Group Blog
All Blog
|
การขึ้นสะพานลอยกับการลงทุน
ประมาณ 5 วันก่อนตอนผมขึ้นสะพานลอย ผมได้แนวคิดมา คิดว่าน่าจะมาเขียนลงในนี้ได้ครับ
การขึ้นสะพานลอยกับการลงทุน - มีบ้างไหมครับที่เวลาเราขึ้นสะพานลอยด้วยอัตราเร่งปกติ แต่ก็จะมีคนที่เค้ารีบ ทั้งรีบจริง และ..ในใจผมคิดว่า เค้ารีบร้อนไปครับ - บางครั้งเห็น รถเมลล์ที่ฝั่งตรงข้าม กำลังจะไปแล้ว จะวิ่ง/ กระโดดไป(ถ้าทำได้) ก็อาจจะทันขึ้นรถคันนั้น แต่ก็นึกว่าทำอย่างไรก็ไม่ทันแล้ว ยอมตกรถน่าจะปลอดภัยกว่า - บางทีบนสะพานลอยเราจะพบกับคนที่มาขอทาน หรือคนเมาโวยวาย มีหลายอย่างที่ทำให้เราไข้วเขวบ้าง จนลืมไปว่าเราอยากเดินไปที่ไหน อยากทำอะไร ...ผมนึกถึง Mr.Market ครับ - สะพานลอยหลายอันมีป้ายแปะเต็มไปหมด บางทีก็มีคนบอกว่า อย่าขึ้นไปเลย มันมีคนไม่ดีอยู่ด้านบน สะพานลอยนี้มันดูไม่มั่นคงเดี๋ยวสะพานหักนะ(เคยเจอจริงๆที่ต่างจังหวัดครับ) หรือในทางตรงข้าม สะพานลอยนี้มั่นคง มีกล่องสีแดงให้ตำรวจท้องที่มาตรวจออกบ่อยๆ ไม่มีอะไรน่าวิตกกังวล แต่บางครั้งก็เจอเรื่องร้ายๆได้...มันเหมือนกับหุ้นบางตัวไหมครับ บางทีมันมีข่าวดี และบางทีมันมีข่าวร้าย แล้วการลงทุนของเราจะทำอย่างไร ตัวท่านเองน่าจะให้คำตอบกับตนเองได้ดีที่สุดครับ มีความสุขกับการลงทุนนะครับ VI - VS - VSOP กะน้ำใจ และ...
นำข้อคิดเห็นของผมจาก //www.templeboxing.com กระทู้ คุณ bezos มาpost ไว้ครับ
คนเราคิดต่างกันได้ และเราสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขครับ เห็นด้วยกับพี่ be นะครับ เหมือนกับที่เค้าทะเลาะกันบ่อยๆ ว่า VI จริงๆนั้น ไม่ดู กราฟ ไม่ดู fund flow ไม่เก็บเงินสดไว้เผื่อตลาดมันลง จริงๆแล้ว VI ที่แท้จริงคืออะไรครับ VI = Value Invester ดังนั้น คนที่ซื้อเมื่อมัน under value และเก็บไว้จนกว่า มัน Over value แล้ว ในความเห็นผม ผมว่า เค้าก็คือ VI นะครับ อย่างที่เฮียคลายเครียดเขียนไว้ว่า มูลค่าที่แท้จริง จะถูกกระทบด้วยอารมณ์ของคนในตลาด แล้วแสดงออกมาเป็นมูลค่าหุ้น ซึ่งมูลค่าหุ้นดังกล่าวนั้น แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน ...ถ้าไม่งั้นคงมีแต่คนขายอย่างเดียว หรือซื้ออย่างเดียว คนเราคิดต่างกันได้ครับ มีน้องบางคนเขียนไว้ว่าเค้าไม่ใช่ VI เท่าไหร่ บางคนน้อยใจในความคิดของตนเอง แต่จริงๆแล้ว Waren Buffett เองก็ไม่ได้เรียกตัวเองว่าเป็น VI นะครับ คนอื่นเรียกเค้าแบบนั้น ผมว่าข้อคิดแต่ละอันที่เค้าให้ไว้เ ราต้องตีความไปด้วยครับ ยกตัวอย่างเช่น ไม่ควรเฝ้าหน้าจอ ...อันนี้เพราะว่า การเฝ้าหน้าจอจะทำให้ เราใช้อารมณ์ มากกว่าสติ และปัญญาครับ แต่ก็ไม่ถูกนักสำหรับบางคนเช่นกัน บางคนรู้เท่าทันตนเอง และตลาด ก็สามารถทำกำไรจาก Mr.Market ได้เช่นกัน สังคมไทยทุกวันนี้ ก็มีคนคิดต่างกัน ในอเมริกา ก็มีคนคิดต่างกัน(มีพรรคใหญ่ 2 พรรค) ในประเทศที่นับถือคริสต์ ก็คิดต่างกัน แล้วเค้าอยู่ร่วมกันได้อย่างไรครับ จริงๆแล้วคนที่คิดไม่เหมือนเรา ก็คือคนร่วมโลกเรา ไม่มีใครจะคิดเหมือนกันไปหมด แต่ถ้าหันหน้าคุยกัน รับฟังกัน แล้วจะได้องค์ความรู้กลับมาครับ ปล.ลงทุนอย่างมีสติ และมีความสุขครับผม ผมเองพอบอกไปว่า ผมก็ดู fund flow ผมก็ดูว่าจริงๆตอนนี้มันเป็นไง ก็โดนเค้าว่าเหมือนกันครับ เค้าว่า VI จริงๆไม่ดูหรอก fund flow น่ะฯลฯ วันศุกร์ ผมว่าจะเขียนกระทู้เรื่อง VI ในความคิดของผมตั้งหลายหัวข้อ อยากนำข้อคิดของ buffett มาอธิบาย เพราะผมเห็นคนที่เค้าเรียกตัวเองว่า VI แต่เค้าก็ VS กับ EPS ที่จะเกิดขึ้น จริงๆกระทู้ VS - VI ก็มีเขียนไว้ใน //www.thaivi.com ครับ แล้วผมก็สรุปเองว่า จริงๆไม่ต้องนิยามอะไรมากครับ ถ้าใครสนใจ[color=green][b] VI - VS - S[/b][/color] ในหนังสือ ดร.นิเวศน์ "รวยด้วยหุ้น" หน้า 18 มีกล่าวถึง VS ไว้ครับ จริงๆแล้ว ผมชอบ VSOP ที่สุดเลยนะครับรักกันไว้เถิดนะครับ ยังไงก็ลงทุนเช่นเดียวกัน ช่วงนี้ฝนตก รักษาสุขภาพด้วยนะครับผม ^.^ vs :(
เนื่องจากตลาดตอนนี้ผันผวน
แต่ทุกครั้งที่เราได้เรียนรู้ นั่นคือ ...มีสติ และควบคุมการลงทุนของตนเอง โดยอย่างติดกับทางความคิดครับ อย่าเล่นหุ้นปั่น เพราะเราไม่ใช่เจ้ามือ ...คิดแบบนี้ปลอดภัยแน่นอนกว่าครับ มีภาพหนึ่ง ได้จากน้อง Three dot@ temple. ครับ เราใช้ประโยชน์หลายๆอย่างจาก Mr.Market ได้ครับ -ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจลงทุน - การหลบมาป้องกันตัว - การตีแตก และอื่นๆ หุ้นมีความผันผวน นั่นคือ ถ้าลง บางทีก็มากเกิน ถ้าขึ้น บางทีก็มากเกิน ปีก่อนผมก็ลงทุนตอน supprime ครับ แต่อย่าลืมคติของ ดร.นิเวศน์ นะครับ "คนตายไม่ได้พูด" ลงทุนโดยใช้สติ และปัญญาครับ ฟองสบู่อเมริกาแตก แต่เราก็ได้เรียนรู้นะครับ *** ผมแนะนำ คัมภีร์หุ้น XS ครับ เทพโคตรๆ *** มาประมวลหลักการลงทุนของผม ณ วันนี้ครับ (5 กค.51)
ตั้งแต่เดือน มิย. - ต้น กค.51 นี้ เป็นช่วงที่เราเรียกได้ว่า ตลาดหมี เนื่องจากช่วงนี้ ดัชนี(set index) ได้ลดลงมา อีกทั้งมีปัญหาเงินเฟ้อ ราคาน้ำมันขึ้น ฯลฯ
แล้วการลงทุนของผมเอง จะทำอย่างไรกันดี จากการศึกษาการลงทุนมาสักพักหนึ่ง ทำให้ผมได้ทราบอะไรหลายๆอย่าง และผมเองพยายาม integrate ให้เข้ามาผสมผสานกับการลงทุนของผมครับ(จะพยายามทำตามหลักการนี้นะครับ) * คุณเคยอ่าน One Up On Wall Street ของ Peter Lynch ไหมครับ เค้าแยกหุ้นเป็นประเภทต่างๆ แล้วก็ทำการซื้อ - ขายตามหลักการที่เค้าเขียนไว้ในหนังสือ * Peter เคยบอกว่า ในภาวะเงินฝืด หุ้นก็จะตก ภาวะเงินเฟ้อ หุ้นก็จะตกเหมือนกัน เช่นเดียวกับ ราคาน้ำมัน - น้ำมันขึ้น หุ้นก็ตก - น้ำมันลง หุ้นก็ตก แล้วจริงๆมันเป็นอย่างไรกันครับ บางทีเหตุผลก็ไม่มีหรอกครับ เพราะราคาหุ้น มันขึ้นกับพื้นฐาน + อารมณ์ของนักลงทุน (เหมือนที่เราเรียกเค้าว่า Mr.Market น่ะครับ) ดังนั้น จะทำอย่างไรกับการเก็งกำไร/การคาดเดานี้ครับ ในหนังสือ value way ของพี่มน และพี่วิบูลย์ (หน้า95-98) มีบทที่พูดถึงการเก็งกำไรไว้ดังนี้ครับ - ราคาหุ้นจะขึ้นหรือลง ขึ้นอยู่กับ ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดในอนาคตจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ - หากเราหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรไม่ได้เราก็ควรจะอยู่ร่วมกับมันอย่างมีสติ และไม่เข้าไปร่วมวงกับเขาด้วย เพียงแต่รอรับผลแห่งการเก็งกำไรของผู้อื่นจะดีกว่า การที่เราจะอยู่ร่วมกับมันได้ เราควรจะรู้เท่าทันมัน และพยายามหาความรู้ และใช้ความรู้ทำความเข้าใจในธุรกิจต่างๆ และเฝ้าติดตามการดำเนินการของกิจการนั้นๆไปพร้อมๆกับการเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของราคา(ใช้ Mr.market ให้เป็นประโยชน์) แต่ต้องไม่ลืมคตินี้ครับ (อ้างอิงจาก value way หน้า 26 ครับ) "เลิกเฝ้าดูราคาหุ้น" การที่เรายังเกาะติดสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นรายวัน(บางคนเป็นรายนาที) มีส่วนทำให้เราตัดสินใจตามอารมณ์ของตลาดในระยะสั้นไปบ้างไม่มากก็น้อย * ถ้าคุณเป็นนักเก็งกำไร คุณจะทำการพยากรณ์ราคาของสินทรัพย์ โดยไม่สนใจว่าธุรกิจจะดีหรือไม่ * ลองอ่านหลักการลงทุน 10 ข้อ ของ "สุมาอี้" ในหนังสือ วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง ดูนะครับ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมมีความสุขกับการลงทุนมากๆเพราะผมได้เรียนรู้มากมาย และเราสามารถนำสิ่งที่เราได้เรียนรู้มาประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นๆในชีวิตประจำวันได้ครับ ถ้าใครสนใจศึกษา พระพุทธศาสนา เราสามารถนำสิ่งที่ได้ศึกษามาประยุกต์ใช้ในการลงทุนเช่นกันครับ มีความสุขกับการลงทุนครับผม ได้ข้อคิดดีๆในการลงทุนมาเยอะเลยครับ ^^
วันนี้ set + แรงเกือบ 26 จุด
ทั้งๆที่บางช่วง ลบไป 4 จุดได้มั้งครับ ผมว่า มันเกิดจากความกลัว - ความโลภ ที่นำให้ราคาหุ้นเปลี่ยนไปแบบนั้น รู้สึกว่า นับวันหลักของ VI (+VSOP ^^)จะเหมาะกับการลงทุนของผมเข้าไปทุกทีครับ ยกตัวอย่างเช่น - ซื้อหุ้นในราคาที่มี margin of safety พอควร &ถ้าจะซื้อหุ้น ลองค่อยๆ ซื้อทีละหน่อย แล้วดูว่าหลังซื้อแล้ว มันเป็นอย่างไร ...เดิมเคยซื้อทีเดียวเลยครับ จริงๆถ้ามีเวลาค่อยๆหย่อน (โยนหินถามทาง) จะดีกว่า และอย่าเผลอขายแบบไม่มี margin of safety นะครับ (ขายสุดยอดหมู) แต่จริงๆไม่มีใครเดาตลาดได้ ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการขายช่วงตลาด panic sale จะดีที่สุดครับ(ไม่งั้นหุ้นเราจะถูก sale ไปด้วยครับ)- - มองในมุมกว้าง มองภาพใหญ่ น่าจะดีกว่า ดูเป็นรายวัน ถ้าเราไม่เก่งพอจะ day trade นะครับ (day trader เองเค้าก็ไม่ได้ trade ทุกวันครับ) ... นำเวลาที่ว่าง ไปทำอะไรที่มีประโยชน์ดีกว่าครับ - ผมไม่ค่อยชอบยุ่งกับช่วงที่คนเค้าชุลมุน ผมว่า เรารอได้นะครับ อย่างวันนี้ ถ้าใครทราบอนาคตได้หมด มันผันผวนพอควรเลยทีเดียว ทั้งๆที่กิจการจริงๆไม่ได้ผันผวนขนาดนั้น ...วันนี้ต่างชาติขายเกือบ 2,500 ล้านบาท ไม่รู้เค้าขายหมู หรือ เค้าตกรถนะ เดี๋ยวคงรู้กันครับ(แต่จริงๆ VI ที่ดีก็ควรมองที่บริษัทเป็นหลักครับ) มีความสุขกับการลงทุนนะครับผม |
noooon010
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?] สวัสดีครับผม ^^ slumdog millioanaire สุดยอดจริงๆครับ คนทุกคน มีค่าเท่าๆกัน คนที่ดูถูกคนอื่นเท่านั้น ที่เป็นการดูถูกตัวของคุณเอง มาสร้างสิ่งดีๆให้โลกนี้กันดีกว่าครับ Friends Blog
Link
|