ฝันได้แต่ต้อง re- evaluate ครับ

มีเด็กคนหนึ่ง
ที่บ้านปลูกข้าวได้ผลผลิตดีมากๆ

แต่ได้ข่าวว่า เพื่อนที่รู้จักเมื่อ 2 ปีก่อน
ที่บ้านย้ายถิ่นฐานไปทำงานในเมือง
ทำงานเกี่ยวกับโรงงาน "รายได้ดี และมี ประกันสังคมคุ้มครองด้วยนะ"

สุดท้าย เค้าบอกคุณพ่อ คุณแม่ แล้วบอกว่า เลิกทำนาดีกว่า ย้ายไปทำงานในเมือง น่าจะ work

ไปๆมาๆหลังจากคุณพ่อคุณแม่ขายที่นา และย้ายเข้าเมือง

... ก็ประสบกับความล้มเหลว เนื่องจากทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ก่อนหน้านี้


คนเราฝันได้
แต่ต้องมีทางเลือกให้เดินเมื่อฝันนั้นมันผิดไปจากที่เราคิด

อย่าเก็บฝันไว้ในลิ้นชัก แล้วก็ lock เอาไว้
หนำซ้ำยังลืมกุญแจไว้ที่ไหนสักแห่งอีกด้วย ^^

แต่ก็อย่าฝันเฉยๆ ต้องลงมือทำ แประเมินตนเองเสมอๆ

มีความสุขกับทุกๆวันนะครับผม

Create Date : 27 สิงหาคม 2552 Last Update : 27 สิงหาคม 2552 18:45:41 น. Counter : 313 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

มีสติ คุยกันอย่างมีเมตตา

แนะนำครับ
//video.mthai.com/player.php?id=6M1239440587M0

"ประชาธิปไตย คือการอยู่ร่วมกัน ในความเห็นที่ขัดแย้งกันได้ แต่เราต้องพูดคุยกันอย่างดีๆ และมีเมตตา"

รักในหลวง ห่วงลูกหลาน ช่วยกันต้านจราจลครับ

ส่วนหน้าที่รักษาบ้านเมือง ขอเป็นกำลังใจให้รั้วของชาติครับ
ใครจะยึดอธิปไตยของชาติ
ก็ทำตามหน้าที่เถิดครับ

เป็นกำลังใจให้คนทำดี และมีสติครับ


เมื่อเช้าเป็นแบบนี้ครับ

//https://www.youtube.com/watch?v=G1Ph-Fn_IFs&eurl=http%3A%2F%2Ftamanxzg.exteen.com%2F20090413%2Fentry-2&feature=player_embedded

แล้ว ใครเริ่มก่อนอ่ะ

ใครกวนเมือง

สาธุ ขอให้คนเลวๆโปรดถูก คิระ เขียนลงไปใน death note ทีเหอะ

Create Date : 13 เมษายน 2552 Last Update : 14 เมษายน 2552 1:11:41 น. Counter : 275 Pageviews.
Share Tweet

ข้อคิดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ

วันหยุดนี้ผมได้อ่านหนังสือ ของคุณ วินทร์ เลียววารินทร์ "รอยเท้าเล็กๆของตัวเราเอง"

เค้าพูดเกี่ยวกับ วันที่ 31 ธค. ซึ่ง ส่วนใหญ่ คนเรามักจะเขียนว่า ปีหน้านี้เราอยากทำอะไร เราอยากปรับปรุงอะไร

พอเวลาผ่านไป อีก 1 ปี .... จะสังเกตได้ว่า สิ่งที่เราอยากเขียน/ อยากทำ ยังเหมือนเดิม ^^

แปลว่า จริงๆเราอาจยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เราตั้งความหวังใหม่ project ใหม่ๆในช่วงเดือน มค. แล้วสุดท้ายก็เช่นเคย

วันนี้ผมมานั่งทบทวนสิ่งที่วางแผนไว้ว่าจะทำอะไรบ้าง ยังมีอะไรขาดตกบกพร่อง หรืออยากปรับปรุงบ้าง

...จริงๆเวลาที่เราได้มานั่งทบทวนตนเองนี่ก็ดีเหมือนกันนะครับ

พูดถึงเรื่องเวลา บางคนบอกว่า เวลาเหลือ แต่จริงๆเวลามีค่ามากๆ บางคนเลือกหาอะไร ฆ่าเวลา แต่หลายๆคนทราบว่า ค่าของเวลา มันมีค่ามากๆครับ

ใครสนใจ หนังสือ คุณวินทร์ ลองหาอ่านดูนะครับ ผมว่า หนังสือของเค้าสอนให้เรารู้จักชีวิต มากขึ้นครับ

Have a nice day(s) นะครับ ^^

Create Date : 30 มีนาคม 2552 Last Update : 30 มีนาคม 2552 21:53:05 น. Counter : 333 Pageviews.		0 comment
Share Tweet

ที่มาของคำว่า change

มีใครอ่าน column คุณ หนุ่มเมืองจันทร์ไหมครับ
ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันพฤหัสที่แล้ว(13 พย.51) ถึงพุธนี้
เค้าพูดถึงที่มาของคำว่า change ครับ

ไม่อยากเชื่อเลยว่า change ประกอบด้วย chan กะ GE ครับ


CHAN มาจาก จันทบุรี บ้านเรา
มาจาก โทมัส อัลวา เอดิสัน มาเจอ บุสราคัม แล้วเกิด idea มาผลิตเป็นหลอดไฟ ครับ

ส่วน GE มาจาก บริษัทของเค้า ที่ต่อมากลายเป็น GE
...บริษัทเดียวกับที่ลุง buffett ซื้อหุ้นแหละครับ

ผู้สนใจลองไปหาอ่านบทความของคุณ หนุ่มเมือง จันทร์ดูนะครับ ^^

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2551 Last Update : 20 พฤศจิกายน 2551 21:22:43 น. Counter : 354 Pageviews.		1 comment
Share Tweet

ความรีบร้อน กับ ความพอเพียง

วันนี้ได้ดูทีวี
(ปกติไม่ค่อยได้ดูเท่าไหร่ครับผม

)

มีโฆษณาเกี่ยวกับ สถาบันลดน้ำหนักแห่งหนึ่ง
idea เค้าดีเหมือนกันนะครับ เค้านำ ดาราที่เป็น นางเอก มาลดน้ำหนักและสัดส่วน แข่งกับ นางร้าย
(แต่ถ้าดูจากหน้าตาในมุมมองผม นางเอกหน้าตา ร้ายกว่านางร้ายอ่ะ)

...อ้าว นอกเรื่องอีกล่ะ ขอกลับเข้าเรื่องใหม่นะครับ

เค้าให้เวลา ลดสัดส่วนโดยไปทำ Threatment ที่สถาบันลดน้ำหนักเป็นเวลาประมาณ 12 สัปดาห์ แล้วมาดูผล โดยดูจากการ

-ชั่งน้ำหนัก เพื่อดูน้ำหนักโดยรวม
- วัดสัดส่วนแต่ละที่ ว่าลดได้กี่นิ้ว
เช่นที่ เอว สะโพก ต้นแขน อะไรทำนองนี้ครับ

ผลออกมา ก็บอกว่าลดได้พอๆกัน ก็เลยให้เสมอกัน
หลังจากนั้น 2 สาว ก็ออกมาเดินแบบ

อ่านถึงตรงนี้ได้ความคิดอะไรดีๆบ้างไหมครับ
(ความเห็นข้างล่างนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคล และไม่ได้โจมตีใครนะครับ แต่ผมนึกถึงหลักความพอเพียงขึ้นมาได้ครับ)

ผมเริ่มคิดถึงโฆษณานี้ ช่วงที่ผมกำลังวิ่ง และวันนี้ไม่เหนื่อยเลย สำหรับการวิ่ง 4 Km

อยากจะบอกว่า สุขภาพของคนเรา สำคัญกว่า การลดน้ำหนัก และลดสัดส่วนบางจุด

เข้าใจว่าสาวๆ (และหนุ่มๆ)คงไม่มีใครอยากอ้วน หรือมีสัดส่วนบางที่ที่มันไม่ถูกใจเจ้าของ

แต่ว่าถ้าสังเกตุดูจะรู้สึกว่า

"ระยะเวลาเพียง 12 สัปดาห์หรือประมาณเกือบ 3 เดือน สามารถลดน้ำหนัก และสัดส่วนที่เกินมาหลายจุดได้อย่างรวดเร็ว แล้วส่วนที่ลดไปนั้น อะไรเป็นส่วนที่ลดล่ะครับ"

จริงๆผมคิดว่า ไขมันส่วนที่ลดได้เร็ว น่าจะเป็นไขมันที่อยู่บริเวณผิวหนัง หรือที่เรียกว่า Subcutaneous Fat นะครับ ซึ่งไขมันชนิดนี้ สามารถลดได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ว่า ไขมันที่เป็นปัญหา อันจะทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน ฯลฯ มันเป็นไขมันที่ อยู่ในตัวเรา หรือที่เรียกว่า Visceral Fat

Visceral Fat นี้ จะเป็นไขมันที่จับกับอวัยวะภายในของเรา เช่น หัวใจ ตับ ไต ลำไส้ ฯลฯ ซึ่ง การจะลดไขมันส่วนนี้ทำได้ยาก และใช้เวลาพอสมควร

หรือถ้าอยากทราบว่า ไขมันในเลือด ของเราสูง/ต่ำ ส่วนใหญ่ เราก็จะไปเจาะเลือดตรวจไขมันกันใช่ไหมเอ่ย

ไขมันที่ตรวจกัน หรือที่เรียกว่า Lipid Profile ถ้าเราไป check สุขภาพกันตามปกติ มักจะตรวจแค่ ไขมันรวม (Total Cholesterol)ซึ่งเป็นไขมันที่มาจากของมันๆที่เราทานเข้าไปโดยตรง กับตรวจ ไตรกลีเซอร์ไรด์ (Triglyceride)

แต่จริงๆแล้วไขมันตัวร้ายที่เราอยากทราบตัวหนึ่งคือ คลอเรสเตอร์รอลที่มีจุดอิ่มตัวต่ำหรือที่เรียกว่า LDL(Low Density Cholesterol) และ ไขมันชนิดดี (HDL - High Density Cholesterol)

ซึ่งไขมันชนิดดี หรือที่เรียกว่า HDL นี้ ไม่ได้เพิ่มกันง่ายๆนะครับ

HDL จะเพิ่มได้ ต้องคุมอาหาร และออกกำลังกาย "อย่างพอดี" เป็นเวลานานสักพักหนึ่ง ขนาดมีบริษัทยาหลายแห่ง พยายามคิดยาที่จะเพิ่ม HDL แต่ก็เพิ่มได้ยาก หรือบางทีทานแล้ว ตับทำงานมากขึ้น เพราะต้องขับยาออกทางตับ

ทางที่ดีที่สุดก็คือการรักษาสุขภาพอย่างที่เขียนไว้ด้านบนแหละครับ

ตัวผมเองไม่แน่ใจว่า สถาบันลดน้ำหนัก ทำให้ไขมัน LDL ลดลง หรือHDL เพิ่มขึ้นหรือไม่ และการมาวัดกันแบบนี้ มันไม่ได้ตัดปัจจัยตัวกวนอื่นๆ เช่นวิธีชีวิตการกิน life style ฯลฯ แถมนางเอก ก็บอกว่า แค่มานอนเฉยๆ กลับไปหุ่นก็ดีขึ้น

.... ทำไมคนเราชอบอะไรที่รีบๆ ง่ายๆ(แต่ไม่ต้องพยายาม) กันนะ
เดี๋ยวนี้ความคิดแบบนี้พบเห็นได้บ่อยๆนะครับ

แต่จริงๆการรีบเร่งอะไรมากๆมันดีไหมเอ่ย

ยกตัวอย่างเช่น

-การรีบคบกัน รีบแต่งงานกัน
-การขับรถแบบเร่งรีบ เดี๋ยวก็มีอุบัติเหตุไม่งั้นตำรวจก็จับ(เหมือนรถตู้ที่ผมนั่งมาเมื่อเช้า ปาดจากเลนซ้าย >ขวา>ซ้ายอีกที เจอตำรวจพอดี ^^
-การอ่านหนังสืออย่างเร่งรีบ ก่อนสอบ โดยก่อนหน้านี้ไม่ได้ทยอยอ่านมาบ้างเลย ฯลฯ

ผมว่าจริงๆ เราสามารถนำหลักความพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันได้นะครับ

- เราค่อยๆดูใจคบหากับคนที่เราคบ
- เราค่อยๆ ขับรถ และมีน้ำใจกันในท้องถนน
- เราค่อยๆทยอยอ่านหนังสือเป็นประจำ นอกจากเป็นการทำให้เราเรียนรู้เรื่องไปด้วย ก็ยังทำให้สมองและร่างกายไม่ถูกทรมานมากเกินไปก่อนสอบ

จริงๆ หลักความพอเพียง ใช้ได้เสมอกับชีวิตประจำวัน แม้แต่ในตลาดหุ้นนะครับ(ใครไม่ชอบเรื่องหุ้นก็อย่าว่ากันนะครับ จริงๆมันเป็นการออมเงินอย่างหนึ่งถ้าคุณลงทุนในหุ้นที่ไม่ใช่หุ้นปั่น และเจ้าของมีธรรมาภิบาล ฯลฯ หรือที่เราเรียกกันในภาษาหุ้น ว่า หุ้น VI( Value Invester)

เขียนไปเขียนมา ท่าทางจะยาว และ ดึงเรื่องนู้น มาบวกกับเรื่องนี้ ยังไงก็คิดว่ามันน่าจะทำให้ผู้ที่มาอ่าน Blogของผมได้มุมมองอะไรดีๆกลับไปบ้างนะครับผม

มีความสุขกับชีวิตการงาน กับคนรอบกาย และกับการลงทุนนะครับผม
สวัสดีปีใหม่ 2551 ครับผม ^^

ปล.รูปที่ลง ผมถ่ายเองแหละครับ เป็น tripที่ผมชอบมากที่สุด trip หนึ่ง พอดีไม่กล้าแสดงรูปให้เห็นหน้าตากันชัดๆ ก็เลยต้องใส่ contour เข้าไปซะหน่อย (สาวๆในรูปหน้าตาดีทุกคนแหละครับ แต่ยังไม่ได้ขออนุญาติเค้า เลยต้องมีจรรยาบรรณของคนทำ blog ซะหน่อย ^^