Das Gesicht eines Menschen erkennst du im Licht, seinen Charakter im Dunkeln.
Group Blog
 
All blogs
 

BMW-Welt

สำหรับแฟนรถหรือบรรดาผู้ที่ชื่นชอบรถเยอรมันยี่ห้อนี้คงจะได้ยินข่าวที่ประโคมทั้งทางหน้าหนังสือพิมพ์
ในโทรทัศน์ วิทยุหรือบนจออินเตอร์เน็ทว่า
ฺBMW-Welt หรือว่าโลกของ BMW ในที่สุดก็เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการหลังจากการสร้างมานับปี

พอดีเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วหยุดแล้วไม่ได้วางแผนplanวันว่าง เลยชวนคุณชายไปดู

คิดในในตั้งแต่แรกแล้วว่า วันอาทิตย์คนต้องแน่นแน่ๆแม้จะเป็นวันที่สองของการเปิดงาน เพราะที่นี่วันอาทิตย์ถือเป็นวันพักผ่อน มีแต่โรงหนัง ร้านอาหาร พิพิธพรรณและโบสถ์เท่านั้นที่เปิดทำการ
จากวันอาทิตย์ที่น่าเบื่อ พอมีงานแสดงอย่างใหญ่โตแบบนี้ ก็แห่กันไปชม คนที่นี่ก็ขี้เห่อเหมือนคนบ้านเรานั่นแหละ

พอไปถึง โอโห้... ไม่ใช่สถาปัตยกรรมที่พิเศษล้ำเลิศหรอกที่ทำให้คนที่ไปถึงตกอกตกใจ บางคนถึงกับอ้าปากค้าง
แต่เป็นจำนวนคนที่ต้องเข้าคิวรอหน้างานอย่างกะรอเข้า clubดังๆอย่างนั้นแหละ ฝนก็ตก อุณหภูมิก็ตกลงต่ำกว่าศูนย์องศา(ปีนี้ลมขั้วโลกเหนือพัดมาเร็วกว่าปกติ)

รอคิวประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงได้ในที่สุดก็ถูกเชิญเข้าไปข้างใน
ปากที่สั่นเพราะความหนาวก็หันมาอ้าค้างเหมือนคนอื่นบ้างกับจำนวนคนที่ล้นหลามยังกะรังปลวก
คนเป็นพันๆได้มั้งที่เบียดกันอยู่ในงานเหมือนBMWจะแจกผ้าห่ม ข้าวสารอาหารแห้ง(เหมือนงานกาชาดที่บ้านนอกสมัยเด็ก) แล้วรถที่เค้าตั้งโชวว์ก็ดูได้แต่ตา มืออย่าต้อง
ราคาไม่เห็นจะติดไว้ที่ไหน(สงสัยกลัวจะขายไม่ออกเพราะราคาจะปิดบังความเริ่ดหรู มีรสนิยม)

จุดที่น่าสนใจจุดเดียวก็เป็นที่เทคโนโลยีการประหยัดพลังงานที่ถูกนำแสดงอย่างละเอียดละออและน่าสนใจ แต่อ่านยังไงก็เข้าใจยากเพราะไม้ได้เรียนมาด้านนี้และไม่ใช่คนในวงการ

สำหรับคนที่อยากรู้อยากเห็นลองclick ไปดูได้ที่ //www.bmw-welt.com
มีภาคภาษาอังกฤษด้วยค่ะ




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2550    
Last Update : 30 ตุลาคม 2550 2:23:26 น.
Counter : 431 Pageviews.  

ชีวิตคนต่างแดน2 /เกลียดเด็ก(วัยรุ่น)

คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นเด็กวัยรุ่นเหล่านี้

ที่มักจะเรียกร้องความสนในจากคนรอบข้างเสมอไม่ว่าจะอยู่บนรถไฟ ตามท้องถนน ศูนย์การค้า หน้าโรงเรียน สนามเด็กเล่น ฯลฯ

วิธีการเรียกร้องความสนใจก็มักจะเป็นการหยอกล้อกันด้วยแรงเสียงที่มากกว่า 100 dB หรือด้วยการเปิดเล่นเพลงห่วยๆผ่าน loudspeaker ของ mobile phone ซึ่งเป็นที่น่ารำคาญมากสำหรับผู้ร่วมโดยสารรถไฟ หรือว่าการตะโกนล้อเลียนคนที่เดินผ่านไปมา
โดยเฉพาะคนเอเชียตัวเล็กๆอย่างพวกเราจะตกเป็นเหยื่อบ่อยครั้ง
ตัวเองเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เจอมา
ตอนเดินกลับบ้านหลังเลิกเวรเช้า ประมาณบ่ายสองกลางวันแสกๆ ที่จริงเห็นมาแต่ไกลแล้วล่ะพวกสวะพวกนั้นที่ส่งเสียงเโห่ร้องมาแต่ไกล พอจะเดินผ่านก็มีเด็กวัยรุ่นคนนึงเดินดึ่งตรงมาหา คิดในใจถ้า(มัน)ไม่มาขอทานเศษเงินก็มาถามขอบุหรี่

ด้วยความที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอสถานการณ์แบบนี้ก็เลยไม่ได้แสดงความสนใจและพยายามจะเดินเลี่ยงไป
ปรากฎว่าเด็กคนนั้นก็เกิดอาการหน้าแตกต่อหน้าแกงค์ แต่จะทำอะไรก็ไม่ได้ ลองมาทำดูสิ เจ๊จะตีด้วยร่มหัวแตกตายเลย แล้วไม่โทรเรียกหมอให้ด้วย ไม่รู้ซะแล้วว่าใครเป็นใคร

เฮ้อ... ถ้าทำได้จริงๆนะ

พอทำอะไรไม่ได้ ไอ้เด็กคนนั้นก็ตะโกนตามหลัง "Furzi" ซึ่งเป็นคำแสลงที่นี่และแปลออกเป็นไทยคร่่าวๆก็ "E เวร" ประมาณนั้น
นึกในใจอีกทีก็อยากจะ

ดีที่แม่สอนไว้ "อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ"




 

Create Date : 03 ตุลาคม 2550    
Last Update : 11 ตุลาคม 2550 1:45:57 น.
Counter : 1553 Pageviews.  

ชีวิตคนต่างแดน

ีที่เยอรมันมีรายการข่าวรายการหนึ่งที่ติด top ten มาตั้งแต่ไหนแต่ไร นั่นคือ die Tagesschau ทาง ARD ซึ่งออกรายการเป็นประจำตั้งแต่ 20 น.ไปจนถึงประมาณ 20.15 น.



ีwebsite ของทางสถานีโทรทัศน์คือ //www.tagesschau.de มีเทปวิดีโอของรายการที่ถูกนำเสนอไปแล้วไว้ให้โหลดมาดู คงจะน่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังเรียนภาษาเยอรมันอยู่หรือต้องสอบ Hörverstehen ฟังๆไปให้ชินหูเวลาสอบจะได้ไม่ตกใจ

ส่วนมากข่าวภาคค่ำที่นี่นำเสนอเรื่องทั่วไปที่ชาวบ้านชาวเมืองกำลังสนใจอยู่ ช่วงนี้ก็อย่างเช่น การประท้วงนองเลือดที่ประเทศพม่า เรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อม('türlich, 'türlich!) เรื่อง Transrapid (รถไฟรางแม่เหล็กความเร็วสูง)ของมิวนิค แล้วก็เรื่องการเมือง
นักการเมืองที่นี่ขยันขันแข็งมาก เกือบทุกวันจะมีการนำเสนอความคิดเห็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย พอกลุ่มนักการเมือง(Fraktion)ในรัฐสภาซึ่งที่นี่ก็คือ Bundestag ออกมาแสดงความคิดเห็นก็นำมาสู่การโต้แย้งในสภา blah blah blah.. เห็นทีไรอดคิดไม่ได้ว่าพวกเค้าหัวใจวายตายคาสภาสักวัน

เมื่อสองสามเดือนที่แล้วเค้านำเสนอเรื่องการเปลี่ยนแปลงกฎหมายคนเข้าเมืองโดยเฉพาะกลุ่มที่ย้าย
ตามครอบครัว(Familiennachzug)ต้องผ่านการทดสอบความรู้ด้านภาษาเยอรมันในประเทศบ้านเกิดก่อนถึงจะได้รับอนุญาตเข้าเมือง
โดยช่วงที่นำเสนอ เค้าได้เน้นถึงกลุ่มคนตุรกี
โอ้โห กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเพราะคนตุรกีที่นี่เค้าถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม บิดบังโอกาสของเพื่อนร่วมโลก (เค้านำเสนออย่างนี้จริงๆใน Türkiye หนังสือพิมพ์ภาษาตุรกีที่นี่)

ที่จริงกฎหมายคนเข้าเมืองหัวข้อ Familiennachzug นี้รัฐบาลเยอรมันได้คิดผิดมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มิอย่างนั้นแขกตุรกีถึงไม่ล้นเมืองแบบนี้หรอก
ก็เรื่องมันมีอยู่ว่า หลังสงครามโลกชาวเยอรมันต้องการแรงงานเป็นอย่างมากเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม มาเป็น Gastarbeiter ช่วงแรกๆก็เป็นพวกอิตาเลี่ยน พอเศรษฐกิจที่ „la bella Italia“เจริญ เค้าก็กลับไปบ้านเกิดเมืองนอนกันเกือบหมด ตัวเลือกถัดไปก็พวกแขกตุรกีนี่แหละ แต่พวกนี้เค้าเป็นครอบครัวใหญ่และไม่อยากจะพลัดพรากออกจากกัน ทางเยอรมันเลยเสนอว่า ถ้าผู้นำในครอบครัวได้วีซ่าทำงานที่นี่แล้ว เค้าสามารถนำครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เช่นกัน ผลก็เลยออกมาว่า จากวีซ่าทำงานเพียงคนเดียวเค้าก็หิ้วทั้งตระกูลอพยพมาวางรากฐานที่นี่ซะ
กลุ่มที่อพยพย้ายมากับครอบครัวนี้โดยเฉพาะผู้หญิงต้องมาเผชิญกับปัญหาการปรับให้เข้ากับวิถีชีวิต
โลกตะวันตก โดยเฉพาะปัญหาด้านภาษาซึ่งผู้หญิงเหล่านี้น่าสงสารมาก เค้าจะออกไปเรียนภาษาคนเดียวไม่ได้หากไม่มีสามีหรือคนในครอบครัวไปด้วย ที่บ้านภาษาที่ใช้คือภาษาถิ่น ทีวีเยอรมันก็ถูกห้ามไม่ให้ดูเพราะมีฉากโป๊เยอะ แล้วเค้าจะเอาโอกาสไหนไปเรียนภาษา เวลาไม่สบายไปหาหมอหรือต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลมักจะเกิดปัญหาในการสื่อสารระหว่างคนไข้ หมอและพยาบาล แม้บางโรงพยาบาลได้หาทางแก้ปัญหานี้ด้วยการจัดหาล่ามมาช่วยแปลแต่ก็ไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลสามารถ
แบกภาระค่าใช้จ่ายส่วนเกินนี้ได้ อีกทั้งทางประกันสุขภาพก็ปฏิเสธที่จะออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ พวกคนตุรกี
คงแอบคิดน้อยใจว่า พวกเค้าถูกกีดกันออกจากสังคมถูกตราหน้าเหมือนกับเป็นส่วนเกินทั้งๆที่เยอรมันเป็นประเทศเสรีแต่ลึกๆ
แล้วเค้าก็ยังมีประเพณีที่ไม่ปรากฎเป็นตัวอักษรอยู่






แล้วจะมาเล่าต่อวันหลัง




 

Create Date : 27 กันยายน 2550    
Last Update : 28 กันยายน 2550 1:40:17 น.
Counter : 825 Pageviews.  

die Wies'n : Oktoberfest

เคยเขียนเรื่องวัฒนธรรมการดื่มเบียร์ของคนบาวาเรียไปแล้ว ช่วงนี้เป็นเทศกาล Oktoberfest ดิฉันก็อยากจะนำอีกด้านหนึ่งของงานเทศกาลของที่นี่ ที่ใครๆก็บอกว่า "ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องมาเยือนให้ได้" มาเล่าสู่กันฟัง

คงจะเป็นส่วนน้อยของกลุ่มบุคคลที่กำลังอ่าน blog อยู่นี้รู้ประวัติความเป็นมาของงาน Oktoberfest หรือ Wies'n ในภาษา Bayerisch
งานเทศกาลนี้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2353 เพื่อเป็นการฉลองงานอภิเษกสมรสของเจ้าชาย Ludwig I(ปู่ของLudwig IIคนที่สร้าง Neuschwanstein) กับเจ้าหญิง Therese
จากงานเทศกาลเล็กๆก็ถูกจัดใหญ่โตขึ้นมาเรื่อยๆ ชาวเกษตรกรเมื่อก่อนกือว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาเดือนตุลาคมนี้เหมาะสมต่อการเสนอผลิตผลทาง
การเกษตร ผู้ผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ทางการเกษตรก็นำสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆมาเผยแพร่ในงานให้กับ
กลุ่มเกษตรกร
สำหรับผู้ที่กลั่นเบียร์ขาย(Brauerei)ก็ถือเป็นโอกาสทองสำหรับการนำเบียร์เก่ามาเทขายก่อนถึง
ฤดูกาลหมักเบียร์ในปีต่อไป ดังนั้นเบียร์ที่ขายในงาน Oktoberfest จึงเป็นเบียร์เก่าและดีกรีแรงกว่าเบียร์ที่ขายอยู่ตามท้องตลาด
ปรกติมาตรฐานที่นี่ ส่วนผสมของอัลกอฮอล์ของเบียร์จะอยู่ที่ 5.3% แต่ Wiesnbier 13%
ดิฉันจะเปรียบเทียบให้ดู
ถ้าคุณดื่ม 1 Mass หรือ1ลิตรของ Wiesnbier จะเหมือนกับดื่ม 20cl เหล้วขาวบ้านเรา
ดังนั้นถ้าคุณดื่ม 5 Massก็เหมือนกับว่าคุณได้ดื่มเหล้าขาวทั้งขวด

สำหรับกลุ่มผู้เที่ยวงานนอกจากคนเยอรมันแล้วก็มี ชาวอิตาเลี่ยน ชาวสหรัฐ ชาวญี่ปุ่นและออสตราเลีย
งานในปีนี้ซึ่งเป็นการจัดครั้งที่ 174 เริ่มจัดอย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (22/09/07)ไปจนถึงวันที่ 7 ตุลาคม

Website อย่างเป็นทางการของ Oktoberfest คือ //www.oktoberfest.de มีภาคภาษาอังกฤษด้วยถ้าใครสนใจก็ขอเชิญไปชมอ่านดู

สำหรับผู้ที่ตกลงจะไปเที่ยวงานและอยากจะได้รูปสวยๆแต่ไม่อยากเข้าคิวต่อขึ้นชิงช้าสวรรค์
ขอแนะนำให้เดินไปทางด้านหลังของงาน แล้วเดินต่อขึ้นไปทางรูปปั้น Bavaria
ตรงเชิงจะเห็นภาพมุมกว้างของงานเกือบทั้งหมด(ถ้าอากาศดี)






นี่เป็นบรรยากาศเล็กๆของงานค่ะ



เที่ยวให้สนุกนะคะ

Servus




 

Create Date : 25 กันยายน 2550    
Last Update : 25 กันยายน 2550 23:27:50 น.
Counter : 814 Pageviews.  

Nahrungsmittelskandal

หลังจากเข้าเวรมาราธอนมา(เวรเช้าเก้าวันติดต่อกัน) พอเลิกงานเลยชวนแฟนไปกินซูชิที่ในตัวเมือง
แถวๆ Karlsplatz Stachus ร้านซูชิเล็กๆของ chain store ญี่ปุ่นชื่อ Sushi Sano นี่ประจานซะเลย
เมื่อก่อนหาร้านซูชิมาตั้งนาน ลองไป search ในเน็ตก็เจอร้านซูชินี้ที่ราคาไม่แพงมากและได้ commentจากการสำรวจความนิยมมาดี
เมื่อคราวที่แล้วที่ไปกินกับเพื่อนเป็นครั้งแรกก็รู้สึกประทับใจกับรสชาติของอาหารและการบริการที่ดี แต่เมื่อวานไม่รู้เป็นยังไง อาจเป็นเพราะฝนที่ตกติดต่อกันมาสองสามวันทำให้คุณภาพร้านเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

อย่างที่บอกเมื่อวานฝนค่อนข้างตกหนักช่วงบ่าย บรรยากาศในร้านจากที่สลัวๆอยู่แล้วก็มืดไปกว่าเดิมอีก
ดิฉันสั่งซูชิมาประมาณสามสี่ชนิด รอไม่กี่นาทีพนักงานเสริฟก็นำวางที่โต๊ะ เอ...คิดในใจสงสัยพ่อครัวไม่มีอารมณ์จะห่อซูชิหรือเค้าเพิ่งรับพ่อครัวใหม่ รูปร่างหน้าตาลักษณะการห่อเลยเป็นแบบขอไปที กินไปเรื่อยๆพอถึงชิ้นสุดท้ายคิดในใจทำไมสาหร่ายถึง
รสชาติแปลกๆ แล้วอะไรมันมาติดฟันอยู่นะ ขอโทษค่ะ หยิบออกมา แหม...เส้นผมนี่เอง จะว่าผมดิฉันก็ไม่ใช่เพราะเป็นคนผมยาว ผมแฟนก็ไม่ใช่เพราะผมเค้าบลอนด์
แบบนี้ดิฉันก็วางเลยค่ะ ใจจริงก็อยากจะโวยวายแต่ด้วยความที่พ่อแม่สอนมาดี(เกินไป)เลยเกรงใจแขกร่วมร้าน ตอนจ่ายเงินก็กระซิบบอกแฟน เค้าก็บอกว่าบนจานเค้าก็มีอะไรปนอยู่เหมือนกันเหมือนคราบอะไรไม่รู้

ดิฉันเองไม่เคยคิดว่าร้านอาหารญี่ปุ่นจะโสโครกได้ถึงขนาดนี้ สงสัยจะไม่ได้ถูกตรวจสอบมานานเลยละเลยความระวังในสะอาดไป ในฐานะพลเมืองดีดิฉันจะส่งเมลล์ไปให้กรมอย.ที่นี่หรือ Gesundheitsamtใหเ้ค้ามาแอบเยี่ยมดู

โดยปรกติอาหารการกินที่นี่จะขึ้นชื่อในด้านความสะอาดและถูกหลักอนามัยเพราะกรมอย.ที่นี่จะเคร่งมาก
ใครมีญาติที่มาเปิดร้านอาหารที่นี่คงจะรู้ซึ้งดี
แต่ภายใต้มาตรฐานต่างๆก็มีปลาเน่าที่แฝงมากับข้องปลาสด
ตั้งแต่ปีที่แล้ว มีเรื่องราวใหญ่โตทางหน้าหนังสือพิมพ์และบนจอโทรทัศน์เกี่ยวกับเนื้อที่หมดอายุแล้ว(เวลาซื้อเนื้อ
ในซุปเปอร์มาร์ทจะมีป้ายติดบนห่อว่าเก็บทานได้ถึงวันที่เท่าไหร่) มีมาเฟียที่รับซื้อเนื้อพวกนี้แล้วมาขายส่งต่อเป็นเนื้อสดราคาถูกส่วนใหญ่ให้กับพวกแขกตุรกีที่ทำ Doener พอเห็นข่าวนี้ก็รู้สึกโล่งใจที่เป็นคนไม่ชอบกิน Doener มาแต่ไหนแต่ไรแล้วแต่สำหรับคอชอบอาหารพวกนี้ พอได้ยินข่าวคงเปลี่ยนรสนิยมการกินไป

แม้แต่อาหารคนไข้ในโรงพยาบาลก็ไม่วายกับปัญหาทำนองนี้ เมื่อสามวันที่แล้วหลังจากแจกจ่ายอาหารกลางวันไปสิบห้านาที คนไข้เค้าถือจานสลัดมาใน office พร้อมกับชี้แมลงในจานให้ดู เพื่อนร่วมงานที่กำลังนั่งปรึกษากันอยู่แตกตึงเป็นรังผึ้งเพราะนึกว่าเป็นแมลงสาบ
ไปหารูปมาให้ดู



รูปร่างแบบนี้แหละแต่สีออกน้ำตาลๆหน่อยนอนแอ้งแม้งในจานสลัด
คนไข้เค้าพูดปนอารมณ์ขันว่า "โชคดีที่เค้าเป็นคนกินมังสะวิรัติ แมลงตัวนี้เลยโชคดีไป"
ดิฉันกับหัวหน้าเวรก็


พูดไม่ออกอ่ะ




 

Create Date : 19 กันยายน 2550    
Last Update : 19 กันยายน 2550 18:43:26 น.
Counter : 445 Pageviews.  

1  2  3  

schornstein
Location :
Berlin Germany

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Es gibt keinen Weg zum Glück. Das Glück selbst ist der Weg!
Friends' blogs
[Add schornstein's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.