Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
ตอนที่ 3 ลาก่อนเกศา สวัสดีขาวสามด้าน

เช้าตรู่ของวันที่ 16 ผมนอนไม่ค่อยหลับ ตื่นทุกชั่วโมงเลยมั้ง พลิกตัวไปมาตลอดเพราะเสียงยุง ยุงดุมากๆ พอใกล้ๆตีห้า ผมก็รู้สึกตัวอีกที เพราะว่าเสียงผู้ช่วยครูที่นอนตรงข้ามผมคุยเสียงดังมาก บวกกันเสียงเค้าเป็นคนเสียงแหบๆแป๋นๆบอกไม่ถูก คิดในใจว่ารำคาญมาก คนจะนอน พอจะตีห้า ครูก็เป่านกหวีด ปี๊ดดดดด แล้วบอกว่า “ไอแว่น เปิดไฟเร็ว!!!” ผมก็รีบเด้ง ใส่แว่น ถลกมุ้ง แล้วสับสวิทย์ไฟเปิดไฟของโรงนอน ทุกคนก็วุ่นวาย แต่ไม่มาก เพราะว่าเรายังไม่มีระเบียบการเป็นทหารกันเท่าไรนัก ปลดมุ้งกันยังช้ามาก อะไรก็เก้ๆกังๆ จากนั้นก็ให้เราเปลี่ยนชุด แล้วไล่ให้ไปรวมที่สนามหญ้าข้างๆโรงนอน ตอนกลางคืนมันดูน่ากลัวมาก แต่พอสว่าง....มันก็ยังดูรกๆอยู่

พวกเราต้องรีบวิ่งไปรวมแถว และจัดแถวตามคำสั่ง เวลาเราย่ำลงไปที่สนาม ก็จะมีแมลงต่างๆ โดยเฉพาะตั๊กแตนโดดเด้งออกมา น่าสยองนิดๆ หญ้าขึ้นรกด้วย จากนั้นเขาก็ให้เราทำกายบริหารเล็กๆน้อยๆพร้อมมีการสอนโดยครูฝึกที่ออกมาทำตัวอย่างให้ดูหน้าแถว ทุกคนสลึมสลือ ไม่อยู่ในสภาพพร้อมออกกำลังกายมาก แต่ก็ทำๆไปตามคำสั่ง ไม่อยากซวย

จากนั้นเราก็ได้กินข้าวซะทีหลังจากที่ผมไม่ได้กินข้าวหลังจากมื้อเช้าของเมื่อวาน อาหารมื้อแรกของการเป็นทหารคือ “แกงจืดผักดอง” ราดข้าวมาในปริมาณเยอะซะ....ไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ แต่โชคดีที่ผมชอบกินแกงจืดผักดองอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยอะไรมาก หลายๆคนไม่ชอบเอาซะเลย ผมกินจนหมด หลังจากนั้นเราก็เอาถาดไปล้าง.....

คามความเข้าใจของเราคือ ล้างจานเพื่อให้สะอาดสำหรับใช้ในรอบต่อไป ซึ่งเวลาล้างต้องใช้น้ำยาล้างจานถูที่จาน และล้างด้วยน้ำเปล่า ถูกไหมครับ? แต่พวกเราต้องเอาถาดไปล้างกับน้ำเปล่าที่อ่างล้างหน้า และ”ห้ามล้างนาน” เพราะจะมีครูฝึกเร่งตลอดเนื่องจากคนเยอะ ผมก็ต้องพยายามล้างให้สะอาดที่สุด แต่ก็ยังมันอยู่ เฮ้อออออออ สรุป การล้างจาจองทหารคือ การเอาน้ำล้างเพื่อให้เม็ดข้าวและเศษอาหารหลุดออกไปแต่ยังคงความมันเอาไว้ กลัวผิวถาดอาหารแห้งหรือไง เลยให้ความชุ่มชื้นมัน เพลียยย

หลังทานข้าว เราก็ไปนั่งรอ รวมทำประวัติ จะบอกว่า ช่วงเวลาสองสามวันแรก เป็นงานธุรการทั้งสิ้น ยังไม่มีการฝึกอะไรเลยพวกเราก็กรอกประวัติของเรา ถามละเอียดเลย ชื่อ นามสกุล ของเรา พ่อแม่ พี่น้อง แฟน ที่ทำงาน อาชีพ โรค ความสามารถ การศึกษา ศาสนา ความสามารถพิเศษ รวมไปถึงหน้าตาของพวกเรา ว่ามีลักษณะเด่นอะไรที่สังเกตุเห็นได้ชัด เลยคิดว่าเค้าจะเก็บข้อมูลเอาไว้เผื่อเราหนี เราก็กรอกๆกันไป นอกเหนือจากการทำประวัติก็คือ “การตัดผม”

ซึ่งกินเวลาหลายวันเลยกว่าจะครบทุกคน สงสัยไหมว่าตัดอย่างไร คุณคงคิดว่า เราจะได้เข้าไปตัดกันในห้องตัดผม มีเก้าอี้นิ่มๆเหมือนในร้านบาเบอร์ มีช่างตัดผมตัดให้เราอย่างปราณีต คุณคิดผิดอย่างแรง สิ่งที่เราเผชิญคือ .....

ห้องตัดผม= ศาลานั่งเล่นทำจากไม้เก่าๆ

เก้าอี้ตัดผมนิ่มๆ = ลังน้ำส้มกรีนสปอตวางทับๆกัน

ช่างตัดผม = จ่า และครูฝึก และมีผู้ช่วยอีกคนคือ พลทหาร

หลักการเป็นงี้ครับ เนื่องจากคนมีมาก และการตัดผมใช้เวลา เลยจำเป็นต้องรอคิว และ...มีตำแหน่งใหม่ซึ่งก็คือไอพลทหารคนนั้นแหละครับ มันทำอะไร? หน้าที่ของมันคือ เอากรรไกรที่เราใช้ตัดกระดาษด้ามสีส้ม มาตัดผมพวกเราให้สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วจึงกลับไปนั่งรอให้จ่ากับครูฝึกใช้แบตตาเลี่ยนไถต่อไป แต่เหตุการณ์เลวร้ายไม่ได้มีแค่นั้น อย่างที่ผมบอก งานธุรการมีมาก ซึ่งจะมีการเรียกรวมกันหลายรอบมาก คนที่ต่อแถวอยู่ก็จะเซงๆ แต่คนที่เซงกว่าคือ.......พวกที่โดนกรรไกรหั่นผมไปแล้วนั่นเอง!! ทำไมหรอ? เพราะว่ามันไม่ได้เป็นทรงสวยงามเกาหลีอย่างที่คุณคิด มันออกมาเป็นชั้นๆ แหว่งๆ เหมือนหมาขี้เรื้อน และ.....บางคนกำลังไถอยู่ เรียกรรม ก็ต้องมาทั้งแบบนั้น จะยกตัวอย่างให้ฟังนะครับ

เพื่อนผมคนหนึ่ง ผมตอนแรกยาวมาเลย แต่กรรมของมันคือ โดนแกล้ง โดยการไถผมออกหมด แต่ปล่อยผมด้านข้างไว้สองข้างให้ยาวๆ นึกไม่ออกมีภาพให้ดูเป็น reference

ผมเห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะทรงผมนี้ เลยเป็นฉายาที่ทุกคนรวมทั้งผมเองเรียกมันว่า “ไอหูหนู” ไอหูหนูต้องอยู่ในสภาพนั้นสองสามวันแหนะ น่าสงสารมันมากกว่าจะเป็นคนปกติกับคนอื่นเค้าได้

นอกเหนือจากไอหูหนูก็มีหลายคนที่ต้องมาใช้ชีวิตสองสามวันกับทรงยึกยักซิกแซกเหมือนคนบ้า

ทีนี้ก็ถึงตาผมบ้าง ผมก็ไปให้ไอพลทหารมือกรรไกรตัดผมของผม ฉับบบบบ รู้สึกถึงความฝืดของกรรไกรที่พยายามตัดผมเส้นใหญ่ของผม มองดูกระจุกผมของผมร่วงลงไป น่าสลดนัก การตัดผมแบบนี้ไม่ได้สนุกอย่างที่คิดนะครับ เพราะว่ากรรไกรมันกินผม มันจะดึกๆผมด้วย ผมก็ได้แต่ทน ทำไปจนหมดหัวก็ไปนั่งรอช่างตัด

พอถึงตาผมไถ ก็ไปเจอจ่า (มารู้ทีหลังว่าชื่อจ่าเด็จ) แกดูโปรมาก คือ ตัดแบบแทบไม่พัก แต่.....จ่าเด็จ เด็จสมชื่อจริงๆ มือหนักมาก จับหัวผมหมับจับก้มปึ๊ก เอาแบตตาเลี่ยนไถ เร็วและแรงมาก หนังหัวหลุดมาด้วยป่าวไม่รู้ ก็ทนไปผมก็ทำหน้าหวาดเสียวและเจ็บเป็นธรรมชาติ จ่าแกพูดว่า “มรึงอย่าทำหน้าเจ็บสิ ถ้าคิดว่าเจ็บ มันก็จะเจ็บ” เออก็เจ็บจริงอ่ะ ไถไปเรื่อยๆ มีครั้งนึง แบตตาเลี่ยนไถไปป๊าบ แต่ผมไม่ขาด ปลั๊กหลุด ผมของผมก็ตามแบตตาเลี่ยนไปสิค๊าบพี่น้อง เจ็บมาก ตาเหลือกเลย จ่าได้แต่หัวเราะแหะๆและเติมน้ำยาแบตตาเลี่ยน เฮ้ออออ

ตัดเสร็จ มองเงาตัวเองที่พื้น หัวกลมเกรียนมาก แต่ไม่ได้มีโอกาสเห็นตัวเองหรอกเพราะไม่มีกระจกเลย ได้แต่ล้างผมคร่าวๆ ใส่เสื้อแล้วไปรวมต่อ บอกลาทรงผมแฟชั่น และกล่าวสวัสดีกับทรง “ขาวสามด้าน” ชีวิตทหารเริ่มย้อมตัวเราขึ้นมาเรื่อยๆ..........บ๊ายบายผมของฉัน




Create Date : 01 มิถุนายน 2555
Last Update : 18 กันยายน 2555 16:43:12 น.
Counter : 1166 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

can you bring high fashion
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]