If I had 9 life i would..
 
ทำไมถึงรัก TCDC

เขียนแสดงความคิดเห็นในกระทู้ //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A5932691/A5932691.html
คห. ที่ 128 และ 129 เอาไว้ และกระทู้นี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้น อยากให้มาสร้าง Blog ที่นี่

...ออกตัวว่า การเล่าเรื่องแสดงความคิดเห็นครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับ TCDC นะคะ เป็นการแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้มาเพื่อแก้ต่างหรือแก้ตัวให้องค์กร แต่แค่อยากร่วมแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนนึง ที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของรัฐบาลชุดนี้....(จะโดนให้ออกก่อนเวลาอันควรมะเนี่ยตรู -_-‘)

เราทำงานที่นี่ได้ประมาณ 2 ปี กะอีก 2 เดือนค่ะ แต่ TCDC เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อประมาณ สี่ห้าปีก่อนโดยความคิดเริ่มแรกของ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ซึ่งก็คือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นั่นเอง....

เท่าที่รู้ ในยุคเริ่มแรก เมื่อมีนโยบายที่จะจัดตั้ง หน่วยงานซักหน่วยงาน ที่ต้องการเน้นเพื่อให้เกิดแหล่งเรียนรู้ที่จะพัฒนาความรู้ด้านการออกแบบ โดยมุ่งเน้นให้เกิดมูลค่าและขยายการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยเป็นหลักนั้น มีคนช่วยกันทำช่วยกันคิด อยู่ไม่กี่คน และมีห้องทำงานเล็กๆ อยู่มุมหนึ่งในรัฐสภา ไม่ได้อยู่ที่เอมโพเรี่ยมเหมือนในสมัยนี้

สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ ในประเทศไทยไม่เคยมีใครดำเนินกิจกรรมลักษณะนี้มาก่อน จึงสามารถพูดได้ว่า ทุกคนต้องศึกษา หาข้อมูลอย่างหนัก มีเป้าหมายที่แน่นอนว่า เรากำลังจะเดินไปไหน ใช้เส้นทางใด

ประเทศไทยหลังจากเจอภาวะเศรษฐกิจ ในยุคค่าเงินบาทลอยตัว หลายๆ อย่างพังไม่เป็นท่า และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้น จีน อินเดีย และแม้กระทั่งเวียดนาม ก็กำลังเติบโตด้วยการประกาศตัวเป็น ประเทศการผลิตต้นทุนต่ำ โรงงานหลายแห่งปิดตัวเอง เพื่อย้ายฐานการผลิตไปประเทศเหล่านั้น ...

ประเทศไทยจะทำอย่างไร เพราะสู้ค่าแรงต่ำไม่ไหว..สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลในสมัยนั้นคิดได้ นั่นก็คือ....”ฝีมือ” ของคนไทย ไม่ด้อยไปกว่าใคร ภูมิปัญญาไทย ไม่แพ้ชาติในโลก...แต่ จะทำอย่างไรให้มันขายได้ในตลาดโลก.

เข้าใจว่านั่นคือโจทย์ ที่ทำให้เกิด TCDC ขึ้นมา

เราไม่ลงรายละเอียดมาก ในประวัติการจัดตั้ง เพราะไม่ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง เราเป็นเพียงแค่พนักงานคนหนึ่งที่เข้ามาตอนที่ TCDC เดินมาได้ครึ่งทาง ก่อนเปิดดำเนินการ เราทราบจาการพูดคุยกับพี่ๆ ที่เคยทำงานมาตั้งแต่มีโต๊ะทำงานแค่ 3 ตัว มีคนทำงาน 7 คน ....ในสมัยนั้น

ตอนเราเข้ามา ห้องสมุดเองไม่ได้อยู่ที่นี่...พื้นไม้ยังไม่ได้ปูซักแผ่น เจอประกาศรับสมัครงานด้วยความบังเอิญ เห็นรายละเอียดองค์กรน่าสนใจ...
ตอนมาใหม่ๆ ก็ทำงานไปด้วยความสงสัย ปน งง ๆ ว่า บริษัทนี้กำลังจะทำอะไรกัน..แต่ที่เห็นคือ ทุกคนทำงานหนักมาก เพื่อเร่งให้ทันวันเปิด ตอนย้ายหนังสือจาก ซอยเอกมัยมาที่เอมโพเรี่ยม เพื่อเตรียมเอาขึ้นชั้น ตอนนั้นเองที่เริ่มผูกพันกับที่นี่ เพราะมาทำตั้งแต่ 8 โมง กลับ ตีหนึ่ง นั่งแท๊กซี่กลับ ค่าแท๊กซี่ก็ไม่ได้เอาไปเบิก หนังสือ 1 ชั้น ย้ายกันเกือบห้ารอบ กว่าจะลงตัว เพราะหนังสือเยอะ ชั้นน้อย ทำงานกันไป กินฝุ่นกันไป พวกยกก็ยก พวกย้ายก็ย้าย พวกเลื่อยก็เลื่อย ทุกอย่างดูอีรุงตุงนัง

พอใกล้วันเปิด เค้าเรียกพนักงานให้ไปดูนิทรรศการ อีสาน เพื่อเป็นการนำชมและให้ความรู้ก่อนเปิดศูนย์ ....นั่นแหละ คือวันที่บอกตัวเองว่า ”ตกหลุมรักที่นี่”

เดินกลับออกมาจากนิทรรศการด้วยน้ำตาคลอเบ้า เพราะเราเป็นคนอีสานค่ะ เราถึงได้เข้าใจนิทรรศการนั้นอย่างลึกซึ้งมาก.....พร้อมกับได้มีโอกาส ถามอาจารย์พันศักดิ์ (ซึ่งตอนนั้นไม่รู้หรอกว่า ตำแหน่งของอาจารย์ คืออะไร รู้แต่ว่า ทุกคนที่นี่ให้ความเคารพมาก และเราก็เห็นเค้ามาทุกวัน เดินไปเดินมาตั้งแต่เช้ายันดึก ประมาณว่า มาก่อนกลับทีหลัง ก็ว่าได้

“คนอีสานเค้าน่าสงสาร...เค้ามีความอดทน ขยัน หนักเอาเบาสู้ แต่ไม่รู้จักเอาเปรียบใคร เลยโดนคนกรุงดูหมิ่น ดูแคลน ทั้งๆ ที่ คนกรุงไม่รู้หรอกว่า คนเหล่านี้เป็นทรัพยากรที่มีค่ามากแค่ไหน..คนกรุงอยู่ได้เพราะมีแรงงานเหล่านี้ พ่อครัวในภัตาคารหรูๆ แม่ค้าขายข้าวแกงข้างถนน เด็กเสริฟในโรงแรม คนนวดในสปา พนักงานขายในห้าง...ส่วนมากก็มาจากอีสานทั้งนั้น”

(อันนี้สรุปมานะคะ จริงๆ อาจารย์ไม่ได้ใช้สำนวนอย่างนี้...)

และนั่นเอง คือคำตอบแรกที่เราได้ฟังจากผู้ก่อตั้ง TCDC ....

จากคุณ : SassyKate - [ 20 ต.ค. 50 17:33:28 ]


ความคิดเห็นที่ 129

ต่อค่ะ

นิทรรศการทั้งหลาย ถูกดำเนินการสร้างและติดตั้งในระยะเวลาเพียง 1 เดือน เพื่อจัดแสดงแค่ 2 เดือน งานทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่มาก คนทำงานก็ต้องลองผิดลองถูกเพื่อให้ได้ผลตรงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ คำว่าทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ใช้ได้กับพนักงานทุกคนที่นี่ กลับบ้านตีสาม ตีสี่ หรืออยู่ยันสว่าง แล้วต้องตาลีตาเหลือกตื่นมาทำงานแต่เช้า เพื่อให้ทันเซนต์ชื่อเหมือนระบบราชการทั่วไป -_- (โอทีไม่มีค่ะ)

เมื่อเริ่มเปิดกิจการก็เป็นของธรรมดาที่ จะต้องมีคนรักและมีคนชัง เราทำงานอยู่ในส่วนห้องสมุด ได้ดูแลลูกค้าและสมาชิกผู้มาใช้บริการ เจอมาสารพัดรูปแบบ ทั้งคำชม คำติ และคำด่า จากไทยและจากฝรั่ง....บางอย่างก็เปลี่ยนความคิดกันไม่ได้ ก็ได้แต่ปลงและตั้งใจทำงานต่อไป อย่างน้อยก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ และอยู่ได้ด้วยคำชมจากเขาเหล่านั้น

ห้องสมุดมาหวิยาลัยทั่วไป เป็นภาพเจนตาที่มีนักศึกษาเข้ามาเพื่ออ่านหนังสือ ทำรายงาน ใช้อินเตอร์เน็ต ทั้งเล่นเกม แชท และหาข้อมูล แต่นั่นก็เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษาสำเร็จการศึกษา

แต่ TCDC ภาพที่เห็น มันแตกต่างในความเหมือน...นักศึกษาหรือผู้ประกอบการ ดีไซนเนอร์ ที่มาที่นี่ มีจุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์คนละแบบกับการอ่านหนังสือในห้องสมุดของสถานศึกษา
ภาพที่คนหอบหนังสือกองโตมาวางและตั้งใจอ่าน ตั้งใจดู ตั้งใจถ่ายรูป หรือทำสำเนา เป็นภาพที่บอกไม่ถูกว่า ตื้นตันแค่ไหน เค้าเหล่านั้นเหมือนคนที่อดน้ำมานาน พอมาเจอบ่อน้ำก็รีบตัก รีบกวักเข้าปากให้มากที่สุด...ในฐานะบรรณารักษ์ รู้สึกเป็นสุขมากเมื่อห็นภาพเหล่านี้...เพราอะไร?

เพราะผลที่ตามมาคือ คนเหล่านั้นก็ได้แรงบันดาลใจ ได้ความคิด ได้แนวทาง ที่จะกลับไปสร้างสรรค์ผลงาน ต่อยอดการศึกษาและธุรกิจ ในที่สุดก็นำมาซึ่ง รายได้แก่ตัวเค้าเอง เมื่อเค้ามีรายได้ เค้าก็มีเงินมาจับจ่ายใช้สอย ประเทศชาติก็มีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ สินค้าที่ขายได้จากผลงานการออกแบบต่างๆ ก็เป็นเม็ดเงินที่จะกลับคืนสู่ประเทศ

ความภูมิใจในที่ทำงาน เป็นเรื่องหลักที่ทุกคนพึงมี ไม่ใช่ว่าโดนล้างสมองหรืออย่างไร แต่เมื่อเราทำงานให้ที่ไหนเราก็ต้องเข้าใจว่าเรากำลังทำอะไร จงสนุกและรักมัน

ทำงานที่นี่ก็ไม่ได้เงินเดือนมากไปกว่าระบบราชการทั่วไป มากนัก เพราะ 1. เราไม่ได้หยุดในวันที่คนอื่นเค้าหยุดกัน 2. เราทำงานเป็นกะ 3. เวลาที่อยากลาไปต่างจังหวัดกับพ่อแม่ ครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงาน ก็ทำไม่ได้ เพราะหยุดไม่ตรงกัน คนทำงานน้อย ลาพร้อมกัน สองคนไม่ได้....ไปเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้ เพราะต้องทำงาน..นั่นคือช่วงเวลาที่หายไปและได้กลับมาในลักษณะผลตอบแทนเป็นเงินเดือน ซึ่ง ไม่ได้มากไปกว่าระบบปกติ และมันก็ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกกันได้

แต่เราทุกคนก็ยังทำงาน ถึงแม้วินาทีนี้ก็ยังบอกตัวเองว่าไม่ได้กลัวกับการตกงาน งานหาใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่งานดีๆ ที่พร้อมไปด้วยอุดมคติและความมุ่งมั่น ที่เราได้มีโอกาสทำให้แก่ประเทศชาติ ใกล้กว่าคนอื่นๆ อีกหลายคนแบบนี้ มันไม่ได้หาง่ายๆ ผลการทำงานก็เป็นอย่างที่เห็น 2 ปี กับสิ่งที่เราได้ทำ เราว่า TCDC ทำได้ดีและไปไกลเกินกว่าที่หลายคนจะคาดคิดนะ มันใช่ตั้งสองปี แต่มันเป็น แค่ สองปี ที่เราทำ และทำได้เท่านี้...มันก็ถือว่ามากแล้ว

จากคุณ : SassyKate - [ 20 ต.ค. 50 17:35:13 ]


ตอนแรกว่าจะตอบแค่นั้น...แต่ทว่า...ฮ่าๆๆๆ มันยังมีต่อ

--------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 156

ขอบคุณ คุณ คห. 137 กับ คุณ คห. 151 ค่ะ
แหะๆ คุณ คห. 153 มาแรงจัง อย่าว่าหนูนะ.....

พอดีมีหลังไมค์มาให้เขียนเพิ่มเติม ขอบคุณทุกคนนะคะที่รู้สึกว่าอยากเป็นกำลังใจให้

ไหนๆ ก็ได้เขียนแล้ว อารมณ์รัก เศร้า ก็ครุ กรุ่น พลุ่งพล่าน ขึ้นมาทีเดียวเชียว อยากเขียนต่ออีกนิดหน่อย ก็ถือซะว่าเป็นช่วงแชร์ความประทับใจก็แล้วกันนะคะ ไหนๆ ก็ไหน เค้าจะยุบรวมกันอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าไม่ได้ยุบทิ้งก็เถอะ แต่การย้ายที่ แยกแขน แยกขา มันก็ต้องทำให้บรรยากาศเก่าๆ เปลี่ยนไปบ้างและไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้อยู่ดี และยังยืนยันเจตนารมย์เดิมค่ะ เขียนด้วยความรู้สึกส่วนตัว ความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับ TCDC ค่ะ

ใครใคร่อ่านก็อ่านนะคะ ใครไม่ใคร่อ่านก็ข้ามไปได้เลยค่ะ

จริงๆ แล้ว นับแต่เกิดรัฐบาลใหม่และเห็นแล้วว่ามีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นกับสิ่งต่างๆ ที่ใกล้ชิดกับอดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อน โดยเฉพาะโครงการต่างๆ ที่สร้างในสมัยนั้น ก็คิดอยู่ว่า วันนึงต้องมาถึงหน่วยงานเรา....และก็เป็นจริง

เขียนแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า การยุบรวมครั้งนี้เป็นผลมาจากการเมืองนะคะ เดี๋ยวจะโดนไล่ไปห้อง ราชดำเนิน... แต่ที่เขียนแบบนี้ก็เพราะอาจจะต้องยอมรับว่า วิสัยทัศน์ในการบริหารแตกต่างกัน ผู้บริหารที่มีการแต่งตั้งมาจากรัฐบาลชุดก่อน อาจมองเรื่อง การออกแบบเป็นสิ่งสำคัญ แต่ผู้บริหารชุดนี้ซึ่งแต่งตั้งมาจากรัฐบาลชุดปัจจุบันอาจมีมุมมองต่อเรื่องอื่นที่สำคัญกว่ามุ่งเน้นและทุ่มงบประมาณเพื่อการออกแบบ

หลายคนคงพอได้ข่าวมาบ้าง นับแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล TCDC ก็โดนตัดงบประมาณ ชนิดที่ต้องถามกันว่า แล้วจะทำงานกันอย่างไร....

แต่ก็อยู่กันได้ค่ะ ก็เป็นธรรมดาของมนุษย์โลก มีบ้างที่ท้อนิดๆ ประชดหน่อยๆ ต่างคนก็ต่างบอกตัวเองว่า ทำได้เท่าที่ทำก็แล้วกัน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ทุกคนก็ดิ้นรนที่จะทำให้ดีที่สุดเพราะจะไม่ยอมให้ภาพพจน์ที่ทำไว้ดีแล้ว ลดด้อยลงมาเด็ดขาด แต่สิ่งหนึ่งก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า ของถูก ของดี ของฟรีไม่มีในโลก จะทำอะไรให้ออกมาดีๆ อย่างน้อยก็ต้องมีเงินด้วย...เห็นชัดๆ ล่าสุดจากสัมมนา Creative Unfold ในปีนี้ ดูเงียบเหงา และผู้คนบางตา ส่วน Speaker ที่เชิญมา มีคนดังๆ น้อยไปหน่อย เป็นคนไทยมากขึ้น และคนเอเชียมากกว่าฝรั่ง...บัตรก็ต้องขายแพงขึ้น....


สิ่งที่หายไปคืออะไร...คือความรู้และประสบการณ์ที่คนไทยควรจะได้รับจากการฟังบรรยายนักออกแบบชื่อดังระดับโลกมากกว่าที่ควรจะเป็นพร้อมๆ กับราคาตั๋วที่ไม่แพงจนเกินไป สิ่งเหล่านี้จะไม่หายไป ถ้าหากว่าไม่โดนหั่นงบสะบั้นแบบนั้น.....

นอกจาก นิทรรศการและห้องสมุด ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักและหลอมรวมให้เป็น TCDC ตามวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งแล้วนั้น ยังมีอีก 2 โปรเจคที่เราเสียดายว่ามันจะหายไปมั้ยเมื่อยุบรวม นั่นก็คือ MCB และ Mini TCDC

ยาวไป ต่อข้างล่างนะคะ

จากคุณ : SassyKate - [ 20 ต.ค. 50 20:45:12

----------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 157

ต่อค่ะ

MCB = Material ConneXion Bangkok

เป็นอีกผลงานหนึ่งที่น่าทึ่งในความชาญฉลาดของใครก็ไม่อาจทราบได้ ที่ไปติดต่อเจรจาให้มาเปิดสาขาที่เมืองไทย...เพราะหลังจากงานระดมความคิด “บทบาท TCDC กับสังคมไทย” เราก็เพิ่งรู้ว่ามีผู้ประกอบการหลายคนมากที่ได้ประโยชน์จาก MCB ยังจำได้เลยว่ามีคนนึงลุกขึ้นพูดว่า

“เพราะมี TCDC มี MCB เค้าไม่ต้องบินไปออกงานแฟร์ที่ต่างประเทศไหนอีกเลยก็ได้ เพราะตอนนี้จู่ๆ ก็มีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามา”

โอ้โห เราฟังแล้ว...มันให้ความรู้สึกแบบ ขนลุกอ่ะ ว่า หน่วยงานเล็กๆ อย่าง MCB มีคนทำงานแค่ 5 คน แต่เป็นเฟืองเล็กๆ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เร็วในเวลา ไม่ถึง 2 ปี ได้เพียงนี้เลยเหรอ...

น่ากลัวนิดนึงตรงที่ว่า หลังจาก MC มาเปิดตัวที่เมืองไทย จีน เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ สนใจที่จะซื้อลิขสิทธิ์จากทางนิวยอร์กเป้นอันมาก เห็นได้จาก การส่งทั้งตัวแทน ทั้งสายลับ มาทัวร์ ที่ TCDC อยู่เป็นประจำ ถ้าหากยุบรวมครั้งนี้ MC ไม่แน่ใจว่าจะหายไปจากเมืองไทย และไปตกอยู่ในมือของชาติใดในเอเชียหรือไม่ นั่นเอง...ที่น่ากังวล


mini TCDC ชื่อภาษาไทยว่า สร้างโอกาสเข้าถึงบริการ tcdc สู่ภูมิภาค

TCDC ได้เอาชั้นหนังสือพร้อมกับหนังสือ กว่า 200 เล่ม วัสดุจาก MCB และฐานข้อมูลออนไลน์ ไปตามสถาบันการศึกษาในต่างจังหวัด ที่ได้ทำความร่วมมือกัน คือ เชียงใหม่, ขอนแก่น, สารคาม, ชลบุรี และ ลำปาง และยังมีโครงการจะติดตั้งอีกมากกว่า 5 แห่งในปีนี้ แต่พอเกิดสถานการณ์แบบนี้ ไม่รู้จะเป็นยังไงต่อไป...

นั่นเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ทำให้เรารักที่จะทำงานที่นี่มากขึ้น จริงๆ แล้วเราไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก เราเป็นแค่คนที่ไปหลังจากทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เพราะเป็นคนไปบรรยาย เรื่องวิธีการใช้ฐานข้อมูลออนไลน์

ภาพรอยยิ้มและความปิติยินดีของนักศึกษาและผู้ประกอบการที่มาร่วมงานในแต่ละที่ แต่ละมหา’ลัย และแต่ละจังหวัด ทำให้เราประทับใจมากค่ะ ครั้งแรกเลยที่ไปเห็น คือ ม.บูรพา ตอนบรรยายมี 2 ท่านที่เป็นตำแหน่งประมาณว่า ผู้อำนวย OTOP ประจำจังหวัดชลบุรี มาฟังด้วย...และฐานข้อมูลที่บรรยายในวันนั้น ก็เหมาะและเป็นประโยชน์กับเค้ามากๆ
แล้วพอตอนจะกลับ ก็มีป้าคนนึง เดินเข้ามา ยกมือไหว้และบอกว่า อยากเจอตัวพวกคุณมานานแล้ว อยากบอกขอบคุณพวกคุณด้วยตัวเอง ป้าพูดหลายอย่างมาก แต่คำพูดหนึ่งที่เราจำได้คือ

“ความคิดเริ่มแรกมันก็ just just so so นั่นแหละนะ แต่มันอยู่ที่นี่ ที่คนอย่างพวกคนนี่ ที่จะมาสานต่อให้มันเป็นรูปเป็นร่าง และทำให้มันออกมาได้อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ของแบบนี้มันไม่ใช่ว่าใครก็เข้ามาทำกันได้ง่ายๆ...”

พอพูดจบ ท่านผอ. ก็แนะนำว่า ป้าที่ว่า คือ อาจารย์ อาวุโส ชองมหา’ลัย ได้รับตำแหน่งอาจารย์ดีเด่นมาหลายปีซ้อน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ให้คนทำงานอย่างพวกเรามีกำลังใจมากๆ ต้องขอบคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วย

นี่เองที่บอกว่า เราภูมิใจที่ได้ทำงานให้กับ TCDC ซึ่งแต่ละครั้งที่เห็นผู้ประกอบการ นักออกแบบ และนักศึกษา เหล่านั้นมาสมัครสมาชิก และมาใช้บริการ มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่มีส่วนร่วมทำงานให้กับประเทศชาติ อาชีพทุกอาชีพก็ทำเพื่อชาติทั้งนั้นค่ะ แต่ TCDC เป็นอีก 1 ทางลัดที่ช่วยให้เกิดผลในแง่เศรษฐกิจได้ด้วยมุมมองและวัตถุประสงค์ ที่มาพร้อมกับรูปแบบและวิธีปฏิบัติงานที่แตกต่าง จากหน่วยงานอื่นๆ


ส่วนเรื่องโกงกินที่หลายท่านพูดถึง อันนี้ก็ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นนะคะ แต่ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัว ที่นี่ส่วนมากแล้วเป็นพนักงานหน้าใหม่กันทั้งนั้นค่ะ จบใหม่ๆ อายุน้อยกันทั้งนั้น เราว่า มันไม่ง่ายนะคะที่จะมานั่งนึกว่าจะหาประโยชน์ใต้โต๊ะยังไงจากการทำงาน...และเท่าที่ทราบ TCDC ก็มีระบบตรวจสอบเหมือนระบบราชการทั่วไปอยู่แล้วมั้งคะ เมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ก็เห็น สตง. มานั่งทำงานเป็นอาทิตย์เลย -_-‘

มีใครบ้างที่จะร่วมแชร์ จะผิดกฎมั้ยคะ ถ้าจะแชร์ความรู้สึก ประทับใจต่อ TCDC กันในกระทู้นี้เลย.....มันน่าจะไปกันได้นะคะ

ฝากประกาศด้วยได้มั้ยคะ...ตอนนี้ห้องสมุดเงียบเหงามาก อาจจะเป็นเพราะเป็นช่วงปิดเพื่อเตรียมติดตั้งนิทรรศการอันใหม่ด้วย แต่ว่าถ้าเกี่ยวกับเรื่องมติให้ยุบ หรือไม่ยุบนี่ เค้าแค่มีมติให้ยุบรวมนะคะ ยังไมได่สั่งปิด ตอนนี้ TCDC ยังเปิดให้บริการตามปกติค่ะ ไม่ได้ปิดทำการนะคะ ถ้าไงใครว่างหรือใครที่ยังไม่ได้มา ก็มากันให้บ่อยๆ และมากันเยอะๆ นะคะ TCDC จะได้กลับมาคึกคักเหมือนเดิม...ก่อนที่...

งือๆๆ เศร้าเหมือนกันนะเนี่ย....

จากคุณ : SassyKate - [ 20 ต.ค. 50 20:50:01 ]



Create Date : 17 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2550 15:47:56 น. 0 comments
Counter : 3241 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

SassyKate
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




SassyKate is a Sassy girl.

Dream what you want to dream, Go where you want to go, Be what you want to be, Because you have only one life and one chance to do all the things you want to do.
[Add SassyKate's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com