|
Le Petit Princes
สิ่งสำคัญมิอาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
ว่ากันว่า เจ้าชายน้อย เป็นงานวรรณกรรมเยาวชนคลาสสิกระดับโลก ฉันได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้เมื่อตอนเข้าอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ ๑ หลังจากที่ฉันใช้เวลากับงานชิ้นเอกของโลกอยู่นาน ๓๐ นาที... สมแล้วกับการเป็นวรรณกรรมเอกของโลก ฉันแอบค่อนแคะในใจ ฉันค่อย ๆ ปิดหนังสือลงอย่างบรรจง
พอกันที! ฉันอ่านไม่รู้เรื่อง มันคงสูงส่งเกินไปสำหรับคนอย่างฉัน จากวันนั้นฉันไม่เคยสนใจที่หยิบหนังสือเล่มนี้ออกมาอ่านอีกเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง.. ธรรมชาติดลใจให้ฉันมีความรู้สึกพิเศษ ๆ กับเพื่อนร่วมคณะคนหนึ่ง เขามีชื่อว่า น้อย
น้อย เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก ห้องสมุดนับว่าเป็นบ้านหลังที่สองของเขาเลยหร่ะ (ฉันได้แต่หวังในใจอยู่ว่าขอให้น้อยไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะฉันต้องการให้มันเป็นความลับระหว่างฉันกั[น้อยต่อไป)
น้อย เป็นประธาน กนวส. ซึ่งความหมายของอักษรย่อทั้ง ๔ ตัวก็คือ คณะกรรมการนักศึกษา คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
น้อย ดูเหมือนเป็นชายหนุ่มที่ไม่เรื่องมาก สบาย ๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วน้อยเป็นคนประเภทหัวอนุรักษ์นิยม และเป็นคนที่เรื่องมากเอาการอยู่
น้อย มีคู่แฝดที่เกิดมาในจากไข่ใบเดียวกัน ซึ่งหมายถึงว่าหน้าตาของแฝดผู้พี่เหมือนกันกับน้อยอย่างกับแกะ เพียงแต่ว่าลึก ๆ แล้วฉันคิดว่าแฝดผู้พี่ของน้อยนั้นยังมีนิสัยที่น่าคบหามากกว่าน้อยซะอีกแต่ถึงกระนั้นในหัวของฉันวัน ๆ ก็มีแต่คำว่า น้อย น้อย และน้อย จนเมื่อเวลาผ่านไปเข้าปี ๔ เทอม ๒ เราก็ยังคงได้แต่แอบเฝ้ามอง น้อย อยู่ห่าง ๆ เหมือนดั่งสุนัขเห่าใบตองแห้ง ๆ ไปวัน ๆ ใบตองนั้นก็หารับรู้ถึงเสียงเห่าของสุนัขที่เฝ้าขยันเห่ามาเป็นเวลานานถึง ๒ ปี
ทำอย่างไรดี ? อีกไม่กี่เดือนก็จะจบแล้ว น้อยยังไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบชอบเขาอยู่ ฉันจะปล่อยให้ความรักของฉันจบลงง่าย ๆ แบบนี้หรือ ?
ปิ้ง! ในที่สุดฉันก็พบทางออกของเรื่องนี้ ฉันตัดสินใจว่าจะซื้อ เจ้าชายน้อย ให้กับ น้อย เหตุผลที่เลือกเล่มนี้ให้น้อยหน่ะเหรอ มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่า ข้อ ๑ น้อยเป็นหนอนหนังสืออยู่แล้วน้อยต้องชอบเรื่องนี้แน่เพราะว่ามันเป็นวรรณกรรมคลาสสิกระดับโลก ข้อ ๒ ราคาไม่แพง ข้อ ๓ เป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดนั้นคือชื่อของเรื่องที่สอดคล้องกับชื่อเล่นของเขาไง
ไม่แน่นะ วันหนึ่งน้อยอาจจะกลับมาเล่าเรื่องที่อ่านแล้วไม่เข้าใจให้ฉันฟ้งก็ได้ ฉันไม่ลืมที่จะแอบเขียนโน้ตสั้น ๆ ถึงน้อยที่ปีกปกด้านในว่า ฝากดูแลเจ้าชายน้อยด้วย ความหมายที่ฉันแอบแฝงอยู่ในตัวอักษรเหล่านั้นก็คือ ดูแลตัวเองด้วยนะ เจ้าชายน้อยของฉัน เพราะเราคงจะไม่ได้เจอกันอีก
นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ ๑๑ ปีก่อน เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ สมัยวัยสะรุ่นได้กลายเป็นเรื่องตลกขบขันในวันนี้ ทุกครั้งที่มีการพูดคุยถึงวีรกรรมวีรกามในยุคที่พวกเรายังคงเป็นนักศึกษา เรื่องนี้จะถูกขุดขึ้นมาเผากันทุกครั้งไป ผมอยากได้หนังสือเล่มนั้นบ้าง ซื้อให้ผมทีสิ ได้ไหม เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นในวงสนทนา ซึ่ง ณ เวลานั้น ฉันเองก็เริ่มกึมได้ที่ คืนนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ฉันและเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยได้ไปรวมตัวกันที่ ร้านกินลมชมสะพาน แต่ทว่าคืนนี้เรามีแขกพิเศษ ๒ ราย นั่นคือ วิน วินเป็นนักศึกษาคณะวิศวะกรรมศาสตร์ ปี ๒ อีกคนเป็นหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ ที่ชื่อว่า สุ สุก็เป็นนักศึกษาเช่นเดียวกับวิน แต่เป็นนักศึกษาระดับปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ เจ้าของเสียงที่ดังขึ้นแทรกแซงความขบขันนั่นคือ เด็กหนุ่มที่ชื่อ วิน อ๊ะ ๆ ไอ้วิน อย่าเชียวนะ ฉันเห็นแกแอบมองเจ้เค้าหลายทีแล้ว พูดแบบนี้มีเลสนัยอะไรหรือเปล่า เอ๋พูดแบบหยั่งเชิงแขกพิเศษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นเอ๋นี่แหร่ะที่นำพา ๒ หนุ่มนี้มาให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก จะซื้อให้หรือเปล่าหล่ะ เด็กหนุ่มไม่ตอบคำถามของเอ๋แต่ยังคงยืนยันที่จะได้คำตอบจากสิ่งที่ตัวเองถาม อยากได้ก็ซื้อเองสิ ไม่ได้หรอกเล่มนี้มีไว้สำหรับซื้อให้กับคนพิเศษเท่านั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า.. ฉันหัวเราะตอบอย่างอารมณ์ดี คืนนั้นเรากินเบียร์กันไปได้ประมาณ ๑๐ ลิตรกว่าๆเห็นจะได้ เมื่อเมากันได้ที่เราต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ยังไม่ทันที่ฉันจะโบกรถแท็กซี่ วินก็พูดขึ้นว่า อย่าลืมเจ้าชายน้อยซะหล่ะ ผมอยากได้จริงๆนะ
ฉันนั่งรถกลับบ้านแบบอารมณ์ชื่นมื่นและนึกขำกับท่าทีของเด็กที่ชื่อวิน พรางนึกถึงตัวเลขที่สอดคล้องกันแบบแปลก ๆ นับจากวันนี้เป็นระยะเวลา ๑๑ ปีแล้วที่ฉันได้ซื้อหนังสือเล่มนั้นให้กับน้อย ซึ่งน้อยไม่เคยกลับมาเล่าเรื่องเจ้าชายน้อยให้ฉันฟัง และฉันก็ยังคงไม่คิดจะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านอีก ตัวเลข ๑๑ นี้เท่ากันพอดีกับความห่างทางอายุระหว่าฉันกับวิน มันจะเป็นยังไงหนอ หากฉันซื้อเจ้าชายน้อยให้เด็กคนนี้ แล้วฉันจะซื้อให้เขาในฐานะอะไรดีหล่ะ?
หลังจากคืนนั้นก็มีข่าวลือแปลก ๆ จากกลุ่มเพื่อนที่ไปกินเหล้ากันว่า วินสนใจในตัวฉัน ฉันว่าไอ้เด็กที่ชื่อวินมันคงจะชอบแกหว่ะ มันทำท่าทางว่า crazy แกสุด ๆ มันเที่ยวพร่ำเพ้อถึงแกให้คนนู้นคนนี้ฟังประมาณว่า ถึงแม้ว่าพี่เค้าจะโทรมแต่ก็น่ารัก บ้านพี่เค้าอยู่แถวไหนเหรอ ทำไมไม่มีใครกลับบ้านทางเดียวกับพี่เค้าเลยหล่ะ พี่เค้าทำงานเกี่ยวกับอะไร ฯลฯ เอ๋พูดขึ้นในวันหนึ่งที่เราได้นัดเจอกัน ด้วยข่าวลือที่วินสร้างขึ้นบวกกับเหล่ากองเชียร์ที่แอบช่วยกันลุ้นรักข้ามรุ่น ระหว่างฉันกับวิน ทำให้ฉันชักจะรู้สึกสนุกและอยากจะลองซื้อเจ้าชายน้อยให้กับเด็กคนนี้ ด้วยความแตกต่างของเราทำให้ฉันรู้สึกสนใจในตัวเด็กคนนี้ว่าเพราะอะไรถึงมาแสดงทีท่าว่าชอบสาวแก่อย่างฉัน วินเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียนในสมัยที่เรียนอยู่ชั้นมัธยม เป็นเด็กเรียนดี รูปร่างหน้าตาที่ดูละม้ายคล้ายพระเอกหนังเกาหลี มีความฉลาดหลักแหลม เป็นผู้ชื่นชมในหลักปรัชญาจีน เป็นลูกคหบดีจากทางใต้ และอื่นๆ อีกมากมายที่บ่งชัดว่าวินเป็นเด็กที่มีอนาคตไกล ไม่สมควรที่จะมาชอบสาววัย ๓๐ ต้นๆ อย่างฉัน
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจซื้อ เจ้าชายน้อย ให้กับวิน โอ้! ฉันทำอะไรลงไปนี่ ฉันและวิน เริ่มสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยการคุยโทรศัพท์ Chat กันทาง MSN หรือส่ง SMS หากันบ้างตามแต่โอกาส
เย็นวันหนึ่ง ซึ่งนับได้ว่าเป็นวันที่สุดแสนจะโรแมนติกวันหนึ่งในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของฉัน เรานั่งเคียงกันอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา อาทิตย์ทอแสงอ่อนละมุลมายังเราสองคน แค่เราสองคนเท่านั้น เพราะในช่วงเวลานั้นฉันรู้สึกว่าโลกนี้มีเพียงแค่เราเท่านั้นจริง ๆ วินได้เริ่มเล่าเรื่องราวการผจญภัยของเจ้าชายน้อยให้ฉันฟัง ตลอดเวลาของการเล่าเรื่องวินใช้คำเรียกแทนตัวเจ้าชายน้อยว่า เค้า ซึ่งมันทำให้ฉันรู้คุ้นเคยราวกับว่าฉันได้รู้จักกับเจ้าชายน้อย ฉันได้เข้าไปอยู่ในโลกของเจ้าชายน้อยผ่านการเล่าเรื่องของวิน และในบางครั้งฉันเผลอดคิดไปว่าวินคือเจ้าชายน้อยที่กำลังเล่าเรื่องของตัวเองให้ฉันฟัง การผจญภัยได้เริ่มขึ้น ในวันที่เจ้าชายน้อย ตัดสินใจออกเดินทางเพราะทะเลาะกับเจ้าดอกกุหลาบแสนงอน เจ้าชายน้อยออกเดินทางมากับนกอพยพฝูงหนึ่ง และท่องเที่ยวไปยังดาวดวงต่าง ๆ มากมาย จนมาถึงโลกมนุษย์ซึ่งเป็นสถานที่ที่เจ้าชายน้อยพบว่า ดอกกุหลาบที่อยู่บนดาวของเจ้าชายน้อยที่คิดว่ามีเพียงดอกเดียวในจักรวาลนั้น ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย เจ้าชายน้อยได้เห็นดอกกุหลาบมากมายบนโลก มากมายขนาดเกินกว่าจะนับได้ถ้วนซึ่งมันทำให้เจ้าชายน้อยรู้สึกสะเทือนใจมาก แต่เจ้าชายน้อยก็ได้ค้นพบถึงคุณค่าของเจ้ากุหลาบแสนงอนว่า ถึงแม้จะมีดอกกุหลาบมากมายบนโลกนี้ มิหนำซ้ำบางดอกยังสวยสมบูรณ์กว่าเจ้าดอกกุหลาบแสนงอนของเจ้าชายน้อยซะอีก แต่ดอกกุหลาบเหล่านั้นจะมีความสำคัญกว่าดอกกุหลาบของเจ้าชายน้อยได้อย่างไร ก็ในเมื่อดอกกุหลาบเหล่านั้นไม่ไช่ดอกกุหลาบที่เจ้าชายน้อยคอยเฝ้าดูแล ประคบประหงมเป็นอย่างดี
สิ่งที่สำคัญนั้นไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
ในเวลาต่อมาเจ้าชายน้อยก็ได้พบกับสุนัขจิ้งจอกที่ร้องขอให้เจ้าชายน้อยช่วยทำให้มันเชื่อง มาถึงตอนนี้ของเรื่องฉันอดนึกไม่ได้ว่าหากจะเปรียบเราทั้งคู่เป็นเหมือนเจ้าชายน้อยกับสุนัขจิ้งจอก ก็ยังไม่อาจจะทราบได้ว่าใครคือเจ้าชายน้อย และใครคือสุนัขจิ้งจอก.. วินได้พาเราผจญภัยไปในโลกของเจ้าชายน้อยมาจนถึงตอนสุดท้ายของเรื่อง เจ้าชายน้อยได้กลับไปยังดาวของตัวเอง ด้วยการให้งูพิษกัดตาย... เราช่วยกันตีความหมายในตอนนี้อยู่นาน ในทางคริสตศาสนา งู เป็นสัญญลักษณ์แทนกิเลส หรือ สิ่งมืดดำ เพราะในคัมภีร์ไบเบิ้ลถูกเขียนไว้ว่า งู เป็นสัตว์ที่ชี้ชวนให้อาดัม กับ อีฟ หลงผิดด้วยการยั่วยุให้ อาดัม กับ อีฟ แอบกินผลไม้ต้องห้าม จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ ทั้งคู่ ต้องมาเกิดบนโลกมนุษย์เพื่อชำระบาป ฉันแสดงความคิดเห็นตามที่เคยได้ร่ำเรียนมาในสมัยเด็ก แต่ในเรื่องนี้แล้วผมว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวกัน กับการที่เจ้าชายน้อยให้งูกัดตาย วินแย้ง ในวันนั้นเราไม่สามารถหาข้อสรุปในเรื่องนี้ได้ แต่วินได้ตั้งข้อสังเกตถึงการปรากฏตัวของงูในเรื่อง งูปรากกฏตัว ๒ ครั้ง ครั้งแรกตอนที่เจ้าชายน้อยมายังโลกมนุษย์งูเป็นสัตว์ชนิดแรกที่เจ้าชายน้อยได้รู้จักและพูดคุย ครั้งที่ ๒ คือตอนที่เจ้าชายน้อยได้ลาจากโลกนี้ไป ประเด็นที่วินทิ้งไว้ทำให้ฉันฉุกคิดมาได้ในวันหนึ่งหลังจากอ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง ฉันได้ค้นพบความหมายของงู ที่ซ่อนอยู่ในเรื่อง ... งู คือ ความตาย ในทางพุทธนั้นทันทีที่เราเกิดนั่นหมายถึงเราได้นัดหมายกับความตายเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังพทุธภาษิตที่เราได้ยินกันจนชินหูแต่ไม่เคยเห็นถึงความหมายแฝงที่ลึกซื้ง มีเกิด ก็ย่อมมีดับ สอดแทรกด้วยนัยยะว่าชีวิตคนเรานั้นควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และควรใช้ชีวิตอย่างมีสติ เรื่องราวการผจญภัยของเจ้าชายน้อยได้จบลง พร้อมกับทิ้งปริศนาเอาไว้มากมายให้ฉันได้ขบคิด เฉกเช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับวิน ฉันอาจจะเป็นเจ้าชายน้อยที่กำลังฝึกสุนัขจิ้งจอกให้เชื่องตามคำร้องขอ หรือในทางกลับกันอาจเป็นฉันเองที่เป็นสุนัขจิ้งจอกและวินคือเจ้าชายน้อย ทั้งสุนัขจิ้งจอกและเจ้าชายน้อยต่างต้องลาจากกันไปในวันหนึ่ง นั่นเพราะว่าทั้งเจ้าชายน้อยและสุนัขจิ้งจอกต่างมีหนทางที่ต้องเดินกันคนละสาย อย่างไรก็ตามวินคือคนที่ทำให้ฉันเข้าใจและรักหนังสือเล่มนี้ ฉันตัดสินใจว่าวินจะเป็นคนสุดท้ายที่ฉันมอบหนังสือเล่มนี้ให้เป็นของขวัญ เพราะ Le pettit prices คือของขวัญสำหรับคนพิเศษเท่านั้น
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2550 | | |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2550 17:49:49 น. |
Counter : 715 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เท่ารักเธอ
"แกฉันกำลังอินหว่ะ" ฉันพูด "อินอะไรวะ" เพื่อนถาม "เท่ารักเธอ เพิ่งอ่านจบเมี่อตะกี๋อะ ฉันว่าบรรยากาศของเรื่องมันเหมือนพวกเรายังไงไม่รู้ แบบว่า..อ่านเสร็จแล้วคิดถึงพวกแก แล้วฉันจะซื้อให้แกสองคน คนละเล่ม เป็นของขวัญปีใหม่" ฉันตอบ พร้อมตั้งใจแน่วแน่ว่ายังไงก็ตามจะซื้อหนังสือเล่มนี้ให้เพื่อน เพราะอ่านแล้วมันทำให้ฉันรู้สึกช่างอินเสียนี่กระไร
เท่ารักเธอเป็นหนังสือที่เขียนแบบ Base on True Story ในแง่ความงดงามทางด้านวรรณศิลป หนังสือเล่มนี้อาจทำได้ไม่ถึง หากแต่จุดเด่นของ เท่ารักเธอ อยู่ตรงเนื้อหา ที่โดนใจโดยเฉพาะคนในวัย 30 อัพ อ่านแล้วจะรู้สึกอินมาก ๆ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในท้องเรื่องนั้น จะทำให้คนวัยนี้หวนรำลึกไปถึง วันเวลาเก่า ๆ ของตัวเอง และถ้าจะให้ระบายสีให้กับหนังสือเล่มนี้ เราจะเลือกโทนสีที่ออกหม่น ๆ แต่แซมไว้ด้วยโทนสีสันที่สดใส เพราะภายใต้ความหม่นขอเท่ารักเธอนั้น แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่สุด ๆ ในทุก ๆ เรื่อง มิตรภาพระหว่างเพื่อน ความบ้าระห่ำของห้วงอารมณ์ และท้ายที่สุดคือ... ความโรแมนติกตามแบบฉบับของเท่ารักเธอ ซึ่งอาจจะไปสกิดความต่อมทรงจำในวันเก่าก่อน ของคนที่ร่วมยุคสมัยกับเหตุการณ์ในหนังสือ
Create Date : 12 มกราคม 2550 | | |
Last Update : 12 มกราคม 2550 21:24:03 น. |
Counter : 452 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หนังสืออาหารต้องทำให้อร่อย
เป็นที่ชัดเจนว่าสำนักพิมพ์แสงแดดเป็นสำนักพิมพ์ที่ครองพื้นที่หนังสือในกลุ่มตำราอาหารได้อย่างเหนียวแน่ในขณะนี้ ปัจจัยอะไรบ้างเราจะมาเริ่มไล่กันตั้งแต่
ตัวสินค้า สินค้าของแสงแดด มีความหลากหลายจับกลุ่มลูกค้าค่อนข้างกว้าง ตั้งแต่กลุ่มไฮโซ (ทำอาหารเป็นงานอดิเรก) ไปจนถึงกลุ่มทำอาหารเป็นอาชีพ แถมด้วย Product Design ก็สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย มีทั้งขนานบางเย็บแม็กซ์ ไปจนถึงขนาดปกแข็งเย็บกี่ และส่วนประกอบที่สำคัญนั่นคือ รูปแบบการ Present ที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกได้ถึงความอร่อย นั่นคือสามารถทำให้ผู้อ่านจินตนาการถึงรสชาติได้ และต้องเป็นสิ่งที่ผู้อ่านรู้สึกได้ว่าสามารถปฏิบัติได้จริง (จุดที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ)
แบรนด์ แสงแดดสามารถสร้างภาพของความเป็นมืออาชีพในด้านอาหารอย่างชัดเจน เพราะมีการแตก Content ให้เป็นมากกว่าเรื่องของสูตรอาหาร ยังมีเรื่องของสารคดีที่เกี่ยวข้องกับอาหาร แนะนำร้านอร่อย หรือการทำตัวให้เป็นศุนย์กลางในการรวบรวมสูตรอาหารจากที่ต่าง ๆ (ลองเข้าเวปแสงแดดดูค่ะ)
การจัดจำหน่าย เงื่อนไขการจัดจำหน่ายก็เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้หนังสือของแสงแดดครอบพื้นที่ในตลาด เพราะในแง่ของการจัดจำหน่ายหนังสือเล่มนั้น บางครั้งเงื่อนไขคือโอกาส ด้วยเงื่อนไขฝากขายทำให้ร้านค้ายินดีที่จะรับสินค้าของแสงแดดมาติดไว้ในชั้นหนังสือ รวมถึงเรื่องของความสม่ำเสมอในการออกสินค้า และยังไม่มีคู่แข่งรายไหนผลิตหนังสืออาหารมาเทียบชั้นกับแสงแดดได้
คู่แข่งของแสงแดด แม่บ้าน เป็นสำนักพิมพ์ที่ออกหนังสือได้ใกล้เคียง แม่บ้านจะเอานักเขียนที่มีชื่อเสียงทางด้านอาหาร หรือสูตรจากสถาบันต่าง ๆ มาทำเป็นเล่ม แต่เมื่อเทียบดูแล้วกลับพบว่าคุณภาพการผลิตของตัวสินค้านั้นแม่บ้านยังสู้แสงแดดไม่ได้ (คำว่าคุณภาพในที่นี้หมายถึง รูปเล่า อาร์ตเวิร์ค ภาพที่นำมาใช้ประกอบ)
Health&Cusince ผลิตหนังสือสอนทำอาหารที่จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป ในเรื่องคุณภาพของสินค้านั้นสำนักพิมพ์นี้กินขาด แต่สิ่งที่ทำให้ยังไม่สามารถแซงหน้าแสงแดดได้ก็คือ ความสม่ำเสมอในการออกหนังสือ ถึงแม้ว่าจะสามารถผลิตหนังสือออกมาได้หน้าตาที่สวยงามแต่มีบางสิ่งที่ยังขาดไปสำหรับสำนักพิมพ์นี้คือ ความน่าอร่อย ของเมนูที่นำเสนอนั่นเอง
Create Date : 04 ธันวาคม 2549 | | |
Last Update : 11 ธันวาคม 2549 15:35:41 น. |
Counter : 377 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หนังสือทุกเล่มมีเจ้าของ ภาค 2 (คำอธิบายว่าเหตุใดบุบเพสันนิวาสช่างเกิดยากซะเหลือเกิน)
"อันว่าเรื่องราวของชายเลี้ยงวัว กับ หญิงทอผ้าจะจบแบบสมบูรณ์ไม่ได้ หากไม่มีคิวปิดผู้ชักนำให้ทั้งสองได้มาพบเจอ"
คิวปิดในที่นี้หมายถึงผู้จัดจำหน่าย หน้าที่หลักสำคัญของ ผู้จัดจำหน่ายที่ดีก็คือต้องสามารถกระจายหนังสือได้ไว และทั่วถึง ตรงกลุ่ม นับว่าเป็นโจทย์ที่ยากมากสำหรับผู้ทำหน้าที่เป็นคิวปิดในเรื่องนี้ เนื่องจากธุรกิจหนังสือนั้นไม่เหมือนกับการขายของอุปโคบริโภคทั่วไป อย่างยาสีฟัน แฟ้บ สบู่ ซึ่งเป็นของที่ทุกคนต้องใช้ อาศัยเพียงแค่ทีมการตลาดที่เข้มแข็ง และการกระจายสินค้าให้ทั่วถึงและเพียงพอเป็นใช้ได้ ในขณะที่หนังสือนั้นเป็นเรื่องของความเฉพาะเจาะจง ไม่ใช่ทุกคนจะอ่านหนังสือเหมือน ๆ กัน ดังเช่น หญิงสาวที่มีหลากหลายรูปแบบ หลากหลายสไตร์ คิวปิดที่เก่งจะต้องมีจมูกที่แม่นยำ หากเราคิวปิดนำหญิงทอผ้าผู้สูงศักดิ์ไปอยู่ในป่าเขา และในขณะเดียวกันก็น้ำหญิงทอผ้าที่ผู้คงแก่เรียนไปไว้ในดินแดนแห่งแฟชั่น แน่นอนว่าโอกาสที่ หญิงทั้งสองจะเจอชายเลี้ยงวัวของตนคงยากเป็นแน่แท้
ดังนั้นบริษัทผู้จัดจำหน่ายที่ดีจะต้องมีการคัดเลือกร้านและหนังสือที่จะนำไปวางให้เหมาะสมสอดคล้องกับกัน นอกจากนั้น ในแต่และสถานที่ที่คิวปิดนำหญิงสาวไปนั้น ยังต้องอาศัยยานพาหนะที่แตกต่าง หากสถานที่แห่งนั้นเป็นหุบเขาการเดินทางด้วยม้าย่อมสะดวกกว่าที่จะใช้รถยนตร์ ทั้งหมดนี้เป็นเหตุที่ทำให้ระบบจัดจำหน่ายหนังสือในประเทศไทยมีเงื่อนไขการขายที่หลากหลาย เช่น ระบบฝากขาย , ฝากขายตัดบิล , ขายขาดคืนได้ , ขายขาดไม่รับคืน ฯลฯ ร้านใดจะใช้เงื่อนไขใดนั้นขึ้นอยู่กับ ทำเล เครดิต ระบบการจัดการภายในร้าน และท้ายที่สุดคือหนังสือ หากตัวหนังสือเป็นที่นิยมของท้องตลาด ผู้จัดจำหน่ายมักจะเสนอเงื่อนไขขายขาดไม่รับคืน เพราะในกรณีนี้ฝ่ายที่ได้เปรียบคือฝั่งของจัดจำหน่าย เพราะเป็นที่แน่ชัดว่าทุกร้านย่อมต้องการจะขายหนังสือ HOT เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้วผู้จัดจำหน่ายที่ดีย่อมต้องมีการคัดหนังสือวางขายให้ได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด เพื่อลดภาระปัญหาสต๊อกสินค้า และ เรื่องของยอดขายโดยรวม ดังเช่น หนังสือเล่มหนึ่งมียอดพิมพ์เริ่มต้นที่ 3,000 เล่ม หากไม่มีการคัดร้านวางแล้วจะส่งผลทำให้ไม่ได้ยอดขาย และ ปัญหาสต๊อกสินค้าตามมา ปัจจุบันหากนับเพียงแค่ร้านหนังสือชั้นนำอย่าง ซีเอ็ดซึ่งมีสาขาโดยรวม ๆ แล้วอยู่ที่ 200 เศษ ยังไม่รวม บีทูเอส ร้านนายอินทร์ จากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นได้ว่าหนังสือไม่เพียงพอต่อการกระจาย แต่การแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มยอดพิมพ์ย่อมไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องเท่าไหร่นัก เพราะหนังสือบางเล่มมีความเฉพาะเจาะจง (กลุ่มผู้อ่านแคบ) การเพิ่มยอดพิมพ์จึงถือว่าเป็นการเสี่ยงต่อความอยู่รอดของสำนักพิมพ์ ดังนั้งจึงกลายเป็นหน้าที่ของคิวปิดที่จะต้องมีจมูกที่แม่นยำในการกระจายหนังสือไปยังพื้นที่ที่ตรงกลุ่ม ด้วยระบบกลไกดังกล่าวจึงทำให้เราไม่สามารถเห็นหนังสือบางเล่มในบางร้านค้า ิคิวปิดที่เก่ง ๆ จะต้องทำให้เจ้าชาย และ เจ้าหญิงพบกันให้เร็วที่สุด นั่นคือผลกำไร แต่หากคิวปิดไม่สามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์นั่นหมายถึง การแบกภาระสต๊อกสินค้านั่นเอง
Create Date : 23 พฤศจิกายน 2549 | | |
Last Update : 11 ธันวาคม 2549 15:43:16 น. |
Counter : 334 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
หนังสือทุกเล่มมีเจ้าของ
"เชื่อไหมกับคำพูดที่ว่า หนังสือทุกเล่มมีเจ้าของ หากแต่ว่าระหว่างทางที่หนังสือกับเจ้าของจะได้เดินทางมาพบกันนั้นใช้ระยะเวลาในการเดินทางนานเท่าไหร่ ระหว่างทางผ่านอะไรมาบ้าง กว่า ชายเลี้ยงวัว กับ หญิงทอผ้าได้เดินทางมาบรรจบกัน"
กระบวนกว่าที่หนังสือเล่มหนึ่งจะถึงมือผู้อ่าน ถ้าตัดขั้นตอนผลิตออก และมาเริ่มต้นเรื่องที่ เมื่อหนังสือพิมพ์เสร็จจากโรงพิมพ์ หนังสือจะถูกส่งต่อให้กับสายส่งหนังสือ หรือเรียกกันในนามที่เป็นทางการว่า บริษัทจัดจำหน่าย ซึ่งในปัจจุบันบริษัทจัดจำหน่ายหนังสือมีอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีข้อดีและเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทนั้น ๆ มีธุรกิจที่แตกแขนงอะไรออกไปบ้าง บริษัทจัดจำหน่ายบางบริษัทก็ก่อตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่จัดจำหน่ายหนังสือของตนเอง แต่ไม่มีหน้าร้านเป็นของตนเอง เช่น บริษัทงานดี เคล็ดไทย เป็นต้น ผู้จัดจำหน่ายอีกประเภทที่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เช่น ซีเอ็ด อมรินทร์ ศูนย์หนังสือจุฬา เป็นต้น สำนักพิมพ์เล็ก ๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะเลือกผู้จัดจำหน่ายที่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เพราะอย่างน้อยนั้นก็จะมั่นใจได้ว่าถ้าหาหนังสือไม่เจอตามร้านทั่วไป ยังไงเสียก็จะต้องเห็นที่หน้าร้านของบริษัทผู้จัดจำหน่ายเองแน่ หลังจากที่ผ่านบริษัทจัดจำหน่ายมาแล้วนั้น ขั้นต่อมาหนังสือก็จะถูกส่งไปยังร้านค้าต่าง ๆ
ในปัจจุบันนั้นจะพบว่าวันหนึ่ง ๆ หนังสือที่ออกใหม่มีเป็นจำนวนมาก แตกต่างเมื่อก่อน ดั้งนั้นหนังสือที่ออกใหม่นั้นจะได้รับการโชว์ในจุดดึงดูดสายตาไม่เกิน 1 สัปดาห์ หากยอดขายไม่ดี หนังสือเล่มนั้นก็จะถูกนำไปวางในชั้นวางหมวดหมู่นั้น ๆ โดยปริยาย
สาเหตุที่เป็นอุปสรรคระหว่าง ชายเลี้ยงวัว กับ หญิงทอผ้า ในร้านหนังสือมีดังต่อไปนี้
ชายเลี้ยงวัวมายังทางช้างเผือกเพื่อตามหาหญิงทอผ้าตามเวลานัดหมาย แต่ปรากฏว่าทั้งคู่ไม่อาจพบกันสาเหตุนั้นเนื่องมาจาก
หญิงสาวไม่ popular เท่าที่ควร ไม่ใช่คนของประชาชน หญิงสาวมีบุคคลิกภาพเฉพาะตัวสูง จึงไม่ได้ถูกโชว์ในจุดที่เตะตาผู้คนเท่าไหร่นัก หรือในบางครั้งฉายาของหญิงสาวอาจจะทำให้คนจัดหนังสือไขว่เขวนำไปวางไว้ผิดหมวดหมู่ สิ่งหนึ่งที่เจ้าชายจะพึงกระทำเพื่อให้ได้พบกับหญิงสาวของตนคือ การถามไถ่กับเด็กหน้าร้าน ซึ่งถ้าโชคดีถามเด็กที่ทำงานมานาน และเอาใจใส่กับงานที่ทำเจ้าชายก็จะได้พบกับหญิงสาว แต่ถ้าหากโชคร้ายที่เด็กหน้าร้านคนนั้นเป็นเด็กที่มาใหม่ หรือเป็นเด็กที่ไม่ใส่ใจกับงานก็จะทำให้ทั้งคู่ไม่ได้พบกัน.....วันเวลาผ่านไป หญิงสาวคนใหม่เกิดขึ้นมากมาย หญิงสาวที่มาอยู่ก่อนก็ต้องขยับขยายพื้นที่ไปยังส่วนต่าง ๆ ในร้านค้าซึ่งถ้าหากเจ้าชายยังหาตัวของหญิงสาวไม่พบ หญิงสาวก็อาจจะถูกส่งกลับไปยังที่ที่เคยจากมา และเฝ้ารอว่าวันหนึ่งเจ้าหญิงจะออกมาปรากฏอีกครั้งหนึ่ง
ทุก ๆ ปีจะมีการจัดงานเฉลิมฉลอง เป็นงานที่หญิงสาวทุกคนจะได้ออกมาอวดโฉม โอกาสของ ชายเลี้ยงวัว กับ หญิงทอผ้า จะได้มาเจอกันได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง หากโชคร้ายเกิดขึ้นตรงที่จะมีชายจำนวนมากมายที่มางานนี้เพื่อตามหาหญิงทอผ้าของตน อาจจะทำให้บางคนท้อที่จะฝ่ากระแสผู้คนเพื่อเสาะหาหญิงสาว บางคนมีกลวิธีในการเสาะหาหญิงสาว นั่นคือ การจดจำแหล่งที่มาของหญิงสาวและออกตามหาไปยังบูธที่หญิงสาวอยู่เรื่องนี้ก็จะจบลงแบบ Happy Ending แต่บางคู่ไม่เป็นเช่นนั้น บางคู่ไม่หากันไม่เจอ จนในที่สุดแหล่งสุดท้ายที่จะตามหาเจ้าหญิงนั้นคือ ณ สถานที่อันลึกลับ นั่นคือร้านขายหนังสือมือสอง
ท้ายที่สุดนี้ขอให้ชายเลี้ยงวัวทุกท่านตามหาหญิงสาวของตัวเองพบ
ปล. ชื่อเรื่องของมอบเครดิตให้กับผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เรานับถือ
Create Date : 30 ตุลาคม 2549 | | |
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2549 8:07:27 น. |
Counter : 364 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|