ทำบะจ่างอีกแล้วหน้าเทศกาลบะจ่าง หรือวันไหว้บะจ่างมาถึงอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเราเอง เพิ่งรู้จากคุณนายแม่ ที่โทรมาถามเมื่อบ่ายวันะุธ ว่าจะทำบะจ่างหรือเปล่า จึงได้รู้ว่าวันเสาร์จะเป็นวันไหว้แล้วปรกติเราทำตามอารมณ์อยากกิน ตอนไหนก็ตอนนั้น ไม่มีเทศกาล..ได้คุยกับคุณโอ แห่งบ้านเนินน้ำ เรื่องนี้ แล้วได้ยินว่าคุณโอก็จะทำไหว้เหมือนกัน แถมยังอิจฉาตาร้อนที่มีคนแอบกระโดดร่มกลับไปบ้านครึ่งวันเพื่อทำอีกด้วย..ไปชมบะจ่างแบบห่อใบไผ่บ้านเนินน้ำได้ที่นี่ค่ะก่อนหน้านั้น น้องหนึ่ง Adrenalinerush ก็ทำแบบไม่ห่อ ออกมาหน้าตาสะสวยเชียวค่ะ ไปดูได้ที่นี้ค่าเราทำแบบไม่ห่อ เพราะห่อไม่เป็นค่ะ ไม่สามารถ อันที่จริง คุณนายแม่เรา เป็นคนที่ห่อบะจ่างได้เลิศมาก ๆ บะจ่างของแม่เราจะใช้วิธีต้มค่ะ ไม่ได้นึ่ง แสดงถึงฝีมือการห่ออันสุดยอด ไม่มีการน้ำเข้าค่ะบะจ่างตำรับที่เราทำ ก็มาจากแบบที่แม่ทำ เข้าใจว่าคงเป็นสไตล์แต้จิ๋วแบบนึง ที่จะไม่มีส่วนผสมของไส้หวานในห่อ เครื่องปรุงหลัก ๆ ที่ให้รสชาดของบะจ่างแบบนี้ คือหัวไชโป๊วแห้ง กระเทียม พริกไทยและรสชาดจากส่วนผสมอื่น ๆ ที่มารวมกันเป็นบะจ่างตำรับคุณนายแม่ครั้งล่าสุดที่ทำ ลองใช้ข้าวเหนียวกล้อง ปรากฎว่าออกมาไม่เหนียว ไม่เหมือนบะจ่างเลย แต่ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบคราวนี้ใช้แบบข้าวเหนียวขาวค่ะ ใครอยากลองสุตรนี้ตามมาดูได้ค่ะส่วนผสมข้าวเหนียวเขี้ยวงูใหม่ 2 กิโล แช่น้ำ 2-3 ชั่วโมง ข้าวเหนียวมีส่วนสำคัญที่จะทำให้บะจ่างอร่อยค่ะกระเทียมไทยหัวกลาง 300 กรัม สับละเอียด ติดเปลือกบ้างไม่เป็นไรค่ะ หอมดีหัวไชโป๊วแห้ง 400 กรัม ล้างให้สะอาด สับละเอียดแล้วล้างน้ำทิ้งหลาย ๆ ครั้ง บีบให้สะเด็ดน้ำเนื้อไก่ส่วนสะโพก หั่นเล็กๆ 400-500 กรัม ชอบมากน้อยแล้วแต่ค่ะ หมักเกลือนิด ซีอิ๊วหน่อย พริกไทยพอประมาณ พักไว้ก่อนมีคนไม่กินหมูในบ้านเลยใช้ไก่แทนค่ะเห็ดหอมแห้ง แช่น้ำให้นุ่มหั่นชิ้นบาง 200-300 กรัมถั่วลิสง 500 กรัม แช่น้ำหนึ่งคืนก่อนต้มให้นุ่มกุ้งแห้ง 200 กรัม หรือแล้วแต่ความชอบซีอิ๊วขาวเกลือ พริกไทยบด เยอะ ๆไข่แดงของไข่เค็ม ผ่าครึ่งลูก จำนวนตามชอบวิธีทำ- หลังจากเตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อย เราเริ่มจากตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย พอร้อนใส่เห็ดหอมที่เตรียมไว้ลงไปผัดก่อน- พอเห็ดหอมเริ่มเปลี่ยนสี ใส่เกลือทะเลลงไป ตามด้วยซีอิ๊วขาวนิดหน่อย เพื่อปรุงรสให้กับตัวเห็ด ให้มีรสชาด ผัดจนเนื้อเห็ดแห้ง และมีสีสวย ตักขึ้นพักไว้ก่อน- ตั้งกระทะอีกครั้ง ใส่น้ำมันพอประมาณ ใส่เนื้อไก่ที่เตรียมไว้ลงไป สักครู่ค่อยเริ่มกลับเนื้อไก่ในกระทะ เติมเกลือ พริกไทยแยะ ๆ ซีอิ๊วขาว เราเพิ่มสีให้กับเนื้อไก่ ด้วยซีอิ๊วดำเล็กน้อย เพราะถ้าปรกติใช้หมู สีคงจะเข้มกว่านี้ ปรกติคุณนายแม่เราจะใช้ซอสแม้กกี้เพิ่มในส่วนของหมูผัดเค็มนี้ แต่เราไม่ค่อยชอบค่ะ เลยไม่ได้ใช้ผัดจนเนื้อไก่แห้ง และมีสีสวย พักไว้- ตั้งกระทะใส่น้ำมันเยอะพอสมควร พอร้อนใส่กระเทียมลงไปผัดให้หอม- พอกระเทียมเริ่มเปลี่ยนสีเล็กน้อย ใส่หัวไชโป๊วสับละเอียดลงไปผัดด้วย- พอกระเทียมและหัวไชโป๊วหอม และโดนน้ำมันและความร้อนสัมผัสจนทั่ว ใส่ข้าวเหนียวที่แช่น้ำและสะเด็ดน้ำเรียบร้อยแล้วลงไปผัดในกระทะ ให้ข้าวเข้ากับเครื่องปรุงและน้ำมันที่อยู่ในกระทะทั่ว ๆ ปรุงรสข้าวด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว และพริกไทย ส่วนพริกไทยนี้ใส่เยอะ ๆ จะทำให้ข้าวหอม แต่ต้องระวังว่าถ้าใส่ในไก่ผัดเค็มเยอะแล้วจะเผ็ดเกินนะคะ อันนี้แล้วแต่ความชอบค่ะผัดจนข้าวโดนความร้อน และเปลี่ยนสี ตรงนี้ใช้เวลาสักพักนะคะ- เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ผสมส่วนผสมทุกอย่างที่เตรียมไว้เข้าด้วยกัน ยกเว้นไข่แดงของไข่เค็ม คนให้ทั่ว ๆ เราทำบะจ่างอยู่ในเทศกาล หาซื้อไข่แดงไข่เค็มได้ง่าย มิฉะนั้นต้องดองเอง ปรกติชอบทำไข่เค็มเองค่ะ ไม่ค่อยชอบซ์ื้อ แต่คราวนี้ซื้อค่ะผ่าครึ่งรอไว้- เราใช้วิธีแบ่งนึ่งทีละส่วนในหวดไม้ไผ่ แบบที่ใช้นึงข้าวเหนียว วิธีนี้เร็วที่สุด ใช้เวลาล็อตละประมาณ 20 นาที ก็สุกแล้วค่ะ ก่อนนึ่ง ก็ใส่ไข่แดงไข่เค็มลงไป กะประมาณให้สมดุลกับข้าวเหนียวที่นึ่งค่ะ จัดให้กระจาย ๆ ไปทั่วๆ หรือบางคนอาจใช้วิธีนึ่งไข่เค็มต่างหาก แล้วเอามาโรยหน้าตอนเสิร์ฟก็น่าจะได้นะคะเห็นน้องหนึ่งเอาบะจ่างที่นึ่งแบบนี้ อัดใส่ถ้วย เคาะออกมาใส่จาน ดูสวยดี เลยขอก๊อบซะหน่อย เราคิดว่าเราน่าจะแช่ข้าวเหนียวไม่ค่อยนาน ดูเหมือนข้าวจะแข็ง แต่ก็ไม่แข็งนะคะ - หลังจากใส่จานไปไหว้เรียบร้อยแล้ว ก็เอามากินเป็นอาหารเช้าซะเลยอาหารเช้า(ตอนสาย) อาหารกลางวัน (ตอนบ่ายสี่โมง) และคงจะเป็นอาหารอีกหลายมื้อค่ะ แฮ่ะๆทำน้อย ๆ ไม่เป็นเอามาใส่ในกระติบไม้ไผ่สานแบบนี้ ก็จะนุ่มได้นาน ไม่ต้องอุ่นบ่อย บะจ่างสไตล์นี้ จะไม่มีรสออกหวาน เพราะไม่ได้ใส่เผือกกวน หรือแปะก้วย เกาลัด แต่จะเก็บได้นาน เราเข้าใจว่าสูตรแบบนี้ มาจากสมัยก่อนที่การทำบะจ่างเป็นวิธีการถนอมอาหารแบบหนึ่ง ที่ห่อใบไผ่แล้วอากาศไม่เข้า ทำให้เก็บไว้ได้นานในอากาศเย็น ๆ จึงไม่ค่อยมีส่วนผสมที่จะทำให้เก็บไว้ได้ไม่นาน มีความสุขทุก ๆ วันกับการทำอาหาร ไม่ว่าจะมีเทศกาล หรือไม่มีก็ตามนะคะเราเองก็ค้นพบว่า การลุกขึ้นทำอาหารอะไรตามเทศกาลของเขานี่ มันหาซื้อของง่ายจริง ๆ เชียว ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยสนใจทำอะไรแบบนี้ นึกอยากทำทีไร มันหาของได้ลำบากยากเย็นซะเหลือเกิน ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่นี้นะคะ