ต้องการมุม ! ในวันที่โลกแคบ
Group Blog
 
All Blogs
 
เล่าให้ป๊าฟัง (2)

สงสัยฝันร้ายเมื่อคืน มันมีอิทธิพลมากพอดู  ภาพเรื่องที่เกิดที่ห้องไอ.ซี.ยู ยังเวียนไปมาในหัวทั้งวันเลยครับป๊า


คิดไปคิดมา ป่านนี้ป๊าอยู่ไหน ทำอะไร อยู่น๊อ???


"ถ้าป๊าเป็นเบาหวานต้องตัดขา ป๊าตายดีกว่าหวะ สงสารพวกมึงจะลำบาก" ประโยคพวกนี้เข้ามาในหัวทันที ที่หมอมาบอกกับญาติคนไข้ว่า แผลติดเชื้อที่เท้ารุนแรงมาก และอาจจะต้องตัดเท้าออก เพื่อกันแผลลุกลาม


หมอบอกในเบื้องต้นจะพาคนไข้ไปตัดชิ้นเนื้อที่ตายออกก่อน นาทีนี้ดูเหมือนเตี๋ยจะเป็นฮีโร่เลย เป็นคนจัดการสื่อสารกับหมอ เป็นญาติคนเดียวที่อยู่ เพราะม่าม๊าดูเหมือนจะหลับแบบไร้สติอยู่บนเสื่อที่ปูไว้ เตี๋ยเลยไปสะกิดบอกม๊า ว่าเขาจะทำโน่น นี่ นั่น กับป๊า จะมีความเห็นไรได้ละครับ เพราะเราแม่ลูก ต่างก็ไม่รู้วิชาหมอ เขาบอกขวาเราก็ไปขวาตามกัน


ชั่วอึดใจ ร่างไร้สติของป๊าบนเตียงเคลื่อนย้าย กับพยาบาลสี่คนก็ออกมา และรีบวิ่งอย่างรวดเร็วไปห้องผ่าตัด หมอบอกจะช้าไม่ได้เพราะคนไข้ขาดเครื่องช่วยหายใจไม่ได้ พยาบาล 1 ใน4 ก็คอยบีบบอลลูนกลม ๆ ลูกหนึ่ง เตี๋ยเข้าใจว่าบีบแทนเครื่องช่วยหายใจ


ป๊าเข้าไปห้องผ่าตัด ชั่วโมงครึ่ง หมอศัลยกรรมบอก หมอทำสด ไม่ได้ใช้ยาชาแต่ประการใด เพราะหมอที่ไอ.ซี.ยู.บอกมาว่าคนไข้น่าจะไม่มีสติอยู่แล้ว


"เห้ย ! ทำไมหมอไม่ขอความเห็นผมซักคำ ว่าจะทำสด หรือลงยาชา" ทำไมผมถึงพูดอย่างนั้นเหรอครับ ก็ภาพที่เห็น ถึงป๊า จะหลับตาปรี่ แต่น้ำตาป๊าอาบ สองแก้มเลย ขาที่โดน ทำ ก็กระตุกเป็นระยะ ป๊าเจ็บแน่ ๆ เลย ปกติป๊าเป็นแผลธรรมดา ทายาแดงยังร้องลั่นบ้านเลย


หมอไม่มีคำตอบให้เตี๋ย แล้วเดินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นเองเป็นสาเหตุ ที่พวกเราตัสินใจจะย้ายป๊า มารักษาที่ กรุงเทพฯ  ผมจึงรับอาสามากรุงเทพ เพื่อหาโรงพยาบาลให้ป๊า และเตรียมตัวเปิดเทอมด้วย  ก่อนมาป๊ามีสติขึ้นมาบ้าง พอจะบีบมือม๊าเป็นการสื่อสารได้บ้าง ข่าวดีที่สุดเลย เตี๋ยขอป๊าไปกรุงเทพฯ โดยม๊าถามว่าให้เตี๋ยไปไหม ถ้าให้ไปก็บีบมือ ป๊าไม่ยอมบีบ


เตี๋ยก็งงทำไมป๊าไม่ให้ไป เตี๋ยโง่จริงๆ ที่ไม่รู้ว่าป๊าพยายามจะบอกให้เตี๋ยอยู่รอส่งป๊า ส่งป๊าไปที่ที่ป๊าจะไม่กลับมาหาเตี๋ยอีก


คืนที่เตี๋ย กลับกรุงเทพ อยู่บนรถ ม๊าก็โทรมาบอกว่า หมอเขาจะย้ายป๊าไปห้องเซมิ ไอ.ซี.ยู ซึ่่งไม่มีเครื่องหายใจ ขนาดใหญ่ เหตุผลคือ ป๊าอาการดีกว่าคนอื่นในห้อง และพรุ่งนี้จะมีขบวนตามเสด็จเจ้านายท่านหนึ่งมาเปิดตึกที่โรงพยาบาล ต้องเตรียมเตียงไอ.ซี.ยู ให้ว่างไว้ เตียงหนึ่ง สำรองเหตุ ทำไมต้องเป็นป๊าละ..


เตี๋ยมาถึงกรุงเทพฯ ก็ออกตะเวนทุกโรงพยาบาลเลยครับ เตรียมจะย้ายป๊ามา ให้ได้ขืนเป็นอย่างนี้ ป๊าคงไม่ไหว เตี๋ยทำอะไรที่ไม่เคยทำเลย ออกถามไปทุกโรงพยาบาล เริ่มที่ราชวิถี ที่อนุสาวรีย์ เดินไปแบบชาวบ้านถามไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอฝ่ายรับผิดชอบ เดินหาไม่พอ ต้องรอคิวอีก คนไข้เป็นร้อย คำตอบที่ได้มาคือเตียงเต็ม


ในมือเตี๋ยถือใบรายงานอาการของป๊ามาจาก โรงพยาบาลชุมพร ที่เตี๋ยต้องไปโวยวายให้ได้มา เพราะเขาไม่ยินดีให้ย้าย แถมเขาโมโหอีกว่า หมอจะไม่ส่งตัวนะ เพราะหมอรักษาได้เท่ากันกับที่กรุงเทพ ฉะนั้นค่าใช้จ่ายในการ เคลื่อนย้าย และรักษาพวกคุณรับผิดชอบกันเอง โรงพยาบาลไม่รับรู้


เรื่องนี้เรารู้ดี เพราะค่ารักษาโรคพวกนี้มีราคาสูง ก็เพราะป๊าเป็นโรคหัวใจมา ยี่สิบกว่าปี โคม่ามาก็หลายคร้ง เราก็พอรู้ว่าค่าใช้จ่ายมันสูง ม๊าจึงตัดสินใจจะขายที่ดินที่มีอยู่ไว้สำรองรักษาป๊า เผื่อเงินสดไม่พอ เพราะม๊าบอกป๊าเคยเป็นแบบนี้ก็เสียเกือบล้าน


เตี๊ยบอกจะไปหาโรงพยาบาลรัฐในกรุงเทพที่เป็น โรงเรียนแพทย์ จะได้มี อาจารย์หมอเก่งๆ มารับเคสป๊าไปรักษา ถ้าไม่ได้จริงๆ เราจะไปเอกชนที่มีหมอเก่งๆ  เตี๋ยโดนปฏิเสธมาทุกโรงพยาบาล สุดท้ายก็มาได้คำตอบที่ศิริราช ในตอนเย็น เพราะก่อนหน้าเตี๋ยไปมาทั้ง รามาฯ พระมงกุฎ จุฬาฯ เขาเตียงเต็มหมด เลยมาได้ที่ศิริราช กับอาจารย์หมอใจดีท่าหนึ่ง ที่เขาคงเห็นใจ และยินยอม ให้มาหาเตียงพรุ่งนี้เขาจะเป็นเจ้าของไข้ให้


คืนนั้นเตี๊๋ยเหนื่อยมาก ตั้งใจจะหลับแต่หัวค่ำ จะไปหาเตียงในตอนเช้า ก่อนนอนข่าวไม่สู้ดีก็มา ม๊าบอกป๊ามีอาการหอบมาหลายครั้งแล้ว เหมือนเครื่องช่วยหายใจอันเล็กในห้อง เซมิไอ.ซี.ยู จะไม่เป็นผล


พอตอนเช้าข่าวร้ายก็มา "เตี๋ย! ป๊าท่าจะไม่ไหวแล้ว กลับบ้านได้แล้ว ป๊าจะไปแล้ว" เสียงสะอื้นของเจ้ พี่สาวคนรอง ร้องให้มาตามสาย


"ป๊าเป็นไร...?"


"หมอปั๊มหัวใจไม่ขึ้นแล้วเตี๋ย กลับมาเถอะ ป๊าจะไปแล้ว"


ตอนนี้ผมร้องให้ไปตลอดทางจากกรุงเทพถึงบ้านเลย โทรศัพท์ไปก็ไม่มีใครรับสาย จนเจ้โทรกลับมา


"เตี๋ย ป๊าไปแล้วนะ เราไม่มีป๊าแล้วนะ ป๊าปั๊มหัวใจไม่กลับแล้ว" เจ้เอาแต่ร้องในสายโทรศัพท์จนแทบฟังไม่รู้เรื่อง"


....เตี๋ยไม่ต้องไปจองเตียงที่ศิริราชแล้ว ป๊าไม่ต้องใช้เตียงแล้ว.....


วันนั้น เตี๋ยนั่งรถกลับ ร้องให้ตลอดทางเลยป๊า ร้องเหมือนตอนที่เตี๋ยกำลังพิมพ์เรื่องนี้อยู่ ตอนนี้ เตี๋ยมารู้ทีหลังว่า หมอหยุดปั๊มเพราะป๊าไม่มาแล้ว ม๊าก็บอกให้พอ ป๊าจะได้ไม่ต้องเจ็บ 


"อีอยากไปก็ให้อีไป ไม่ต้องปั๊มแล้ว " คนที่รักกันมาเกือบจะ30ปี อยู่กินกันมาทั้งทุกข์ทั้งสุขก็ร่วมกันมา 


คงไม่มีใครอยากเสียคนที่รักไปหรอก แต่ม๊าบอกให้หมอหยุด เพราะม๊ารู้จักป๊าดีที่สุด ม๊าคือคนที่ป๊าเชื่อใจที่สุดแม้นาทีก่อนที่ป๊าจะไป 


ข่าวร้ายละรอกสองมาขณะที่เตี๋ยอยู่บนรถทัวร์ เส่ก๊า หรืออาคนเล็ก โทรมาบอกว่า คงรอเตี๋ยกลับมาไม่ทัน ต้องปิดโลงแล้ว ฤกษ์ไม่มี ต้องปิดก่อน เตี๋ยเกลียดประเพณีบ้านี่จัง 


แม้ครั้งสุดท้ายจะให้เห็นหน้าป๊ายังไม่ยอม โลงจำปาใบโต และพิธีกรรมร้ายกาจนั่น เตี๋ยรู้สึกโรกธขึ้นมาทันที


พอกลับมาถึง ทุกคนรีบดึงเตี๋ยที่กำลังร้องให้หน้าศาลาบำเพ็ญบุญไปหน้าโลง บอกว่ายังไม่ได้ลงตะปู รีบไปดูป๊าครั้งสุดท้ายเร็ว



ป๊าหลับตาปริ่มเลย แน่นมาก  ปากป๊าก็มียิ้มที่มุมปาก ครั้งสุดท้ายที่เห็น สุดท้ายจริงๆ 


เสียงใครไม่รู้ก็บอกมาว่า อย่าให้น้ำตาตกไปในโลง เดี๋ยวป๊าไปไม่สบาย


พรุ่งนี้เตี๋ยไม่มีป๊าแล้ว...


ป๊าไม่ได้อยู่รอเตี๋ยเรียนจบแล้ว...


ป๊าใจร้ายทิ้งเตี๋ยไปโดยไม่ลากันเลย...


ต่อไปป๊าก็จะไม่มารับเตี๋ยเวลากลับจากกรุงเทพฯ แล้ว...


ป๊าไม่ขับรถพาเตี๋ยไปกินขนมจีนที่ตลาดแล้ว...






Free TextEditor








Create Date : 20 กันยายน 2552
Last Update : 20 กันยายน 2552 19:14:18 น. 6 comments
Counter : 224 Pageviews.

 
ทุกคนจะต้องมีเวลานี้ในชีวิต ชีวิตหนึ่ง ความวุ่นวาย ความกังวล ไม่รู้อนาคตของคนที่เรารักจะเป็นเช่นไร ผมก็เคยผ่านมาแล้วเช่นคุณเหมือนกัน ความทุกข์ทีมีในขณะนั้นสามารถแบ่งให้ทุกคนทุกข์ได้เท่าๆกันอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่เหมือนของอะไรบางอย่างที่แบ่งแล้วทุกคนจะได้น้อยลงตามส่วน เวลาจะทำให้ความทุกข์ลดน้อยลงไปเอง เราผ่านมาได้เราก็จะโตขึ้นทางวุฒิภาวะ อย่างไรช่วยดูแลม่าม๊าคุณด้วยนะครับ ตอนนี้คงจะต้องการกำลังใจจากทุกคนเป็นอย่างมาก สมัยผม ผมจะจัดห้องนอนของแม่ใหม่หมดเลย ไม่ให้เหลือเค้าเดิม และก็พยายามอยู่ไกล้ชิดแม่ตลอดเวลา


โดย: kkkks IP: 125.26.147.69 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:19:43:41 น.  

 
เขียนได้ซึ้งจริงๆเลยเพื่อน

คนรักกันมานานคงไม่อยากหั้ยคนรักจากไป

อ่านแล้วน้ำตาไหล มันมีเรื่องหั้ยคิดเยอะแยะ

ณ ตอนนี้ พ่อแม่ของเรายังอยู่ครบ ควรตอบแทนบุญคุณ หั้ยมาก ก่อนที่จะสายไป


รักแม่ รักอาปา รักครอบครัว รักเพื่อนกฤษ




โดย: หมวยมึน IP: 58.10.158.176 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:20:33:11 น.  

 
เรื่องการจากลาเป็นความเสียใจสากล
โลกนี้มีก่อมีหักมีรักมีลา ไม่ต้องพูดพร่ำก็คงเข้าใจกันดี

ฝนตกไม่นาน จะซางซา
กลิ่นดิน กลิ่นป่า จะเข้มขึ้น และจางลงในที่สุด

การเสียใจเป็นบรรยากาศอย่างนั้น
เป็นบรรยากาศเฉพาะตัว

ให้ใครเลือกดอมดม คงไม่มีใครหยิบชมเป็นแน่

พี่เข้าใจ
พี่ก็เคยเฉียดภาวะเสียคนรักที่สุดในโลกไปเช่นกัน
แต่อาจไม่เท่ากฤช

ซึ่งในไม่ช้า อาจเท่า

ในฐานะมนุษย์ผู้มีจิตใจ
ฝนตกทีไร พี่ชอบมองสายฝน บางฉาก บางตอน ม่านฝนสวยงามจนละสายตาไม่ลง
มองอยู่อย่างนั้น จนมันซา และส่องแสงมาแทนที่
แล้วก็ได้กลิ่นฝน กลิ่นดิน อย่างที่ว่า
เหมือนความโศกเศร้า
มันอยู่ไม่นาน ถึงแม้นาน เราก็ได้แต่นั่งมองมัน

แต่ในฐานะมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ
ทุกทีที่ฝนตกพี่ชอบมองผ่านม่านฝนออกไป
เห็นอะไรอยู่ในความเบลอความไม่ชัดความติดขัด
บางทีก็เดาได้ บางทีก็ได้แค่เดา

ผู้คนใต้หยดฝนวิ่งกันจ้าละหวั่นกันอย่างไร
นกหลบฝนแบบไหน หมาเล่าเฝ้าฝนหยุดอยู่ที่ใด

ฯลฯ
นั่นเป็นสิ่งที่เรียนรู้ระหว่างฝนพรำ

เช่นเดียวกัน

เราควรได้อะไรจากเงาฝน
เหมือนกับที่ควรได้อะไรจากหยดน้ำตา

เพราะอย่างไร เราก็ไม่มีวันหยุดเสียใจได้อยู่ดี
: )


เสียใจด้วยเรื่องป๊า
ดีใจด้วยที่ผ่านมันมาได้
และยินดีด้วยที่เติบโตขึ้นอีกขั้น

เป็นคำสอนของพ่อกฤชที่ล้ำค่าที่สุดในโลกนะครับ


โดย: แบง. IP: 124.120.167.16 วันที่: 20 กันยายน 2552 เวลา:21:20:51 น.  

 
ขอบคุณ คุณ kkkks
กำลังใจที่คุณให้ มันมีค่ามากครับ


โดย: ขอบคุณ คุณ kkkks (krich_krub_pom ) วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:23:03:44 น.  

 
หายไวไวนะเพื่อน
สู้โลกต่อไป เปนกำลังใจให้ด้วยนะ


โดย: ใจ นะหมวยมึน (krich_krub_pom ) วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:23:07:19 น.  

 
ก่อนอื่นนภาษาสวยจังครับ


และขอบคุณข้อคิดในชีวิต ผมจะรับมาคิด เสมอครับ


โดย: ขอบคุณ คุณแบง. (krich_krub_pom ) วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:23:09:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้ชายมองบน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ผู้ชายมองบน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.