อิสระตามเส้นสี...ของชีวิต

สีน้ำกับพู่กัน
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โลกยังหมุน ตะวันยังมี ฉ้นยังอยู่ต่อไป
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สีน้ำกับพู่กัน's blog to your web]
Links
 

 

วิวัฒนาการทรงผมของฉัน


เมื่อวันที่ 20 พ.ย.50 หลังจากจัดสอบ OSCE เสร็จในตอนเย็น
ก็รู้สึกอยากจะตัดผมมาก แต่กว่าจะได้ร้านก็ปาเข้าไปเกือบทุ่มหนึ่ง
เพราะร้านที่ตั้งใจจะไปต้องรออีกเกือบ 2 ชั่วโมง เลยไปร้านขาประจำ
แต่เค้าก็ไม่สะดวกทำให้อีก (แล้ววันนี้จะได้ตัดไหมนี่) เลยตัดสินใจไปร้าน
แถวบ้านนั่นแหละ ไม่เคยไปทำมาก่อน เข้าไปในร้านบอกว่ามาตัดผมค่ะ
แล้วก็ชี้รูปให้ดู "หา ดัดเลยเหรอ" "ใช่ค่ะ ดัด" เปลี่ยนทรงแบบกระทันหัน
จากซอยสั้นเป็นดัดผมไปเลย ในชีวิตนี้ผมตรง ยาว มาตลอด รูปตามลำดับ

ผมมัดรวบตลอด ถ่ายเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ปี 50 (ฮองกงดิสนียแลนด์)



วันนี้ไดร์ผมมา ปี 50



ไปตัดผมสั้นมาบ๊อบ ซอยปลายเล็กๆ (ตุลาคม 50)





ผมเริ่มยาวอีกแล้ว



หลังจากซอยแล้วก็อบ ประมาณทุ่ม (พฤศจิกายน 50)



อบผม (ร้อนแฮะ) ประมาณ 15 นาที ได้



และแล้ว ออกมาแบบนี้













ภาพนี้แอบถ่ายเรา



ทำออกมาแล้วมั่นใจมากขึ้น แต่จะดูสิว่าเราจะไว้ทรงได้นานแค่ไหน
เพราะเริ่มอยากหวีผมแล้วสิ




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2550    
Last Update : 6 ธันวาคม 2550 13:32:07 น.
Counter : 1120 Pageviews.  

น้ำท่วม รพ.นม. .ภาค 2

นำภาพมาให้ดูเพิ่มเติม ดูแล้วให้ความรู้สึกดี ทั้งสงสาร และความร่วมมือ ร่วมใจกัน

วิวทางเข้า รพ.



คนไข้กำลังรอรถทหารเข้ามารับ



จักรยานของนักศึกษาแพทย์จอดหน้าหอพัก



นศพ.หยุดเรียน ร่วมแรง ร่วมใจกัน ตักทรายใส่กระสอบ



นำถุงทรายกั้นฝ่ายโภชนาการไว้ เดี๋ยวคนไข้ไม่มีข้าวกิน



สุดท้ายก็ happy ลงเรือไปเรียน



ที่มา : //www.mnrh.in.th




 

Create Date : 07 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2550 17:02:55 น.
Counter : 533 Pageviews.  

ครั้งหนึ่งในชีวิต น้ำท่วม รพ.มหาราช นม.

น้ำเริ่มปริ่มสะพานหน้า รพ.ในเย็นวันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2550
เราก็คิดเล่นๆ ว่าหากน้ำล้นสะพานขึ้นมาจะทำยังไง และแล้ว ความคิดเล่นๆ นั้น
ก็นเป็นจริงซะด้วย เช้าวันอังคารเราก็ไม่สามารถนำรถเข้ามาในเขต รพ.ได้เลย
มีรถ GMC และกู้ภัยน้ำท่วม และเรือ มาช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ หมอ พยาบาล คนไข้ ต้องขึ้นรถทหาร และรถของหน่วยราชการทั้งสิ้น เราเองเป็นผู้โชคดี
ที่วันนั้นตื่นสายพอดี ยังไม่ทันนำรถออกจากบ้าน พี่อยู่ก็โทรมาแจ้งข่าวว่านุ้ยจะ
นำรถมายังไง รถเราไปไหนไม่ได้ต้องจอดทิ้งไว้ เอาหล่ะซิ จะไปยังไงดี
ไม่เอารถไปดีกว่า น้องวาวโทรมาว่าให้พ่อพี่นุ้ยมาส่ง แล้วนั่งรถแม่วาวไปด้วยกัน
โอเค ได้เลย คุณแม่วาวไปส่งแค่ปากทาง เราสองคนก็เดินต่อไปขึ้นรถเอง





ระหว่างการเดินทาง น้ำท่วมระดับเข่า ในวันที่ 16 ตุลาคม 2550







รถเทศบาลเครื่องดับไปต่อไม่ได้ ต้องรอถ่ายคนกลางทาง





ระหว่างทาง น้ำท่วมบ้านเรือน





หน้า รพ.มหาราช นม.





รถ GMC และรถสวัสดิการทหาร รับส่งคน คิดในใจว่าคนป่วยทนทุกข์อยู่แล้ว
ยังต้องมาลำบากการเดินทางอีก บางก็ต้องใช้คนเข็นมารับ บางก็เอาแปลมารับ
แต่ที่น่าประทับใจคือทุกคนช่วยเหลือกันอย่างดี โดยเฉพาะคุณทหาร







ทางเดินหน้าศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก รพ.มหาราช นม.



บริเวณหน้าตึก 8 ชั้น



ทางเดินระหว่างตึก 8 ชั้น กับตึกหลวงพ่อคูณ
พวกเรากำลังเดินไปฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่



นั่งเรือข้ามไปทำงาน ระหว่างตึก ฉก. กับโรงอาหาร, อาคารศูนย์แพทยฯ



ผู้โดยสารจาก รพ. กำลังลงจากรถ รถส่งถึงแค่พีกาซัส
อีกเส้นหนึ่งก็หน้า รร.สุรนารี



ร้านค้าถือโอกาสขายของบริเวณจอดรถ เดิมไม่ใช่ที่จอด



ครั้งหนึ่งในชีวิต รู้สึกว่าในตอนนั้นชีวิตสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะมีเงินทองสักแค่ไหน
ยากดีมีจน ทุกคนต่างก็ต้องขึ้นรถ ลงเรือเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามน้ำก็ท่วมได้แค่ 3 วัน คือวันที่ 16 - 18 ตค.2550
ศุกร์ที่ 19 ก็ลดลงแล้ว เพราะวันที่ 22 ตค.2550 สมเด็จพระเทพฯ เสด็จมา
โรงเรียนสุรนารี จึงต้องเร่งสูบน้ำออก (ด้วยบารมีของสมเด็จพระเทพฯ แท้ๆ )
ทำให้พ่อค้า แม่ค้าตลาดสุรนคร เดิมหนีน้ำท่วม มาขายริมทางถนนมิตรภาพ
ได้ย้ายกลับลงมาขายในตลาดได้

ปล. เหตุการณ์อย่างอื่นเราสามารถป้องกันได้
แต่ภัยธรรมชาติเราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้

"รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย"




 

Create Date : 25 ตุลาคม 2550    
Last Update : 25 ตุลาคม 2550 19:02:07 น.
Counter : 542 Pageviews.  

"People Organization But Leave their boss" เข้าทำงานเพราะองค์กร แต่ลาออกเพราะหัวหน้า



ได้รับเมลล์จากเพื่อนคนหนึ่งต่างแผนกกัน และกำลังรู้สึกแบบนี้อยู่พอดี จึงลงให้เพื่อนๆ ชาวบล๊อกแก๊งค์ได้อ่านว่า เป็นอีกคนหรือเปล่าที่กำลังรู้สึกแบบนี้
โดยเฉพาะท่านที่เป็นผู้บังคับบัญชาทั้งหลาย หลาย ๆ ท่านคงคงเคยได้ยินสำนวน ฝรั่งที่ว่า "People Organization But Leave their boss." ที่มาของสำนวนนี้เกิดจากหลาย ๆ องค์กรที่พยายามสรรหาบุคคลากรเก่งๆ
เข้ามาสู่องค์กร แต่ไม่สามารรักษาคนเหล่านั้นไว้ได้
ส่วนใหญ่เรามักเข้าใจว่าการดึงดูดและรักษาคนให้อยู่ทำงาน
กับองค์กรนั้นขึ้นอยู่กับเงินหรือค่าตอบ แทนที่น่าพึงพอใจ
แต่หากถามว่าเงินคือตัวแปรสำคัญอย่างเดียวหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่
เพราะการจากไปของพนักงานมาจากหลายสาเหตุ
การที่จะค้นหาตำตอบที่แท้จริงว่าพนักงานลาออกจากองค์กรเพราะเหตุใด
ต้องอาศัยระยะเวลา ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
เพราะแค่การสัมภาษณ์ตอนลาออก (Exit Interview) และเหตุผลที่เขียนในใบลาออกเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง เพราะคำตอบที่พนักงานส่วนใหญ่ ตอบ คือ " ไปเรียนต่อ ไปช่วยงานที่บ้าน ได้งานใหม่ " ล้วนแต่เป็นคำตอบเดิม ที่อาจจะจริง หรือ ไม่จริงก็ได้ อยากรู้คำตอบไหม
การหาโอกาสค้นหาต้นตอของการลาออกด้วยการโทรศัพท์ไป
สอบถามพนักงานที่ลาออกจากองค์กร แล้วสักระยะเวลาหนึ่ง
ดูจะได้ผลมากกว่า เพราะคนที่โบยบินไปแล้วมักจะยินดีให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
พบว่ากว่า 80% ของพนักงานที่ลาออกไปแล้ว ส่วนใหญ่กลับคำให้การของตัวเองและค้นพบด้วยสาเหตุหลักของการลาออกนั้นมักมาจาก
ปัญหาที่เกิดจากหัวหน้างาน สอดคล้องกันกับงานวิจัยของ สถาบันด้านการพัฒนาบุคลากรทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ว่า คนเข้าทำงานเพราะองค์กร
แต่จากไปเพราะหัวหน้าได้เป็นอย่างดี จากการพูดคุยกับผู้จักการหรือหัวหน้างานในหลากหลายองค์กร พบว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้างานเท่าที่ควรนัก ส่วนใหญ่มักเลื่อนจากตำแหน่งพนักงานให้มาเป็น หัวหน้าโดยอาศัยเกณฑ์ Technical Skill มากกว่า People Skill
หรือมักเลื่อนตำแหน่ง จากชิ้นงานมากกว่าการบริหารจัดการคน
ความเชื่อเหล่านี้ไม่ถูกต้องจริง เพราะหัวหน้าที่ดีต้องมี People Skil
ประกอบด้วยแต่ องค์กรมักมองข้ามข้อนี้ไป มีไปไม่กี่องค์กรเท่านั้นที่มีการพัฒนาเรื่อง People Skill ให้กับคน ที่ จะขึ้นมาเป็นหัวหน้า บางองค์กรเลวร้ายกว่านั้นคือไม่มีการพัฒนา People Skill ให้กับคนที่ จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าเลย จนทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังและส่งผลให้คนดีคนเก่งในองค์กรต้องหลีกหนี หัวหน้างานเหล่านั้นไปเอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีปรมาจารย์ด้าน Executive Coaching ท่านหนึ่ง ชื่อ Marshall Goldsmith ได้บรรยายหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาวะผู้นำ
และทิ้งข้อคิดไว้เตือนสติหัวหน้า หลาย ๆคนที่นั่งฟังวันนั้นว่า
What got you here, won't get you there" หมายความว่า
"วิธีการที่ท่านให้ในอดีตและทำให้ท่านประสบความสำเร็จในวันนี้
อาจไม่ใช่วิธีการที่ท่านจะนำ ไป ใช้เพื่อสร้างความสำเร็จในอนาคต
"Peter Drucker" ปรมาจารย์ด้านภาวะผู้นำ กล่าวไว้ว่าพวกเราใช้เวลามากมายในการสอนหัวหน้าว่าพวกเขาควรต้องทำอะไรเพิ่มเติมที่จะเป็น
หัวหน้าที่ดี แต่เราไม่ได้ให้เวลามากพอที่จะบอกหัวหน้าว่าพวกเขาควรหยุดทำอะไรเพื่อที่เป็นหัวหน้าที่ดี หัวหน้าจำนวนกว่าครึ่งที่ผมเคยเจอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม ถ้าเพียงพวกเขารู้จักที่จะหยุดทำ อะไรสักอย่างหนึ่งที่ไม่ควรทำพวกเขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีขึ้นได้ในทันที
ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำสั 5อย่างมาให้ดูกันนะ
1. รับปากแล้วไม่ทำหรือรับปากในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ด้วยอำนาจหรือหน้าที่ของตนคนเดียว เช่นรับปากจะขั้นเงินเดือนให้ หรือจะให้โบนัสต้นปี หรือปรับเลื่อนตำแหน่งให้เพื่อรั้งให้ลูกน้องทำ งานให้ต่อไป เป็นต้น เพราะจะทำให้ลูกน้องเสียความรู้สึก เสื่อมศรัทธานับถือในเรื่องที่รับปาก แล้วทำไม่ได้ อาจทำให้ลูกน้องหมดกำลังในการทำงาน

2. รับชอบแต่ไม่รับผิด ไม่กางปีกปกป้องลูกน้อง ดร. เสรี วงษ์มณฑา
เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การเป็นหัวหน้าที่ดีคือการรู้จักใช้มือ ใช้หัว และใช้หน้าหมายถึงการเป็นหัวหน้าต้องรู้จักที่จะใช้ มือในการลงมือทำให้ลูกน้องได้เห็น ใช้หัวเพื่อสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ไม่ใช่คอยจับผิดลูกน้อง และที่สำคัญใช้หน้า
เพื่อใช้เอาไว้ยืดหน้ารับความผิดแทนลูกน้อง อย่างคำโบราณว่า "รับหน้า "
ไม่ใช่ทุกอย่างโบ้ยว่า ไม่รู้ มอบหมายให้ลูกน้องทำแล้ว ลูกน้องเป็นคนทำ
แล้วจะเรียกว่า หัวหน้า ได้อย่างไร
3. ตัดสินโดยไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หรือไม่อธิบายเหตุผลใด ๆ
เป็นการตัดสินใจโดยยึดความคิดของตนเองเป็นหลัก>> >อย่าบังคับลูกน้องทำในสิ่งที่เขาลำบากใจ ควรฟังเหตุผลส่วนตัวของลูกน้องบางหรือเมื่อตัดสินใจออกมาเบื้องต้นแล้วบอกว่ามันเป็น "นโยบาย " ซึ่งการอธิบายแค่นี้ไม่สามารถให้ลูกน้องเข้าใจได้กลับยิ่งจะทำให้เข่ารู้สึกไม่ดีต่อองค์กรมากขึ้นไปอีก
4. พูดจาไม่ให้เกียรติลูกน้อง หัวหน้างานจำนวนหนึ่งมักมีความคิดว่าตัวเองมีความสนิทสนมกับลูก น้องเป็นอย่างดี จึงไม่จำเป็นต้องระวังคำพูดมากนัก ยิ่งลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานยิ่งสนิทคิด ไปเองว่าลูกน้องคงรู้จักนิสัยของตนดีอยู่แล้ว ทำให้หัวหน้าหลายๆ คนไม่ระวังคำพูดและปฏิบัติกับ ลูกน้องไม่ค่อยให้เกียรติกับลูกน้องอยู่บ่อย ๆ
5. ตำหนิลูกน้องต่อหน้าธารกำนัล หัวหน้าจำนวนมากไม่ไว้หน้าลูกน้อง
ถ้าทำพลาดก็ซัดกันตรงนั้นเลย พูดเสียงดังในสิ่งที่เป็นปมด้อยและความผิดพลาดของลูกน้องต่อหน้าพนักงานแผนกอื่นทำให้ลูกน้องรู้สึกอายและ
ไม่อยากทำให้งาน ที่สำคัญไม่เคยชม นัยว่ากลัวเหลิงอะไรทำนองนั้นอย่างหนึ่งสำคัญคือความเสมอภาคเท่าเทียม ความยุติธรรมและความเป็นกลาง การให้สิทธิพิเศษ กับลูกน้องคนใดคนหนี่งจนทำให้เห็นความแตกต่าง คือ ลูกน้องบางคนทำดีและทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีข้อบกพร่อง แต่อีกคนทำผิดระเบียบบ่อยครั้งแต่ได้รับผลงานและผลตอบแทนเท่ากันหรือดีกว่าทำให้ลูกน้องอีกคนที่ทำดีอยู่แล้วไม่มีกำลังใจในการทำงานและเสียความรู้สึกได้คุณควรจะเป็นหัวหน้าที่มีความยุติธรรมมากกว่านี้ไม่ควรเอาความรู้สึกส่วนตัวตัดสินมากเกินไป
นี่คือพฤติกรรม 5 อย่างที่หัวหน้าหลาย ๆ คน สั่งสมไว้
ถ้าคนเป็นหัวหน้าลองย้อนมองดูตัวเอง ด้วยใจเป็นกลาง แล้วประเมินว่า
"มีสักกี่ข้อแล้ว"




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2550    
Last Update : 4 ตุลาคม 2550 9:45:50 น.
Counter : 682 Pageviews.  

เพื่อน "กูรักมึงว่ะ"

220950

วันนี้ได้ดูหนังเรื่อง "เพื่อน กูรักมึงว่ะ"
ถ้าดูเฉยๆ อาจจะมองว่าไม่มีอะไร นอกจาก ชายรักชาย
แต่จริงๆ แล้วพจน์ อานนท์ ได้แฝงเรื่องในสังคมที่เกิดขึ้นจริงๆ ไว้



เนื้อเรื่องย่อ “เพื่อน...กูรักมึงว่ะ”
นี่คือเรื่องราวของชายสองคนที่รักกัน... แต่ไม่มีวันสมหวังในความรัก
นี่คือเรื่องราวของความรัก... ที่แม้ไม่สมควรเกิด
แต่เมื่อมันพร้อม... ก็ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นได้...



เรื่องรักของ“เขา” กับ “เขา” เรื่องราวความรักระหว่างชายหนุ่มสองคน

ที่ชีวิตของทั้งคู่เป็นเหมือนเส้นขนาน ที่ไม่มีวันโคจรมาเจอกันได้

แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตา กลับนำพาในวังวนแห่งรักของกันและกัน



“เมฆ” (รัตนบัลลังก์ โตสวัสดิ์) ชายหนุ่มพูดน้อย เขาไม่เคยรักใคร

และไม่คิดจะรักใคร นอกจากแม่และ “หมอก” (วีรดิษฐ์ ศรีมาลัย) น้องชายคน

เดียวของเขาเท่านั้น เมฆ อาศัยอยู่คนเดียว เปลี่ยนชื่อและที่อยู่ไปเรื่อย ๆ ตาม

ความสะดวกและปลอดภัยของงาน



เมฆ ทำงานที่ไม่มีความแน่นอน เขาทำงานที่ไม่สมควรมีความรัก

เมฆ เป็นมือปืน เมฆถูกหมอบหมายภารกิจฆ่าครั้งใหม่

เป้าหมายของเขาคือ “อิฐ” (ชัยวัฒน์ ทองแสง) ชายหนุ่มหน้าตาดี มีฐานะ

แต่ อิฐ กลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง ในการหล่อเลี้ยงชีวิตรัก

แม้เขาจะมี “ทราย” (ฌัชชา รุจินานนท์) ผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วยในไม่ช้า



อยู่เคียงกายก็ตาม เมฆเฝ้าติดตาม อิฐ ทุกฝีก้าว

เพื่อทำงานชิ้นนี้ให้สำเร็จ แต่เมื่อถึงเวลาลงมือจริง

เขากลับฆ่า อิฐ ไม่ได้ อะไรบางอย่างในใจของเขา

ต่อต้านการกระทำนั่นทำให้เมฆและอิฐถูกตามล่าจากหัวหน้าใหญ่ของเมฆ

จนเมฆได้รับบาดเจ็บ ทั้งคู่พากันมาหลบที่ห้องของเมฆ อิฐคอยเฝ้าดูแล

รักษาเมฆที่บาดเจ็บจนอาการดีขึ้น เมื่อความชิดใกล้ได้ก่อเกิด

ความรู้สึกบางอย่างลึก ๆ ภายในใจของทั้งคู่จึงแปรเปลี่ยนเป็นความโหยหา

ความรักที่ทั้งคู่ปิดบังซ่อนเร้นอยู่ภายใน

แต่แล้วก็เป็นดั่งปลาว่ายทวนกระแสน้ำ มือปืนอย่างเมฆไม่อาจทำใจยอมรับ

ความสัมพันธ์ ที่เขาเองก็ยังสับสนว่าเป็นความรักจากใจ เมฆพยายาม

หนีหัวใจของตัวเองอย่างถึงที่สุด แต่อิฐก็ไม่ลดละที่จะออกตามหาเมฆ

ที่เป็นเหมือนครึ่งหนึ่งของชีวิตที่หายไปอย่างไม่รู้ชะตากรรม

เมฆฝืนตัดใจและบังคับตัวเองให้กลับมาสะสาง

ภารกิจสุดท้ายให้เสร็จสิ้น

เพื่อที่จะพาแม่และน้องชายที่ทั้งคู่ติดเอดส์จากพ่อเลี้ยง

ไปรักษาตัวและอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวอีกครั้ง

แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่เมฆคาดหวังไว้



ทางด้านอิฐก็ได้แต่เฝ้ารอวันที่เขาจะได้พบ

กับเมฆอีกครั้ง และบอกความในใจแก่เขา ก่อนที่มันจะสายเกินไป

วันที่ทั้งคู่ได้พบกัน อีกครั้งก็มาถึง แต่ทว่าโชคชะตาก็ย้อนกลับมาเล่นตลก

กับความรักของเขาทั้งคู่อีกครั้งเช่นกัน หรือความรัก

ของทั้งคู่จะเป็นได้เพียงเส้นขนาน ที่ไม่อาจกลับมาทาบทับกันและกันได้



บทวิเคราะห์จากหนัง หลังจากที่ดูแล้ว
หนังเรื่องนี้ไม่เพียงต้องการจะสื่อความรัก "ชายกับชายอย่างเดียว"
หรือเอาใจ คู่ขา คู่เกย์ ทั้งหลาย แต่มีหลายแง่มุมที่เกิดขึ้นจริงๆ ในสังคมของเรา
อันเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัวหนึ่งซึ่งต้องถูกพ่อเลี้ยงนำเชื้อเอดส์มาติดกับเมียตัวเอง ยังไม่พอยังขมขื่น ลูกเลี้ยง (หมอก) จนทั้งแม่ และน้อง ของเมฆ ต้องเป็นโรคเอดส์ สังคมรังเกียจ ไม่ยอมรับ แท้จริงแล้ว โรคเอดส์ไม่ได้ติดกันง่ายๆ พวกเค้าสามารถที่จะอยู่ร่วมในสังคมได้ตามปกติ สังคมควรให้โอกาสพวกเค้า เพราะพวกเค้าเป็นโรคเอดส์ก็น่าทุกข์พออยู่แล้ว และ
ในเรื่องของเมฆซึ่งไม่สามารถเลือกงานได้ นอกจากเป็นมือปืนรับจ้าง เพื่อเงิน ชอบตรงประโยคที่ว่า "เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่เงินเป็นสิ่งจำเป็น" คนทุกคนย่อมมีดี มีชั่ว คนชั่วที่เราตราหน้าว่าเลว ยังมีจิตใจดี ส่วนคนดี ที่เรามองเห็นว่าดี
แท้จริงแล้วพวกเค้าอาจใส่หน้ากากเข้าหากัน
ในเรื่องของ "อิฐ" ซึ่งแอบซ้อนความรู้สึกไว้ กำลังจะแต่งงานกับหญิงสาว เพื่อหน้าตาของสังคม แต่ต้องโกหกหัวใจตนเอง (หากใครเป็นอย่างนี้ สงสารผู้หญิงเถอะค่ะ) เพราะสุดท้ายแล้วพวกคุณก็จะแอบไปมีข้างหลังกับพวกคุณ
หนังเรื่องนี้ได้สะท้อนสังคมออกมาจริงๆ
สุดท้ายยังชอบในความรักของคนทั้งคู่ แม้จะผ่านไปนานเท่าใด ก็ยังรักและซื่อสัตย์ เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน "เพื่อนกูรักมึงว่ะ"




 

Create Date : 26 กันยายน 2550    
Last Update : 18 ตุลาคม 2550 18:49:33 น.
Counter : 3026 Pageviews.  

1  2  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.