อิสระตามเส้นสี...ของชีวิต

สีน้ำกับพู่กัน
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โลกยังหมุน ตะวันยังมี ฉ้นยังอยู่ต่อไป
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สีน้ำกับพู่กัน's blog to your web]
Links
 

 
"People Organization But Leave their boss" เข้าทำงานเพราะองค์กร แต่ลาออกเพราะหัวหน้า



ได้รับเมลล์จากเพื่อนคนหนึ่งต่างแผนกกัน และกำลังรู้สึกแบบนี้อยู่พอดี จึงลงให้เพื่อนๆ ชาวบล๊อกแก๊งค์ได้อ่านว่า เป็นอีกคนหรือเปล่าที่กำลังรู้สึกแบบนี้
โดยเฉพาะท่านที่เป็นผู้บังคับบัญชาทั้งหลาย หลาย ๆ ท่านคงคงเคยได้ยินสำนวน ฝรั่งที่ว่า "People Organization But Leave their boss." ที่มาของสำนวนนี้เกิดจากหลาย ๆ องค์กรที่พยายามสรรหาบุคคลากรเก่งๆ
เข้ามาสู่องค์กร แต่ไม่สามารรักษาคนเหล่านั้นไว้ได้
ส่วนใหญ่เรามักเข้าใจว่าการดึงดูดและรักษาคนให้อยู่ทำงาน
กับองค์กรนั้นขึ้นอยู่กับเงินหรือค่าตอบ แทนที่น่าพึงพอใจ
แต่หากถามว่าเงินคือตัวแปรสำคัญอย่างเดียวหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่
เพราะการจากไปของพนักงานมาจากหลายสาเหตุ
การที่จะค้นหาตำตอบที่แท้จริงว่าพนักงานลาออกจากองค์กรเพราะเหตุใด
ต้องอาศัยระยะเวลา ตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
เพราะแค่การสัมภาษณ์ตอนลาออก (Exit Interview) และเหตุผลที่เขียนในใบลาออกเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบที่แท้จริง เพราะคำตอบที่พนักงานส่วนใหญ่ ตอบ คือ " ไปเรียนต่อ ไปช่วยงานที่บ้าน ได้งานใหม่ " ล้วนแต่เป็นคำตอบเดิม ที่อาจจะจริง หรือ ไม่จริงก็ได้ อยากรู้คำตอบไหม
การหาโอกาสค้นหาต้นตอของการลาออกด้วยการโทรศัพท์ไป
สอบถามพนักงานที่ลาออกจากองค์กร แล้วสักระยะเวลาหนึ่ง
ดูจะได้ผลมากกว่า เพราะคนที่โบยบินไปแล้วมักจะยินดีให้ข้อมูลที่ถูกต้อง
พบว่ากว่า 80% ของพนักงานที่ลาออกไปแล้ว ส่วนใหญ่กลับคำให้การของตัวเองและค้นพบด้วยสาเหตุหลักของการลาออกนั้นมักมาจาก
ปัญหาที่เกิดจากหัวหน้างาน สอดคล้องกันกับงานวิจัยของ สถาบันด้านการพัฒนาบุคลากรทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ว่า คนเข้าทำงานเพราะองค์กร
แต่จากไปเพราะหัวหน้าได้เป็นอย่างดี จากการพูดคุยกับผู้จักการหรือหัวหน้างานในหลากหลายองค์กร พบว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้างานเท่าที่ควรนัก ส่วนใหญ่มักเลื่อนจากตำแหน่งพนักงานให้มาเป็น หัวหน้าโดยอาศัยเกณฑ์ Technical Skill มากกว่า People Skill
หรือมักเลื่อนตำแหน่ง จากชิ้นงานมากกว่าการบริหารจัดการคน
ความเชื่อเหล่านี้ไม่ถูกต้องจริง เพราะหัวหน้าที่ดีต้องมี People Skil
ประกอบด้วยแต่ องค์กรมักมองข้ามข้อนี้ไป มีไปไม่กี่องค์กรเท่านั้นที่มีการพัฒนาเรื่อง People Skill ให้กับคน ที่ จะขึ้นมาเป็นหัวหน้า บางองค์กรเลวร้ายกว่านั้นคือไม่มีการพัฒนา People Skill ให้กับคนที่ จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าเลย จนทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังและส่งผลให้คนดีคนเก่งในองค์กรต้องหลีกหนี หัวหน้างานเหล่านั้นไปเอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้มีปรมาจารย์ด้าน Executive Coaching ท่านหนึ่ง ชื่อ Marshall Goldsmith ได้บรรยายหัวข้อที่น่าสนใจเกี่ยวกับภาวะผู้นำ
และทิ้งข้อคิดไว้เตือนสติหัวหน้า หลาย ๆคนที่นั่งฟังวันนั้นว่า
What got you here, won't get you there" หมายความว่า
"วิธีการที่ท่านให้ในอดีตและทำให้ท่านประสบความสำเร็จในวันนี้
อาจไม่ใช่วิธีการที่ท่านจะนำ ไป ใช้เพื่อสร้างความสำเร็จในอนาคต
"Peter Drucker" ปรมาจารย์ด้านภาวะผู้นำ กล่าวไว้ว่าพวกเราใช้เวลามากมายในการสอนหัวหน้าว่าพวกเขาควรต้องทำอะไรเพิ่มเติมที่จะเป็น
หัวหน้าที่ดี แต่เราไม่ได้ให้เวลามากพอที่จะบอกหัวหน้าว่าพวกเขาควรหยุดทำอะไรเพื่อที่เป็นหัวหน้าที่ดี หัวหน้าจำนวนกว่าครึ่งที่ผมเคยเจอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพิ่มเติม ถ้าเพียงพวกเขารู้จักที่จะหยุดทำ อะไรสักอย่างหนึ่งที่ไม่ควรทำพวกเขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีขึ้นได้ในทันที
ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่หัวหน้าควรหยุดทำสั 5อย่างมาให้ดูกันนะ
1. รับปากแล้วไม่ทำหรือรับปากในสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ด้วยอำนาจหรือหน้าที่ของตนคนเดียว เช่นรับปากจะขั้นเงินเดือนให้ หรือจะให้โบนัสต้นปี หรือปรับเลื่อนตำแหน่งให้เพื่อรั้งให้ลูกน้องทำ งานให้ต่อไป เป็นต้น เพราะจะทำให้ลูกน้องเสียความรู้สึก เสื่อมศรัทธานับถือในเรื่องที่รับปาก แล้วทำไม่ได้ อาจทำให้ลูกน้องหมดกำลังในการทำงาน

2. รับชอบแต่ไม่รับผิด ไม่กางปีกปกป้องลูกน้อง ดร. เสรี วงษ์มณฑา
เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การเป็นหัวหน้าที่ดีคือการรู้จักใช้มือ ใช้หัว และใช้หน้าหมายถึงการเป็นหัวหน้าต้องรู้จักที่จะใช้ มือในการลงมือทำให้ลูกน้องได้เห็น ใช้หัวเพื่อสร้างสรรค์ความคิดใหม่ ไม่ใช่คอยจับผิดลูกน้อง และที่สำคัญใช้หน้า
เพื่อใช้เอาไว้ยืดหน้ารับความผิดแทนลูกน้อง อย่างคำโบราณว่า "รับหน้า "
ไม่ใช่ทุกอย่างโบ้ยว่า ไม่รู้ มอบหมายให้ลูกน้องทำแล้ว ลูกน้องเป็นคนทำ
แล้วจะเรียกว่า หัวหน้า ได้อย่างไร
3. ตัดสินโดยไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น หรือไม่อธิบายเหตุผลใด ๆ
เป็นการตัดสินใจโดยยึดความคิดของตนเองเป็นหลัก>> >อย่าบังคับลูกน้องทำในสิ่งที่เขาลำบากใจ ควรฟังเหตุผลส่วนตัวของลูกน้องบางหรือเมื่อตัดสินใจออกมาเบื้องต้นแล้วบอกว่ามันเป็น "นโยบาย " ซึ่งการอธิบายแค่นี้ไม่สามารถให้ลูกน้องเข้าใจได้กลับยิ่งจะทำให้เข่ารู้สึกไม่ดีต่อองค์กรมากขึ้นไปอีก
4. พูดจาไม่ให้เกียรติลูกน้อง หัวหน้างานจำนวนหนึ่งมักมีความคิดว่าตัวเองมีความสนิทสนมกับลูก น้องเป็นอย่างดี จึงไม่จำเป็นต้องระวังคำพูดมากนัก ยิ่งลูกน้องที่ทำงานด้วยกันมานานยิ่งสนิทคิด ไปเองว่าลูกน้องคงรู้จักนิสัยของตนดีอยู่แล้ว ทำให้หัวหน้าหลายๆ คนไม่ระวังคำพูดและปฏิบัติกับ ลูกน้องไม่ค่อยให้เกียรติกับลูกน้องอยู่บ่อย ๆ
5. ตำหนิลูกน้องต่อหน้าธารกำนัล หัวหน้าจำนวนมากไม่ไว้หน้าลูกน้อง
ถ้าทำพลาดก็ซัดกันตรงนั้นเลย พูดเสียงดังในสิ่งที่เป็นปมด้อยและความผิดพลาดของลูกน้องต่อหน้าพนักงานแผนกอื่นทำให้ลูกน้องรู้สึกอายและ
ไม่อยากทำให้งาน ที่สำคัญไม่เคยชม นัยว่ากลัวเหลิงอะไรทำนองนั้นอย่างหนึ่งสำคัญคือความเสมอภาคเท่าเทียม ความยุติธรรมและความเป็นกลาง การให้สิทธิพิเศษ กับลูกน้องคนใดคนหนี่งจนทำให้เห็นความแตกต่าง คือ ลูกน้องบางคนทำดีและทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่มีข้อบกพร่อง แต่อีกคนทำผิดระเบียบบ่อยครั้งแต่ได้รับผลงานและผลตอบแทนเท่ากันหรือดีกว่าทำให้ลูกน้องอีกคนที่ทำดีอยู่แล้วไม่มีกำลังใจในการทำงานและเสียความรู้สึกได้คุณควรจะเป็นหัวหน้าที่มีความยุติธรรมมากกว่านี้ไม่ควรเอาความรู้สึกส่วนตัวตัดสินมากเกินไป
นี่คือพฤติกรรม 5 อย่างที่หัวหน้าหลาย ๆ คน สั่งสมไว้
ถ้าคนเป็นหัวหน้าลองย้อนมองดูตัวเอง ด้วยใจเป็นกลาง แล้วประเมินว่า
"มีสักกี่ข้อแล้ว"



Create Date : 03 ตุลาคม 2550
Last Update : 4 ตุลาคม 2550 9:45:50 น. 1 comments
Counter : 678 Pageviews.

 
ส่วนมากจะเป็นแบบนี้ละ ลาออกเพราะหัวหน้า


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:12:48:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.