Cry it out 2
หลังจากไปเนิร์สสัปดาห์แรก พัฒนาการยูกิดีขึ้นมากๆ ผิดกับอยู่บ้านเฉยๆค่ะ

เป็นเด็กดีขึ้นด้วยค่ะ กลับบ้านมาพูดแต่ No No ตลอดเลย

เมื่อก่อนยังพูดว่าไม่เอา ไม่เอา ภาษาอังกฤษมันคงจะพูดง่ายกว่ามั้งคะ

แต่ครูที่โรงเรียนติว่ายูกิไม่ยอมนอนกลางวันเอง ต้องอุ้มหลับก็เลยขอให้กลับไปฝึกนอนค่ะ

เรื่องฝึกนอน ปุ้มก็ใช้วิธีเดิมค่ะ Cry it out

(เคยฝึกสำเร็จเมื่อตอน 8เดือน แต่พอไทยเที่ยวปารีสกลับมาเสียระบบหมดค่ะ เพราะเอามานอนกอดบนเตียง)

แต่คราวนี้ยูกิ รู้ความแล้วฝึกง่ายขึ้นค่ะ คือร้องน้อยลง ร้องแบบแกล้งร้อง

ก็เลยทำให้ปุ้มกับดิวไม่เครียดเท่าไร่ค่ะ

ครูให้เหตุผลว่า เด็กจะต้องมี space ส่วนตัวของเค้าเอง

เค้าจะต้องเรียนรู้ว่าเค้าอยู่คนเดียวได้ เพราะว่าเด็กคนอื่นไม่ติดครู เท่ายูกิ

เค้าบอกว่ายูกินี่ ถ้าใครเดินหนี ร้องเลย

ครูบอกว่าช่วงนี้เหมาะที่สุด แล้วก็ได้ผลดีจริงๆค่ะ คือ ยูกิร้องแค่สามวันเองค่ะ


Cry It Out by Dr. Richard Ferber:

วิธีนี้เป็นที่นิยมที่อเมริกาและอังกฤษ เพราะว่าเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด ใช้เวลาเทรนประมาณ 3 – 7 วัน

ต้องอาศัยวินัยและความสม่ำเสมอค่ะ

ทฤษฎีว่า sleep cycle ของเด็กจะต่างกับผู้ใหญ่ ปกติเด็กจะตื่นกลางดึกบ่อยๆ

และจะหลับต่อได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าเด็กที่ตื่นแล้วไม่สามารถหลับต่อเอง

เนื่องจากพ่อแม่ใช้ตัวช่วยที่ผิดๆ ในการช่วยเด็กให้นอน ตัวช่วยที่ไม่สมควรที่เห็นได้บ่อยๆ คือ

1. อุ้มกล่อมจนหลับ

2. ใช้จุกหลอก

3. ให้นมจนหลับ


สิ่งสำคัญคือ

+ ต้องให้ลูกนอนในที่ที่ลูกตื่นมากลางดึกแล้วพบว่าสิ่งแวดล้อม ยังเหมือนกับตอนที่ตัวเองหลับ

+ ต้องมีตารางกิจวัตรประจำวันก่อนนอน เพื่อให้ลูกรู้ว่าถึงเวลานอนแล้วค่ะ

เมื่อทำ routines ก่อนนอนแล้ว ต้องมั่นใจว่าลูกง่วง วางลูกลงบนเตียงเมื่อลูกยังตื่นอยู่

แล้วเดินออกจากห้อง แน่นอนค่ะว่าลูกจะร้อง ดังนั้นแม่มี 2 ทางเลือกค่ะ


1. ปล่อยให้ไม่กลับไปอีกเลย จนลูกหลับ (ปุ้มเลือกวิธีนี้ค่ะ เพราะยิ่งเข้าไปดูยิ่งร้องนานค่ะ)


2. กลับไปทุก 5, 10, 15 นาที ถ้าลูกยังร้องอีกให้กลับไปทุก 15 นาทีจนหลับ

กลับเข้าไป ให้ลูกเห็น ลูบหลัง ตบก้นได้ ให้ลูกรู้สึกสงบขึ้นค่ะแต่ห้ามอุ้มขึ้นมา

แค่ปลอบลูกว่า ถึงเวลานอนแล้ว แม่ยังอยู่ใกล้ๆไม่ได้ไปไหนไกล จะมารับตอนเช้าค่ะ

แล้วเดินออกมาค่ะ


//www.ehow.co.uk/video_4756491_let-baby-cry-out.html


จัดเตียงให้ดูอบอุ่น น่านอน 

เตียงสำหรับ 0-6 M ช่วงที่ลูกยังยันตัวนั่งเองไม่ได้ค่ะ


เตียงสำหรับช่วงที่ลุกนั่งได้แต่ยังไม่เกาะเดินค่ะ (ปัจจุบันปรับเป็นระดับลึกสุดแล้วค่ะ)


อันนี้ลอกเค้ามาแปะให้อ่านนะคะ

** เทรนลูกเรื่องนอนกลางวันเอง ** (nap training)
สำหรับ เพื่อนที่อยากเทรนลูกเรื่องนอนกลางวัน (nap) เองนะคะ แนพ เทรนนิ่ง ใช้เวลานานกว่าเทรนลูกนอนเองตอนกลางคืนค่ะ จะใช้เวลา 1-2 อาทิตย์ จิงๆ แล้วเค้าแนะนำให้ทำพร้อมกันกับ sleep training เลย เช่น เริ่ม สลีพเทรนนิ่ง คืนวันจันทร์ เช้าวันอังคารให้ทำ แนพเทรนนิ่งเลยค่ะ แต่ว่าหากแม่ๆ ทำไม่ไหว กดดันเกินไป ก็ไม่ต้องทำพร้อมกันก็ได้ เพราะว่าสมอง การนอนกลางวันกับการนอนกลางคืนของลูก ไม่ได้ใช้อันเดียวกันค่ะ
ถ้าคุณแม่ พบว่าลูกต้องกล่อมนอนกลางวันหรือหลับคาเต้า แต่ว่าตอนกลางคืนหลังจากเทรนแล้ว ลูกสามารถนอนได้ไม่มีปัญหา แล้วคุณแม่ไม่มีปัญหากับการกล่อมนอนตอนกลางวัน ไม่ต้องเทรนก็ได้ค่ะ แต่หากอยากจะเทรนนะคะ จะเป็นประมาณนี้ค่ะ

** ทำเหมือนกับ เทรน ตอนกลางคืน คือวางลงแล้วเดินออกมา
** หากลูกร้องทั้งชม ไม่ได้นอนเลย ก็อุ้มลูกขึ้นมาไม่ให้นอนแล้วค่ะ
** สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน รอประมาณ 1 ชม แล้วเอาเข้าไปนอนใหม่ สำหรับเด็กอายุมากกว่า 6 เดือน รอ 2 ชมค่ะ
** ถ้าลูกร้องๆ หลับๆ สลับกันไปทั้งชมเลย (ซึ่งส่วนมากจะเป็นแบบนี้ช่วงแรกๆ) เมื่อครบ 1 ชม แล้วลูกตื่นก็ให้ตื่นเลยค่ะ แล้วก็ให้ไปนอนกลางวันอีกครั้งตามเวลาปกติ หรือใกล้เคียงที่สุด
** ถ้าลูกร้องเกือบๆ ชม แล้วหลับยาวเลย ให้ลูกหลับได้ไม่เกิน 2 ชมนะคะ แล้วก็เมื่อตื่นแล้วก็นอนครั้งต่อไปตามตาราง

ตัวอย่างคำถาม
1.เรา ควรเริ่มตอนกินนมครั้งแรกคือเที่ยงคืน ให้กินน้อยลง 5 ออนซ์ 4 ออนซ์ 3 ออนซ์ จนถึง ไม่กินเลยใช่ไหมคะ
ไม่ใช่ค่ะ ครั้งแรกคุณแม่ต้องลุกมาให้ก่อนเวลาเที่ยงคืน(ถ้าลูกตื่นเวลาใกล้เคียงกัน ประจำ) คุณแม่ต้องตื่นมาประมาณ ห้าทุ่ม ปลุกลูกมาดื่มนม ลดลงวันละออนซ์จนวันสุดท้าย 1 ออนซ์แล้วไม่ให้เลย ตรงนี้คุณแม่เข้าใจถูกแล้วค่ะ

2.แล้วตอนตื่นตี 5 ครึ่งล่ะคะ ไม่ให้กินเลยหรือป่าวคะ
ยังให้กินอยู่ค่ะ แต่ว่าทำเหมือนกับตอน 5 ทุ่ม คือคุณแม่ตื่นตอนตี 4 ครึ่ง ปลุกลูกมากินนม แล้ววางลูกลง ปริมาณนมลดลงคืนละ 1 ออนซ์ค่ะ

3. ลูกเราตอนนี้กว่าจะหลับดิ้นไปทั่วเตียง จับโน่น อมนี่ ถูหน้าไปมา เดี๋ยวคว่ำ เดี่ยวหงาย บางทีเกือบ 20 นาทีถึงจะหลับ บางทีเราทนไม่ได้เอาน้ำให้กินก็หลับน่ะ เราควรปล่อยเค้าไปให้เค้าหลับเองใช่ไหมคะ
จริงแล้วน้องหลับได้เอง ก็ได้ชัยไปกว่าครึ่ง แต่ว่าเห็นด้วยกับคุณแม่นะ ว่าใช้เวลานานไปนิด ถ้าให้เราสันนิษฐานนะคะ
1. น้องยังไม่ง่วง หรือไม่ก็คุณแม่ไม่ได้มีตารางกินนอนตอนกลางวันที่ใกล้เคียงกันทุกวัน
2. คุณแม่ปล่อยน้องง่วงจนเกินไป ทำให้น้อง นอนลำบาก พูดง่ายๆ ตาค้างแล้วค่ะ เด็กอายุ 4 เดือนครึ่ง เวลาตื่นจากนอนกลางวันครั้งสุดท้าย กับก่อนนอน ให้ตื่นได้ประมาณ 2 -2.5 ชมนะคะ มากกว่านี้จนเกินไป เด็กจะง่วงเกิน (overtired)


วิธี เลิกนมมื้อดึก
วิธีนี้สำหรับเด็กที่อายุ 5 เดือนอย่างต่ำ และต้องหนัก 7 กิโล ต้องได้เกณฑ์ทั้งสองอย่าง ปรึกษาหมอด้วยก็ดี
- ถ้าให้นมแม่ อย่าลืมต้องมั่นใจว่าน้ำนมพอตอนกลางวัน อาจจะต้องรอให้เริ่มอาหารเสริมก่อน ต้องให้นมตอนกลางวันบ่อยขึ้น

วิธีเทรน
** ต้องสังเกตอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าลูกชอบตื่นเวลาไหนมากินนม และกินนานเท่าไหร่
** ถ้าลูกไม่ได้ตื่นเวลาเดิมทุกวัน ให้ใช้เวลาที่ลูกตื่นเวลาแรกเพื่อที่จะเลิกนม
** ถ้าเวลาที่ให้นมแตกต่างกันแต่ละครั้งที่ตื่น ให้ใช้เวลาที่ให้นมนานสุด
** ถ้าลูกกินนมไม่ถึง 2 นาที ไม่จำเป็นต้องเลิก เพราะว่าแสดงว่าไม่ได้หิว แต่ว่าใช้หัวนมแม่เป็นจุกหลอกเพื่อให้หลับ
** ตั้งนาฬิกาปลุก 1 ชมก่อนลูกตื่น และปลุกลูกมากินนม ลูกไม่จำเป็นต้องตื่นสุดๆ ครึ่่งหลับครึ่งตื่นได้ สิ่งสำคัญคือห้ามให้นมเวลาลูกตื่นเอง เพื่อที่จะให้ลูกรู้ว่า แม่เป็นคนกำหนดว่าให้นมเมื่อไหร่ ถ้าลูกบังเอิญตื่นขึ้นมา รอจนลูกร้องจนหลับ หลังลูกหลับ 15 นาทีให้ปลุกมาให้นมแล้ววางลง
ตัวอย่าง
คืน แรก 8 นาที คืนสอง 6 นาที คืนสาม 4 นาที คืนสี่ 2 นาที คืนห้า ไม่ให้เลย

สำหรับ เด็กนมผง
** ดูว่าเด็กมักจะตื่นเวลาไหน ถ้าตื่นไม่เหมือนกันแต่ละคืน ให้ใช้เวลาที่ตื่นครั้งแรกเพื่อที่จะเลิกนม
** ถ้าปริมาณกินนมต่างกันแต่ละเวลา ให้ใช้ ปริมาณที่ลูกกินมากสุด
** ถ้ากิน 2 ออนซ์หรือน้อยกว่า ไม่ต้องเลิก เด็กไม่ได้หิว แต่ว่าตื่นเพราะต้องการดูดจุก
** เริ่มให้น้อยลง1ออนซ์ แต่ละคืน จนคืนสุดท้ายเหลือแค่ 1 ออนซ์
ตัวอย่าง
คืนแรก 5 ออนซ์ คืนสอง 4 ออนซ์ คืนสาม 3 ออนซ์ คืนสี่ 2 ออนซ์ คืนห้า 1 ออนซ์

เมื่อ ให้นมแล้ววางลูกลงถ้าลูกร้อง ให้ใช้วิธีเช็คดูแต่ว่าอย่าอุ้มลูกขึ้นมา พูดง่ายๆ ให้ใช้วิธีเหมือนตอนสอนลูกนอน อย่าลืมว่าถ้าลูกตื่นเอง อย่าาาา ให้นม ต้องให้ลูกหลับก่อน ไม่ง้้นเด็กจะสับสน
ต้องทำสม่ำเสมอ ถ้าบางครั้งลูกร้องแล้วอุ้ม/โอ๋/ให้จุกหลอก/ให้กินนม ลูกจะร้องมากเหมือนเดิม (ลองมาแล้ว ถ้าเราไม่แข็งใจไม่สม่ำเสมอ ลูกร้องเยอะเหมือนเดิมจิงๆ ตอนตื่นกลางดึก) ลืมบอกไปว่าเป้าหมายควรจะเป็น 11 ชม นอนยาวนะจ๊ะ หมายความว่าถ้าลูกนอน 2 ทุ่ม ควรจะตื่น 7 โมงเช้า
หนังสือ ชื่อ on becoming babywise เราชอบนะ หลังจากทำตามไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์เรื่องการจัดเวลาเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัว ลูกทันที คือร้องน้อยลงมาก

วิธีคือ ภายในหนึ่งวัน ให้จัดตารางเป็น cycle ไป หนึ่งไซเคิล จะมีประมาณ 3 ชม บวกลบประมาณครึ่งชมได้นะ ไซเคิลคือ eat/wake/sleep พอลูกกินก็ให้เล่นแล้วก็จับลูกนอน พอตื่นก็ให้กินนม/เล่น/นอน วนไปอย่างนั้น
กินประมาณ ครึ่งชม เล่นประมาณหนึ่งชม แล้วก็กะเวลาประมาณ 15 นาทีที่จะกล่อมลูกนอน เด็กควรจะนอนกลางวันประมาณ 1 ชม ขึ่นถึงจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย ถ้าลูกยังเด็กมาก อาจจะยังอยากหลับคาเต้าก็ต้องพยายามปลุก อาจจะเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือเขี่ยแก้ม อะไรก็ได้ที่ทำให้เค้าตื่น เด็กวัยแรกเกิด ต้องการเวลานอนกลางว้นประมาณ 3-4 ครั้ง นะคะ

4-6 เดือนนอนกลางวันประมาณ 3 ครั้ง รวมแล้ว กลางวันให้นอนได้ 3-4 ชม
6-9 เดือนนอนประมาณ 2-3 ครั้ง รวมแล้วกลางวันให้นอนได้ 2-3 ชม
9-12 นอน 2 ครั้ง รวมนอนให้ได้ประมาณ 2-3 ชม.
ความ สำคัญของการนอนให้พอสำคัญมากนะคะ อย่าคิดว่าถ้าให้ลูกนอนน้อยๆกลางวั กลางคืนจะนอนดี จริงๆ แล้วตรงกันข้ามค่ะ ถ้าลูกนอนกลางวันไม่พอ จะหลั่งฮอร์โมนออกมาทำให้
1. เข้านอนลำบาก ร้องไห้ไม่สามารถนอนได้ง่ายๆ
2. นอนแล้วจะหลับไม่สนิทตื่นบ่อย
3. ตื่นเช้าไป

คน เป็นแม่ที่ได้รับการนอนที่พอเพียง จะเป็นแม่ที่แฮปปี้และมีพลังในการเลีัยงลูกตอนตื่นนอน ตรงกันข้ามแม่ที่อดนอน จะควบคุมอารมณ์ลำบากและไม่มีพลังเล่นกับลูก
แม่ ที่อยากนอน และอยากฝึกให้ลูกนอนได้ไม่ใช่แม่ที่เห็นแก่ตัวนะ แต่เป็นแม่ที่อยากสอนลูกให้นอนได้ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ดีกับตัวลูก และทุกๆ คนในครอบครัว

ทุกคนไม่สามารถเถียงได้ว่าเด็กที่นอนพอ คือเด็กที่มีพลังในการเรียนรู้สิ่งรอบตัว และโฟกัสได้ดีกว่า และไม่งอแง ถ้าเด็กพ้นวัยเบบี๋ไปแล้วไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นทุก 2-3 ชม มากินนม สารอาหารควรได้รับตอนกลางวัน กลางคืนต้องเป็นเวลานอน ระบบย่อยอาหารไม่ควรต้องทำงานหนัก

เคล็ดลับสำหรับแม่ที่ไม่อยากฟัง เสียงร้องลูก
1. อย่าติดหนึ่บหน้าประตูฟังลูก ไปทำอะไรอย่างอื่น
2. รู้ว่าเราทำวิธีอื่นที่ไม่ให้ลูกร้องแล้ว แต่ว่าลูกก็ยังมีปัญหาอยู่ดี เราจึงต้องทำวิธีนี้
3. เด็กบางครั้งก็ต้องการ space และเวลาในการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ในที่นี้่คือ การเรียนรู้ที่จะกล่อมตัวเองนอน เด็กจะหาจนเจอ เช่น อมนิ้ว ส่ายหน้าไปมา ส่ายตัวไปมา หรือเอาหน้าซุกกับผ้าห่มผืนโปรดหรือตุ๊กตาตัวโปรด
4. เด็กร้องเพราะว่าหงุดหงิดนอนเองไม่ได้ เมื่อเด็กเรียนรู้แล้วจะไม่ร้อง หรือร้องน้อยมาก

** วิธีฝึกลูกนอนนาน โดยที่ลูกยังไม่ได้เลิกนมมื้ัอดึก **
สำหรับ คุณแม่ที่ยังไม่ได้เลิกนมมื้อดึกลูก แต่อยากสนับสนุนให้ลูกนอนนานๆนะคะ มีวิธีแนะนำค่ะ เพื่อนๆ อาจเลือกวิธีที่เหมาะกับสถารณการณ์ของตัวเอง และนิสัยลูก

1. dreamfeed
วิธีนี้เราเห็นแม่ๆเมกาหลายคนทำค่ะ แต่ว่าเรายังไม่เคยทำ เห็นเค้าว่าได้ผลดีนะคะ วิธีคือ สมมุติว่า ลูกเข้านอน 2 ทุ่ม ตัวแม่เข้านอน 5 ทุ่ม ก่อนคุณแม่เข้านอน ให้ปลุกลูกมากินนมค่ะ ไม่ต้องให้ลูกตื่นเต็มที่นะคะ เสร็จแล้วก็วางลูกนอน ลูกจะนอนนานขึ้นเพราะว่าได้กินนมไปอีกเต็มแทงค์แล้ว

2. ยื้อไม่ให้นมให้นานที่สุด
วิธีนี้เราทำแต่ว่าไม่ได้ผลค่ะ แต่บางคนทำแล้วได้ผล เพราะฉะนั้นถ้าอยากลองก็ไม่เสียหายนะ
วิธีคือ คุณแม่คงจะจำได้ว่าลูกเคยนอนโดยไม่ตื่นนานที่สุดกี่ชม แม้ว่าจะเคยนอนได้นานเท่านั้นแค่ครั้งเดียวก็ตาม ตัวอย่างนะคะ

สมมุติ ว่าลูกเคยนอนได้ 6 ชม โดยไม่ตื่นมากินนม (แม้ว่าจะเคยนอนได้นานอย่างนั้นไม่กี่ครั้ง แสดงว่าร่างกายลูกไม่ต้องกินนม 6 ชม ได้แล้ว) ให้คุณแม่นับเวลาตอนเช้าที่ลูกตื่น
สมมุติลูกมักจะตื่นนอน ตอน 8 โมงเช้า ให้ลบไป 6 ชม เป็นเวลาที่ให้นมลูก ลบไป 6 ชม จะเป็นตี 2 ถ้าลูกตื่นก่อนตี 2 ไม่ต้องให้นมค่ะ (อธิบายเองงงเองค่ะ อิอิ)

** วัตถุประสงค์ของ 2 วิธีนี้ เพื่อให้เด็กนอนได้นานขึ้น แล้วเมื่อเด็กพร้อมแล้ว ก็สามารถงดนมมื้อดึกได้ไม่ยาก **






Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 28 พฤษภาคม 2556 2:06:20 น.
Counter : 1467 Pageviews.

0 comment
Cry it out 1

Cryit out


ถ้าลูกใครไม่ได้นอนง่ายเยี่ยงนี้ กรุณาอ่านบล็อกนี้ค่ะ มันจะช่วยคุณแม่ได้มากๆค่ะ


โอ้ ใครมีลูกที่นอนง่ายดายเช่นนี้ ช่างเป็นบุญของพ่อแม่จริงๆค่ะ


แต่ถ้าไม่ กรุณาอ่านบล็อกถัดไปค่ะ





Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2556 23:17:16 น.
Counter : 779 Pageviews.

0 comment
review อุปกรณ์สำหรับอาหารการกินของลูกค่ะ


เข้าเริมเข้าสู่ช่วง 4-5 เดือนของลูกๆ แม่ๆส่วนใหญ่จะตื่นเต้นกับการเตรียมอุปกรณ์อาหารให้ลูก

การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ขอให้หยุดอ่านตรงนี้ซักนิดนะคะ ก่อนจะลงมือ ช๊อป

อุปกรณ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด ไม่มีก็ได้ค่ะ

แค่เพียงมันจะช่วยแบ่งเบาและอำนวยความสะดวกของคุณแม่เพิ่มขึ้นค่ะ

เริ่มจากอุปกรณ์ป้อนอาหารนะคะ




เริ่มจากช้อนค่ะ ควรเริ่มจากช้อนที่มีปลายเป็นซิลิโคนนิ่มๆ เพราะวัยนี้มักจะกัดช้อนเล่น

หากหาไม่ได้ ให้ใช้ช้อนพลาสติก เก็บมาจากร้านไอติมก็ได้ค่ะ

การใช้ช้อนกาแฟที่เป็นโลหะป้อนอาหารนั้นไม่เหมาะ
    เพราะความร้อนจากอาหารจะถ่ายเทไปยังช้อน อาจจะลวกปากลูกได้ค่ะ 

ดังนั้น ช้อนพลาสติกที่ปลายช้อนสามารถวัดความร้อนได้ของ Mothercare ก็น่าสนใจค่ะ เหมาะกับแม่มือใหม่หัดป้อนค่ะ



หารูปชัดๆไม่เจอค่ะ รูปนี้พอถูไถ่ไปได้มั้ยคะ

คือส่วนปลายช้อน ถ้าโดนความร้อนมันจะเปลี่ยนเป็นสีซีดลงจนขาวค่ะ


ถ้าใครพอจะมีทรัพย์หน่อยแนะนำแบบนี้ค่ะ ทุ่นเวลาและป้องกันการหกเลอะเทอะได้ดีมากค่ะ

baby squeeze spoon 





ส่วนผ้ากันเปื้อน ขอแนะนำแบบซิลิโคนค่ะ เพราะว่ามันนิ่ม มีน้ำหนัก และล้างง่ายมากค่ะ

เคยใช้แบบที่เป็นผ้าเพราะกลัวลูกรำคาญ แต่ปวดหัวเพราะมันซักไม่ออกค่ะ

หรือแบบผ้าใบคล้ายๆพลาสติก อันนี้มันเบาแต่มันเลื่อนไปมา บังหน้า ทำให้ลูกอึกอัดรำคาญค่ะ 

ยูกิใส่ที่กันเปื้อนอันนี้มาตั้งแต่ 6 เดือน ยันปัจจุบัน 14 เดือนแล้ว 

ไม่เคยดึงออกเลยสักครั้งค่ะ มีแต่เอามากัดเล่น 

พอจับนั่งปุ๊บ ใส่ผ้ากันเปื้อนปั๊บ ก็รู้ทันทีว่าจะได้กินข้าวแล้ว


ส่วนแก้วน้ำนั้น 



ที่เห็นเยอะแบบนี้ ของบอกว่ามีครบทุกแบบ 

แต่ที่ใช้ดีและยูกิชอบเป็นอันถูกสุดค่ะ ไม่มีฟังก์ชั่นใดทั้งสิ้น

การฝึกลูกดูดหลอดนั้นดีที่สุดค่ะ ไปไหนมาไหนไม่ต้องพกแก้ว ให้ดูดหลอดเลยค่ะ 

ไม่หกเลอะเทอะ 

ถามว่าเริ่มฝึกเมื่อไร่ ฝึกยังไง 

ง่ายมากค่ะ แค่พ่อแม่ทำให้เห็น ให้ดูทุกวัน เดี๋ยวเค้าก็ทำตามเองค่ะ

เริ่มได้ตั้งแต่ 7 เดือนค่ะ

ยูกินั้นข้ามขั้นจากเต้าไปดูดหลอดเลยค่ะ 

ส่วนแก้วน้ำเค้าจะเรียนรู้เองว่าต้องยกแก้วน้ำถึงจะออกมา ถ้ากลัวเปียกก็เลือกแก้วแบบหัดดื่ม 

แบบถูกๆ Tommee Tippee ก็ดีค่ะ ล้างง่าย ไม่หมักหมม 

ส่วนแก้วอื่นๆ ขอบอกว่าล้างยาก หากล้างไม่สะอาดจะมีกลิ่นอับชื้นค่ะ

แต่แก้วแบบถูกๆบางประเภทก็ไม่ดีค่ะ น้ำรั่ว ยกทีหกเปียกหมดค่ะ ต้องดูดีๆนะคะ



*** กรุณาอย่าเอาน้ำผลไม้ที่มีกากใส่ขวดนมให้ลูกดูดนะคะ ลูกจะกะแรงไม่ถูกทำให้เค้าฝึกดื่มยากค่ะ



ผลไม้ นั้นเราควรฝึกให้เค้าจับกัด กินเอง เพราะเค้าจะได้เรียนรู้เรื่องสี และผิวสัมผัส

รวมทั้งฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กที่นิ้วมือด้วยค่ะ แต่เด็กต่ำกว่า 8 เดือนที่ยังไม่มีฟัน ควรจะใช้ถุงตาข่ายค่ะ

กันผลไม้ติดคอลูก ปุ้มเคยพลาดแล้วค่ะ องุ่นเกือบลื่นเข้าคอยูกิ อย่าคิดว่าเราจับแน่นแล้วนะคะ

ลูกก็มีแรงดูดแรงเหมือนกันค่ะ ให้เค้างับเองดีกว่าค่ะ

ตามหาคำว่า   Fresh Food Feeder  นะคะ 




ส่วนยี่ห้อไหนดีกว่าอันไหนนั้น ตอบยากค่ะ ให้เลือกแบบที่คุณแม่ชอบดีไซน์ 

และตามจุดประสงค์ดีกว่าค่ะ 

ชอบตาข่ายผ้านิ่มบาง ลอง Mothercare ค่ะ

ชอบตาข่ายหนา Munchkin 

ชอบถือง่าย ล้างง่าย NUBY

ส่วนกล้วยที่ต้องป้อนบ่อยๆ ทุกวันนั้นใช้อุปกรณ์นี้จะช่วยทุนเวลาได้เยอะเลยค่ะ 




ส่วนผลไม้ที่ลูกกินไม่หมด ก็มาเอาทำเป็นไอติมให้ดูดได้ค่ะ 

ประหยัดค่ะ ผลไม้แพง เพราะถ้าเป็นของกินลูก 

นี่แม่ๆก็คงเลือกซื้อกันมาอยากดีและแพง ต้องปลอดสารพิษสุดฤทธิ์ใช่มั้ยคะ


ส่วนอุปกรณ์บรรจุอาหารนั้นก็เลือกกันตามเหมาะสมนะคะ 

ปุ้มขอบอกว่ายี่ห้อ Tommee tippee ดีค่ะ มันเล็กกระทัดรัด ปิดสนิทไม่หกเวลาเดินทาง

ล้างในเครื่องล้างจานและอุ่นในไมโครเวฟได้ค่ะ

ส่วนยี่ห้ออื่นๆก็ตามความสวยงามและแฟชั่นค่ะ





ปุ้มหวังว่าประสบการณ์ลองผิดลองถูกของปุ้มกับยูกิ คงพอจะเป็นแนวทางในการเลือกซื้อของแม่ๆมือใหม่ได้บ้างนะคะ





Create Date : 16 มกราคม 2556
Last Update : 19 มกราคม 2556 7:19:35 น.
Counter : 9414 Pageviews.

0 comment
baby food Review ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปของเด็กค่ะ

มีหลายคนทวงถามมาให้รีวิวอาหารสำเร็จรูปค่ะ

ซึ่งเป็นอะไรที่ปุ้มถนัดมากค่ะ เพราะไม่ชอบทำอาหาร ทำแล้วยูกิไม่ค่อยกิน

สุดท้ายก็ต้องพึ่งอาหารขวดเนี่ยแหละค่ะ





อาหารสำเร็จรูปเด็กที่ขายตามท้องตลาด เค้าจะแบ่งตามอายุเด็กค่ะ

เป็น Stage 1, 2, 3

และแยกออกเป็นประเภทอีกค่ะ คือ


1.Jars คืออาหารขวดที่นิยมกันมากที่สุดค่ะ 

สูตรอาหารก็หลากหลายค่ะ ส่วนใหญ่จะครบถ้วนตามอายุค่ะ

เช่น A smooth blend of apples, cranberries and bananas blended with rice.,A smooth blend of spinach cooked with milk, rice, potato and cheese., A delicious blend of mango and banana puree with mixed fruit juices ฯลฯ




โดยส่วนใหญ่แม่ๆที่เมืองไทยจะไม่ค่อยใช้อาหารขวด เพราะว่ามันแพง


แต่สำหรับที่นี่แล้วถ้าเทียบกับซื้อวัตถุดิบมาทำเอง ขอบอกว่าถูกกว่าค่ะ 

เพราะขวดนึงไม่ใช่ต่อ 1 มื้อนะคะ สามารถเก็บไว้ได้หลายมื้อเลย


วิธีคือ เปิดขวดแล้ว แยกใส่กระปุกหลายๆใบ เก็บในช่องแช่แข็งค่ะ

เวลาจะป้อนก็นำออกมาอุ่น และก็เพิ่มข้าวบด ข้าวสวย ข้าวต้ม หรือมันฝรั่ง

แล้วแต่ความถนัดค่ะ 



ถามว่าแล้วลูกจะได้รับสารอาหารพอหรือคะ?


ต้องขอบอกก่อนว่าว่าปุ้มไม่ได้เลี้ยงลูกแบบตามตำราเด๊ะๆ 

ที่ต้องถึงขนาดควักกระบอกตรงมาวัดกันเลยว่าอะไรกี่ส่วนกี่ส่วน (มีจริงๆค่ะ ไม่ได้โม้)

แต่ตราบใดที่เค้ายังคงดูดนมจากเต้า หรือดูดขวดก็ตาม อาหารเสริมก็คืออาหารเสริมค่ะ

แค่เค้ายอมเอาเข้าปากแล้วกลืนลงไปก็เป็นบุญมากแล้วค่ะ

บางคนต้องกุมขมับเครียดหนักว่า

ทำไมลูกช้านถึงไม่กิน เปลี่ยนอาหารก็แล้ว เปลี่ยนวิธีก็แล้ว เพลียค่ะ

สำหรับปุ้ม คือ ขอให้กิน อะไรก็ได้ ไม่สนค่ะ ขอให้กินเข้าไปเป็นใช้ได้ค่ะ



ถามต่อว่าแล้วอุ่นอาหารจะไม่ทำให้คุณค่าทางอาหารเสียไปหรอคะ?

ถ้ามันจะเสียคุณค่ามันคงเสียไปตั้งแต่ตอนปรุ่งแล้วล่ะค่ะ 

โดยเฉพาะการตุ๋นเนี่ย ใช้ความร้อนนานมาก

ฉะนั้นเค้าจึงแนะนำว่าการนึ่งคือวิธีที่ดีที่สุดค่ะ

แต่อย่างไรก็ตาม การนึ่งอาหารสุกใหม่ทุกมื้อให้ลูกนั้น ดีที่สุดค่ะ




แต่เด็กที่ไม่ชอบอาหารขวด เพราะไม่ชอบกินอะไรที่เละๆ แบบยูกิ

ก็ต้องลำบากแม่อีกค่ะ ดังนั้นขอแนะนำตัวถัดไปค่ะ



2. Pouches อาหารถุงค่ะ ส่วนใหญ่สูตรจะผลไม้เป็นส่วนประกอบหลักค่ะ 



ซึ่งยูกิและมามี้ชอบอาหารถุงแบบนี้มากค่ะ

เนื่องจากมันรับประทานง่ายไม่เลอะเทอะ เริ่ดค่ะ

และเหมาะอย่างยิ่งกับประเทศที่ผลไม้แพงเยี่ยงนี้


แต่อาหารถุงแบบนี้เปิดแล้วต้องรับประทานให้หมดภายใน 24 ชม.นะคะ 

ก่อนนำมาให้ลูกดูดก็นำไปแช่เย็นจะได้เย็นชื่นใจค่ะ (นึกถึงไอติมตัวดูดสมัยเด็กๆ)


ช่วงเริ่มแรกๆก็ใช้ใช้ช้อนป้อนเค้าไปก่อน ให้เค้าชินกับรสชาติ

จากนั้นก็ฝึกให้เค้าดูดเองค่ะ

เนื่องจากยูกิข้ามสเต็ปดูดขวดไปดื่มแก้วตั้งแต่ 5 เดือนแล้ว 

จึงง่ายต่อการฝึกดูดหลอดด้วย บวกกลับเป็นช่วงที่ลูกชอบเลียนแบบพ่อแม่ 

เห็นมั้ยคะ การดูด starbuck ยั่วยูกินั้นก็มีผลดีเช่นนี้แล

ไม่เกิน 8-9 เดือนเค้าก็จะดูดถุงนี้ได้อย่างสบายใจแล้วล่ะค่ะ

เมืองไทยก็มีอาหารถุงที่อร่อย ซึ่งสูตรไม่ต่างกับที่นี่เลยค่ะ ยี่ห้อ Peachy ค่ะ ลองหาดู



3. Mini Pots,Fruit Pots, Tray Meals สำหรับอาหารมื้อว่างค่ะ

พวกนี้สูตรจะคล้ายๆกับอาหารชวด แต่ว่าส่วนใหญ่ที่ขายกันจะเน้น โยเกิร์ต ผลไม้


ขอยืมรูปจากเวปค่ะ ขอไม่ใช้ของไทยนะคะเดี๋ยวจะหาว่าช่วยโฆษณาค่ะ

โดยส่วนตัว ปุ้มคิดว่าอันนี้ไม่ค่อยจำเป็นค่ะ ให้ลูกกัดผลไม้สดๆเลยจะดีกว่าค่ะ

เอาไว้จะรีวิว ตาข่ายใส่ผลไม้สำหรับดูดนะคะ



4. Cereals ธัญพืช สำหรับอาหารเช้าค่ะ

ยูกิต้องกินสิ่งนี้ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เพราะแม่ขี้เกียจทำอาหารค่ะ





เริ่มจากชนิดเกล็ดที่ต้องละลายในน้ำร้อน ซึ่งยูกิดูดอย่างง่ายดายด้วยเจ้านี่ค่ะ





แต่ปัจจุบันยูกิหม่ำแบบผู้ใหญ่ที่ใสนมกินแล้วค่ะ จากการอยากจะกินในชามแม่มากกว่า

ซึ่งยูกิโปรดปราน Kellogg's Coco Pop Rock มากที่สุดค่ะ


5. Snacks ขนมมื้อว่างค่ะ เป็นอาหารพวก finger food ทั้งหลาย


ไม่ได้หมายความว่าจะส่งเสริมให้เค้าชอบกินขนมนะคะ

แต่พวกนี้นอกจากจะช่วยให้ลูกฝึกการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กที่นิ้วมือแล้ว

ยังช่วยให้เค้าเรียนรู้จักการรับประทานอาหารด้วยตัวเองค่ะ

แต่ถ้าใครจ้างพี่เลี้ยงมาแล้วกลัวไม่ไม่มีงานทำก็ข้ามอันนี้ไปก็ได้ค่ะ




กรุณาอย่าให้ทั้งเปลือกค่ะ เพราะยูกิเคยหิวจัด ฉีกเปลือกินเอง ปรากฎติดคอ ต้องล้วงคออ๊วกค่ะ 


6. Drinks พวกน้ำผลไม้ นมเปี้ยว นมถั่วเหลือง อันนี้ไม่ต้องบรรยายนะคะ

น้ำผลไม้เด็กส่วนใหญ่เค้าจะจือจางมาเรียบร้อยแล้วค่ะ (แต่ทำไมมันแพงนักนะ)


แบบเป็นกล่องก็พกพาสะดวกดีค่ะ ให้เค้าฝึกดูดหลอดเลย

จะได้ไม่ต้องคอยมารินใส่แล้วใส่ขวดนมค่ะ


จบด้วยยี่ห้อโปรดของยูกิค่ะ

หวังว่าจะช่วยแม่ๆได้บ้างนะคะ ยังไงก็หาซื้อติดบ้านติรถกันไว้นะคะ 

ถือว่าเป็นตัวช่วยสุดท้ายถ้าลูกๆไม่ยอมกินอาหารสดค่ะ







Create Date : 13 มกราคม 2556
Last Update : 13 มกราคม 2556 7:57:38 น.
Counter : 14309 Pageviews.

0 comment
ยูกิฝึกนั่งโถ๋ส้วมแล้วค่ะ

เห็นเค้าฝึกลูกๆนั่งโถ่กันตั้งแต่7 เดือนแล้ว 

แต่มามี้ขี้เกียจ เลื่อนมาเรื่อยกว่ายูกิจะได้นั่งโถ่ก็ปาไปขวบนึงแล้ว

เหตุเพราะช่วงนี้ยูกิอึเยอะ ทำให้เปลืองเบบี้ไวพ์มากเลยจับล้างก้นเลยดีกว่า


ไม่คิดว่าการฝึกนั่งโถ่จะง่ายดายเพียงนี้ 


เพียงแค่ตื่นมาจับถอดชุดนอน แล้วนั่งเลย สักพักไม่เกิน 15 นาที ยูกิก็อึแล้ว 


ทั้งฉี่ทั้งอึเลยค่ะ ระหว่างนี้ก็ให้ยูกิดูBaby Einstein จาก iPad ไปพลางๆ 


ยื่นแปรงสีฟันให้แปรงฟันเองไปด้วยเลย



ที่เลือกใช้ Bumbo Toilet Trainer seat นี่ก็เพราะ ชอบที่มันดูเรียบๆดีค่ะ

ถ้าเกิดมีอะไรกระเด็นขึ้นมา ก็ล้างออกได้ง่าย ไม่มีซอกให้หมักหมม 

และที่สำคัญนั่งแล้วสบายค่ะ ลองไปใช้ของบ้านอื่นแล้ว ยูกินั่งลำบากค่ะ 




แม่ๆลองสังเกตดูนะคะ ว่าลูกจะอึช่วงหลังตื่นนอนตอนเช้าค่ะ เค้าจะเริ่มเบ่ง


ก็จัดการรีบวิ่งเข้าห้องน้ำถอดชุดและผ้าอ้อมทันที รับรองทันค่ะ 


แต่บางวันยูกิก็ไม่อึมาอึเอาบ่ายๆ

ทีจริงฝรั่งเค้าให้ฝึกลูกนั่งโถ่ตอนสองขวบ 

เพราะเด็กเริ่มบอกได้แล้วและอั้นปัสสาวะเป็นแล้ว แต่คนไทยอย่างว่า 

อยากฝึกให้ชิน อย่างน้อยก็จะได้ไม่เปลืองผ้าอ้อม 

ทนแรงบ่นไม่ไหวก็เลยต้องฝึกๆตามเค้าไปค่ะ เพิ่มงานให้แม่อีกแล้ว 555


กลับมาอัพเดตค่ะ ปัจจุบันยูกิ 18 เดือนแล้ว ทุกวันยูกิจะนั่งโถ่ 11 โมงเช้า พอจับวางปุ๊บ สักพักก็อึเลย 

ไม่เกิน 5 นาทีค่ะ (แต่บางวันก็ไม่อึนะคะ มีนานๆทีค่ะ) 

ช่วงนี้ยูกิเริ่มพูดได้แล้ว เวลาปวดอึจะบอกว่า "POo Poo" 

มีอยู่หลายครั้งที่ปวดอึ แล้วพอถามบอกว่า จะพูพู ก็เดินไปห้องน้ำเอง 

แต่ยังปีนขึ้นโถไม่ได้ บางทีแดดดี้เข้าห้องน้ำอยู่ ก็ไปค๊อกประตูห้องน้ำใหญ่ 

แบบว่าไม่ไหวแล้ว ออกมาซะที สุดท้ายก็ไม่ทัน 


(คือเด็กวัยนี้ยังอั้นเองไม่ได้นะคะ แต่จะสามารถบอกได้แล้ว)

แต่ถ้าถึง สองขวบ เมื่อไร่ เค้าจะสามารถควบคุมกล้ามเนื้อหูรูดได้แล้วค่ะ 


ก็จะเริ่ม Potty train ของจริงค่ะ




Create Date : 12 มกราคม 2556
Last Update : 28 พฤษภาคม 2556 2:41:43 น.
Counter : 1108 Pageviews.

2 comment
1  2  3  

poompooee
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



Carrot
.
. Gests
.
ขอบคุณนะคะ ที่เฝ้าติดตามพัฒนาการของหนู สามารถเข้ามาตามชมได้ที่ Yukime :FB Fanpage