เผื่อว่าจะน่าสนใจ
|
||||
ไม่อยากกลับไปเป็นเด็ก
ทุกครั้งที่เห็นคนบ่นว่า
โฮ่ยยยอยากกลับไปเป็นเด็กจังโว่ยยยยฉันต่อต้านในใจเสมอ จำได้ว่าตอนป.2มีครูประจำชั้นชื่อครูอุดม ครูที่ดูป้าๆหน้ามันๆเขรอะ เวลาพูดจะดูเหมือนปลากระโห้ถูกทุบหัวตลอดเวลา ที่หน้าห้องป.2/1จะมีม้านั่งหินอ่อนยาวตลอดทางเดิน คั่นกับถนนด้วยรั้วสีขาวปลายสามเหลี่ยมสูงไม่เกิน1เมตรยาวตลอดขนานกันไป ทุกๆวันจะมีเด็กปอสองปีนม้านั่งหินอ่อนเพื่อกระโดดข้ามรั้วสีขาวไป พร้อมกับหัวเราะเริงร่ากับเพื่อนๆที่กระโดดตามๆกันมา ด้วยเมื่อตอนนั้นยังคงเป็นเด็กสายตาสั้นสวมแว่นที่มีเลนส์สีม่วง ผู้ซึ่งยังมีความเหนียมอายต่อสิ่งต่างๆ จึงได้แต่เกิดความอิจฉาในเด็กเหล่านั้นและไม่กล้ากระโดดข้ามรั้วนั้นไป กลัวครูจับได้มั้ง ไม่กล้ากระโดดมั่ง เมื่อเวลาผ่านไป เด็กคนแล้วคนเล่ากระโดดไป ภาพเด็กป.2กระโดดข้ามรั้วก็ชัดเจนขึ้นมาทุกขณะ เสียงหัวเราะเด็กๆกึกก้องไปทั่ว ในเย็นวันหนึ่งขณะรอคนขับรถมารับ ฉันมีความกล้าเหนือความกลัวในที่สุด เงื้อมท่อนขาขึ้นไปบนม้านั่ง กางแขนออก หลับตา แล้ว กระโดด โอไม่น่าเชื่อ ความรู้สึกที่เพิ่งก้าวผ่านเส้นกั้นความกล้ากับความกลัวนั้นมา รางวัลมันเป็นเยี่ยงนี้เอง โอ .. ไม่เห็นจะมีอะไรเลยแค่กระโดดเอง- - ภูมิใจกับตัวเองได้ไม่ถึงหนึ่งลมตด ครูอุดมปีศาจร้ายก็โผล่หัวออกมาจากในห้องแล้วว แผดเสียงเรียกชื่อฉันเสียงดัง ฐานิตา!!! ครูอุดมนี่เองนี่ทำให้ฉันรู้สึกเกลียดชื่อตัวเอง เพราะฉันได้ยินมันชัดเจนเมื่อได้กระทำผิดบางอย่างในสายตาคน นางปีศาจร้ายรัวไม้บรรทัดใส่มือฉันจนมันหัก พร้อมทั้งด่าด้วยถ้อยคำและน้ำเสียงที่ดุดัน จำไม่ได้ว่าร้องไห้ออกไปรึปล่าว รู้แต่เจ็บใจถึงความไม่ยุติธรรมที่เด็กเป็นร้อยกระโดดข้างหน้านั่นไม่เห็นมีซักคนถูกทำโทษ บวกกับรู้สึกซวยที่ต้องมาโดนด่าอยู่คนเดียว บวกกับรู้สึกกลัวนางปีศาจนี่ ภาวนาให้ฝันร้ายจบลงโดยเร็ว และคิดว่าถ้าแม่ฉันอยู่ตรงนี้เขาจะกล้าว่าอะไรไหม คืนนั้นฉันนอนหลับลงไปด้วยความรู้สึกขมขื่นเป็นที่สุด พลางนึกดีใจว่าจบลงเสียทีนะ .. ที่ไหนได้ วันต่อมา ครูปีศาจพูดขึ้นมาขณะสอนเลขว่า "เอ๊ะนี่พวกเธอรู้รึปล่าว เมื่อวานมีเพื่อนในห้องเราคนนึงทำตัวเป็นฮีโร่คิดว่าตัวเองวิเศษ กระโดดข้ามรั้วข้างหน้านั่น พวกเธอลองนึกภาพเขากระโดดพลาดแล้วรั้วเสียบตรงกลางเข้าซิ" เด็กป.2แสนเลวที่ต่างก็เคยกระโดดกันกลับหัวเราะเสียงดังราวกับตัวเองไม่เคยทำอะไรเช่นนั้นมาก่อน พลางหันตัว6ทิศเพื่อถามคนข้างๆว่าใช่แกรึปล่าว ใครอ่ะ ใครอ่ะ และแล้วก็ได้ครูอุดมแสนอุบาทว์มาเฉลยข้อสงสัยกัน "ทุกคนหันไปหา ไก่ย่างฐานิตา!!!!" ไม่น่าเชื่อว่าพลังเสียงหัวเราะของเด็ก50คนจะทำให้ฉันรู้สึกตกต่ำ อยากวาร์ปไปที่ทุ่งดอกไม้ รู้สึกถึงความอับอายและแย่มากที่สุด ฉันมองหน้าครูอุดมด้วยความเคียดแค้น แล้วเขาก็พูดว่า "ทำมะ? หรือมันไม่จริง? นร.ดูสิเค้ามองหน้าครูอย่างกะครูเป็นคนผิด" ฉันเกลียดนางผู้หญิงคนนี้จริงๆที่มาประจานความผิดที่ไร้สาระโคตรๆของเด็กเล็กๆคนหนึ่งที่เหมือนผ้าขาว ไม่น่าเชื่อว่าเด็กทุเรศเหล่านั้นเรียกฉันว่าไก่ย่างฐานิตาและพร้อมจะเล่าตำนานไก่ย่างให้กับผู้ที่สนใจต่างๆ พูดแล้วเหมือนโม้ว่าเหตุการณ์นี้สร้างความรู้สึกแย่ในเวลาต่อมาเป็นปีๆ กว่าจะโตขึ้นแล้วเข้าใจมันได้ มันเป็นความอึดอัดของเด็กเล็กๆที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้จากคนที่มาสร้างความอับอายให้เรา เมื่อถูกเขาตีก็ต้องยอมแบมือให้ เมื่อถูกเขาด่าก็ต้องฟัง ถ้าให้ย้อนเวลากลับไปช่วงเด็กแบบนี้ฉันคนนึงล่ะขอบาย ตอนเป็นเด็กฉันค่อนข้างเป็นเด็กซวยๆที่โดนแกล้ง โดยหัวหน้าเด็กที่ชอบทำตัวเป็นนักเลง ทำให้กลายเป็นเด็กที่ไม่อยากไปรร.เป็นที่สุด นอกจากนี้การเป็นเด็กนั้น พูดอะไรไปร้อยทั้งร้อยมักไม่เชื่อแถมหัวเราะมาให้ แม่ใช้ให้โทรศัพท์หาใครมักจะโดนวางสายใส่เพราะนึกว่าโทรมาแกล้ง อีกทั้งฉี่รดที่นอนแล้วต้องตกใจตื่นอีก เรื่องดีๆก็มีแต่ว่าเรื่องแย่ๆเยอะกว่า ฮ่ะๆๆๆ ดังนั้นเลือกได้ฉันโตแบบนี้แหละดีแล้ว ปกป้องชีวิตและการตัดสินใจเรื่องของตัวเองได้ในระดับนึง ไม่ต้องฟังใครมาพูดๆๆแล้วต้องเชื่ออีกต่อไป บ้าหรือปล่าว ห้ามซอยผม ห้ามกินขนมในห้องเรียน ห้ามใส่ถุงเท้าเดินในโรงอาหาร ห้ามเดินกิน ห้ามเถียงครู ห้ามใส่กระโปรงสั้นเหนือเข่า ห้ามถือถุงกระดาษมารร. ต้องติดกิ๊บ ต้องไหว้ครูทุกคน ต้องแต่งกายให้ถูกระเบียบ โอ้ ไม่น่าเชื่อว่าการทำตามกฎระเบียบเหล่านี้จะสร้างให้เด็กเป็นคนดีของสังคมได้ ช่างเป็นกฎที่จรรโลงและยกระดับจิตใจเด็กๆให้สูงขึ้นเทียมฟ้าเลยทีเดียว ทำไมถึงไม่ปลูกฝังให้เห็นข้อดีของการทำสิ่งเหล่านั้นล่ะ ทำไมไม่บอกเหตุผลที่ต้องห้ามล่ะ พูดแค่ว่านร.ต้องทำตามกฎ อืมมมม สิ่งที่เกลียดสุดๆในระบบโรงเรียนหญิงล้วนนี้ก็คือ สิ่งที่ครูทำ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องที่ถูกต้อง ครูทุกท่านคือแม่พิมพ์ของชาติ ครูคือบุคคลสูงสุดในชีวิตรองจากพ่อแม่ อื้มม คืออยากจะบอกว่าครูคือคน มีทั้งครูดีและครูเลว เฉกเช่นเดียวกับคนดีและคนเลว อีกทั้งครูคือวิชาชีพหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีจรรยาบรรณเสมอไป เรื่องไม่สวยงามตรงที่ว่าฉันดันไปเจอครูเลวเข้า และเขาทำให้ฉันพบจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ นั่นคือการโดนทัณฑ์บน ครูสตรอว์เบอรรี่ การพูดจาตลบแตลงของครูผู้ใหญ่ การเข้าข้างฝ่ายครูด้วยกันเองโดยไม่มองเหตุผลเด็ก ความเชื่อที่ว่าครูมีเรื่องกับนร.แล้วนร.ผิดทั้งหมด การนำอารมณ์มาลงกับเด็ก(ผู้ใหญ่เลว เห็นว่าเด็กด่ากลับไม่ได้) แต่ในเรื่องร้ายมีเรื่องดีอยู่ : DDDD นั่นคือหลังจากฉันหลุดออกมาจากรร.นี้ได้ และชีวิตฉันหลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก โปรดติดตามตอนต่อไป คนแบบนี้แปลก
คนเรานี่ก็แปลก ชอบมองว่าคนนู้นแปลก คนนี้แปลก
การเอาตัวเองเป็นมาตรฐานแล้วตัดสินคนอื่นมันถูกต้องแล้วหรือ? คนแปลกๆสิเจ๋ง อย่างน้อยเค้าก็ไม่แคร์คนที่เค้าไม่อยากแคร์ในระดับหนึ่ง คนบางคนพยายามทำทุกอย่างในชีวิตให้ดูปกติ ใครเค้าทำอะไรก็ทำตาม เพื่อให้รู้สึกถึงการยอมรับ และความเป็นคน "ปกติ" ใครว่าอะไรดีอะไรเจ๋งก็แห่ไปตามเขา จนบางคนเรียกสไตล์ของตัวเองว่าง่ายๆ ยังไงก็ได้ และคนอื่นที่เป็นส่วนน้อย พวกนี้"แปลก"เสมอ อย่างไรก็ตาม การที่จะแปลกได้คือคุณต้องอยู่ในสังคมที่ถูกต้อง สังคมที่คุณเป็นส่วนน้อยในนั้น คือสมมติว่าคุณเป็นคนที่เนิ้ดๆตั้งใจเรียนขนาดแรง ดันไปอยู่คณะศิลปกรรมศาสตร์ คุณก็จะเป็นคนแปลกในคณะนั้น และอาจถูกแกล้งได้ เราเป็นเด็กคนหนึ่งที่พอบอกว่าอยากเรียนหมอแล้วทุกคนจะทำหน้า...แบบว่าแหยะๆ(รักษามารยาทไว้แค่นิดเดียว) แล้วพูดว่า มึงเนี่ยนะ แล้วเราก็พบความจริงว่าหน้าของคนเหล่านั้นประหลาดขึ้นได้อีกหลังได้ยินว่าเราสอบติดหมอรามา แล้วเราก็พบความจริงอีกข้อหนึ่งว่า เราเป็นเด็กศิลป์เต็มตัวที่สะเออะชอบเรียนวิทยาศาสตร์อย่างสุดๆ เราเฮฮาตั้งแต่ม.ต้น ขอเน้นว่าเฮฮา มาก! จนได้เกรดเฉลี่ยไม่ถึง3บวกกับความประพฤติที่พ่อแม่ปวดหัว จนถูกเชิญออกไปไกลๆรร. แล้วชีวิตก็ผันผวนมาบรรจบที่รั้วรร.เตรียมอุดมศึกษา สถาบันที่หล่อหลอมทุกอย่างให้กับเรา ที่นี่เองที่เราเป็นเด็กวิทย์บอที่ซอยผมกระโปรงสั้นวิ่งโร่ทำกิจกรรมไม่หยุดหย่อน ที่นี่เองที่เราได้เจอครูที่เป็นครูแท้ๆของจริง และที่นี่เป็นโรงเรียนแห่งเดียวที่อยากจะเรียนไปตลอดจริงๆ หลายคนที่ได้ยินว่าเรียนหมอ ก็จะวาดฝันว่าเราต้องมีชีวิตที่โรยด้วยกลีบอะไรซักอย่าง ตั้งใจเรียนหนังสือจนหาสาระได้แม้แต่ในขี้มูก พ่อแม่ไปเฝ้าหน้ารร.กวดวิชาทุกวัน ได้เกรดเฉลี่ย3.99 ประพฤติตัวในกรอบเยาวชนไทยที่แสนงาม เรียนหนังสืออย่างเดียวจนกลายเป็นเด็กเรียนเห็นแก่ตัว งกความรู้ อะไรอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วช่างตรงข้ามซะเลื้อเกิ๊นนนน นิยามที่เพื่อนที่เห็นๆกันมาก็คือ ตอนอยู่ซย.นะไม่เคยมีจุดเล็กๆของความคิดเลยว่าจะเจอแกที่เตรียม แล้วตอนอยู่เตรียมนะก็ไม่เค้ยไม่เคยจะนึกว่าจะเจอแกที่รามา ก็แค่นี้แหละ คนแปลกๆคนนี้ เราเป็นส่วนน้อย และเราเป็นคนแปลก ที่นี่ เรามั่นใจว่าแค่ที่นี่แหละ ทำได้แค่รักษาความเป็นตัวของตัวเองให้ได้มากที่สุด
|
stethoscope
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Group Blog All Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |