวกเผ่าพันธุ์อื่น ทำไมไม่มีใครเห็นและบรรยายว่ามีสิ่งมีชีวิตรูปร่างอย่างนี้ถ้าพวกของคุณอยู่ ด้วยกันกับเราบนดาวดวงเดียวกัน คุณช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้หน่อยได้ไหม?

คำตอบ: เริ่มแรกเลย,เผ่าพันธุ์ของเราถูกเห็นและถูกอธิบายไว้(และบูชา)หลายครั้งใน ช่วงอดีตของคุณ ยกตัวอย่างเช่นในงานเขียนทางศาสนาอย่างเช่นคัมภีร์ไบเบิ้ล คุณสามารถค้นหาคำอธิบายและแม้แต่รูปวาดง่ายๆของพวกเราที่อยู่ในแถวตอนใต้ ของอเมริกาในวัดต่างๆ นักปราชญ์[wise man] ของอินเดียและชาวเอเชียที่อยู่บนภูเขาก็มีคำอธิบายถึงพวกเราหลายๆครั้งในงาน เขียนและทั้ง "นักปราชญ์"ในแอฟริกาด้วย ฉันคิดว่าพวกเราถูกอ้างหลายครั้งว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์(อาจจะนอก จาก "Ilojiim") ในประวัติศาสตร์ของคุณ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน, ให้ไปอ่านประวัติศาสตร์และคุณจะค้นพบความจริงที่ฉันพูด นักวิทยาศาสตร์ที่ "ยิ่งใหญ่" เรียกความเชื่อที่เชื่อว่ามีพวกเราว่า "พวกที่เชื่อผีสาง" และ "ศาสนา" และวันนี้มนุษย์ที่แสนจะ "ฉลาด" ได้ลืมเรื่องที่พวกเราได้มาปรากฏให้เห็นบนโลกในอดีตหมดแล้ว
__________________

มาก ไปกว่านั้น พวกเผ่าของเราปัจจุบันนี้บางครั้งก็ถูกพบเห็นโดยมนุษย์ถูกเห็นรูปร่างของเรา จริงๆหรือในทางเข้าใกล้ผิวหน้าของโลกหรือในอุโมงค์, แต่โชคดีที่พวกคุณและสื่อของคุณไม่ได้รายงานการพบโดยมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ จริง(นั่นดีสำหรับเราและเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงยอมให้ผู้คนเหล่านี้มอง เห็นเราในรูปแบบที่เราเป็นจริงๆ) บางคนในกลุ่มพวกเราได้มีการติดต่อโดยตรงกับนักวิทยาศาสตร์และนักการเมืองของ มนุษย์จากบนพื้นผิว,แต่ว่าเป็นความลับสุดยอด - ตามที่พวกคุณเรียกว่าอย่างนั้น - และไม่มีใครรู้เรื่องเหล่านี้(เรื่องที่คุยกันปกติก็จะเป็นเรื่องสงครามที่ จะเกิดขึ้นกับมนุษย์ต่างดาวและความช่วยเหลือของพวกเราในสงครามนี้) แต่ยังมีข้ออธิบายอื่นอีก,ที่ว่าทำไมพวกเราถึงสามารถเดินอยู่ท่ามกลางพวกคุณ ได้และทำไมคุณถึงไม่รู้ เราใช้การจำลองตัวเองให้เหมือนมนุษย์
__________________

ที่ พูดมานั้นอาจฟังดูไม่น่าเชื่อแต่ทำให้คุณช็อคแต่คุณได้ถามมาฉันก็จะตอบไป ฉันได้บอกคุณไปแล้วว่าพวกเรานั้นมีความสามารถทางจิตเหนือกว่าพวกคุณและ ที่"เหนือกว่า"นั้นฉันหมายถึงว่าพวกเราสามารถใช้เทเลพาที[โทรจิต]และเทเลคิ เนซิส[พลังที่เคลื่อนย้ายสิ่งของโดยไม่จับต้อง] ได้ตั้งแต่เราเกิด (ในความจริง,แม่และลูกที่พึ่งเกิดใหม่จะติดต่อกันทางโทรจิตระหว่างเดือนแรก) โดยไม่ต้องมีการฝึกพิเศษอย่างพวกคุณต้องทำกันเพื่อกระตุ้นส่วนสมองส่วนที่ หลับอยู่ โครงสร้างของสมองของพวกเราแตกต่างกันเล็กน้อยกับสมองของคุณส่วน ไฮโปไพซิส[hypophyse] ใหญ่กว่าละทำงานมากกว่าของคุณ- โดยเฉพาะเมื่อพวกเราอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ความสามารถของเรานี้ดีกว่าพวกคุณแต่ยังด้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพวกเอ เลี่ยนบนโลกนี้ที่มาจาก "matterstring/bubble" ฉันไม่ได้มีความสามารถทางด้านนี้ดีนัก,แต่พวกเราทั้งหมดมีความสามารถอย่าง นี้เป็นความสามารถพื้นฐานและสามารถใช้ยกตัวอย่างเช่นเพื่อป้องกันตัวหรือโจม ตี
__________________



เมื่อ พวกเราอยู่บนผิวโลกและพบกับพวกมนุษย์(แม้ว่าจะเป็นกลุ่มใหญ่-มันก็ไม่แตก ต่างกัน ความคิดของพวกคุณทั้งหมดก็เหมือนเป็นความคิดเดียว) พวกเราสามารถที่จะ "สัมผัส" ความคิดของเขาและชักนำพวกเขาโดยทางโทรจิตโดยออกคำสั่ง "เห็นพวกเราเป็นเหมือนพวกคุณ" และมนุษย์ที่มีจิตที่อ่อนก็จะยอมรับคำสั่งนี้โดยปราศจากการต่อต้านและพวกเขา จะมองเรา(แม้ว่าจะมีรูปร่างเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน) เหมือนมนุษย์ธรรมดา ฉันได้ทำอย่างนี้มาหลายครั้งแล้วและมนุษย์ที่อ่อนแอก็จะเห็นฉันเป็นมนุษย์ ผู้หญิงผมสีน้ำตาลที่สวยงามเพราะว่าฉันได้จินตนาการถึงรูปจำลองนี้เป็นปีและ ฉันสามารถชักจูงมันใส่ในหัวพวกคุณได้โดยไม่มีปัญหา ฉันต้องใช้เวลาในการฝึกมันหน่อยในช่วงแรกที่จะทำให้มันใช้งานได้,แต่ตอนนี้ มันทำงานเกือบจะอัตโนมัติและฉันสามารถเดินท่ามกลางพวกคุณและไม่มีใครรู้เลย ว่าฉันเป็นใคร มันมีคำสั่งที่เป็นสวิตซ์อยู่("เห็นฉันอย่างที่ฉันเป็น/เห็นฉันอย่างที่พวก เราต้องการให้คุณเห็น")ในจิตสำนึกของคุณที่ซึ่ง "Ilojiim" เอามาใส่เมื่อตอนสร้างคุณขึ้นมา พวกของคุณและพวกเราใช้สวิตซ์นี้เพื่อทำให้คุณเชื่อว่าคุณเห็นมนุษย์เมื่อคุณ มองเรา(เอเลี่ยนเผ่าอื่นๆก็ใช้สวิตซ์นี้ด้วย) มันง่ายเหมือนที่คุณคิด เมื่อมีการพบปะกันระหว่างพวกคุณกับเอเลี่ยนที่เห็นรูปร่างเหมือนกับคุณ,เอ เลี่ยนเหล่านี้ใช้สวิตซ์นี้และบางครั้งการพบปะกับเอเลี่ยนที่มีรูปร่าง เหมือนมนุษย์จริงๆแล้วก็เป็นการพบปะกับพวกเรา) เมื่อฉันพบ E.F. เป็นครั้งแรกเขามองเห็นฉันเป็นมนุษย์ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งและฉันจำได้ว่าเขา ดูตกใจมากและช็อคเมื่อฉันเผยร่างจริงให้เห็น


คำถาม: คุณหมายความว่าคุณสามารถทำให้ฉันเชื่อว่าคนที่ฉันคุยอยู่นี้เป็นมนุษย์ ผู้หญิงผมสีน้ำตาลที่หน้าตาสวยแทนที่จะดูเหมือนมนุษย์เลื้อยคลานอย่างคุณ

คำตอบ: บางที, แต่ฉันไม่คิดงั้นคุณเป็นกรณีพิเศษ เมื่อบางคนคาดว่าจะเห็นเป็นมนุษย์ผู้หญิงแทนที่จะเห็นฉัน ฉันสามารถทำได้โดยไม่มีปัญหาเนื่องด้วยความคิดของเขา(แม้แต่ผู้คนเป็นกลุ่ม ใหญ่) เพราะว่าไม่มีใครคาดคิดว่าจะเห็นผู้หญิงชาวเลื้อยคลาน แต่ฉันได้ยอมอนุญาตให้จิตของคุณเห็นฉันแบบที่ฉันเป็นตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ กันครั้งแรกและฉันไม่ได้เหนี่ยวนำความคิดของคุณเลย,ดังนั้นคุณถึงตะรหนักรู้ ว่าฉันไม่ใช่มนุษย์ ถ้าฉันต้องการจะทำตอนนี้มันอาจจะต้องทำให้จิตสับสนก่อนหรือไม่ก็ทำไปที่จิต ใต้สำนึกและฉันไม่ต้องการทำให้คุณได้รับอันตราย ตามที่บอกไปแล้วฉันทำสิ่งเหล่านี้ไม่ค่อยดีนัก

คำถาม: ฟังดูน่ากลัว คุณสามารถฆ่าคนโดยใช้ความสามารถนี้ได้มั้ย?
คำตอบ: ได้แต่ว่ามันถูกห้ามไม่ให้ใช้ นั่นหมายความว่าไม่ได้ไม่เคยมีใครทำมาก่อน


คำถาม: ทั้งสองเพศมีความสามารถอย่างนี้ไหม?
คำตอบ: ใช่


คำถาม: แล้วภาพถ่ายล่ะ? คุณจะปรากฏบนภาพถ่ายมั้ย?

คำตอบ: นี่เป็นคำถามที่งี่เง่ามาก ฉันปรากฏบนภาพถ่ายอย่างที่เป็นมนุษย์เลื้อยคลานเพราะว่าฉันไม่สามารถส่ง กระแสจิตไปแต่งรูปถ่ายได้หรือหลอกกล้องได้แต่หลอกได้แค่ตากล้อง ถ้าเขาหรือหล่อนล้างฟิล์มออกมาและเอารูปไปให้คนอื่นมองพวกเขาก็จะเห็นฉันใน แบบที่ฉันเป็นจริงๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงถูกห้ามไม่ให้ถูกถ่ายรูปหรือถ่ายวีดีโอและ พวกเราต้องหลบเลี่ยงกล้องทุกๆตัวบนผิวโลก(มันเป็นเรื่องยากมากและพวกเราถูก ถ่ายวีดีโอหลายครั้งในอดีตโดยที่เราไม่รู้,โดยเฉพาะจากรัฐบาลของคุณและ สายลับ)
__________________


คำถาม: แล้วคำสั่งอื่นๆที่พวกคุณสามารถเหนี่ยวนำความคิดของเรา อย่างเช่น "รับใช้เรา" หรือ "เชื่อฟังเรา" ล่ะ มีมั้ย?

คำตอบ: นี่ก็เป็นคำถามที่แปลกอีกแล้ว พวกเราไม่ใช่ศัตรูของคุณ(พวกเราส่วนมากไม่ได้เป็น) ดังนั้นทำไมพวกเราต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ?นี่คือคำตอบของคำถามข้อนี้: มันขึ้นกับความแข็งแกร่งของจิตมนุษย์และความแข็งแกร่งของจิตชาวเลื้อยคลาน ที่เป็นผู้ส่ง ไม่มีสวิตซ์คำว่า "รับใช้พวกเรา" หรือ "รับใช้เรา" ในจิตพวกคุณ ดังนั้นคำสั่งเหล่านี้จะยากในการให้ทำตาม ถ้าจิตมนุษย์และจิตสำนึกอ่อนแอและชาวเลื้อยคลานผู้ส่งจิตมีประสบการณ์ใน เรื่องนี้และอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์สองสามชั่วโมงก่อนที่เขาหรือเธอจะพยายามทำ มัน, มันก็อาจจะเป็นไปได้ มันเป็นความลับในการสอนเรื่องเหล่านี้ แต่ฉันไม่เคยเรียนเรื่องเหล่านี้มาก่อน ฉันใช้ความสามารถพื้นฐานสำหรับการจำแลงตัวและสำหรับการติดต่อสื่อสารกับพวก ของฉันและบางครั้งกับสิ่งอื่นๆ แต่ฉันไม่เคยใช้มันทำอันตรายกับมนุษย์หรือจิตคนอื่น ฉันจะพอใจถ้าเราจะจบประเด็นนี้แค่นี้
__________________

คำถาม: คำถามสุดท้าย:คุณบอกมาแต่แรกว่าคุณสามารถซ่อน UFOs ของคุณ คุณใช้ความสามารถเดียวกันใช่มั้ย?

คำตอบ: ใช่แต่ในด้านเทคนิค มีอุปกรณ์ที่ทรงพลังข้างในยานแต่ละลำที่ซึ่งสามารถส่งสัญญาณสังเคราะห์ไปยัง ความคิดพวกคุณเพื่อให้คุณเชื่อว่าคุณไม่ได้เห็นอะไรเลยนอกจากท้องฟ้าหรือว่า เห็นเป็นยานบินธรรมดาๆอย่างเช่นเครื่องบินแทนที่จะเป็นยานของพวกเรา นี่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก เพราะว่าเราเลี่ยงที่จะบินผ่านที่ที่มีมนุษย์อยู่กันเยอะๆ ถ้าคุณสามารถเห็น UFOs ของพวกเรามันก็หมายความว่าเครื่องนั้นมีปัญหาหรือว่าไม่ได้เปิดใช้ด้วย เหตุผลบางประการ ผลกระทบจากการซ่อนตัวไม่ได้ส่งผลถึงกล้างถ่ายรูปด้วย - เป็นการตอบคำถามที่คุณได้ถามไปแล้ว -แต่ทำไมบางคนถึงได้ถ่ายรูปท้องฟ้าที่เขาไม่เห็นอะไรผิดปกติบนนั้น อ้อ แล้วพื้นผิวตรงใกล้อุโมงค์ทางเข้าของเรานั้นก็ถูกซ่อนด้วยอุปกรณ์ตัวเดียว กันและคุณจะเห็นเป็นผนังถ้ำธรรมดาแทนที่จะเห็นเป็นประตู นี่เป็นเหตุผลนึงที่ว่าทำไมฉันถึงบอกว่าฉันสงสัยว่าคุณจะสามารถหาประตูลับ ที่เชื่อมต่อไปยังโลกของเราเจอหรือเปล่า(แต่มันก็ได้เกิดขึ้นมาหลายครั้ง แล้วในอดีต)
__________________

คำถาม: กลับไปยังเรื่องราวประวัติศาสตร์ของพวกคุณกับเราอีกครั้ง คุณพูดถึง "Illojiim" ว่าเป็นผู้ที่สร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราขึ้นมา แล้วพวกเขามาจากที่ไหนและมองดูเหมือนอะไร? อะไรเกิดขึ้นกันแน่เมื่อพวกเขามาถึง? พวกเขาเป็น "พระเจ้า" ของพวกเรางั้นหรือ?

คำตอบ: "Illojiim" มาจากจักรวาลนี้ จากระบบสุริยะที่คุณเรียกว่า "Aldebaran" พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์คล้ายมนุษย์ที่สูงมาก มีผมสีบรอนด์และมีผิวสีขาวมาก(พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงแสงอาทิตย์,เพราะว่า มันทำร้ายผิวหนังและตาของพวกเขา นี่ฟังดูไม่น่าเชื่อสำหรับพวกที่ชอบแสงอาทิตย์อย่างพวกเรา) ในตอนแรกพวกเขาดูเหมือนฉลาดและรักสันติและพวกเราพยายามที่จะติดต่อสื่อ สารอย่างเป็นมิตรหลายครั้ง แต่ท้ายสุดแล้วพวกเขาก็แสดงจุดประสงค์และแผนการณ์ที่แท้จริงออกมา: พวกเขาต้องการวิวัฒน์ลิงเอปเป็นพันธุ์ใหม่และพวกเราเป็นองค์ที่รบกวนเขาใน ดวงดาวสวนสัตว์แห่งใหม่ของเขา ในตอนแรกพวกเขาจับลิงที่เป็นบรรพบุรุษของคุณประมาณ 10,000 หรือ 20,000 ตัวไปและพวกเขาไปจากดาวเคราะห์นี้ประมาณร้อยกว่าปี เมื่อพวกเขากลับมาพวกเขานำพวกบรรพบุรุษของพวกคุณ(ตอนนี้เหมือนมนุษย์มาก ขึ้น) กลับมา แล้วพวกเขาก็ออกจากโลกไปอีกครั้งคราวนี้หายไปพันกว่าปีและสิ่งมีชีวิตที่ เกือบเป็นมนุษย์นี้ก็อยู่ร่วมกับพวกเราได้อย่างไม่มีปัญหา(พวกเขากลับยานและ เทคโนโลยีของพวกเรา) พวก "Illojiim" สอนความคิดพวกเขาและพัฒนาสมองให้ดีขึ้นและโครงสร้างทางร่างกายและตอนนี้พวก เขาสามารถใช้เครื่องมือและไฟได้ "Illojiim" ได้กลับมาได้มาอีกเจ็ดครั้ง ในช่วงระหว่างเวลา 23,000 ปี และเร่งกระบวนการวิวัฒนาการของพวกคุณ คุณต้องเข้าใจนะว่าคุณไม่ได้เป็นอารยธรรมมนุษย์อารยธรรมแรกบนดาวดวงนี้ มนุษย์ที่ก้าวหน้ากลุ่มแรก(ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันกับสิ่งมี ชีวิตที่เกือบเป็นมนุษย์ที่พัฒนาน้อยกว่า, เพราะว่า "Illojiim" ได้ทดลองในหลายช่วงเวลาและสถานะของการวิวัฒนาการ) ด้วยเทคโนโลยีและคำพูดก็เริ่มมีมาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อประมาณ 700,000 ปีก่อนบนดาวดวงนี้(นักวิทยาศาสตร์ของคุณไม่เข้าใจสิ่งนี้,เพราะว่าพวกเขาเจอ แต่กระดูกของพวกที่ยังไม่ใช่มนุษย์และภาพวาดพื้นๆบนผนังถ้ำที่วาดมนุษย์ที่ พัฒนาแล้วและสิ่งที่บินได้) มนุษย์ที่ก้าวหน้านี้ก็อยู่ร่วมกับเรา,แต่พวกเขาก็พยายามหลบเลี่ยงไม่ติดต่อ กับพวกเรา,เพราะว่าครู "Illojiim" ได้เตือนพวกเขาด้วยจุดประสงค์ที่จะให้เข้าใจผิดว่าพวกเราเป็นปีศาจและพวกเรา พูดโกหกกับพวกเขา[พวกมนุษย์]
__________________

เอา ล่ะ,หลังจากผ่านไปซักสองสามศตวรรษพวกเอเลี่ยนก็ได้ตัดสินใจที่จะทำลายสิ่ง สร้างครั้งแรกทิ้งหมดและพวกเขาเร่งการวิวัฒนาการในครั้งที่สองและครั้งต่อไป อีกเรื่อยๆ เป็นเรื่องจริงที่ว่าอารยธรรรมมนุษย์ที่ทันสมัยของคุณนั้นไม่ได้มีมาเป็น ครั้งแรกบนดาวเคราะห์โลกนี้แต่เป็นครั้งที่เจ็ด สิ่งก่อสร้างของพวกแรกนั้นสูญหายไปหมดแต่อารยธรรมของมนุษย์ครั้งที่ห้านั้น ยังอยู่หนึ่งอย่าง,ซึ่งก็คือสิ่งก่อสร้างรูปทรงสามเหลี่ยมที่ยิ่งโหญ่ที่คุณ เรียกว่า "ปิรามิดของชาวอียิปต์" ซึ่งมีมาประมาณ 75,000 ปีก่อน(ชาวอียิปต์ของพวกคุณสร้างปิรามิดที่ใหญ่โตบนพื้นทรายและพยายามที่จะ สร้างสิ่งก่อสร้างที่รูปร่างคล้ายๆกันแต่ไม่สำเร็จ) และอารยธรรมของมนุษย์ครั้งที่หกยังเหลืออยู่หนึ่งอย่างซึ่งเป็นเมืองซึ่ง เป็นซากปรักหักพัง ปัจจุบันนี้คุณสามารถหาได้ตามใต้ท้องทะเลตรงแถวพื้นที่ที่เรียกว่า Bimini ซึ่งมีมาเมื่อ 16,000 ปีก่อน การสร้างครั้งสุดท้ายก็คือครั้งที่เจ็ด - ก็คือพวกคุณ - ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 8,500 ปีก่อน และที่เป็นการสร้างครั้งเดียวที่คุณจำได้และที่งานเขียนทางศาสนาคุณอ้างไว้ คุณไว้ใจการศึกษาทางโบราณคดีและ paleonthological[เกี่ยวกับพวกศึกษาไดโนเสาร์] กับสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นในสมัยก่อนซิ่งมันผิดและเป็นอดีตที่สั้นไป, แต่นั่นเป็นวิธีที่คุณศึกษาเกี่ยวกับอารยธรรมทั้งหกก่อนหน้านี้ และคุณพบหลักฐานของการสูญหาย, คุณปฏิเสธและแปลความจริงผิดไป นี่เป็นส่วนนึงของโปรแกรมที่ตั้งไว้ในความคิดของคุณและบางส่วนก็เพราะโง่ จริงๆ ฉันจะบอกคุณในสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสร้างพวกคุณแล้ว, เพราะว่ามนุษย์ทั้งหกรุ่นก่อนหน้านั้นตายไปหมดและดังนั้นพวกเขาจึงไม่เกี่ยว กับคุณ


มี สงครามที่ยาวนานระหว่างพวกเราและ "Illojiim" และระหว่างพวก "Illojiim" ด้วยเพราะว่าพวกเขาหลายคนมีความเห็นว่าการสร้างมนุษย์หลายต่อหลายรุ่นบนดาว เคราะห์ดวงนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล การต่อสู้ครั้งสุดท้ายในสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อราวๆ 5,000 ปีก่อนในวงโคจรของโลกและบนโลก พวกเอเลี่ยนใช้อาวุธคลื่นเสียงที่มีอำนาจมากทำลายเมืองใต้ดินของเราแต่ในอีก ทางหนึ่งพวกเราก็สามารถทำลายสิ่งก่อสร้างของพวกเขาที่อยู่บนโลกได้หลายที่ และสามารถทำลายฐานที่อยู่บนอวกาศได้ มนุษย์ในรุ่นของคุณนั้นตกใจมากเมื่อพวกเข้าสังเกตเห็นการต่อสู้ของพวกเราและ พวกเขาบันทึกไว้ในรูปแบบเทพนิยายในทางศาสนา(ความคิดของพวกเขาไม่สามารถที่จะ เข้าใจว่าอะไรได้เกิดขึ้น) "Illojiim" - ผู้ซึ่งถือว่าเป็น "พระเจ้า" สำหรับมนุษย์รุ่นที่หกและเจ็ด - บอกพวกเขาว่านี่เป็นสงครามระหว่างความดีกับความชั่วร้ายและพวกเขาเป็นฝ่ายดี และพวกเราเป็นฝ่ายผู้ร้าย นี่ขึ้นกับมุมมองของแต่ละฝ่าย มันเคยเป็นดาวเคราะห์ของเรามาก่อนที่พวกเขาจะมาและก่อนที่พวกเขาจะเริ่ม โครงการวิวัฒนาการพวกมนุษย์ ในความเห็นของฉันแล้ว มันเป็นสิทธิ์ของเราที่จะต่อสู้เพื่อดวงดาวของเรา แล้วเป็นเวลาที่แน่นอนว่า 4,943 ปีก่อน - ตามเวลาของพวกคุณ - Elohim ได้ทิ้งดาวเคราะห์นี้ไปอีกครั้งด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้(นี่เป็นเวลาที่สำ คัณสำหรับเรามากเพราะว่านักประวัติศาสตร์ของพวกเราหลายคนเรียกว่าชัยชนะ) ความจริงเราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่มาวันนึงพวก "Ilojiim" ก็ได้จากไป, พวกเขาได้หายไปโดยไร้ร่องรอยรวมถึงยานของพวกเขาด้วยและพวกเราพบว่าสิ่งก่อ สร้างบนพื้นโลกของพวกเขาถูกทำลายโดยพวกเขาเอง พวกมนุษย์เป็นตัวของตัวเองและอารยธรรมของพวกคุณก็ได้ถูกพัฒนาขึ้นมา พวกเราหลายคนได้ติดต่อกับพวกชนเผ่าบางแห่ง(ส่วนมากทางตอนใต้) ของเผ่าพันธุ์ของคุณในศตวรรษต่อมาและพวกเราสามารถทำให้พวกบางคนเชื่อว่าพวก เราไม่ใช่ "ปีศาจ" พวกเอเลี่ยนต้องการให้พวกเขาเชื่ออย่างนั้น ระหว่างช่วงเวลา 4,900 ปีจนถึงปัจจุบันมีพวกเอเลี่ยนหลายเผ่าพันธุ์เดินทางมายังโลก(พวกเขาบางกลุ่ม ใช้เทคนิคและโปรแกรมเก่าๆของความคิดของคุณและ "เล่น" บทบาทเป็นพระเจ้าของคุณ) แต่พวก "Ilojiim" ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย พวกเขาทิ้งดาวเคราะห์นี้ไปเป็นเวลาพันๆปีแล้ว, ดังนั้นพวกเราก็คาดหวังว่าซักวันหนึ่งในอนาคตพวกเขาจะกลับมาในอนาคตเพื่อมา ปิดโปรเจคหรือบางทีอาจมาทำลายล้างมนุษย์รุ่นที่เจ็ด, แต่พวกเราก็ไม่รู้จริงๆว่าอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขา(นี่เป็นคำตอบของคำถามนี้ใน เชิงลึกมาก)
__________________

อารยธรรม ของคุณในตอนนี้ยังไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับที่มาของพวกคุณจริงๆ, เกี่ยวกับอดีตของคุณจริงๆ, เกี่ยวกับโลกและจักรวาลของพวกคุณจริงๆ และคุณรู้น้อยมากเกี่ยวกับเราและอดีตของเรา และคุณไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่จะมาถึงในอนาคตอันใกล้ ตราบเท่าที่คุณยังไม่เข้าใจและเชื่อคำพูดของฉัน - ฉันพูดความจริงกับคุณเพราะว่าพวกเราไม่ใช่ศัตรู - มันมีสิ่งที่เป็นอันตรายต่อเผ่าพันธุ์ของคุณอยู่ ศัตรูของคุณอยู่ที่นี่แล้วและคุณไม่เข้าใจ เปิดตาของคุณหรือไม่คุณก็จะตกอยู่ในปัญหาใหญ่หลวงในเร็วๆนี้ ถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันได้บอกคุณไป คุณควรจะเชื่อมันและจำมันไว้
__________________

คำถาม: ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันไม่เชื่อคุณล่ะ?

คำตอบ: ฉันมีความรู้สึกว่าคุณไม่เชื่อฉัน, นอกเสียจากความจริงที่ว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้ข้างหน้าคุณ ทุกๆ สิ่งที่ฉันบอกคุณไปในสองชั่วโมงก่อนเป็นความจริงแท้สำหรับโลกของเรา
__________________


คำถาม: มีจำนวนเอเลี่ยนกี่เผ่าที่อยู่บนโลกเรา ณ ขณะนี้?

คำตอบ: เท่าที่เราจำได้ 14 เผ่า 11 เผ่า มาจากจักรวาลนี้, 2 เผ่ามาจาก "bubble" อื่น และอีก 1 เผ่าที่ก้าวหน้ามากๆมาจาก plain ที่แตกต่างกันมาก อย่าถามชื่อเลย, เพราะเกือบทั้งหมดนั้นไม่สามารถออกเสียงเป็นแบบคุณได้, มีแปดกลุ่มที่ไม่สามารถออกเสียงได้แม้แต่เราก็ตาม มีอยู่หลายเผ่า - โดยเฉพาะที่ก้าวหน้ามากๆ - แค่ศึกษาพวกคุณเหมือนคุณเป็นสัตว์และพวกเขาไม่เป็นอันตรายกับคุณและสำหรับ พวกเราด้วยและพวกเราทำงานร่วมกันกับบางคนของเค้า, แต่มีอยู่สามกลุ่มที่มีเจตนาร้าย, รวมถึงกลุ่มนึงที่ติดต่อกับรัฐบาลของพวกคุณและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีในเรื่อง ทองแดงและสิ่งสำคัญอื่นๆและจะหักหลังพวกคุณ ตอนนี้มี "สงครามเย็น" ระหว่างกลุ่มที่คิดร้ายกับคุณสองกลุ่มซึ่งเกิดขึ้นเป็นเวลา 73 ปีแล้วและกลุ่มที่สามดูเหมือนจะเป็น "ผู้ชนะ" ในการต่อสู้ที่ไม่มีประโยชน์นี้ พวกเราคาดการณ์ว่าจะมีสงครามที่ "ร้อนแรง"ระหว่างพวกเขากับคุณในอนาคตอันใกล้นี้(อาจจะใน 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า) และพวกเราเป็นกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ในเวลาไม่นานมานี้มีข่าวลือว่ามีกลุ่มใหม่อีกกลุ่มเข้ามา,กลุ่มที่ 15 ที่มายังโลกเมื่อ 3 หรือ 4 ปีก่อน, แต่พวกเรายังไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับจุดมุ่งหมายของพวกเขาและจนกระทั่งบัด นี้พวกเราก็ยังไม่สามารถติดต่อกับพวกเขาได้ บางทีข่าวลืออาจจะผิดก็ได้
__________________

คำถาม: อะไรที่เอเลี่ยนกลุ่มที่คิดร้ายกับเราต้องการ?

คำตอบ: วัตถุดิบหลายๆ อย่างรวมทั้งทองแดงเพื่อเอาไปใช้ในเทคโนโลยีของพวกเขา, น้ำของคุณ(หรือถ้าจะพูดให้ชัดกว่านี้ก็คือต้องการไฮโดรเจนในน้ำของคุณ, ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานในกระบวนการฟิวชั่น)และธาตุเคมีในอากาศ นอกจากนี้มีสองกลุ่มที่สนใจในร่างกายของคุณ, เนื้อเยื่อและเลือดของมนุษย์,เพราะว่าโครงสร้างทางพันธุกรรมของพวกเขานั้นมี ปัญหาเนื่องจากการวิวัฒนาการที่แย่และจากรังสี(เท่าที่เรารู้) และพวกเขาต้องการส่วนพันธุกรรมที่ยังคงสภาพเดิมจากพวกคุณและจากสัตว์เพื่อมา ซ่อมพันธุกรรมของพวกเขา,แต่ว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะซ่อมส่วนที่เสียหายได้ หรอกเพราะว่า DNA ของพวกเขาและของคุณ มันเข้ากันไม่ได้(DNA ของเผ่าพันธุ์เราไม่สามารถเข้ากับของพวกเขาได้แน่นอน,ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ ได้สนใจเรามากนัก) และพวกเขาพยายามที่จะสร้างพันธุ์ผสมระหว่างพวกคุณกับพวกเขาโดยใช้การผสม เทียม พวกเราคิดว่าสงครามที่กำลังจะมาถึงจะเป็นสงครามระหว่างเอเลี่ยนสามกลุ่มหรือ กับคุณและและหนึ่งในนั้นหรือทั้งหมดทำสงครามเพื่อวัตถุดิบ, ไฮโดรเจน, อากาศและ DNA
__________________

คำถาม: ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกนั้นถึง "ลักพาตัว" เราไป

คำตอบ: บางส่วน,โดยเฉพาะเมื่อเอเลี่ยนได้ตัวอย่างไข่และสเปริมไปจากคุณ บางเวลาผู้ที่ลักไปนั้นก็เป็นเผ่าพันธุ์อื่นที่ก้าวหน้ามากและพวกเขาต้องการ แค่ศึกษาร่างกายและจิตใจของคุณ(ซึ่งบางกลุ่มนั้นสนใจมากเพราะว่าร่างกายที่ เป็นของแข็งของคุณ) เหมือนกับว่าพวกคุณเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตามที่ฉันได้บอกไปแล้วเอเลี่ยนสามเผ่านั้นไม่หวังดีกับคุณและนั่นหมายความ ว่าพวกเขาจะไม่สนใจชะตากรรมหรือชีวิตของคุณ และผู้คนผู้ซึ่ง "ถูกลักพาตัว" ไปโดยพวกเขาแล้วจะรอดชีวิตกลับมายาก ถ้าบางคนสามารถรายงานถึงการลักพาตัวได้,มันหมายความว่าในความเห็นของฉันเขา หรือเธอไม่ได้พบกับกลุ่มที่ไม่หวังดีหรือเขาหรือเธอเป็นมนุษย์ที่โชคดีมากๆ ที่รอดมาได้ เอเลี่ยนกลุ่มที่ก้าวหน้าและเป็น"มิตร"ก็เอาตัวอย่างไข่และสเปริมไปด้วย,แต่ เพื่อเหตุผลอื่น
__________________

คำถาม: คุณบอกว่ามีเอเลี่ยนอยู่ 14 กลุ่มที่อยู่บนโลกนี้ แต่ทำไมคนที่เห็นเอเลี่ยนจึงบอกว่ามีหลายแบบและมีรูปร่างแปลกประหลาดมาก

คำตอบ: ฉันคิกว่าฉันได้ตอบปัญหานี้ไปแล้วนะ ตามที่ฉันบอกว่า เอเลี่ยนจำนวนมากมีความสามารถทางจิตมากกว่าคุณหรือว่าฉัน(มีเอเลี่ยนแค่ หนึ่งกลุ่มที่ไม่มีความสามารถนี้) พวกเขาปรากฏตัวในความคิดและความทรงจำของพวกคุณตามแต่ว่าพวกเขาอยากให้เห็น "ภาพ" อย่างไรโดยที่ไม่ต้องปรากฏร่างกายจริงๆให้เห็น คุณจะจำพวกเขาได้ว่าพวกเขาเป็นเหมือนมนุษย์เราหรือเป็น grey รูปร่างเตี้ยๆ หรือแม้แต่สัตว์ที่รูปร่างแปลกประหลาดเพระว่าพวกเขาต้องการให้คุณจำพวกเขา อย่างนั้นหรือบางทีพวกเขาต้องการให้คุณลืมบางสิ่งเกี่ยวกับการพบกับพวกเขา ตัวอย่างอื่น: คุณสามารถจำได้ว่าคุณอยู่ในโรงพยาบาลปกติของมนุษย์และมีหมอกำลังตรวจร่างกาย คุณและคุณก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นในสิ่งที่คุณเจอ(อาจจะจนกระทั่งคุณพบ ว่านั่นไม่ใช่โรงพยาบาลแถวถนนที่คุณคิดว่าใช่) แต่ความจริงแล้วคุณกำลังถูกตรวจสอบโดยเอเลี่ยนในห้องแลป ในกรณีนี้คุณไม่สามารถเชื่อความคิดของคุณได้เลย พวกเขาปรากฏในรูปร่างต่างๆ เพื่อทำให้คุณสับสนและทำให้พยานผู้ที่จำเหตุการณ์ได้ - หรือคนที่เชื่อว่าสามารถจำได้ - ดูเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นและเท่าที่เรารู้,พวกเขาทำสำเร็จ เชื่อฉันเถอะว่ามีเอเลี่ยนอยู่ 14 กลุ่มบนโลกใบนี้และมีเอเลี่ยนแค่ 8 กลุ่มที่ลักพามนุษย์อยู่ในตอนนี้(เท่าที่เรารู้อีกแล้ว) เพิ่มเติมไม่ทุกๆคนของพวกที่บอกว่า "ถูกลักพาตัว" ถูกลักพาไปจริง และเอเลี่ยนบางกลุ่มในรายงานของพวกเขานั้นเป็นแค่ภาพจินตนาการหรือไม่ก็คำ โกหก


คำถาม: พวกเราจะป้องกันไม่ให้พวกเขาชักจูงความคิดเราได้อย่างไร?

คำตอบ: ฉันไม่รู้ ฉันสงสัยว่าคุณจะทำได้หรือ,เพราะว่าความคิดของพวกคุณนั้นเหมือนสมุดที่เปิด ออกเพื่อที่ให้อ่านและเขียนได้ซึ่งทำได้โดยเผ่าพันธุ์อื่นๆ โดยเกือบจะทุกๆเผ่าพันธุ์ที่ฉันรู้มา นี่เป็นความผิดบางส่วนของ "Ilojiim", เพราะว่าพวกเขาได้สร้างหรือสร้างผิด(บางส่วนตั้งใจ) ความคิดของคุณและจิตสำนึกของคุณโดยไม่มีกระบวนการป้องกัน ถ้าคุณรู้ตัว่ามีบางคนกำลังแทรกแซงความคิดของคุณ,คุณสามารถทำได้แค่ตั้ง สมาธิไปยังความคิดที่น่าสงสัยและพยายามวิเคราะห์ทุกๆความคิดและความจำของคุณ เป็นการสำคัญมากที่: อย่าหลับตาของคุณ(นี่อาจจะเป็นการนำให้คลื่นสมองจากที่อื่นเข้ามาง่ายขึ้น) และอย่านั่งหรือนอนลงเพื่อพักถ้าคุณตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาระหว่างนาทีแรกๆ, คุณอาจจะกรองความคิดและคลื่นสมองอื่นในสมองของคุณและผู้ที่พยายามแทรกแซงจะ ยกเลิกไปเองในไม่ช้าถ้าเขาหรือเธอไม่ประสบความสำเร็จเพราะว่ามันจะเป็นการทำ ร้ายสมองของพวกเขาหรือเธอซะเอง นี่เป็นเรื่องที่ยากและลำบากมากและมันสามารถทำร้ายคุณได้, ดังนั้นอย่าพยายามจะต่อต้านแต่มันเป็นแค่ความเป็นไปได้ที่คุณทำได้ อย่างไรก็ตาม,คุณทำอย่างนี้ได้กับพวกที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น,ไม่สามารถทำกับ พวกที่แข็งแรงกว่าได้
__________________


คำถาม: คำพูดนี้คุณหมายความว่าอะไร "1 เผ่าที่ก้าวหน้ามากๆมาจาก plain ที่แตกต่างกันมาก"?

คำตอบ: ก่อนที่ฉันจะอธิบายเรื่องนี้,คุณต้องสามารถที่จะเข้าใจเรื่องจักรวาลให้ดี กว่านี้ก่อนและนี่อาจจะเป็นการเสียเวลาเปล่าๆไปหลายสัปดาห์ที่จะสอนเรื่อง นี้กับคุณ(รวมถึงต้องเอาอคติของคุณออกไปก่อน)และการสอนของฉันไม่ได้หมายความ ว่าสอนด้วยคำพูดอย่างเดียว ฉันได้อธิบายสิ่งนี้ด้วยคำว่า "plain" หรือว่า "ระดับ[level]" ของคุณ เพราะว่าคุณไม่มีศัพย์ที่เหมาะสมและคำว่ามิติ[dimention] ความหมายมันก็ไม่ใช่(มันรวมถึงคำว่า "bubble" ด้วย) เพราะคำว่ามิติมันไม่สามารถมีอยู่ถ้าปราศจาก plain ถ้าคุณเป็นเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ใน plain อื่นหรืออยู่เหนือ plain และถ้าคุณสามารถที่จะเข้าไปยัง plain อื่นได้โดยไม่ใช้เทคโนโลยีร่างกายของคุณนั้นจะไม่ได้ประกอบด้วยสสารที่คุณ รู้จัก, แล้วคุณก็จะเป็นสิ่งที่มีกำลังมากที่สุดที่คุณสามารถจินตนาการได้ นี่เป็นพวกเผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้ามากที่ฉันเคยได้กล่าวถึงแล้วซึ่งได้พัฒนา ตัวเองข้างนอกที่นี่และพวกเขาได้วิวัฒนาการมาแล้วมากกว่าหนึ่งพันล้านปี พวกเขาสามารถทำลายพวกคุณและพวกเราทั้งหมดและทุกสิ่งเพียงแค่คิด พวกเราได้ติดต่อกับพวกเขาแค่ 3 ครั้งในประวัติศาสตร์ของเรา,เพราะว่าความสนใจของพวกเขาในดวงดาวนี้ไม่เหมือน พวกอื่นๆ พวกเขาจึงถูกระบุว่าไม่อันตรายกับพวกคุณและพวกเรา
__________________


คำถาม: อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อสงครามเริ่มต้นขึ้น?

คำตอบ: เรื่องนี้มันตอบยาก มันขึ้นกับเผ่าพันธุ์ที่เป็นศัตรูและแผนการณ์ของพวกเขา "สงคราม" นั้นไม่ใช่เรื่องพื้นๆอย่างที่มนุษย์หมายความไว้[ในความหมายก็คือไม่ใช่แค่ เอาอาวุธมาประหัตประหารกัน],"สงคราม"สามารถสู้กันได้หลายระดับ อย่างนึงที่เป็นไปได้คือพวกเขาจะ"ทำลาย"ระบบสังคมของคุณโดยไปมีอิทธิพลกับ ผู้นำทางการเมือง, วิธีอื่นก็คือใช้ระบบอาวุธที่ก้าวหน้าที่ซึ่งสามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวหรือ ภูเขาไฟระเบิดหรือภัยพิบัติอื่นๆ(รวมถึงภัยทางน้ำด้วย) ที่ดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ธรรมชาติ สนามพลังพิเศษจากการรวมตัวของทองแดงที่ฉันได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้สามารถส่ง ผลต่อสภาพอากาศโลกได้ ฉันคิดว่าพวกเขาจะไม่โจมตีดาวดางนี้โดยตรงจนกว่าอารยธรรมมนุษย์จะอ่อนแอลง, เพราะว่าพวกเขาเห็นว่าพวกคุณมีความเป็นไปได้ที่จะทำลายยานของพวกเขา(แต่ก็ ไม่มาก) ความความเห็นของฉันพวกเราก็ไม่แน่ใจนักว่าจะมีสงครามเกิดขึ้นในปีถัดๆไป ฉันไม่อยากพูดเรื่องนี้ไปมากกว่านี้แล้ว
__________________

คำถาม: นี่เป็นการสิ้นสุดการสัมภาษณ์คุณต้องการจะพูดอะไรเป็นประโยคหรือข้อความสุดท้ายมั้ย

คำตอบ: เปิดตาของคุณและมองดู อย่าเชื่อเพียงแค่ในประวัติศาสตร์ผิดๆของคุณหรือนักวิทยาศาสตร์ของคุณหรือ นักการเมืองของคุณ พวกเขาบางคนรู้ความจริงเกี่ยวกับหลายๆ สิ่ง,แต่พวกเขาไม่ได้ประกาศสู่สาธารณะเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนและตื่น ตระหนก ฉันคิดว่าเผ่าพันธุ์ของพวกคุณก็ไม่ได้แย่เหมือนอย่างที่พวกของฉันคิดและ รู้สึกสงสารที่ได้แต่เฝ้ามองจุดจบของพวกคุณ มีหลายๆสิ่งที่ฉันได้บอกไป ออกไปยังโลกด้วยตาที่เปิดกว้างและคุณจะเห็น-หรืออาจจะไม่ เผ่าพันธุ์ของคุณยังโง่อยู่



คำถาม: คุณคิดว่าจะมีใครเชื่อว่าที่คุยกันนี้เป็นเรื่องจริงไหม?

คำตอบ: ไม่หรอก แต่มันเป็นการทดลองที่น่าสนใจในเรื่องการศึกษาทางสังคมของฉัน พวกเราจะพบกันอีกครั้งและคุณช่วยบอกฉันหน่อยว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากตีพิมพ์ เรื่องนี้ออกไป นี่อาจจะเป็นความหวังของพวกคุณ
__________________




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 0:06:54 น.
Counter : 943 Pageviews.  

คำแปลบทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง ตอนที่ 1



คำแปลบทสัมภาษณ์ "Lacerta" ชาวโลกอีกเผ่าพันธุ์นึง ตอนที่ 1
บทนำ

ฉัน รับรองว่าเรื่องราวที่ว่ามานี้เป็นเรื่องจริงและไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์นี่
เป็นส่วนนึงของบทสัมภาษณ์ที่ฉันที่ได้คุยกับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์และเป็นพวกสัตว์เลื้อยคลานในเดือนธันวาคม 1999 สิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้หญิงนี้ได้ติดต่อกับเพื่อนของฉัน
(ซึ่งชื่อของเค้าได้ เขียนเป็นชื่อย่อว่า E.F.ในบทสัมภาษณ์นี้)ตั้งแต่หลายเดือนที่ผ่านมา ขอบอกก่อนว่าฉันเป็นคนที่สงสัยในเรื่อง UFOs, เอเลี่ยนและสิ่งอื่นๆที่ดูแปลกประหลาดและฉันคิดว่าสิ่งที่ E.F. บอกฉันนั้นเป็นแค่ความฝันหรือเรื่องนิยายเมื่อเขาคุยกับฉันเกี่ยวกับการ ติดต่อกันครั้งแรกกับสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ที่ชื่อ "Lacerta" ฉันมีความสงสัยเมื่อฉันได้พบกับสิ่งนี้ในวันที่ 16 ธันวาคมปีที่แล้ว(1999) ในห้องเล็กๆที่อบอุ่นในบ้านที่ห่างไกลของเพื่อนของฉันใกล้กับเมืองในทางตอน ใต้ของสวีเดน,ฉันก็ไปพบกับความจริงกับตาของฉันเองว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ เธอบอกและแสดงสิ่งที่ไม่น่าเชื่อหลายอย่างระหว่างการเจอกันครั้งนี้ที่ทำให้ ฉันไม่สามารถปฏิเสธความเป็นจริงและความจริงที่เธอได้พูดมา นี่ไม่ใช่เรื่อง UFO ที่เป็นเรื่องโกหกแล้วพยายามบอกว่าเป็นเรื่องจริงแต่ว่ามันเป็นเรื่อง จริง,ฉันเชื่อว่าเรื่องที่ว่ามานี้เป็นเรื่องจริงและคุณควรจะอ่านมัน

ฉัน ได้คุยกับเธอเป็นเวลามากกว่า 3 ชั่วโมง,ดังนั้นเรื่องราวที่มาให้อ่านจะแสดงแค่ส่วนที่สั้นของการ สัมภาษณ์,เพราะว่าเธอขอร้องหลังจากการสัมภาษณ์ไม่ใช้เผยแพร่ความจริงทุก เรื่องที่เธอได้บอกกับฉัน การเรืยงลำดับคำถามที่เห็นไม่ได้เรียงตามคำถามที่ฉันได้ถาม,ดังนั้นบางทีคุณ จะเห็นว่ามันดูสับสนเล็กน้อย มันไม่ง่านที่จะลบส่วนที่สำคัญออกไปเธอขอให้ฉันลบมันออกจากเนื้อความ,ดัง นั้นฉันขอโทษที่เรื่องราวมันดูเรียงกันแปลกๆ ฉันเป็นเจ้าของของบทสัมภาษณ์ทั้งหมด(49 หน้าและมีรูปวาดของร่างกายของเธอและอุปกรณ์ของเธอ) และยังมีเทปที่บันทึกการสัมภาษณ์ทั้งหมด,แต่ฉันไม่สามารถเอามาเปิดเผยได้ถ้า ไม่ได้รับอนุญาตจากเธอ ฉันได้ส่งบทสัมภาษณ์สั้นๆนี้ ไปยังเพื่อนที่เชื่อถือได้ 4 คนที่ประเทศฟินแลนด์, นอร์เวย์, เยอรมันและ ฝรั่งเศส และฉันหวังว่าพวกเขาจะแปลเป็นภาษาของเขาและในภาษาอื่นๆ และฉันหวังว่ามีคนเป็นจำนวนมากได้อ่านเรื่องนี้และเข้าใจมัน ถ้าคุณได้รับมัน,กรุณาส่งมันไปยังเพื่อนๆของคุณโดย อีเมล์ หรือปรินซ์มันออกมาเพื่อทำสำเนา

ฉันขอรับรองมากกว่านี้ว่า, ความสามารถที่ "เหนือธรรมชาติ" หลายๆ อย่างของเผ่าพันธุ์ของเธออย่างเช่น เทเลพาธี[โทรจิต]และเทเลคิเนซิส[เคลื่อนย้ายวัตถุโดยไม่จับต้อง] (รวมถึงการเคลื่อนไหวและการเต้นรำของดินสอของฉันบนโต๊ะโดยไม่มีการสัมผัสและ แอปเปิ้ลที่ลอยสูงขึ้นไปประมาณ 40 เซนติเมตรเหนือมือของเธอ) ที่ได้แสดงให้ฉันดูในระหว่าง 3 ชั่วโมงกับ 6 นาทีของการพบกันครั้งนี้และฉันแน่ใจว่าความสามารถเหล่านี้ไม่ใช่กล ข้อความต่อไปนี้ยากที่จะเข้าใจและเชื่อสำหรับบางคนผู้ซึ่งไม่เคยมี ประสบการณ์อย่างนี้,แต่ฉันได้ติดต่อกับความคิดของเธอและตอนนี้ฉันแน่ใจว่า ทุกๆสิ่งเธอพูดออกมาระหว่างสัมภาษณ์นี้เป็นความจริงแน่นอนเกี่ยวกับโลกของ เรา

โชคไม่ดี,ถ้าฉันอ่านบทสัมภาษณ์ของสั้นในรูปแบบสั้นๆนี้ซะก่อนที่ จะเผยแพร่ออกไป ฉันรู้สึกว่า,ทุกๆสิ่งที่ฉันเขียนนั้นดูไม่น่าเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง,เพราะ มันดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์แย่ๆจาก TV หรือโรงหนังและฉันสงสัยว่าจะมีใครสักคนเชื่อเรื่องนี้หรือเปล่า แต่มันเป็นเรื่องจริง,ไม่ว่าคุณจะเชื่อมันหรือไม่ ฉันไม่ได้หวังว่าคุณจะเชื่อเรื่องที่ฉันว่ามาโดยที่ไม่มีหลักฐาน,แต่ฉันไม่ สามารถให้หลักฐานแก่คุณได้ กรุณาอ่านบทสัมภาษณ์นี้และคิดให้ดีและคุณอาจจะเห็นความจริงในโลกใบนี้

มัน จะมีการพบกันอีกครั้งระหว่างฉันกับเธอ(อีกครั้งในบ้านหลังเดิมในสวีเดน)ใน วันที่ 23 เมษายน 2000 และเธอสัญญากับฉันว่าจะให้หลักฐานบางอย่างกับฉันถึงเรื่องที่พวกเธอมีอยู่ จริง และในระหว่างนั้นฉันจะรวบรวมคำถามที่จะเอาไปถามเธอ บางทีเธออาจจะให้อนุญาคเผยแพร่ข้อความส่วนที่หายไปและเกี่ยวกับสงครามที่จะ มาถึง

ไม่ว่าจะเชื่อมันหรือไม่มันก็ไม่ทำให้ความจริงเปลี่ยนไป(แต่ฉันหวังว่าคุณจะเชื่อ)


Ole K.- 8 มกราคม 2000

_________________________________________



บทสัมภาษณ์(ฉบับย่อ) 16 ธันวาคม 1999
คำถาม: ข้อแรกคุณเป็นใครและคุณเป็นอะไร? คุณมาจากต่างดาวหรือว่าถือกำเนิดบนโลกใบนี้

คำตอบ: ตามที่คุณเห็นด้วยตาของคุณ ฉันไม่ได้เป็นมนุษย์อย่างคุณและด้วยความสัตย์จริงฉันไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยง ลูกด้วยนม(แม้ว่าร่างกายจะดูเหมือนก็เถอะ,ซึ่งมันก็เป็นผลมาจากการวิวัฒนา การ) ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตแบบสัตว์เลื้อยคลานเป็นผู้หญิงพัฒนามาจากเผ่าพันธุ์สัตว์ เลื้อยคลานที่เก่าแก่มาก พวกเราเกิดที่โลกนี้และอาศัยอยู่มาเป็นล้านๆปีแล้ว พวกเราถูกอ้างอิงในงานเขียนเกี่ยวกับศาสนาอย่างไบเบิ้ลและของชนเผ่าพื้น เมืองต่างๆที่รู้ว่ามีพวกเราอยู่และนับถือเฉกเช่นพระเจ้า ตัวอย่างเช่นชาวอียิปต์,ชาวอินคาและชนเผ่าเก่าแก่อีกมาก ความเชื่อของคริสเตียนเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทของพวกเราในตอนที่พระเจ้า สร้างคุณดังนั้นพวกเราเลยถูกกล่าวถึงว่าเป็น "งูปีศาจ" ในงานเขียนของคุณ สิ่งนี้มันผิดมาก เผ่าพันธุ์ของคุณนั้นถูกดัดแปลงพันธุกรรมโดยเอเลี่ยนและพวกเรานั้นเป็นแค่ ผู้เยี่ยมชมที่เกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยในการเร่งกระบวนการวิวัฒนาการ คุณต้องรู้ว่า(นักวิทยาศาสตร์ของคุณบางคนก็คิดในแง่นี้)เผ่าพันธุ์ของคุณ นั้นไม่สามารถวิวัฒนาการทางธรรมชาติจนมาถึงขั้นได้นี้ได้โดยใช้เวลาแค่ 2-3 ล้านปีหรอก มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าการวิวัฒนาการทางธรรมชาตินั้นมันเกิดขึ้นช้ามากแต่ คุณยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้ คุณเกิดจากการสร้างขึ้นมาโดยวิธีพันธุวิศวกรรมแต่ไม่ใช่โดยเราแต่โดยเอ เลี่ยน ถ้าคุณถามฉันเรื่องนี้และถ้าฉันเป็นพวกเอเลี่ยนฉันก็คงตอบว่าไม่ใช่ พวกเราเป็นคนพื้นโลก พวกเรามีโคโลนีที่อื่นในระบบสุริยจักรวาลนี้แต่พวกเราเกิดมาบนโลกในนี้ มันเป็นความจริงที่ว่าโลกนี้เป็นของเราและไม่ใช่ของคุณ มันไม่เคยเป็นของคุณ

คำถาม: บอกชื่อของคุณหน่อยได้มั้ย?

คำตอบ: มันยากมาก เพราะว่าลิ้นของมนุษย์ไม่สามารถที่จะออกเสียงได้อย่างถูกต้อง(และการออก เสียงชื่อของพวกเราผิดมันถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรมากในหมู่พวกเรา) ภาษาของพวกเรามันแตกต่างจากพวกคุณมาก แต่ชื่อของฉันคือ - ฉันจะพยายามพูดออกมาให้ลื่นที่สุดโดยใช้ตัวอักษรของมนุษย์ - มันคล้าย "Sssshiaassshakkkasskkhhhshhh" ต้องเน้นเสียงตรงตัว "sh" และ "k" มากๆ พวกเราไม่มีชื่อแรกอย่างคุณแต่มีแค่ชื่อเดียวแต่เป็นชื่อที่ไม่ซ้ำใครที่มี วิธีการพูดเฉพาะตัวและจะไม่ตั้งให้กับเด็ก(ผู้ซึ่งมีชื่อเด็กเองอยู่ แล้ว)แต่เฉพาะในกระบวนการพิเศษในช่วงผู้ใหญ่ในช่วงที่รู้แจ้ง[enligntment] หรือ ตื่นรู้[awareness] (ตามที่คุณเรียกมัน) ทางจิตวิญญาณหรือทางวิทยาศาสตร์ ฉันจะพอใจถ้าคุณไม่พยายามพูดชื่อจริงของฉันด้วยลิ้นของมนุษย์ กรุณาเรียกฉันว่า "Lacerta" นี่เป็นชื่อที่ฉันใช้เวลาฉันอยู่ท่ามกลางมนุษย์และติดต่อกับพวกเขา


คำถาม: คุณอายุเท่าไหร่?

คำตอบ: พวกเราวัดเวลาไม่เหมือนคุณ คุณวัดเวลาในทางดาราศาสตร์ซึ่งเกี่ยวข้องกับโลกและดวงอาทิตย์ เพราะว่าพวกเราปกติอาศัยอยู่ข้างใต้ผิวโลก เวลาของพวกเราจึงขึ้นกับการเปลี่ยนรอบของสนามแม่เหล็กโลกและในการวัดตามนี้ ตอนนี้แล้วฉันอายุ 57,653 รอบ ฉันผ่านช่วงเป็นผู้ใหญ่และตื่นรู้[awareness] แล้ว 16,337 รอบ (นี่เป็นค่าที่สำคัญมากสำหรับเรา) ถ้าตามเวลาของมนุษย์แล้วฉันอายุ 28 ปี

คำถาม: หน้าที่ของคุณคืออะไร? คุณมี "งาน" เหมือนที่เรามีหรือเปล่า?

คำตอบ: ฉันจะพูดในรูปแบบของคุณ ฉันเป็นนักเรียนที่สนใจมากในเรื่องความประพฤติในสังคมในเผ่าพันธุ์ของคุณ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่และพูดกับคุณ ทำไมฉันถึงเปิดเผยตัวตนของฉันแก่ E.F.[ชื่อเพื่อนของคนสัมภาษณ์] และกับคุณ และทำไมถึงให้ข้อมูลที่เป็นความลับกับคุณและทำไมฉันถึงได้พยายามตอบคำถามทุก ข้อ ฉันอยากจะเห็นว่าคุณมีปฏิกิริยายังไงคนอื่นๆ มีปฏิกิริยายังไง มีคนเป็นจำนวนมากของคุณที่โกหกว่ารู้จริงเกี่ยวกับเรา, เกี่ยวกับ UFOs, เกี่ยวกับเอเลี่ยน และอื่นๆ และบางคนก็เชื่อ ฉันสนใจที่จะเห็นว่าเผ่าพันธุ์ของคุณจะตอบสนองยังไงเมื่อคุณตีพิมพ์ความ จริง(ที่ฉันบอกคุณ)ออกเผยแพร่ ฉันค่อนข้างแน่ใจทีเดียวว่าทุกคนของพวกคุณต้องปฏิเสธที่จะเชื่อที่ฉันพูดแต่ ก็หวังว่าฉันคาดการณ์ผิดเพราะว่าคุณจำเป็นต้องรู้และเข้าใจถ้าคุณต้องการจะ รอดในปีถัดๆไป


คำถาม: ฉันได้อ่าน statement (ที่คุณได้มอบให้ E.F.) เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คุณจะให้คำตอบสั้นๆได้ไหมว่า UFOs นั้นเป็นของเอเลี่ยนหรือว่าเป็นของพวกคุณ

คำตอบ: UFOs - ตามที่คุณเรียกมันอย่างนั้นนะ - บางลำที่คุณสังเกตเห็นเป็นของเรา แต่โดยมากไม่ใช่ วัตถุบินได้ "ลึกลับ" ในท้องฟ้าโดยมากไม่ใช่สิ่งประดิษฐิ์ทางเทคโนโลยี่แต่เป็นปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติที่ตีความผิดว่าเป็น UFO นักวิทยาศาสตร์ของคุณยังไม่รู้เรื่องนี้(เหมือนกลุ่มแสงพลาสม่าในชั้น บรรยากาศสูงๆที่เกิดโดยธรรมชาติ) แต่กระนั้น UFO บางลำก็เป็นยานบินจริงๆซึ่งทั้งเป็นของของพวกเผ่าพันธุ์ของคุณ(โดยเฉพาะทหาร ของคุณ) หรือของเอเลี่ยนหรือของเราเอง(แต่ยานที่ถูกเห็นน้อยมากที่เป็นของเรา,เพราะ ว่าพวกเรามีความระมัดระวังมากในการเดินทางในอากาศและพวกเรามีวิธีที่จะซ่อน ยานพวกเราไว้) ถ้าคุณอ่านรายงานเกี่ยวกับการมองเห็นวัตถุทรงกระบอกเหมือนซีการ์สีเทาสว่าง เหมือนโลหะ มีความยาว -มีหลายแบบ - ระหว่าง 20 และ 260 ในหน่วยเมตรของคุณและถ้าวัตถุนั้นมีเสียง humming ที่ลึกมากและมีแสงไฟสีแดงสว่าง 5 จุดบนผิวโลหะของซิการ์ (หนึ่งจุดตรงบนสุด, หนึ่งจุดตรงกลาง, สองจุดที่ปลาย) นั่นก็แสดงว่าเห็นยานของพวกเราและนั่นหมายความว่ามีบางส่วนทำงานผิดพลาดหรือ ไม่ก็คนของเราไม่ระมัดระวังเพียงพอ พวกเรามีกองบินฝูงเล็กๆที่มีรูปร่างเหมือนจาน แต่ UFOs โดยมากจะเป็นของเอเลี่ยน UFOs รูปร่างสามเหลี่ยมเป็นของกองทหารของพวกคุณแต่พวกเขาใช้เทคโนโลยี่ที่อื่น มาสร้างมัน ถ้าคุณต้องการอยากจะเห็นยานของพวกเราล่ะก็ คุณควรจะมองไปบนท้องฟ้าบริเวณ อาร์กติก, แอนตาร์กติก และส่วนในเอเชีย(โดยเฉพาะตรงที่มีภูเขา)
_____________



คำถาม: คุณมีสัญลักษณ์พิเศษหรืออะไรอย่างอื่นที่พวกคุณใช้ระบุถึงพวกคุณหรือเปล่า?

คำตอบ: พวกเรามีสัญลักษณ์หลักๆอยู่สองอย่างเพื่อสื่อถึงพวกเรา สัญลักษณ์แรก(เก่ามาก) เป็นงูสีน้ำเงินมีปีกสีขาวสี่ปีกอยู่บนพื้นหลังสีดำ(สีต่างๆ มีความหมายในทางศาสนาสำหรับเรา) สัญลักษณ์นี้มีใช้อยู่บ้างในบางส่วนในสังคมของเราแต่ในปัจุบันนี้ไม่ค่อยได้ ใช้แล้ว - พวกคุณได้ก๊อปปี้เอาไปใช้บ่อยมากในงานเขียนเก่าๆของคุณ สัญลักษณ์อีกอันก็เป็นรูปตัวที่พวกคุณเรียกกันว่า "มังกร" อยู่ข้างในทรงกลมมีดาวเจ็ดดวงอยู่ตรงกลาง สัญลักษณ์นี้ใช้กันมากในปัจจุบัน ถ้าคุณเห็นสัญลักษณ์ที่ว่ามาติดอยู่ที่ยานทรงกระบอกหรือสถานที่ใต้ดินบาง แห่งสิ่งนี้หรือสถานที่นี้บ่งบอกว่าเป็นของของเรา(และฉันแนะนำว่าคุณควรจะ ออกไปห่างๆเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้)


คำถาม: ดาวเจ็ดดาวในสัญลักษณ์ที่สองคุณหมายถึงกลุ่มดาว Pleiades[ดาวลูกไก่] หรือเปล่า?

คำตอบ: กลุ่มดาว Pleiades หรือ?ไม่ จริงๆแล้วเจ็ดดาวคือดาวเคราะห์และดวงจันทร์และเป็นสัญลักษณ์หมายถึงเจ็ดโคโล นี่ของเราในระบบสุริยะ ดวงดาวอยู่ข้างหน้าพื้นหลังสีน้ำเงินและ สัญลักษณ์วงกลมที่มีมังกรหมายถึงรูปทรงของโลก ดาวขาวเจ็ดดวงหมายถึง ดวงจันทร์, ดาวอังคาร, ดาวศุกร์ และดวงจันทร์ 4 ดวงของดาวพฤหัสและดาวเสาร์ ที่พวกเราได้ไปตั้งโคโลนี่เอาไว้ในอดีต โคโลนี่สองแห่งไม่ได้ใช้แล้วและถูกทิ้งร้างไว้ ดังนั้น ดาว 5 ดวงจะตรงความหมายมากกว่า

คำถาม: คุณไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป - ซึ่งมันเป็นอะไรที่เป็นประโยชน์มากในการพิสูจน์ว่าพวกคุณมีอยู่จริงและแสดง ให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง - คุณช่วยอธิบายถึงตัวคุณเองหน่อยได้ไหม?

คำตอบ: ฉันรู้ว่ามันมีประโยชน์ที่จะทำให้พิสูจน์ได้ว่าบทสัมภาษณ์นี้เป็นของจริงถ้า คุณมีรูปของฉัน แต่ว่าพวกมนุษย์นั้นเป็นพวกขี้สงสัย(นั่นดีสำหรับพวกเราและสำหรับมนุษย์ต่าง ดาวที่จะมาทำการลับๆบนโลก) ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณมีรูปเยอะแค่ไหนก็ตามพวกคนของคุณก็บอกว่ามันดูไม่น่า เชื่อถืออยู่ดีเค้าก็บอกได้ว่าฉันเป็นมนุษย์ผู้หญิงที่แต่งหน้ามาหรืออะไร ประมาณนั้น(นั่นจะทำให้ฉันขุ่นเคืองมาก) คุณต้องเข้าใจนะที่ว่าฉันไม่อนุญาตให้คุณถ่ายรูปฉันหรือว่าอุปกรณ์ต่างๆของ ฉัน มันมีหลายเหตุผลที่ซึ่งไม่ต้องการที่จะอธิบายกับคุณมากไปกว่านี้แต่เหตุผล นึงก็คือว่าต้องการเก็บเรื่องการมีอยู่ของพวกเรานั้นเป็นความลับเหตุผลอื่น นั้นเป็นไปในทางศาสนามากเกินไป แต่กระนั้นคุณก็ได้รับอนุญาตให้วาดรูปฉันและเครื่องมือของฉันได้ซึ่งฉันจะ เอามาให้ดูทีหลัง ฉันจะอธิบายรูปร่างตัวเองให้ฟังแต่ฉันสงสัยว่าคนอื่นของพวกคุณนั้นจะสามารถ นึกภาพหน้าตาฉันจริงๆได้จากคำศัพท์พื้นๆหรือไม่เพราะว่าการปฏิเสธโดย อัตโนมัติในเรื่องการมีอยู่ของเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานและฉลาดกว่าพวกคุณ เป็นส่วนนึงของโปรแกรมที่ถูกตั้งในความคิดของคุณเอาละ ฉันจะลองดูนะ
นึก ถึงรูปร่างของมนุษย์ผู้หญิงทั่วไปและคุณจินตนาการถึงรูปร่างของฉันได้ดีอยู่ แล้วในขั้นแรก เหมือนอย่างคุณ, ฉันมีหัวหนึ่งหัว, สองแขน, สองขา และสองเท้าและสัดส่วนของร่างกายของฉันก็เหมือนของคุณ และฉันเป็นผู้หญิงดังนั้นฉันก็มีหน้าอกด้วย(สัตว์เลื้อยคลานอย่างพวกเราแต่ เดิม, พวกเราเริ่มที่จะให้นมแก่เด็กทารกของเราระหว่างกระบวนการวิวัฒนการ - มันเกิดมาประมาณ 30 ล้านปีก่อน - เพราะว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พวกที่ยังเด็กอยู่อยู่รอดได้ วิวัฒนาการได้ให้สิ่งนี้กับเผ่าพันธุ์เราตั้งแต่สมัยยุคไดโนเสาร์ - มีการพัฒนานิดหน่อยหลังจากนั้น - แล้วก็ยังมีการพัฒนาต่อในช่วงของเรา นั่นหมายความว่าพวกเรายังไม่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างแท้จริง) แต่ว่าทรวงอกของเราไม่ใหญ่เท่ามนุษย์ผู้หญิงและขนาดของหน้าอกของผู้หญิงเผ่า เราจะเท่าๆกันหมด อวัยวะสืบพันธุ์จากที่เห็นภายนอกของทั้งสองเพศจะเล็กกว่าของมนุษย์แต่ว่ามี หน้าที่การทำงานเหมือนกัน(ของขวัญอีกชิ้นที่การวิวัฒนาการมอบให้แก่พวกเรา)

ผิว ของฉันโดยหลักจะเป็นสีเขียวเบจ - จะเน้นไปทางเขียวซีดมากกว่า - และพวกเราจะมีจุดสีน้ำตาล(แต่ละจุดขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร)ขึ้นมาตามตัวและใบหน้าเหมือนๆกัน (รูปแบบจะต่างกันไปสำหรับแต่ละเพศแต่ว่าเพศหญิงจะมีมากกว่าโดยเฉพาะตรงส่วน ล่างของร่างกายและตรงใบหน้า) คุณสามารถเห็นจุดพวกนี้สำหรับฉันแล้วจะเห็นเป็นเส้นสองเส้นเหนือขนคิ้วเป็น เส้นขวางตรงหน้าผาก, ที่แก้ม และที่คาง ตาของฉันใหญ่กว่ามนุษย์เล็กน้อย(ด้วยเหตุผลนี้ พวกเราจึงมองได้ดีกว่าในที่มืด) และมีรูม่านตาสีดำใหญ่ที่ซึ่งล้อมรอบด้วยม่านตาสีเขียวสว่าง(ของผู้ชายจะ เป็นสีเขียวคล้ำ) รูม่านตาสามารถเปลี่ยนขนาดจากรูปร่างเป็นเส้นสีดำเล็กๆไปเป็นรูปเหมือนไข่ ได้[นึกถึงตาแมว] เพราะว่าส่วนเรตินาของเรามีความไวต่อแสงมากและรู้ม่านตาก็ต้องปรับเปลี่ยน ต่อสภาพแสง พวกเรามีใบหูกลมๆอยู่ข้างนอกแต่ว่ามันเล็กมากและไม่โค้งเหมือนหูพวกคุณ แต่ว่าพวกเราสามารถได้ยินดีกว่าเพราะว่าหูของพวกเราไวต่อเสียงมากกว่า(พวก เราสามารถได้ยินช่วงคลื่นที่มากกว่า) มีกล้ามเนื้อหรือ "หนังหู[lid]" ซึ่งสามารถปิดหูได้(ยกตัวอย่างเช่นเวลาอยู่ใต้น้ำ) จมูกของพวกเราดูเป็นจุดมากกว่าและตรงระหว่างรูจมูกจะดูเหมือนโค้งตัว V ซึ่งทำให้เหล่าบรรบุรุษของเราสามารถที่จะ "เห็น" อุณหภูมิ พวกเราได้เสียความสามารถตรงส่วนนี้ไปเยอะแต่ว่าพวกเราก็ยังคงรู้สึกถึง อุณหภูมิได้ดีด้วย"อวัยวะ"นี้ ปากของพวกเรามีรูปร่างเหมือนปากคุณ(ปากของผู้หญิงจะกว้างกว่าของผู้ชายเล็ก น้อย) แต่สีออกสีน้ำตาลซีดและฟันของพวกเราขาวมากและแข็งแรงและยาวกว่าและคมกว่าฟัน ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างคุณเล็กน้อย พวกเราไม่มีสีผมที่แตกต่างกันอย่างคุณ(แต่ว่ามีธรรมเนียมที่จะย้อมสีผมใน ช่วงอายุที่ต่างกัน)และสีของผมที่แท้จริงแล้ว - เหมือนของฉัน - คือสีน้ำตาลแกมเขียว ผมของพวกเราใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่าของพวกคุณและยาวช้ามาก และก็หัวเป็นส่วนเดียวในร่างกายที่มีผม[ขน] ขึ้น


ร่าง กายของเรา,แขนและขามีขนาดและรูปร่างเช่นเดียวกับของพวกคุณ, แต่ว่ามีสีต่างกันออกไป(เขียว-เบจ เหมือนหน้า) และมีสิ่งที่เหมือนเกล็ดอยู่ที่ขาส่วนบน(เหนือหัวเข่า) และแขนส่วนบน(เหนือข้อศอก) นิ้วของพวกเราห้านิ้วเล็กและเรียวกว่านิ้วของมนุษย์เล็กน้อยและผิวตรงฝ่ามือ นั้นเรียบ ดังนั้นพวกเราไม่มีเส้นลายมือเหมือนคุณแต่ว่าก็เหมือนผิวตรงต้นขาและต้นแขน คือเป็นผิวที่มีเกล็ดและมีจุดสีน้ำตาล(ทั้งสองเพศมีจุดบนฝ่ามือ) และพวกเราไม่มีลายนิ้วมือเหมือนอย่างคุณ เล็บมือเป็นสีเทาและยาวกว่าของพวกคุณ คุณจะเห็นว่าเล็บของฉันไม่ยาวและปลายเล็บมนกลม นี่เป็นเพราะว่าฉันเป็นผู้หญิง ผู้ชายจะมีเล็บที่คมด้วยความยาวประมาณ 5 หรือ 6 ในหน่วยเซนติเมตรของคุณ จุดที่ว่ามานี้แตกต่างจากร่างกายของคุณมากและส่วนของร่างกายของเราที่เป็น ส่วนของสัตว์เลื้อยคลานถ้าคุณสัมผัสส่วนหลังด้านบนผ่านเสื้อของฉันคุณจะ รู้สึกถึงสิ่งที่แข็งคล้ายกระดูกเรียงตัวกันเป็นเส้น นี่ไม่ใช่กระดูกสันหลังของฉันแต่เป็นผิวหนังและเนื้อเยื่อที่มีรูปร่างเป็น แผ่นจะเป็นตามแนวกระดูกสันหลังจากหัวถึงสะโพก มันมีเส้นประสาทและเส้นเลือดอยู่เป็นจำนวนมากในโครงสร้างนี้และในแผ่นเหล่า นี้(ซึ่งมีขนาดความยาวสองถึงสามเซนติเมตรและไวต่อสัมผัสมาก - นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงมีปัญหาในการนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิง) หน้าที่หลักของแผ่นเล็กๆเหล่านี้(นอกเหนือจากหน้าที่ในเรื่องเกี่ยวกับ เพศ)คือปรับอุณหภูมิของร่างกายและถ้าเรานั่งในธรรมชาติหรือในแสงอาทิตย์ เทียม แผ่นเหล่านี้จะมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้นและเส้นเลือดจะขยายใหญ่ขึ้นและดวง อาทิตย์จะสามารถทำให้เลือดของสัตว์เลี้อยคลานอย่างเราร้อนขึ้น(ซึ่งไหลเวียน ไปทั่วร่างกายและตามแผ่นเหล่านี้)และทำให้พวกเรารู้สึกดีขึ้น
__________________


แล้ว อะไรที่แตกต่างจากพวกคุณอีกล่ะ? โอ้,พวกเราไม่มีสะดือ เพราะว่าพวกเรามีวิธีเกิดต่างจากพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สิ่งที่แตกต่างภายนอกจากพวกคุณอย่างอื่นอีกนั้นมีเล็กน้อยมากและฉันคิดว่าคง จะไม่กล่าวถึงมันทั้งหมดเพราะว่าข้อแตกต่างเหล่านั้นโดยมากจะมองไม่เห็นถ้า พวกเราสวมเสื้ออยู่ ฉันหวังว่าฉันบรรยายรายละเอียดเกี่ยวกับร่างกายเยอะพอแล้ว ฉันอยากจะแนะนำให้คุณวาดภาพฉัน

คำถาม: เสื้อผ้าแบบไหนที่ปกติคุณใส่ ฉันคิดว่าที่คุณใส่อยู่นี้คงไม่ใช่เสื้อผ้าที่คุณใส่โดยปกติ

คำตอบ: ไม่หรอกไม่ได้ใส่แบบนี้ ฉันใส่เสื้อที่เหมือนมนุษย์ใส่ทุกวันๆก็เฉพาะเวลาที่ฉันอยู่ท่ามกลางมนุษย์ โดยความสัตย์จริง,มันรู้สึกอัดอัดมากที่ใส่อะไรคับๆอย่างนี้และมันรู้สึกผิด ปกติมาก ถ้าพวกเราอยู่ในบ้านของเรา(นี่หมายถึงบ้านที่อยู่ใต้ดินนะ) หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีแสงอาทิตย์เทียมและถ้าพวกเราอยู่ด้วยกันกับคนอื่นที่ มีชื่อคล้ายๆกัน พวกเราจะเปลือยกายกัน มันทำให้คุณช็อคไหม? เมื่อพวกเราอยู่ในที่สาธารณะและอยู่ด้วยกันกับพวกเผ่าพันธุ์เดียวกันคนอื่นๆ พวกเราจะสวมเสื้อผ้าที่ใหญ่และนุ่มที่ทำจากสิ่งที่บางและเบา ฉันได้บอกไปแล้วว่ามีบางส่วนในร่างกายที่ไวต่อการสัมผัส โดยมากจะอยู่ที่หลังดังนั้นพวกเราจึงไม่รู้สึกสบายเท่าไหร่ถ้าสวมเสื้อผ้า ที่คับเพราะว่ามันจะทำให้เราเจ็บ ผู้ชายกับผู้หญิงแต่งกายคล้ายกันแต่ว่าสีจะต่างกันไปในแต่ละเพศ
__________________


คำถาม: คุณบอกว่า "คนอื่นที่มีชื่อคล้ายคุณ" คุณหมายถึงครอบครัวของคุณเหรอ?

คำตอบ: ไม่ ไม่ใช่ คุณอาจจะเรียกว่า "ครอบครัว" แต่ด้วยคำนี้คุณหมายความถึงแค่คนที่มียีนเหมือนๆกันเหมือนกับพ่อหรือแม่ที่ มียีนคล้ายเด็ก ตามที่ฉันบอกก่อนหน้านี้พวกเรามีชื่อที่เรียกยากและไม่ซ้ำกัน บางส่วนในชื่อนั้นไม่ซ้ำกันเลยและก็ไม่มีคนอื่นที่จะมีเหมือนกันแต่มีส่วน นึงของชื่อ(ตรงกลางชื่อ)ที่จะออกเสียงเพื่อที่จะให้คนอื่นรู้ว่าเราอยู่ใน "ครอบครัว" (ฉันต้องใช้คำนี้เพราะคุณไม่มีศัพท์ที่จะเรียกได้อย่างถูกต้อง)ไหน นี่ยังหมายความอีกว่าไม่ใช่ว่าคนในกลุ่มนี้ทั้งหมดที่จะมีความสัมพันธ์กัน ทางยีน เพราะว่ากลุ่มนี้จะใหญ่มากและจะมีสมาชิกระหว่าง 40 ถึง 70 คน กลุ่มนี้รวมถึงบุคคลที่มีสายสัมพันธ์กันทางยีนด้วย - ยกเว้นแต่ว่าจะมีใครขอออกจากกลุ่มนี้ - และความสัมพันธ์กับพ่อกับแม่จะแข็งแกร่งเสมอ มันยากสำหรับฉันมากที่จะอธิบายให้คุณฟังเกี่ยวกับระบบสังคมที่เก่าแก่ของเรา ซึ่งซับซ้อนมากและเราอาจจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงเพื่ออธิบายเรื่องนี้บางทีเรา อาจจะนัดมาคุยกันวันหลังและฉันจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้


คำถาม: คุณมีหางมีสัตว์เลื้อยคลานทั่วไปไหม?

คำตอบ: คุณเห็นหรือเปล่าล่ะ? ไม่มีพวกเราไม่มีหางให้เห็น ถ้าคุณดูที่โครงกระดูกของเรา จะมีเพียงแค่กระดูกกลมๆเล็กๆ อยู่ที่ปลายกระดูกสันหลังที่อยู่หลังกระดูกเชิงกราน นี่เป็นฐานของหางที่มีมาแต่บรรบุรุษที่ไม่ได้ใช้แล้ว แต่มันไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก โอ้,ตัวอ่อนของพวกเรามีหางในระหว่างเดือนแรกของการพัฒนาแต่หางเหล่านี้จะหาย ไปก่อนที่จะเกิดออกมา หางช่วยในเรื่องของการเดินสองขาสำหรับเผ่าพันธุ์ของเราในช่วงแรกๆ ของการวิวัฒนาการหางจะช่วยในการทรงตัว แต่โครงกระดูกของเราได้เปลี่ยนในระหว่างวิวัฒนาการและกระดูกสันหลังของพวก เราเกือบจะมีรูปทรงเหมือนอย่างพวกคุณ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ต้องการหางในการเดินสองขา
__________________



คำถาม: คุณบอกว่าคุณเกิดออกมาในวิธีที่ต่างไปจากพวกเรา คุณวางไข่เหรอ?

คำตอบ: ใช่แต่ว่าไม่เหมือนนกหรือว่าสัตว์เลื้อยคลานทั่วๆไปนะ ที่จริงแล้วตัวอ่อนโตในของเหลวที่มีโปรตีนข้างในมดลูกของแม่แต่ว่าจะมี เปลือกสีชอร์กรูปทรงอย่างไข่ล้อบรอบตัวอ่อนและอยู่ในมดลูก ตัวอ่อนอยู่ในเปลือกนี้ไม่ต้องพึ่งแม่และในเปลือกนี้จะมีทุกอย่างที่ตัวอ่อน ต้องการในการเจริญเติบโต มันมีสายเหมือนอย่างสายสะดือที่เชื่อมต่อไปยังจุดที่ซ่อนอยู่ข้างหลังแผ่น หลัง เมื่อเด็กจะเกิดออกมาไข่ทั้งใบจะผ่านออกมาทางช่องคลอดที่ถูกปกคลุมด้วยสาร โปรตีนบางๆ และเด็กก็จะออกมาจากไข่นุ่มๆนี้ภายในไม่กี่นาที เด็กที่อยู่ข้างในจะใช้เขาที่ติดอยู่ที่นิ้วกลางในการกระเทาะเปลือกไข่ออกมา เพื่อมาหายใจเป็นครั้งแรก เด็กทารกของเราไม่ใหญ่เท่าเด็กทารกของพวกคุณเมื่อคลอดออกมา พวกเขามีความสูงประมาณ 30 - 35 ในหน่วยเซนติเมตรของคุณ ไข่มีขนาดประมาณ 40 เซนติเมตร (นี่เป็นเพราะว่าขนาดของช่องคลอดเล็กกว่าของมนุษย์) แต่ว่าพวกเราก็จะโตสู่ขนาดปกติคือ 1.6 - 1.8 เมตร

คำถาม: คุณมีอุณหภูมิร่างกายเท่าไหร่?คุณบอกว่าชอบที่จะอยู่กลางแดด มันมีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร

คำตอบ: พวกเราไม่ใช่สัตว์เลือดอุ่นและเป็นสัตว์เลื้อยคลานอุณหภูมิร่างกายของเรา ขึ้นกับอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม ถ้าคุณสัมผัสกับมือของเราจะรู้สึกว่าเย็นว่ามือของคุณ เพราะว่าอุณหภูมิร่างกายโดยปกติจะอยู่ที่ประมาณ 30 ถึง 33 องศาเซลเซียส ถ้าพวกเรานั่งกลางแดด(โดยเฉพาะถ้าเปลือยกายและให้แผ่นหลังได้รับแดด) อุณหภูมิร่างกายของเราสามารถสูงขึ้นได้ 8 หรือ 9 องศาภายในหนึ่งนาที การที่อุณหภูมิสูงขึ้นนี้ทำให้ร่างกายเราเกิดการผลิตเอมไซม์และฮอร์โมนขึ้น มาเป็นจำนวนมาก หัวใจและสมองของเราและทุกๆส่วนของร่างกายจะตื่นตัวมากขึ้นและพวกเราจะรู้สึก ดีมากๆ พวกมนุษย์อย่างคุณรู้สึกแค่สนุกภายใต้แสงอาทิตย์แต่สำหรับพวกเราแล้วมันเป็น ความพอใจอย่างมาก(มันอาจจะเหมือนกับความตื่นเต้นทางเพศของพวกคุณ) พวกเราชอบที่จะว่ายน้ำในน้ำที่อุ่นมากๆหรือในของเหลวที่ทำให้อุณหภูมิในร่าง กายเราสูงขึ้น ถ้าพวกเราอยู่ในที่ร่มซักสองสามชั่วโมงอุณหภูมิร่างกายเราจะลดกลับไปที่ 30 - 33 องศาเซลเซียส มันไม่เกิดอันตรายกับเราหรอกแต่ว่าพวกเราจะรู้สึกดีกว่าถ้าอยู่ภายใต้แสง อาทิตย์ พวกเรามีห้องที่มีแสงอาทิตย์เทียมที่อยู่ภายใต้พื้นดินแต่ว่าความรู้สึกมัน ก็ไม่เหมือนกับอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์จริงๆ
__________________

คำถาม: คุณกินอะไรเป็นอาหาร

คำตอบ: โดยปกติแล้วก็จะกินหลายๆอย่างเหมือนอย่างคุณ : เนื้อ, ผลไม้, ผัก, เห็ดราชนิดพิเศษ(จากฟาร์มใต้ดิน) และสิ่งอื่นๆอีก พวกเราสามารถกินและย่อยของบางอย่างที่เป็นพิษสำหรับคุณ จุดที่แตกต่างกันอย่างที่เห็นได้ชัดระหว่างเรากับคุณก็คือเราต้องกินของสด เพราะว่าร่างกายของเราต้องการโปรตีน พวกเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้ากินแต่ผักอย่างเดียวอย่างพวกคุณเพราะว่า ระบบการย่อยอาหารของพวกเรานั้นจะหยุดทำงานและพวกเราอาจจะตายได้ภายในสองสาม อาทิตย์หรืออาจจะเป็นเดือนถ้าปราศจากเนื้อสด คนส่วนมากของพวกเราจะกินเนื้อดิบหรือสิ่งอื่นๆที่ดูน่าสะอิดสะเอียนสำหรับ คุณ โดยส่วนตัวแล้วฉันชอบเนื้อที่สุกแล้วและผลไม้บนผิวโลกเช่นแอปเปิ้ลหรือส้ม
__________________

คำถาม: คุณช่วยบอกฉันบางสิ่งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติและการวิวัฒนาการของ เผ่าพันธุ์ของคุณได้ไหม? เผ่าพันธุ์ของคุณเก่าแก่ขนาดไหนแล้ว? คุณได้วิวัฒน์มาจากสัตว์เลื้อยคลานทั่วๆไปเหมือนกับที่มนุษย์เราวิวัฒน์มา จากลิง?

คำตอบ: โอ้ นี่เป็นเรื่องที่ยาวและซับซ้อนมากและมันดูเหมือนว่าคุณจะไม่เชื่อแน่ แต่มันเป็นเรื่องจริง ฉันจะพยายามเล่นมันให้สั้น ประมาณ 65 ล้านปีก่อนบรรพบุรุษที่ยังไม่ก้าวหน้าของพวกเราที่มาจากไดโนเสาร์ได้ตายใน ช่วงกลียุคครั้งใหญ่ของโลก ด้วยเหตุผลว่าการทำลายล้างนี้ไม่ได้มาจากภัยธรรมชาติ - อุกกาบาตชนโลกอย่างที่นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณเชื่อมาผิดๆ - แต่เป็นสงครามระหว่างเอเลี่ยนที่เป็นศัตรูกันสองกลุ่มที่เกิดขึ้นในวงโคจร และบรรยากาศชั้นสูงของดวงดาวนี้ ตามที่ความรู้ที่มีจำกัดของพวกเราเกี่ยวกับยุคต้นๆ สงครามโลกครั้งนี้เป็นสงครามระหว่างเอเลี่ยนครั้งแรกบนดาวโลกแต่ว่าก็ไม่ใช่ ครั้งสุดท้าย (และสงครามในอนาคตจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ภายหลัง"สงครามเย็น" - ตามศัพท์ของคุณ -ระหว่างกลุ่มเอเลี่ยนที่เริ่มมาได้ 73 ปีบนโลกใบนี้) สงครามเมื่อ 65 ล้านปีก่อนนั้นคู่สงครามนั้นก็คือเผ่าพันธุ์เอเลี่ยนที่ก้าวหน้าสองเผ่า พันธุ์ซึ่งชื่อนั้นก็ไม่สามารถออกเสียงได้ด้วยลิ้นของคุณ ฉันสามารถที่จะพูดมันแต่ว่ามันอาจจะทำร้ายหูของคุณถ้าฉันพูดมันในแบบต้นฉบับ เผ่าพันธุ์นึงเป็นเผ่ามนุษย์เหมือนเผ่าพันธุ์ของคุณ(แต่เก่าแก่กว่ามาก) และมาจากจักรวาลนี้จากระบบสุริยะในกลุ่มดาวที่ปัจจุบันนี้คุณเรียกว่า "Procyon"[ดาวโปรซิออน เป็นส่วนนึงของกลุ่มดาวสุนัขเล็กและสามเหลี่ยมหน้าหนาว] ส่วนอีกเผ่านึงเรารู้ไม่ค่อยมาก เป็นเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลาน แต่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรกับเผ่าพันธุ์ของพวกเราเพราะว่าพวกเรานั้นวิวัฒนาการ มาจากพวกไดโนเสาร์ โดยปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก(ยกเว้นความสำเร็จในการตัดต่อยีนที่พวกเรา ทำกันเองซึ่งทำกันมากในภายหลัง) เผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานที่ก้าวหน้านั้นไม่ได้มาจากจักรวาลนี้แต่จาก - เอ่อ ฉันจะอธิบายมันยังไงดีล่ะ นักวิทยาศาสตร์ของคุณไม่ได้รู้เกี่ยวกับธรรมชาติของจักรวาลที่แท้จริงๆ เพราะว่าความคิดที่ปราศจากเหตุผลของคุณนั้นไม่สามารถที่จะเห็นสิ่งที่ง่าย ที่สุดและเชื่อในตัวเลขและคณิตศาสตร์ที่ผิดๆ นี่เป็นส่วนนึงที่ถูกโปรแกรมไว้ในยีนของพวกคุณซึ่งฉันพูดให้ฟังทีหลัง คุณใกล้ที่จะห่างไกลจากความเข้าใจในจักรกาลเหมือนอย่างที่คุณเป็นเมื่อ 500 ปีก่อน

ฉันใช้คำพวกนี้คงจะทำให้เข้าใจดีขึ้น : อีกเผ่าพันธุ์นึงไม่ได้มาจากจักรวาลนี้แต่มาจาก "ฟอง[bubble]"อื่น ในโฟม[foam]ของ omniverse[ไม่รู้ว่าจะแปลว่าอะไรรู้แต่ว่า Omni แปลว่าทั้งหมดและ verse มาจากคำว่า universe ที่แปลว่าจักรวาล] คุณอาจจะเรียกว่ามิติอื่นก็ได้ แต่นี่ไม่ใช่ศัพท์ที่อธิบายได้อย่างถูกต้อง(อย่างไรก็ตาม คำว่ามิติมันผิดในความหมายของคุณ) ความจริงแล้วคุณควรจำไว้ว่าเผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้าเผ่าพันธุ์นั้นสามารถที่จะ "เดิน" ระหว่างฟองต่างๆได้โดยใช้ - ตามที่คุณเรียกมัน - เทคโนโลยี่ควอนตัมและบางเวลาก็ใช้วิธีพิเศษโดยใช้จิตของพวกเขา (เผ่าพันธุ์ของพวกเรามีความก้าวหน้าในความสามารถทางจิตมากกว่าเมื่อเทียบกับ เผ่าพันธุ์ของคุณแต่พวกเราไม่สามารถที่จะเปลี่ยน matterstring/bubble โดยไม่ใช้เทคโนโลยี่แต่เผ่าพันธุ์อื่นๆบนโลกนี้สามารถทำได้และมันดูเหมือน เวทมนต์เหมือนที่บรรพบุรุษของคุณมี)
__________________

ย้อน กลับไปยังเรื่องราวของเรา: เผ่าพันธุ์แรก(เผ่าที่เหมือนมนุษย์) ได้มายังโลกประมาณ 150 ปีก่อนเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานและพวกเขาสร้างโคโลนี่บนพื้นโลก พวกเขามีโคโลนี่ที่โหญ่มากบนพื้นที่ที่คุณเรียกว่า "แอนตาร์กติก้า" ในปัจจุบันนี้และอีกที่นึงคือที่ที่คุณเรียกว่า "เอเชีย" ในปัจจุบัน ผู้คนเหล่านี้อาศัยอยู่กับไดโนเสาร์ได้อย่างไม่มีปัญหา เมื่อเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานที่ก้าวหน้าได้มาถึงกลุ่มของเผ่ามนุษย์ที่มา จากดาว "Procyon" ได้พยายามติดต่ออย่างสันติ แต่ไม่ประสบความสำเร็จและสงครามโลกก็ได้เริ่มขึ้นภายในหนึ่งเดือน คุณต้องเข้าใจว่าทั้งสองเผ่านั้นสนใจในดาวเคราะห์หนุ่มนี้มากไม่แค่ในทาง ชีวภาพและเผ่าพันธุ์ที่ยังไม่พัฒนา แต่อีกเหตุผลนึงก็คือวัตถุดิบโดยเฉพาะทองแดง เพื่อให้เข้าใจเหตุผลนี้คุณต้องรู้ว่าทองแดงนั้นเป็นโลหะที่สำคัญมากสำหรับ เผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้าบางเผ่า(แม้กระทั่งปัจจุบันนี้)เพราะว่ามัน - สามารถรวมตัวกับโลหะที่ไม่เสถียรได้ - สามารถผลิตธาตุที่เสถียรชนิดใหม่ได้ถ้าคุณเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็ก ไฟฟ้าที่ปริมาณที่เข้มข้นในมุมที่ถูกต้องกับการแผ่สนามรังสีนิวเคลีย์ใน ปริมาณที่สูงเมื่อสองสิ่งนี้วิ่งมาตัดกันจะทำให้เกิดสนามที่แกว่งไป มา[fluctuating fields] ที่เกิดจากสองสนามตัดกัน การรวมตัวของทองแดงกับธาตุอื่นๆในห้อง[chamber]ของสนามรังสี/แม่เหล็กสามารถ ผลิตสนามพลังของธรรมชาติที่พิเศษที่มีประโยชน์มากในงานทางเทคโนโลยีหลายๆ ด้าน(แต่ว่าเรื่องที่เป็นพื้นฐานของเรื่ององค์ประกอบที่สุดซับซ้อนนี้คุณก็ ยังไม่สามารถค้นพบเพราะว่าข้อจำกัดของความคิดที่พื้นๆของคุณ) ทั้งสองเผ่าต้องการครอบครองทองแดงในดาวเคราะห์โลกและด้วยเหตุผลนี้พวกเขาได้ ทำสงครามที่ไม่ยาวนานกันในอวกาศและในวงโคจร เผ่าพันธุ์ที่มีรูปร่างอย่างมนุษย์ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่ในตอนท้ายของสงครามพวกเผ่าสัตว์เลื้อยคลานได้ตัดสินใจใช้อาวุธที่ทรงพลัง - ระเบิดฟิวชั่นชนิดพิเศษซึ่งทำลายสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์แต่ไม่ทำลายวัตถุ ดิบที่มีค่าและทองแดง ระเบิดถูกยิงมาจากอวกาศและระเบิดตรงจุดที่ปัจจุบันนี้คุณเรียกว่า "อเมริกากลาง" ถ้ามันระเบิดในมหาสมุทรมันจะทำให้เกิดการรวมตัวระหว่างไฮโดรเจนและผลลัพธ์จะ ร้ายแรงเกินกว่าที่เผ่าสัตว์เลื้อยคลานจะคาดคิด การแผ่รังสีที่อันตราย, การรวมตัวกันของออกซิเจนที่เกิดมากเกินไป, การแพร่กระจาย[fall-out]ของธาตุหนักต่างๆ และ "nuclear winter"[ฤดูหนาวนิวเคลียร์] ที่กินเวลาเกือบๆ 200 ปี นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น เผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์จำนวนมากตายและเผ่าพันธุ์สัตว์เลื้อยคลานได้หมด ความสนใจบนดาวดวงนี้ในภายหลังไม่กี่ปีโดย(แม้แต่พวกเรา)ไม่รู้เหตุผล - อาจจะเพราะว่าการแผ่รังสี ดาวเคราะห์โลกกลับเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งและสัตว์บนผิวโลกตายลง อ้อ แล้วผลของฟิวชั่นบอม์บนั้นก่อให้เกิดธาตุในระหว่างการระเบิดและธาตุนึงนั้น ก็คือ อิริเดียม[Iridium] ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ของคุณในปัจจุบันนี้ได้พบความเข้มข้นของอิริเดียมบนพื้น โลกเป็นหลักฐานว่ามีดาวเคราะห์น้อยมาชนโลกทำให้ไดโนเสาร์ตาย นั่นไม่เป็นความจริง แต่พวกคุณก็ไม่ได้เรื่องพวกนี้นี่นะ
__________________




อา ล่ะ ไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากตาย(ไม่ได้ตายเพราะระเบิดแต่ในสิ่งเลวร้ายที่เกิดมา หลังสงคราม โดยเฉพาะ nuclear winter และ ธาตุหนักที่กระจายออกไป[fall-out]) ไดโนเสาร์และสัตว์เลื้อยคลานเกือบจะทั้งหมดตายลงในอีก 20 ปีถัดไป บางพวก - โดยเฉพาะพวกที่อยู่ในทะเล - สามารถอยู่รอดมาได้อีก 200 - 300 ปีแม้ในโลกที่เปลี่ยนไปแล้วแต่ว่าพวกเหล่านี้ก็ตายหมดเพราะว่าภูมิอากาศที่ เปลี่ยนไป nuclear winter จบลงหลังจากผ่านไป 200 ปีแต่ว่าโลกก็เย็นลงกว่าแต่ก่อน แม้ว่าจะมีช่วงกลียุค,แต่สัตว์บางชนิดก็สามารถรอดมาได้ : ปลา(เช่นพวกฉลาม), นก, สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่คลานสี่เท้าตัวเล็กๆ(บรรพบุรุษของพวกคุณ), สัตว์เลื้อยคลานหลายชนิดอย่างพวกจรเข้...และมีไดโนเสาร์พันธุ์พันธุ์พิเศษ ที่มีการพัฒนาการตัวเล็กแต่ฉลาดที่อยู่พัฒนาไปพร้อมๆกับสัตว์ตัวโหญ่ที่ เหมือนสัตว์เลื้อยคลานกลุ่มสุดท้ายที่คุณเรียกว่า Tyrannosaurus[ไทรันโนซอรัสหรือทีเร็กซ์]
__________________

สัตว์ เลื้อยคลานชนิดใหม่นี้เดินด้วยสองขาและดูคล้ายๆ ตัวอิกัวโนดอน[Iguanodon]ของคุณ(มันเกิดขึ้นมาจากตระกูลนี้แหละ)แต่ว่ามัน เล็กว่า(สูงประมาณ 1.5 เมตร) ด้วยลักษณะบางอย่างที่เหมือนมนุษย์, โครงสร้างกระดูกที่เปลี่ยนไป, หัวกะโหลกและสมองที่ใหญ่, นิ้วที่มีนิ้วมือซึ่งทำให้สามารถจับสิ่งของได้, การเผาผลาญพลังงานและระบบการย่อยอาหารที่เปลี่ยนไป, ตาที่พัฒนาที่อยู่ตรงกลางหัวเหมือนตาของคุณและ....สำคัญมาก...ด้วยโครงสร้าง ของสมองที่ใหม่และดีกว่า นี่เป็นบรรบุรุษโดยตรงของเรา มีทฤษฏีว่าการแผ่รังสีจากระเบิดนั้นทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของอวัยวะทำเป็น เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่นี้แต่ว่ามันยังไม่ได้พิสูจน์ แต่กระนั้น ไดโนเสาร์เล็กๆที่รูปร่างคล้ายมนุษย์นั้นได้วิวัฒน์ตัวเองไปเรื่อยๆ ระหว่างเวลาช่วง 30 ล้านปีหลังจากนั้น(ตามที่ฉันได้บอกแต่ต้นแล้วเผ่าพันธุ์เผ่าพันธุ์หนึ่งต้อง ใช้เวลามากในการวิวัฒนาการมากกว่าที่คุณคิด, ถ้าการวิวัฒนาการไม่ได้มีอะไรมาช่วยให้เร็วขึ้นอย่างพวกคุณ) จากสัตว์มาเป็นสิ่งที่ใช้ความคิด สิ่งนี่มีความฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดได้ในช่วงหนึ่งล้านปีต่อมา, เพราะว่าพวกเขาเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม, พวกเขาอาศัยอยู่ในถ้ำแทนที่จะออกไปเจออากาศเย็นข้างนอกและพวกเขาเรียนรู้ที่ จะใช้หินและกิ่งไม้เป็นเครื่องมือชิ้นแรกๆและใช้ไฟในการทำให้อุ่น - โดยเฉพาะเพื่อที่จะทำให้เลือดอุ่นขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการอยู่รอด ในช่วง 20 ล้านปีถัดไปเผ่าพันธุ์นี้ได้ถูกแบ่งย่อยทางธรรมชาติเป็น 27 กลุ่มย่อย(โชคไม่ดีที่กลุ่มเผ่าสัตว์เลื้อยคลานในสมัยก่อนมีใจโอนเอนไม่มาก ก็น้อยในการแบ่งพวกเขาเป็นกลุ่มย่อยๆ ระหว่างช่วงวิวัฒนาการ คุณสามารถเห็นได้ชัดว่าจะมีกลุ่มพันธุ์ไดโนเสาร์มากมายเกินความจำเป็นในช่วง แรกๆ)และยังมีสงครามหลายครั้ง(หลักๆจะอยู่ในช่วงแรกๆ)ระหว่างกลุ่มย่อยพวก นี้เพื่อการปกครอง
__________________

ธรรมชาติ ไม่เคยเป็นมิตรกับเราและจาก 27 กลุ่มย่อย 24 กลุ่มสูญพันธุ์ไปในสงครามในช่วงแรกๆและในการวิวัฒนาการเพราะว่าอวัยวะและ ความคิดของพวกเขายังไม่พัฒนาพอที่จะอยู่รอดได้และ(เป็นเหตุผลหลัก)พวกเขาไม่ สามารถที่จะเปลี่ยนอุณหภูมิของเลือดในทางที่ถูกต้องเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยน 50 ล้านปีต่อมาหลังจากสงครามและสิ้นสุดช่วงไดโนเสาร์,เหลือแค่สาม(และตอนนี้มี เทคโนโลยีแล้ว)เผ่าพันธุ์ที่ก้าวหน้าและอยู่ร่วมกันกับสัตว์ชั้นต่ำอื่นๆ โดยวิธีธรรมชาติและเทคโนโลยีในการผสมพันธุ์สามเผ่าพันธุ์ให้เป็นพันธุ์เดียว กันโดยประดิษฐิ์เครื่องผสมพันธุ์ยีน, พวกเราสามารถที่จะ "กำจัด" ยีนที่ทำให้เกิดการแบ่งแยกในโครงสร้างยีนของเรา ตามประวัติศาสตร์และความเชื่อของเรานี่เป็นรูปร่างสุดท้ายของเผ่าพันธุ์ เลื้อยคลานของเรา - อย่างที่คุณเห็นในตอนนี้ - ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยวิธีวิศวพันธุกรรม นี่เกิดขึ้นประมาณเมื่อ 10 ล้านปีก่อนและการวิวัฒนาการของพวกเราเกือบจะหยุดอยุ่ ณ จุดนี้(แต่จริงๆแล้วก็ยังมีจุดเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่ทำให้พวกเราดูเหมือน มนุษย์และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากขึ้นระหว่างในปีที่ผ่านมาแต่พวกเราก็ไม่ ได้จัดมันอยู่ในกลุ่มย่อย) คุณเห็นหรือยัง พวกเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่เก่าแก่มากเมื่อเปรียบเทียบกับพวกคุณซึ่งยังเป็นลิง ตัวเล็กๆโดดไปมาระหว่างต้นไม้ในเวลาที่พวกเรากำลังพัฒนาเทคโนโลยี, ไปสร้างโคโลนีที่ดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะนี้, สร้างเมืองที่ใหญ่โตบนดาวเคราะห์ดวงนี้(ซึ่งหายไปโดยไร้ร่องรอย) และปรับปรุงยีนของพวกเราในระหว่างที่ยีนของพวกคุณยังเป็นสัตว์อยู่เลย
__________________

10 ล้านปีก่อนสัตว์จำพวกลิงตัวเล็กๆ เริ่มเติบโตขึ้นและพวกมันก็ลงมาจากต้นไม้สู่พื้นดิน(เพราะว่าเกิดการเปลี่ยน แปลงของสภาพอากาศอีกครั้ง-โดยเฉพาะตรงพื้นที่ที่เรียกว่าแอฟริกา) แต่พวกมันก็มีวิวัฒนาการที่ช้ามากซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับสัตว์เลี้ยงลูก ด้วยนมและถ้าไม่มีอะไรที่ผิดธรรมชาติเกิดขึ้นกับเผ่าพันธุ์ของคุณ พวกเราคงไม่ได้มานั่งอยู่ที่นี่และมาคุยด้วยกันเพราะว่าฉันนั้นควรจะนั่ง อยู่ในบ้านที่ทันสมัยอันสะดวกสบายและคุณควรจะอยู่ในถ้ำปกคลุมกายด้วยขนสัตว์ และกำลังที่จะค้นหาความลับของไฟ-หรือไม่ก็อยู่ในสวนสัตว์ของพวกเรา แต่มันก็ได้เกิดไปในอีกทางนึงและคุณเชื่อว่าตอนนี้คุณเป็น "สิ่งสุดยอดของการสรรสร้าง" และคุณสามารถนั่งในบ้านทันสมัยและพวกเราต้องหลบซ่อนและอาศัยอยู่ภายใต้ผืน โลกและในพื้นที่ที่ห่างไกล ประมาณ 1.5 ล้านปีก่อน มีกลุ่มเอเลี่ยนอีกกลุ่มนึงมายังโลก(มันน่าประหลาดใจมันเป็นเผ่าพันธุ์แรก ที่มาหลังจากเมื่อ 60 ล้านปีก่อนและมันคงจะทำให้คุณประหลาดใจมากกว่านี้ถ้าคุณรู้ว่ามีจำนวนเอ เลี่ยนกี่สายพันธุ์ในปัจจุบันนี่ที่มาที่โลก) สิ่งที่เผ่าพันธุ์ที่เหมือนมนุษย์ - ปัจจุบันนี้คุณเรียกพวกเค้าว่า "Ilojiim" - นี้สนใจ ไม่ใช่วัตถุดิบและทองแดงแต่มันคือลิงที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ที่ยังไม่พัฒนา ที่น่าพิศวงของเรา แม้ว่าพวกเราจะอยู่ในดาวเคราะห์ดวงนี้แล้ว เอเลี่ยนกลุ่มนี้ก็ยังตัดสินใจที่จะ "ช่วย" วิวัฒน์ลิงกลุ่มนี้ให้เร็วขึ้นเล็กน้อยเพื่อที่จะรับใช้พวกเขาในอนาคตเป็น ดังเช่นชนเผ่าทาสในสงครามที่จะเกิดขึ้น ชะตากรรมของเผ่าพันธุ์ของคุณไม่สำคัญอะไรกับเราเลยแต่พวกเราไม่ชอบการปรากฏ ตัวมาของ "Ilojiim" บนดาวของเราและพวกเราก็ไม่ชอบที่มีพวกเราอยู่ในดวงดาวที่เป็น "สวนสัตว์ของกาแลคซี่" ของพวกเค้าแห่งใหม่และดังนั้นพวกคุณที่ถูกสร้างมาถึงรุ่นที่หกและเจ็ดนั้น เพื่อเหตุผลในการทำสงครามกับระหว่างพวกเรากับเอเลี่ยนกลุ่มนั้น คุณสามารถหาอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามครั้งนั้นได้ในบางส่วนของหนังสือ ที่คุณเรียกว่า "ไบเบิ้ล" ในวิธีการอธิบายที่แปลกๆ เรื่องราวความจริงนั้นมันยาวและซับซ้อนมาก ฉันควรจะเล่าต่อมั้ย?
__________________

คำถาม: ไม่แล้ว ฉันได้ทำโน้ตเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของคุณและมีคำถามบางข้อ
คำตอบ: ถามมาเลย


คำถาม: คุณเล่าถึงช่วงเวลาที่ไกลมาก คุณบอกว่าบรรบุรุษสมัยโบราณของคุณอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์, อยู่รอดจากช่วง - ตามที่คุณเรียก - กลียุคมาได้และมีการวิวัฒนาการมากว่า 40 ล้านปีและวิวัฒนาการก็ได้มาสมบูรณ์เมื่อ 10 ล้านปีก่อน มันดูไม่น่าเชื่อมาก คุณช่วยอธิบายอะไรเพิ่มเติมหน่อยได้มั้ย?

คำตอบ: ฉันเข้าใจว่าเรื่องนี้มันฟังดูไม่น่าเชื่อเพราะว่าคุณเป็นเผ่าพันธุ์ที่มี ได้ไม่นานและถูกดัดแปลงพันธุกรรม จุดปลายของเวลาในประวัติศาสตร์ของคุณเป็นเวลาแค่หมื่นกว่าปีและคุณคิดว่ามัน ถูกต้อง แต่มันไม่ใช่ มันเป็นไปไม่ได้ ความคิดที่ถูกโปรแกรมของคุณไม่สามารถที่จะจัดการเกี่ยวเวลาที่มีช่วงเวลา ยาวๆได้ วิวัฒนาการของเราใช้เวลาดูแล้วยาวนานมากสำหรับคุณแต่มันเป็นความจริงในวิถี ทางของธรรมชาติ จำไว้บรรบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมช่วงแรกๆของคุณพัฒนาไปพร้อมกับ ไดโนเสาร์และพวกเขาก็สามารถรอดจากระเบิดมาได้เหมือนกับเรา พวกมันมีวิวัฒนาการช้ามากในหนึ่งล้านปีถัดไปและพวกมันก็แบ่งออกเป็นหลายเผ่า พันธุ์และหลายรูปร่างบางกลุ่มก็ตัวใหญ่ขึ้น, บางกลุ่มก็เล็กลง นี่เป็นวิวัฒนาการทางร่างกายแต่ทางความคิดและความฉลาดล่ะ? พวกมันก็ยังเป็นสัตว์พื้นๆ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยังวิวัฒน์ต่อไปอีก150 ล้านปีแต่ในช่วง 2-3 ล้านปีสุดท้ายพวกมันถึงจะเริ่มฉลาดและคิดได้ และในช่วงเวลาสั้นๆ สิ่งมีชีวิตที่คล้ายคุณก็เกิดขึ้น จากธรรมชาติหรือ? เป็นเวลา148 ล้านปีสำหรับการวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพื่อเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ, แล้วใช้เวลาอีกแค่ 2 ล้านปีเพื่อพัฒนาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดอย่างคุณงั้นเหรอ? ถามตัวเองซิ: คุณคิดว่าการเร่งการวิวัฒนาการอย่างนี้เป็นเรื่องธรรมชาติงั้นเหรอ? เผ่าพันธุ์ของคุณโง่เขลากว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก พวกเราไม่ได้วิวัฒนาการผิดหรอกพวกคุณต่างหาก
__________________

คำถาม: ฉันเข้าใจ แต่ฉันมีคำถามอื่นอีก คุณบอกว่าความจริงหลายๆอย่างเกี่ยวกับสงครามในสมัยก่อนในช่วง 65 ล้านปีก่อน มันเกิดขึ้นนานมากก่อนที่พวกคุณจะเริ่มคิดได้อีกนะ(นานกว่ามากตามที่ฉันรู้ ตามที่คุณเล่ามา) แล้วทำไมคุณถึงรู้หลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับ "สงครามครั้งแรก" และเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของพวกคุณล่ะ?

คำตอบ: นี่เป็นคำถามที่ดีมาก(ดีกว่าที่ผ่านมา) และฉันไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสมให้กับคุณ ความรู้ของพวกเราเกี่ยวกับสงครามครั้งแรกทั้งหมดนั้นมาจากสิ่งประดิษฐิ์ใน สมัยก่อนที่ถูกพบเมื่อประมาณ 16,000 ปีก่อนโดยนักโบราณคดีของพวกเราบนแผ่นดินที่คุณเรียกว่าอเมริกาเหนือ พวกเขาพบแผ่นกลมๆที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 47 เซนติเมตรในหน่วยของพวกคุณ แผ่นนี้ทำจากวัสดุที่เป็นแม่เหล็กที่แม้แต่พวกเรายังไม่รู้จักและข้างในแผ่น นี้มีแผ่นคริสตัลเล็กๆอยู่ซึ่งบรรจุข้อมูลจำนวนมหาศาลมากในระดับโมเลกุลอยู่ ในโครงสร้างของคริสตัล "แผ่นความทรงจำ" นี้ถูกสร้างขึ้นจากเผ่าพันธุ์มนุษย์คนสุดท้ายจากดาว "Procyon" ที่รอดตายมาจากระเบิดเมื่อ 65 ล้านปีที่ผ่านมาแต่ว่ามันยังคงสมบูรณ์เมื่อตอนที่เราพบมัน นักวิทยาศาสตร์ของพวกเราสามารถที่จะถอดรหัสข้อความและข้อมูลได้และเราก็ได้ ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่ออดีตอันไกลพ้นที่นำมาซึ่งการสูญพันธุ์ของ ไดโนเสาร์เป็นครั้งแรก แผ่นนั้นมีอธิบายถึงเอเลี่ยนทั้งสองกลุ่ม(แต่จะมีเกี่ยวกับพันธุ์ที่คล้าย มนุษย์เยอะกว่า)และเกี่ยวกับเหตุการณ์และอาวุธรวมทั้งระเบิดฟิวชั่น มันยังมีข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์และไดโนเสาร์บนโลก,รวมถึงเผ่าพันธุ์บรรพบุรุษ ของพวกเรา ความรู้ทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของพวกเรามาจากโครงกระดูกและจาก การถอดรหัสอ่าน DNA ของพวกเราย้อนหลัง คุณเห็นมั้ยว่าเรารู้ความจริงเกี่ยวกับต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ของเราตั้งแต่ 16,000 ปีก่อน ก่อนหน้านั้นก็มีความคิดทางศาสนามากมายเกี่ยวกับการก่อกำเนิดพวกเรา
__________________

คำถาม: เกิดอะไรขึ้นกับเอเลี่ยนสองเผ่าพันธุ์นั้น

คำตอบ: พวกเราไม่รู้จริงๆ เผ่าพันธุ์ที่คล้ายมนุษย์ที่รอดตายนั้นดูเหมือนว่าจะหลังจากระเบิดลงอีก 1 ปีให้หลังและพวกเค้าคนอื่นๆและทั้งของพวกที่เหมือนสัตว์เลื้ยนคลานไม่เคย กลับมายังโลกอีกเลย (ตามที่เรารู้) เกี่ยวกับพวกเอเลี่ยนที่เหมือนสัตว์เลื้อยคลานนั้น,มีความเป็นไปได้ว่าร่าง กายของพวกเขามีปัญหาทำให้ไม่สามารถกลับไปได้,เพราะว่าสสารที่จะเคลื่อนย้าย ไปมาระหว่าง bubble นั้นมันต้องเคลื่อนที่เร็วมาก ทฤษฏีในตอนนี้คือทั้งสองเผ่าพันธุ์นั้นได้สูญพันธุ์ไปในระหว่างช่วงล้านปี ต่อมา
__________________

คำถาม: คุณพูดถึงโครงกระดูกของพวกคุณ มันเป็นไปได้อย่างไรที่นักวิทยาศาสตร์ของมนุษย์ไม่เคยพบร่องรอยของพวกคุณและ ของบรรพบุรุษของพวกคุณเลยถ้าเคยมีชีวิตอยู่เป็นเวลาในบนดาวเคราะห์ดวงนี้? พวกเราพบโครงกระดูกเป็นจำนวนมากของไดโนเสาร์ที่ยังไม่พัฒนาแต่ไม่มีอันไหน ที่แสดงว่าเป็นของสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาแล้วที่มีหัวกะโหลกและสมองใหญ่และมี มือที่มีนิ้วหัวแม่มือตามที่คุณบรรยายมาก่อนหน้านี้

คำตอบ: ใช่ คุณเจอแล้วแต่ว่านักวิทยาศาสตร์ที่"ยิ่งใหญ่"ของพวกคุณไม่สามารถที่จะต่อ โครงกระดูกออกมาได้สมบูรณ์, เพราะว่าพวกเขาต้องการต่อโครงสร้างของสัตว์เลื้อยคลาน,ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ ฉลาด คุณอาจจะหัวเราะออกมาถ้าคุณรู้ว่ามีจำนวนโครงกระดูกไดโนเสาร์(โดยเฉพาะอัน ที่เล็ก)เท่าไหร่ในพิพิธภัณฑ์ของคุณที่ต่อเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยมีมา ก่อน,เพราะว่าคุณใช้โครงกระดูกที่ไม่ได้เป็นของตัวเดียวกันมาต่อเข้าด้วยกัน และบางครั้งคุณทำกระดูกเทียมสำหรับตรงที่มันหายไป คุณต้องการสร้างไดโนเสาร์ที่เป็นแบบ "สัตว์" นักวิทยาศาสตร์หลายคนตระหนักถึงปัญหานี้แต่พวกเขาก็ไม่ได้บอกให้สาธารณะชน รับรู้,เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถอธิบายมันได้และเขาเชื่อว่านั่นเป็นโครง กระดูกที่ถูกต้องและโครงสร้างนั้นถูกต้องแล้ว กระดูกของพวกเราจำนวนมากถูกนำไปใช้ในการประกอบตัว อิกัวโนดอน[Iguanodon] ตัวอย่างเช่นมือที่มีนิ้วหัวแม่มือ (ไปหาดูตัวอิกัวโนดอนตามพิพิธภัณฑ์แล้วจะเห็นว่าฉันพูดถูก) นักวิทยาศาสตร์ในประเทศที่เรียกว่าสหรัฐอเมริกาได้สร้างโครงกระดูกของพวกเรา ได้เกือบถูกต้องเมื่อหลายปีที่ผ่านมา,แต่ว่ารัฐบาลท้องถิ่น(ที่รู้เกี่ยวกับ พวกเรานิดหน่อย)ริบเอาโครงกระดูกนั้นไป และตามที่พวกเราอาศัยอยู่ในขณะนี้(และอยู่มาเป็นหมื่นปีแล้ว)เกือบจะอยู่ใต้ ผิวดินโดยสมบูรณ์,คุณจึงไม่สามารถที่จะค้นหาซากศพหรือโครงกระดูกของพวกเรา
__________________

ติดตามชมในตอนที่ 2




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 0:00:59 น.
Counter : 414 Pageviews.  

เผยความจริง : ยานอวกาศขนาดยักษ์บนดวงจันทร์ และ Mona Lisa

Alien Spaceship on The Moon



เรื่องราวนี้เคยได้รับการกล่าวถึงในเวปไซท์ต่างๆตั้งแต่ปี 2007 มาระยะหนึ่งแล้ว
ตอนนั้นมันยังดูฉงนน่าประหลาดใจ แต่ตอนนี้มันกำลังได้รับความสนใจยิ่งขึ้น
เนื่องจากได้รับข้อมูลสนับสนุน ซึ่งมีทั้งหลักฐานและการเปิดเผยเพิ่มเติม
ซึ่งหลายคนอาจคนคิดว่ามันไกลเกินที่จะเรียกว่า "ความจริง" ไปแล้ว


และด้วยความสัตย์ซื่อของเรา, เบื้องต้นเราคิดว่ามันเป็นการหลอกลวง
จนพนักงานของเราที่นี่ (viewzone) ได้จัดหาหลักฐานจนพบแผ่นฟิล์ม
จากเว็บไซต์ของนาซ่าเข้าจริงๆ (film strips from the NASA site)
และพบว่ามีภาพของวัตถุนั้นอยู่ด้วยกันสองภาพ ถ่ายจากมุมที่แตกต่างกัน
เราจึงได้จัดทำภาพจำลอง 3 มิติ เพื่อวิเคราะห์ขึ้นด้วย (ตาม VDO ด้านล่างนี้)
ซึ่งภาพ 3 มิตินี้ จะแสดงรายละเอียดของวัตถุจริงบนพื้นผิวดวงจันทร์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น







ภาพแสดงตำแหน่งที่พบวัตถุประหลาดบนดวงจันทร์


ขนาดของมันสูงกว่าครึ่งกิโลเมตร และอาจจะยาวกว่า 3.37 กิโลเมตรก็ได้
เห็นเป็นวัตถุที่ มีรายละเอียด มีความสมดุล และมีการออกแบบ
แตกต่างจากสิ่งแวดล้อมและพื้นผิวที่อยู่รอบตัวมากทีเดียว








ภาพแสดงตำแหน่งที่พบวัตถุประหลาดบนดวงจันทร์


ขนาดของมันสูงกว่าครึ่งกิโลเมตร และอาจจะยาวกว่า 3.37 กิโลเมตรก็ได้
เห็นเป็นวัตถุที่ มีรายละเอียด มีความสมดุล และมีการออกแบบ
แตกต่างจากสิ่งแวดล้อมและพื้นผิวที่อยู่รอบตัวมากทีเดียว



หลักฐาน VDO 16 มม.จากยานอะพอลโล่ 20 ที่กำลังเตรียมการลงจอดบนดวงจันทร์



ชุดนี้ถ่ายซูมจากกล้องที่มีความละเอียดสูงมาก

เรื่องราวความเป็นมา :

เป็นเรื่องราวที่ได้มาจากคนที่อ้างว่าเขาอยู่ในภารกิจพิเศษของ NASA :

William Rutledge : ซึ่งขณะนี้ใช้ชีวิตอยู่ในแอฟริกา
เขาเพิ่งออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมที่น่าตื่นตาตื่นใจ
กับ NASA ในช่วงปลายยุค 70s ที่ผ่านมา

Rutledge อ้างว่าได้ทำงานอย่างน้อยสองภารกิจไปดวงจันทร์
รวมถึงไม่ Apollo 19 และ Apollo 20 ซึ่งเขากล่าวเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 1976
จาก Vandenberg Air Force Base

ภารกิจเหล่านี้ Rutledge บอกว่าเป็นการจัดภารกิจด้านอวกาศร่วมกัน
รัฐบาลที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต
พวกเขาจะไม่ปรากฏในบัญชีรายชื่อของคณะ NASA ใดๆ
(-- และถ้าเป็นความจริง -- ก็มีเหตุผลดี)

วัตถุประสงค์ของภารกิจนี้คือการตรวจสอบวัตถุขนาดใหญ่ที่ด้านไกลของดวงจันทร์
ในภูมิภาค Delporte - Izsak, การค้นพบและถูกกล่าวว่าถ่ายภาพได้ในช่วง Apollo 15
ภารกิจสำรวจวัตถุที่มีลักษณะคล้ายยาน"X - Wing ในการรบ"ตามที่เห็นในหนัง Star Wars
เป็นยานอวกาศของคนต่างดาวซึ่งมีขนาดใหญ่มากลำหนึ่งที่ประสบเหตุหรือถูกทิ้งไว้
บนดวงจันทร์ในสมัยโบราณ



เรื่องราวของการกู้ซาก EBE หญิง (ตอนที่ 1)

Rutledge ให้การว่าพวกเขา (กับนักบินอวกาศ, Lexei Leonov ) ลงจอดด้วยยาน
Lunar Module (ของรัสเซีย) ใกล้เรืออวกาศต่างดาว และเข้าไปสำรวจมันจริงๆ

แน่นอนว่ามีบางอย่างถูกค้นพบและกู้ออกมาหลายชิ้น รวมทั้งพบสองคนที่เป็นนักบินในนั้นด้วย
"หนึ่งในนั้นสภาพดีและปรากฏเป็นหญิง ตัวที่สองนั้นเสียหายเสี่อมสภาพไปมาก
และเราดึงมาได้เพียงศีรษะเท่านั้น หญิงที่เราพบนั้นเราขนานนามให้เขาว่า "Mona Lisa "

"เราเข้าไปข้างในยานอวกาศขนาดใหญ่ เข้าไปส่วนที่เป็นรูปทรงสามเหลี่ยม
ที่เป็นส่วนสำคัญของการสำรวจ มันเป็นเรือแม่ที่ดูเก่ามาก
ราวกับข้ามจักรวาลแล้วมาไม่น้อยกว่าพันล้านปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว
ในนั้นมีสัญญาณหลายเกี่ยวข้องกับทางชีววิทยา ภายในนั้นยังคงเดิม
มีพืชอยู่ในส่วนของมอเตอร์ด้วย มีหินรูปสามเหลี่ยมพิเศษ ที่ปล่อยของเหลวคล้ายน้ำตา
เป็นของเหลวสีเหลืองที่มีคุณสมบัติพิเศษทางการแพทย์บางอย่าง

และแน่นอนว่ามีสัตว์ที่มีเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดพิเศษประกอบอยู่ด้วย
เราพบชิ้นส่วนของมันยาวราว 10 เซนติเมตร อยู่ในระบบของหลอดแก้วตลอดทั้งเรือ
แต่การค้นพบที่สำคัญก็คือ "ร่างทั้งสองนี้" มีความสำคัญเป็นที่สุด





เรื่องราวของการกู้ซาก EBE หญิง (ตอนที่ 2)



Mona lisa
ผมจำไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ตั้งชื่อสาวคนนี้ Leonov หรือฉัน
เธอเป็น EBE Humanoid ที่สมบูรณ์ไม่บุบสลาย สูง 1.65 เมตร มีอวัยวะสืบพันธุ์, มีผม, มีนิ้วข้างละหกนิ้ว
(เราเดาว่าคณิตศาสตร์ของเขาจะเป็นเลขฐาน 12 )
ในส่วนหน้าที่ของนักบิน มีอุปกรณ์การนำทางคงใช้นิ้วมือและตาควบคุม
เสื้อผ้าไม่มี เราต้องตัดท่อสองสายที่เชื่อมต่อกับจมูกออก
ปรากฎว่าเขาไม่มีรูจมูก Leonov เปิดอุปกรณ์ที่ตาออก (ซึ่งคุณจะเห็นจากวิดีโอ)

มีส่วนผสมของเลือดหรือของเหลวทางชีวภาพที่เย็นๆประทุขึ้นจากปากจมูกที่ตาและบางส่วนของร่างกาย
มีบางส่วนของร่างกายอยู่ในสภาพดีจนผิดปกติ, ผมและผิวมีการเคลือบผิวด้วยชั้นวัสดุที่โปร่งบางใสป้องกันอยู่
ในขณะที่เราแจ้งภารกิจนี้ไปที่ศูนย์ควบคุม เธอก็อยู่สภาพที่เหมือนตายและไม่ตาย (not dead not alive)
เราไม่เคยมีภูมิหลังหรือประสบการณ์ทางการแพทย์กันมาก่อน

ผม และ Leonov ได้ใช้อุปกรณ์ต่างๆด้าน bio เพื่อทดสอบดูกับ EBE โดยได้รับคำแนะนำ
จากศัลยแพทย์ที่ชำนาญงานจากศูนย์อำนวยการ ผลการทดสอบแจ้งว่าเป็นบวก (มีชีวิต)

เรื่องทั้งหมดนี้บางส่วนอาจฟังดูไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่
แต่ตอนนี้ผมต้องการบอกเรื่องราวเหล่านี้ทั้งหมด เมื่อวิดีโอชุดนี้ออนไลน์
ประสบการณ์ที่เล่าให้ฟังนี้ได้รับการบันทึกถ่ายทำใน LM

และเรื่องของตัวที่สองนั้น (ตัวที่เสียหายมาก)
เราได้นำศีรษะเขาขึ้นให้คณะกรรมการดู เขามีสีผิวเป็นสีเทาอมฟ้า
ผิวมีรายละเอียดบางอย่างแปลกตา โดยเฉพาะที่ด้านบนของตาและด้านหน้ามีสายรัดรอบหัวใส่คำจารึกด้วย
ภายในห้องนักบินนั้นก็เต็มไปด้วยข้อความเขียนด้วยลายมือบรรจง และมีหลอดใสกึ่งหกเหลี่ยมยาวๆเต็มไปหมด

"Mona Lisa " เธอยังอยู่บนโลกใบนี้และเธอยังไม่ตาย
ผมจะโพสต์วิดีโออื่นๆ ก่อนที่จะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้

ผู้สัมภาษณ์
William Rutledge



EBE เป็นชื่อที่ย่อมาจากคำว่า Extraterrestrial Biological Entities
ซึ่งน่าจะแปลว่า "สิ่งมีชีวิตทางชีววิทยาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีภูมิปัญญาสูง"
อะไรประมาณนั้น (ภาษาอังกฤษแบบ snake fish fish น่ะครับ )

สรุปว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายปี ราวๆยุค 70S ช่วงโครงการอะพอลโล่ 15-20
และมีการเปิดเผยขึ้นอีกครั้ง เมื่อราวๆ สิงหาคม ปี ค.ศ.2008 มานี้เอง
โดยบุคคลวงใน (ที่อ้างว่าเป็นนักบินอวกาศนอกสำรวจ)
ที่ไปสำรวจยานอวกาศลำดังกล่าวที่อับปางอยู่บนดวงจันทร์

จะเห็นว่าภาพที่ถ่ายทำก็เป็นฟิลม์ 16 มม. ฉากหลังก็อยู่บนยานอวกาศของมนุษย์
ใบหน้าผู้หญิงนั่นก็ดูคล้ายมนุษย์ แต่ก็ไม่เหมือนซะทีเดียว..
ก็มีหลายๆอย่างที่น่าสนใจอยู่ เลยต้องแปลเพื่อปะติดปะต่อเรื่องหน่อย
ถือว่าน่าสนใจและดูสมจริงดีทีเดียวนะครับเรื่องนี้
ไปเจอข้อมูลสำคัญเข้านะครับ

มี นักบินอวกาศและเจ้าหน้าที่ในองค์การนาซ่าด้านภาพถ่ายที่เคยร่วมงานกับ Luna Project (ช่วงกลางปี คศ. 1965) ออกมาเปิดเผยอีกครับว่า เหตุที่นาซ่าไม่ส่งยานออกไปสำรวจที่ดวงจันทร์ในระยะหลังๆมานี่ เพราะรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติอยู่ที่ด้านหลังดวงจันทร์นั่นจริงๆ พบทั้งสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่รูปทรงแปลกตาในหลุมเครเตอร์ และบนพื้นผิวดวงจันทร์คล้ายๆฐานทัพ มีหอคอยสูงๆจำนวนมาก พบกลุ่มเมฆสีม่วงรวมทั้งยานอวกาศซึ่งก็มีอยู่ที่นั่นจริง ซึ่งทางนาซ่าได้ทำการแก้ไขลบภาพที่นำออกสู่สาธารณะชนออกไปจนเกือบหมด จะเห็นได้จากภาพ VDO ชุดนี้ครับ

(ขออภัย คลิปโดน แบนไปเสียแล้ว)

ข้างล่างนี่เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนดวงจันทร์



แหล่งข้อมูล : //www.galacticchannelings.com/english/mona_lisa.html




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 0:35:30 น.
Counter : 1694 Pageviews.  

1  2  3  

SiAni_3D
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




ไม่มีอะไร
ยากเกินความพยายาม







free counters
hit counter

Email: siani_3d@windowslive.com

AutoLISP

การติดตั้งคำสั่งAUTOLISP
https://www.bloggang.com/data/siani3d/picture/1292983826.png
AutoLISP-ปริ้นอัตโนมัติ
https://www.bloggang.com/data/s/siani3d/picture/1303271642.gif
AutoLISP-เขียนบันได เหล็ก
https://1.bp.blogspot.com/_rkn52Kckzys/TQNLsCsbRPI/AAAAAAAAAJQ/_FRJ-f_rZSY/s400/3.gif

แกะสลักลายไม้อคีลิกพลาสติก

ตัวอย่างป้าย
https://www.bloggang.com/data/siani3d/picture/1297067488.gif

ออกแบบเครื่องจักรและผลิตภัณฑ์

ระบบคัดแยกขยะ
https://3.bp.blogspot.com/-BFhMOh4N58w/Td25JRkqL-I/AAAAAAAAAZQ/KzKTKe0NKAg/s1600/Assem-2.gif

AutoCAD Tips

แก้ปัญหา image ไฟล์รูป
https://www.bloggang.com/data/s/siani3d/picture/1306393322.gif
แก้ปัญหา DialogBox ไม่ขึ้นป
https://www.bloggang.com/data/s/siani3d/picture/1306463191.gif

บันทึกลึกลับ

ยานอวกาศขนาดยักษ์บนดวงจันทร์
https://www.galacticchannelings.com/afbeeldingen/moon-spaceship.jpg

พบถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ต่างดาวแล้ว
hhttps://www.bloggang.com/data/s/siani3d/picture/1305779427.jpg

พลังแห่งจินตนาการ

พลังจิต คืออะไร
https://2.bp.blogspot.com/_rkn52Kckzys/TU-J3VzDbSI/AAAAAAAAAJ4/VBzFljd3gxI/s400/Aura%2BMoving.jpg
Friends' blogs
[Add SiAni_3D's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.