คนตัวเล็กๆอย่างเรา ใครจะฟัง ..................................... เรามาฟังกันเองก่อน ดีไหม?
Group Blog
 
All Blogs
 

หลบจากความจริงบ้าง

เมื่อคืนเห็นเพื่อนในFacebookขึ้นสถานะเกี่ยวกับละครที่ผมเองก็ไม่่ทราบชื่อเรื่อง รู้แต่พระเอกชื่อสายชลกับนางเอกชื่อนางฟ้า เพราะเห็นโพสต์ชื่อนี้กัน ไม่ได้ดูกับเขาแต่เข้าใจว่าจบแบบมีความสุข ทำให้แฟนๆมีความสุขไปด้วย

บางคนอยากให้มีผู้ชายดีๆแบบสายชลเข้ามาในชีวิตบ้าง อยากเก็บสายชลไว้คนเดียวบ้าง ไม่เชื่อว่าจะมีคนดีแบบสายชลได้จริง

บางที่ก็นึกในใจว่าช่างเพ้อฝันกันเสียจริง แต่มานึกๆดูเมื่อตอนที่เราเป็นเด็กกว่านี้ เราเองก็ชอบอ่านนิยายรักหวานแหวว อารมณ์ประมาณรี้เลย พระเอกแสนดี นางเอกแสนสวย ฉากหลังอันงดงามผ่านอุปสรรคมากมายแล้วสุดท้ายลงเอยอย่างมีความสุข เรื่องแล้วเรื่องเล่าที่เราอ่านเป็นตั้งๆ แทบทุกเรื่องเปิดอ่านหน้าแรกก็แทบจะรู้ตอนจบ แต่เราก็อ่านจนติดงอมแงม

เมื่อวันเวลาผ่านไป ประสบการณ์ชีวิตสอนเราให้พบกับความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ความฝัน ความสุข พระเอกสุดหล่อหน้าตาเริ่มบ้านๆขึ้นเรื่อยๆ นางเอกเริ่มกลายเป็นปุถุชนมากขึ้น มีทั้งด้านดี ด้านร้าย คนที่ดีเมื่อวันวานกลายเป็นที่ทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจได้ในวันต่อมา ทำให้เราไม่คิดอยากกลับไปอ่านนิยายแบบนั้นอีกต่อไป เหมือนมันไม่สามารถทำให้เราใจให้เชื่อคล้อยตามแบบเดิมได้อีก

ความผิดมันอยู่ที่นิยายมันหลอกเราหรือ? ไม่น่าจะใช่นะ นิยายเขาก็เขียนไปตามชีวิตคนปกตินี่แหละ แต่เขาตัดเอาเฉพาะส่วนที่ต้องการนำเสนอ ตัวเอกก็ต้องดีชัดเจน จะเป็นคนดีหรือแย่ก็ต้องชัดๆ ไม่ใช่จะดีมั่งเลวมั่งให้คนอ่านสับสน

แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือกระบวนการคิด การไตร่ตรองของเรามีมีมากขึ้น ทำให้เราไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ ไม่เพ้อฝันไปตามที่เขาจินตนาการอีกต่อไป อย่างน้อยก็ไม่ทั้งหมด

ถามว่าเมื่อเป็นแบบนี้แล้วมันทำให้เราดีขึ้นหรือปล่าว ทำไมเรามีความสุขยากขึ้น เรื่องที่เราอ่านแล้วเคยมีความสุข ปลื้มน้ำตาจะไหล กลับกลายเป็นเรื่องปัญญาอ่อนหลอกเด็กไปได้

นั่นเพราะเราอยู่กับความจริงมากเกินไปหรือปล่าว เมื่อความจริงมันโหดร้าย ความจริงมันไม่หวานแหวว เราก็ทำใจให้คล้อยตามไปกับเรื่องแบบนั้นไม่ได้ง่าย

เรามักจะบอกตัวเองอยู่เรื่อยๆเวลาดูละคร หรืออ่านนิยาย ว่ามันไม่จริง มันเป็นไปไม่ได้ คนแบบนั้นไม่มี ใครมันจะโง่ ใสซื่อแบบนั้น ใครจะร้ายได้ขนาดนั้น เมื่อใจมันค้านแบบนั้น เราจะไปมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำให้เราดู ทำให้เราอ่านอย่างนิยาย ละครหลังข่าวได้ยังไง

การปล่อยให้ตัวเองอยู่ในโลกจินตนาการ ไม่มีต้องอิงกับความจริงบ้าง มองคนในแง่ดีสุดๆบ้าง เชื่อทุกอย่างที่ละครบอกเราบ้าง ฯลฯ มันก็ทำให้เรามีความสุขได้ แม้จะชั่วครั้งชั่วคราว

หากวันนึงมียี่สิบสี่ชัวโมง เราดูละครแล้วมีความสุขวันละสัก ชั่วโมงก็ถือว่ามีเวลาดีๆ ตุนพลังไปต่อสู้กับเรื่องแย่ๆในชีวิตจริงได้เป็นอย่างดีแล้ว

ครั้งต่อไปหากมีละคร ที่คุณเคยคิดว่าเน่าๆ ลองตั้งใจดูอย่างคล้อยตามให้ได้สักครั้ง อาจทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นอย่างไม่คาดคิดก็ได้

ระวังจะติดละครด้วยล่ะ!




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2554    
Last Update : 12 ธันวาคม 2554 11:56:04 น.
Counter : 493 Pageviews.  

เลือกทางไหน การตัดสินใจครั้งนี้ มีความหมายถึงชีวิต

เรื่อง Copy คนอื่นเขามานะครับ แต่ที่ผมไปCopy มา เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่า
มาจากไหน ยังไงถ้าใครรู้ที่มาก็บอกกันบ้างนะครับ
จะได้ให้เครดิตถูก
.........................................................

เรื่องมีอยู่ว่า

มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง
รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว
มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่
เมื่อรถไฟแล่นมา และกำลังจะผ่านรางที่เด็กๆเล่นอยู่

คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ


คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่

แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม?
.
.
.
.
.
.
.
.

ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจได้
คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป
***********************************************
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


อ่ะๆๆๆ ....................

ตอบก่อน อย่าเลื่อนลงไป ก่อนจะตอบนะ


























ก็บอกว่ายังไม่ตอบอย่าเลื่อนไงเล่า............


























รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้
คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น
ผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน
แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก

ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุผลทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก
แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้อง ที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหาก
แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ
และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวัน
ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมืองโดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย
คนกลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก
แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า
ไม่ใส่ใจก็ตาม
เด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขา
และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม
เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ
เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่า
รางนั้นยังอยู่ในระหว่างการใช้งาน และพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ
> > > > >
ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน
เพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น
นอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจเป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย
ถ้ารถไฟถูกเปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้
เราทำให้ชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย
ในขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่งโดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน
อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็เป็นได้
เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก
บางครั้งเราอาจลืมไปว่า
การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติ
และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป
ทุกๆคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้
และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ




 

Create Date : 07 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 7 กรกฎาคม 2551 11:08:36 น.
Counter : 243 Pageviews.  

ทางเลือก ที่ขัดแย้ง

I get up every morning determined to both change the world and have one hell of a good time.
Sometimes this makes planning my day difficult.

ทางเลือก 2 ทาง ที่ดูเหมือนขัดแย้ง
1.พอใจสิ่งที่เรามีอยู่
2.พัฒนาและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ
.............................................
ถ้าคิดให้ดีๆ สองเรื่องนี้ก็คือเรื่องเดียวกัน
หากเราอยากอยู่ยั้งยืนยงกับสิ่งที่เราคิดว่าดีอยู่แล้วในวันนี้ เราเองก็จะอยู่เฉยไม่ได้หรอก
เพราะในความจริงของโลกก็ทุกสิ่งอย่างย่อมเสื่อมไป ดังนั้น เราต้องทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอเพื่อ
ให้สิ่งที่เราคิดว่าดีอยู่แล้วกับชีวิตเรานั้นคงอยู่

สมมุติว่า...............
ผมมีไม้ดอกอยู่ต้นหนึ่งออกดอกสวยมากและผมชอบ มีความสุขที่ได้อยู่กับดอกไม้นี้ ต้นไม้นี้
วันเวลาผ่านไป ดอกไม้บานและเหี่ยวไปตามกาล ผมก็จะไม่มีความสุขแล้ว แต่ผมอาจจะสุขได้
ถ้าดอกใหม่บานออกมาอีก แต่เชื่อเถอะในที่สุดต้นไม้นี้จะตาย
แล้วผมจะทำอย่างไรถ้าจะอยู่อย่างมีความสุข
- ผมจะชื่นชมและมีความสุขกับดอกไม้แต่ละดอกที่บานให้เต็มที่
-ผมต้องหาหนทางทำอย่างไรผมถึงจะมีต้นไม้ที่ไม่ตาย
-ผมต้องฝึกใจให้พร้อมที่จะพลัดพรากหากทำให้ต้นไม้ไม่ตายไม่ได้

ดังนั้นผมคิดว่า
วันนี้เราต้องมีความสุขกับสิ่งเรามีอยู่ พร้อมกับต้องทำให้แน่ใจว่าพรุ่งนี้เราจะยังมีความสุขแบบวันนี้ได้




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2551 10:26:32 น.
Counter : 218 Pageviews.  

ตลาดน้ำดำเนิน(ไม่)สะดวก

วันนี้วันหยุด ตื่นแต่เช้าด้วยความอยากลองของใหม่ ถนนวงแหวนรอบนอก สะพานกาญจนาภิเษก

เขาว่าสะดวกยิ่งนัก ช่วยในการสัญจรไปเส้นทางภาคใต้ได้ดีเป็นอย่างยิ่ง ช่วงนี้ยังเปิดให้ใช้ฟรีเสียด้วย

ต้องลองๆ

ออกเดินทาง 07.10 น. ไปขึ้นวงแหวน ตรงช้างสามเศียร เลยปู่เจ้าสมิงพรายไปหน่อย รถรายังโล่ง

ทางดี ขับไม่นานก็ได้ข้ามสะพานขึงอีกแห่งของเมืองไทย(เป็นสะพานขึงที่มีช่วงกลางแม่น้ำยาวที่สุดในประเทศ) สะพานนี้ใช้ชื่อว่า สะพานกาญจนาภิเษก

สะพานสวยงามดี ช่วงทางที่ผ่านก็จะว่างๆโล่งไม่ค่อยมีชุมชมเพราะไม่งั๊นคงเวนคืนกันลำบาก

ไปแยกออกจากถนนวงแหวนที่ ถนนพระรามสอง เลี้ยวซ้ายไปทางปากท่อ



ไม่ถึงแปดโมงดี ก็มาถึงอัมพวา เร็วจริงๆเส้นทางสายนี้ น่าใช้มาก หากจะมุ่งลงใต้ช่วยร่นเวลาได้เยอะเชียว

ไม่งั๊นต้องผ่านเมืองเข้าไปข้ามพระรามเก้า กว่าจะฝ่าออกมาก็เอาเรื่องอยู่



ไม่ได้แวะอัมพวา เพราะเป้าหมายที่ตั้งใจมาคือตลาดน้ำดำเนินสะดวก ราชบุรี เลยอัมพวามาสัก 20 กิโลฯ

ช่วงนี้เส้นทางวกวนหน่อย ดูป้ายไม่ดีมีสิทธิหัวหมุนได้ง่ายๆ

ยิ่งใกล้ตลาดน้ำฯ รถนักท่องเที่ยวยิ่งเยอะ ส่วนใหญ่เป็นรถตู้ รถบัสก็มีบ้างแต่ไม่มากนัก

เลี้ยวเข้าทางตลาดน้ำ บรรดาคนโบกรถให้เข้าไปใช้บริการท่าเรื่อ มีมากมายเหลือเกินต่างพยายามโบกให้

เราเลี้ยวเข้าไปให้ได้ แต่ด้วยความที่เคยมา เลยขับมุ่งมาจอด ที่จุดจอดของตลาดน้ำเอง

ค่าจอดรถ ยี่สิบบาท จ่ายเสร็จเดินชมตลาดและแวะกินก๋วยเตี๋ยวเรือริมคลอง แต่เรือไม่ได้อยู่ในน้ำหรอกนะ

เป็นก๋วยเตี๋ยวเรือลอยได้(ตั้งไว้บนคานไม้) ได้เงินเราแค่ชามเดียวด้วยว่ารสชาติยังไม่โดนใจนัก

เดินมาหาเรือพายจะเข้าไปชมบ้านสวนเสียน่อย ค่าเรือเหมาลำ 300 บาทก็โอเคนะ พอไหวๆ

ลงเรือมาเพื่อพบกับการจราจรทางน้ำที่ต่างกับชื่อตลาดมากทีเดียว

เพราะที่นีชื่อ ดำเนินสะดวก แต่จริงๆแล้ว ดำเนินไม่สะดวกยิ่งนัก แค่ลงเรือก็แย่งเรือกันจะแย่แล้ว

ลงเรือมาได้ คนพายก็แย่งกันพายเบียดเสียกันไป บางจังหวะเรือที่มีเครื่องยนต์ก็แหวกมาแทรก

ด้วยความเร็วและแรงของเครื่อง คนพายเรือบางคนออกอาการรู้เลยว่าไม่ถูกกันมาก่อน

นี่ไม่นับการพายแวะแต่ร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ไม่ได้เห็นวิถีชีวิตริมคลองอะไรหรอก

ช่วงไหนไม่มีร้านค้าก็มีกองขยะและอะไรต่อมิอะไร อิเหละเขะขละ(ไม่รู้เขียนถูกไหม)

มีพาแวะจุด ที่บอกว่าเป็นเตาเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว ขึ้นไปไม่เห็นเขาจะเคี่ยวอะไรจริงจัง

มีเตา(โชว์)อยู่เตานึงติดไฟไว้ แล้วก็ขายของกันไป ของที่วางขายก็เก่าฝุ่นเกาะจนเขราะ

ออกจากจุดนี้ก็พาสู่การเดินทางขากลับ

เช่นเดิม พาแวะร้านขายของอีกเช่นกัน ก็ได้ผลไม้ติดมือมาบ้างด้วยราคาที่แพงกว่าตลาดทั่วไป

แต่ด้วยความสงสารป้าคนขายแก ออดอ้อนพร้อมส่งสายตาละห้อยๆ ก็เอามาๆ

เรือเทียบท่าก็ต้องรีบกุลีกุจอขึ้นฝั่ง เพราะฝรั่งชุดใหญ่รอลงเรือกันมากมาย

ดีนะที่เรามาเช้าหน่อย ไม่งั๊นคงจะหนักกว่านี้



สรุปว่าการเดินทางรอบนี้บรรลุวัตถุประสงค์การทดลองเส้นทางสายใหม่ และการข้ามสะพาน

กาญจนาภิเษกครั้งแรก ส่วนเป้าหมายรอง ตลาดน้ำดำเนินฯไม่ประทับใจอย่างแรง




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2551 16:28:19 น.
Counter : 628 Pageviews.  

รวมรุ่น อุ่นไอมิตรภาพ 19 ปีที่ผ่านไป

เมื่อคืน นัดพบเพื่อนๆร่วมรุ่นที่เรียนจบจากเทคนิคกรุงเทพฯด้วยกันเมื่อ 19 ปีก่อน
นัดนี้เป็นนัดใหญ่ครั้งที่ 2 ตั้งแต่เรียนจบมา
รวบรวมกันได้ 30 ชีวิต เยอะที่สุด มากกว่าครั้งไหนๆ

บางคน มาในปีแล้ว บางคนไม่เคยมา
เดินเข้ามาแต่ละคน ต้องขานชื่อตนเองดังๆ
ไม่งั๊นเพื่อนๆที่นั่งอยู่ก่อนจะทำหน้า งงๆ
ว่าหมอนี่เป็นใคร แต่ละคนหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปมาก

ไม่เพียงหน้าตาเท่านั้น ชีวิตของทุกๆคนก็เปลี่ยนแปลง
พลิกผันไปมากมาย ชนิดที่ว่า ถ้าเอาพวกเราตอนที่ยัง
เรียนอยู่นั้นนั่งไทม์แมชชีนของโดเรมอนมานั่งฟัง
แต่ละคนอัพเดตชีวิตตนเองให้เพื่อนๆฟัง
อาจจะไม่ยอมเชื่อชีวิตตนเองที่เล่าจากปากตนเองก็เป็นได้

พวกเราจำนวนหน่งซึ่งมากเลยทีเดียว
ไม่ได้ทำงานตามสายอาชีพ(อิเลกทรอนิกส์)
ที่จบมากันเลย หันไปทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยความรู้
ความสามารถด้านอื่นๆกัน นับว่ารัฐสูญเสียเงินทอง
ไปกับการอุดหนุนการศึกษาด้านนี้ไปแบบเสียปล่าวไม่น้อย

บางคนไปทำรับเหมา-ก่อสร้าง บ้างไปทำงานเพลง
บ้างไปทำไร่ทำสวน เปิดร้านขายกาแฟ ขายเครื่องไฟฟ้า
ซึ่งบางคนไกลจากสายอาชีพที่เรียนเสียจน เพื่อนๆต้อง
ถามว่าไปอย่างนั้นได้ไง

ด้านอาชีพก็แปลก ด้านครอบครัวก็สารพัดรูปแบบ
อายุ 40กันแล้วทั้งนั้น หลายๆคนยังโสดอยู่เลย
บางคนโสดแบบตั้งใจ บางคนบอกว่าทำไงๆก็หาไม่ได้
บางคนก็เพิ่งโสด แต่มีเรือพ่วงแล้วคนละลำสองลำ

หนำซ้ำบางคนโสดไปแล้วทีนึงกลับมาไม่โสดอีกแล้ว
ก็หลากหลายกันไป ต่างมีจุดเปลี่ยนจุดพลิกผันกันไป

ตำแหน่งหน้าที่การงานก็เป็นไปตามอายุและความแก่พรรษา
ในที่ทำงาน ก็เป็นผู้บริหารกันเป็นส่วนใหญ่ ก็ถือว่ามากันได้ดี
พอสมควรตามอัตภาพของแต่ละคน แต่ถ้าทุกคนมีความสุขกันดีไหม
เรื่องนี้อาจจะตอบให้ถูกต้องครบถ้วนคงไม่ได้ เพราะแต่ละคน
ก็มีความพึงพอใจ ความพอที่แตกต่างกัน สุขทุกข์ที่ผ่านมา
ก็เป็นฐานในการใช้มุมมมองต่อชีวิตข้างหน้าของแต่ละคน
ให้ยิ่งแตกต่างกัน

แต่อย่างน้อยๆเมื่อคืน พวกเราทุกคนก็มีความสุขเหมือนกัน
สุขใจที่ได้ รื้อฟื้นความทรงจำที่เร้นหายเข้าไปในซอกหลืบ
ที่พร่าเลือนขึ้นเรื่อยๆ

สุขใจที่อย่างน้อยๆเราก็ยังมีหมู่เพื่อนที่มีพื้นฐานที่หล่อหลอม
มาจากแหล่งเดียวกัน จะโตไปแบบไหน จะต่างออกไปอย่างไร
เราก็ยังมีหัวใจ มีเลือด EE สีม่วง เช่นเดียวกัน




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2550 8:29:34 น.
Counter : 323 Pageviews.  

1  2  

นายเจ๋ง
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add นายเจ๋ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.