Snow Taro ..อยากเป็น เผือกหิมะ..
ทำเผือกหิมะ ให้สีเหมือนหิมะ ?
ไม่เหมือนหรอกค่ะ เพราะเราใช้น้ำตาลทรายแร่ หรือน้ำตาลทรายชนิดไม่ฟอกสีนั่นเอง แล้วแถมยังชอบทอดเผือกให้สีออกเข้มหน่อยด้วย
เผือกหิมะตรงไหนเนี่ย
ซื้อเผือก(หอม ?) มาจากตลาดตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ..เดือนที่แล้ว !!! เชื่อไหมว่ามันยังคงสภาพอยู่ แถมตอนแรก เวลาผ่านไปสองสามสัปดาห์ เราไปถามหากับคุณแม่บ้าน เธอทำหน้างง ๆ ทำให้เราเสียเซลฟ์เป็นอันมาก เพราะคิดว่าตัวเองฝันไปว่าซื้อเผือกเอาไว้ หรือไม่ คุณเธอก็อาจจะโยนทิ้งไปแล้ว เพราะมันหมดสภาพ อะไรทำนองนั้น
อีกสองสามวันหลังจากนั้น เผือกหัวนั้น ก็แอบมาปรากฎตัวอย่างเงียบ ๆ บนเคาน์เตอร์ในครัวหลังบ้าน อ่ะแน่ะ เล่นกลซ่อนหาได้ด้วยเหรอตัวเอง..
ที่แท้คุณแม่บ้านมาสารภาพว่าเธอลืมไป ว่าเอาไปยัดใส่ไว้ในตู้เย็นของอีกบ้าน (บ้านพี่สาว ห่างไปสองสามหลัง) ทั้งนี้ คงนึกภาพออกนะคะ ว่าตู้เย็นสองใบของบ้านข้าพเจ้า มีอาการใกล้ระเบิดเต็มแก่ จนข้าวของหลายอย่าง ต้องลุกลามไปจับจองพื้นที่ตู้เย็นบ้านคนอื่นเขาแล้ว
ได้มาแล้วก็รีบดำเนินการ เนื่องจากหัวเผือกค่อนข้างใหญ่ โดนแบ่งเอาไปทำสาคูเปียกเผือกไปก่อนรอบหนึ่ง เป็นขนมหวานสำหรับสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนที่เหลือ ตั้งใจจะทำเผือกหิมะนี่แหละ เพราะคนข้าง ๆ ตัวโปรดปราน แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักที จนวันนี้ คุณแม่บ้านเดินมาบอกด้วยสีหน้าซีเรียสว่า ต้องทำแล้ววันนี้นะคะ มันจะสิ้นอายุจริง ๆ แล้ว เพราะหั่นแล้ว..
ได้ฤกษ์ซะที
ส่วนผสม และวิธีทำไม่มีอะไรยุ่งยาก ง่าย ๆ กะเอาก็พอได้
- เผือก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมยาว ตามต้องการ - น้ำมันสำหรับทอดเผือก เราใช้น้ำมันปาล์ม เพราะมีความทนต่ออุณหภูมิสูงมากกว่าน้ำมันชนิดอื่น - น้ำตาลทรายชนิดไม่ฟอกสี - ดอกเกลือเล็กน้อย
เริ่มต้นทำกันนะคะ
- เตรียมเผือก ล้าง ปอก หั่น เป็นแท่งยาว อันนี้เราไม่ได้หั่นเองนา..มีคนเตรียมให้ ยาวเชียว
- ตั้งกระทะใส่น้ำมันค่อนข้างเยอะ ให้ปริมาณสมดุลกับเผือกนะคะ ใช้ไฟกลาง พอน้ำมันร้อนได้ที่ ใส่เผือกที่สะเด็ดน้ำแล้วลงไป ถ้าชิ้นเผือกไม่แห้งระวังน้ำมันกระเด็นใส่นะ
- ทอดจนได้เผือกสุก อันที่จริงใช้เวลาไม่นานค่ะ เผือกค่อนข้างสุกง่าย ทั้งนี้อยู่กับความชอบว่าต้องการให้ได้ความกรอบระดับไหน พูดง่าย ๆ คือตามใจคนทำนั่นเอง
- ตักเผือกที่ทอดแล้วขึ้นพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมันสักหน่อยค่ะ
- ใช้กระทะใบเดิม รินน้ำมันออกให้หมด
- เติมน้ำลงในกระทะ กะปริมาณให้พอดี ตามด้วยน้ำตาลทราย สัดส่วนน้ำต่อน้ำตาลทราย โดยประมาณ 1 : 3/4 เราเติมดอกเกลือลงไปนิดหน่อย
- ใช้ไฟกลาง ๆ เคี่ยวจนได้น้ำเชื่อม ไม่ต้องเหนียวมากนะคะ
- ใส่เผือกที่พักไว้ลงไปคลุกกับน้ำเชื่อมในกระทะ ตรงนี้ใช้ความเร็วหน่อยนะคะ
- คลุกให้น้ำเชื่อมเคลือบชิ้นเผือกทั่ว ๆ กัน
- ถึงตรงนี้ ถ้าใครชอบแบบน้ำเชื่อมยังเหนียว ๆ อยู่ ก็หยุดได้แค่นี้เหมือนกัน บางบ้านจะชอบโรยต้นหอมเฉพาะส่วนใบเขียว ๆ หั่นฝอยโรยลงไปด้วย แต่เราไม่ค่อยชอบ สมัยก่อน นานมาแล้ว บางบ้านใส่ผิวส้ม หรือกลิ่นผิวส้ม ที่เรียกว่า "เช้ง" ลงไปในเผือกชนิดนี้ด้วย เราไม่ชอบเหมือนกันค่ะ
- แต่ถ้าอยากให้น้ำตาลแห้งเกาะชิ้นเผือกเป็นเกล็ด พอน้ำเชื่อมเริ่มงวดลงพอดีกับชิ้นเผือก ให้ปิดไฟในเตาได้เลยค่ะ แล้วคน ๆ พลิกชิ้นเผือกในกระทะให้ทั่ว ๆ จนได้ชิ้นเผือกที่มีเกล็ดน้ำตาลเคลือบแบบนี้ และแห้งดี
- กินตอนร้อน ๆ ...ระวังปากพองค่ะ ฮ่า ๆ พักสักครู่ เสิร์ฟได้ อย่าทิ้งไว้นาน เพราะน้ำตาลจะไม่แห้งอีกต่อไป จะกลายเป็นน้ำตาลเหนียว ๆ
เราใช้วิธีทอดเผือกทีเดียวทั้งหมด แต่แบ่งเอามาเคลือบน้ำตาลเท่าที่จะเสิร์ฟแต่ละครั้ง เพราะเหตุผลข้างบนนั่นแหละ เวลาจะกิน ก็เอาเผือกมาอุ่นในกระทะให้ตึง ๆ ตัวหน่อย แล้วค่อยเคลือบน้ำตาล ใช้เวลานิดเดียวค่ะ
อร่อยดี การกินพืชที่เป็นหัวเกิดจากดิน ทำให้ได้แร่ธาตุจากดินที่ดีหลายตัว บางตำราว่า เหมือนได้พลังจากความอบอุ่นของผืนแผ่นดิน พวกพืชผักที่ปลูกโดยวิธีใช้น้ำ Hydroponic เราเองไม่ค่อยชอบซื้อเท่าไหร่ แม้จะดูสะอาดน่ากิน
เพราะพืชพวกนั้น จะขาดสารอาหารบางอย่างที่จะได้จากการปลูกในดินเท่านั้นค่ะ รสชาดก็ไม่เหมือนกันด้วย
เป็นขนมที่ทำง่าย และใช้เวลาน้อย ส่วนผสมน้อยอย่าง แถมวัตถุดิบยังทนทาน เก็บได้นานอีกด้วย ..ประการนี้ชอบที่สุด แต่ต้องได้เผือกที่แก่จัด จะไม่เสียง่ายนะคะ
ขอให้มีความสุข และสนุกสนาน กับการทำในสิ่งที่รัก ให้กับคนในครอบครัว สิ่งที่ได้มากกว่าความอร่อย คือความรู้สึกดี ๆ ของคนกิน ที่รู้ว่าคนทำ ทำให้กินอย่างตั้งใจนะคะ
ขอบคุณทุก ๆ ท่านที่แวะมาใช้เวลาด้วยกัน ณ ที่ตรงนี้ค่ะ
Create Date : 19 กันยายน 2555 |
Last Update : 19 กันยายน 2555 23:03:50 น. |
|
53 comments
|
Counter : 7810 Pageviews. |
|
|
แหะ ไม่เคยกิน
อร่อยมั้ยคะ คงจะหวานๆมันๆ
กินเล่นคงเพลินน่าดู กินไม่เลิกแน่
เราเคยซื้อเผือกมาทิ้งไว้ โยนๆไว้น่ะค่ะ
ไม่มีเวลาทำ มาดูอีกที เผิอกมันนิ่มๆ คล้ายๆจะเสีย
ด้วยความเสียดาย มันแพงอ่ะ
ค่อยๆเล็มๆไอ้ที่เสียๆออก สุดท้าย แทบไม่เหลืออะไรเลย เสียเวลานั่งเล็ม
เสียเงินด้วย โมโห หลายอย่างเลยค่ะ
เช่น หัวไชเท้า มะละกอดิบ ผักคะน้า มะม่วงดิบ ถั่วงอก
คือของพวกนี้ต้องไปซื้อร้านเวียดนาม
นานๆไปที เพราะมันไกล ก็ชอบตุน
สุดท้ายลงถุงขยะไปทั้งนั้น คิดแล้วเจ็บใจตัวเอง
เอ เราได้เจิมรึป่าวเนี่ย