ละคร...ฉากสุดท้ายที่ควรคิด

ละคร..ฉากสุดท้าายที่ควรคิด









ละคร...ฉากสุดท้ายที่ควรคิด


บางทีเรามองเห็นาติคนตายเคาะฝาโลงแล้ว มีเสียงพูดเบาๆ จากผู้เคาะว่า “มารับศีลนะคุณ(พ่อ/แม่) ทานข้าวนะคุณ(พ่อ/แม่) มาฟังพระสวดนะ” ทำไปเพื่ออะไร...?


ในเมื่อเวลามีชีวิตเป็นๆ คนบางคนไม่เคยให้ความเอื้อเฟื้อเลย ตรงนี้เป็นสัาณเตือนให้คนที่ฟังได้รู้ว่า ต่อให้เคาะให้แขนปวดให้ตาย เขาก็ไม่สามารถมาฟังพระสวดได้เลย แต่คนที่ฟังจริงๆ คือ คนเป็นๆ ที่นั่งอยู่นี่แหละ “คลื่นลูกแรกยังไม่สงบ คลื่นลูกหลังก็ซัดกระหน่ำตามมา” เข้าทำนองคนหนึ่งตายยังเผาไม่เสร็จอีกคนตายตาม


บางคนไม่เข้าใจรู้เพียงเพราะแค่เคยทำตามกันมา แต่บางคนรู้แล้ว “เขาเคาะประชดคนเป็น” ในยามมีชีวิตอยู่ เตือนแค่ไหนก็ดูเหมือนไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้ ในยามนี้เตือนไปคงไร้ความหมายกับคนตายจะไปรับรู้อะไร เคาะเตือนสติคนเป็นดูบ้าง ให้เห็นถึงความจริงว่า “สิ่งที่ดีเร่งขวนขวาย ก่อนที่จะหมดโอกาสเหมือนเมื่อสิ้นลมหายใจ” ช้างม้า วัวควาย ยามเมื่อมันตายเนื้อหนังยังมีประโยชน์ได้ มนุษย์นี่สิ...เน่าเปื่อยสูเปล่าไป ดี-ชั่วที่ทำไว้ส่องให้โลกเห็น นี่แหละเป็นส่วนหนึ่งของละครฉากสุดท้าย ที่คอยเตือนใจหลายคนที่อาจลืมไป


ชีวิต...เวลาและนาฬิกา

ชีวิตคนเราเคยมีใครคิดไหมว่า แปลกมั๊ย..ใครๆ ก็คิดว่า เวลากับนาฬิกาเป็นสิ่งที่คู่กันเสมอ แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นซักหน่อย “เวลา...เดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่นาฬิกา...นิ่งเดินอยู่กับที่เก่าวนไปวนมา บางทีก็ตาย” เพราะถ่านหมด แต่เวลา...เราไม่อาจย้อนกลับมาอีกเลย “นาฬิกา...จะหมุนย้อนมันได้ แต่เวลากลับมาที่เดิมไม่ได้” มันช่างเหมือนเส้นทางชีวิตจริงๆ ที่เวลาชีวิตหมดอายุแล้วหมดเลย แม้เราอยากจะไปเวลาเดิมอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีใครเคยทำสำเร็จเลย คงเพียงได้แค่คิด เมื่อละครฉากสุดท้ายมาถึง


ชีวิตเราจึงเหมือนเวลา แต่ไม่เหมือนนาฬิกา เมื่อหมดเวลาแล้วเรียกคืนกลับไม่ได้คล้ายกับ “เวลา...เมื่อสูเสียไปแล้วไม่อาจเรียกร้องคืนมาได้” คงต้องเสียแล้วเสียเลย แต่นาฬิกาตายเปลี่ยนถ่านได้...ยังนำไปซ่อมได้หรือซื้อใหม่ได้ แต่ชีวิตเสียแล้วเสียเลย หมดแล้วหมดเลยคำเตือนที่ว่า “บรมครูส่งโจทย์ให้เราคิดสดๆ ให้ทดสอบ ท่านส่งมอบข้าศึกในใจให้ฝึกฝน ท่านหยิบยื่นความอดทน ทำลายทุกข์ยาก ลำบากกายใจ หวังเพียงให้รู้ความนัยแห่งโลภ โกรธ หลง” แล้วจะเข้าใจทุกสรรพสิ่งอย่างจริงจัง


ความสำคัของ “เวลา...เราได้มาฟรีๆ ไม่ต้องแลกอะไร ไม่ต้องซื้อหา เพียงแค่รู้ค่าก็พอใจ” แต่นาฬิกา...ยิ่งสวยยิ่งแพง ใช้เงินซื้อมันมา เพื่อบอกเวลา บางทีมันบอกให้รู้ว่า “นาฬิกาแพงๆ ไม่สำคัเท่าคนใช้ตรงเวลา” แต่ถ้านาฬิกาแพ่งที่สุด จะไม่มีค่าสำหรับคนใช้เลย ถ้าเราไม่ตรงเวลา เพราะนาฬิกาจริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ที่ถูกหรือแพง แต่มันอยู่ที่ตรงเวลาในเมื่อมันแตกต่างกันเหลือเกินสำหรับ “เวลาแห่งชีวิตกับวงเวียนของนาฬิกา” ดูดีๆ ชีวิตอาจได้เห็นคุณค่า ถ้ากล้าปฏิบัติตามธรรมจริงๆ


ใครบางคนอาจถามว่า เจ้านาฬิกาจะรู้เวลาไหม...? คำตอบคงมีในใจคุณแล้ว ลองคิดอีกที “ถ้าไม่มีนาฬิกา จะรู้เวลามั๊ย” เพราะดวงอาทิตย์คือ เวลาก็คงรู้ได้ มองอีกทีถ้ามีแต่นาฬิกา แต่ไม่รู้จักเวลา จะมีประโยชน์อะไร..? คำถามเล็กๆ ให้คนอ่านได้คิดสักนิด


คนเขียนได้พิจารณาว่า น่าสนใจจริงๆ เพราะเวลาจะเตือนให้รู้จักเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเผชิกับทุกสิ่ง และเวลาจะมีค่าที่สุด เมื่อเราใช้มันอย่าง “สะอาด สว่าง สงบ เย็น” แต่มันจะไร้ค่าที่สุด ถ้าใช้มันอย่าง “โลภ โกรธ หลง” ระเบิดร้ายสามลูกนี้ เป็นตัวร้ายทำลายทุกสิ่ง


เวลากับนาฬิกาถึงจะแตกต่างกัน แต่มันจะมาคู่กันเสมอ เพียงแต่จะมองเห็นตัวจริงๆ ของมันรึเปล่า? ฉันกับเขา...อาจไม่มีอะไรเหมือนกัน เธอกับเขามีความคิดและวิถีชีวิตที่ต่างกัน บางทีอาจเดินกันคนละเส้นทาง อาจมีความฝันที่ห่างไกลกัน แต่สุดท้ายอาจมีเป้าหมายเดียวกันได้คือ “ต้องการทำดี” เพียงแค่จะทำในช่วงเวลาต่างกันเท่านั้นเอง


ชีวิตคนเรา...ช่างเหมือนบทละครเสียจริงๆ บางทีชอบใช้เวลาแห่งชีวิตให้เดินไปข้างหน้า หาสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทาย โดยทิ้งหลายสิ่งไว้ข้างหลัง อาจเหมือนกับนาฬิกาที่ยังเป็นแบบเดิมๆ ใช้ชีวิตและทำหน้าที่ไปเรื่อยๆ ในมุมเก่าๆ แต่ต่างเวลากัน ชีวิต เป็นไปตามวัย ตามสถานการณ์


หากเรายังดึงดันจะมองแต่ข้างหน้า บางทีมุมมองอาจเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเราไม่มองไปข้างหลังบ้าง อาจไม่สามารถแก้ไขตัวเองที่มองไกลเกินไป ลองคิดเตือนใจสิว่า “เท้าเราใส่รองเท้าของเราป้องกันหนามแหลมได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายหนามแหลมทั้งโลกให้หมดไป” เราใช้ความคิดต่างเป็น กระจกสะท้อนภาพได้ แต่เราหยุดทำดีไม่ได้ เพราะเวลาเหลือน้อยลงไปเรื่อยๆ


ชีวิตเราจงเชื่อมั่นว่า สักวันหนึ่งทุกสรรพสิ่งจะเชื่อมโยงใจของเราเข้าหาความจริง ที่ต้องแก้ไขใจเราให้เป็นนิพพาน อันเป็นทางที่ทำให้ใจเราสะอาด สว่าง สงบ เย็น จะเติมเต็มส่วนที่เราขาดหายไปให้เป็นทางสายกลาง ที่ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป







Create Date : 14 มิถุนายน 2555
Last Update : 14 มิถุนายน 2555 13:47:08 น. 2 comments
Counter : 1065 Pageviews.

 
ขอบคุณข้อคิดดีๆ ค่ะ


โดย: My dog Buddy วันที่: 14 มิถุนายน 2555 เวลา:16:01:45 น.  

 

.. เมื่อเราหายใจเข้าหนึ่งครั้ง เราก็มีชีวิตอยู่ด้วยลมหายใจนั้น.. เมื่อเราหายใจออกหนึ่งครั้ง เราก็มีชีวิตอยู่ด้วยลมหายใจนั้น.. และเวลา..ก็มีไว้ให้เราได้นับลมหายใจที่ยังเหลืออยู่นี้..เพื่อใช้เวลาที่มีอยู่..กับ สิ่งประเสริฐที่สุดให้คุ้มค่าที่สุด....ตามเวลา..


โดย: sanya IP: 74.100.157.122 วันที่: 15 มิถุนายน 2555 เวลา:8:01:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

samuellz
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบชีวิตอิสระที่สุด
รักทุกคนที่มีธรรมะ
[Add samuellz's blog to your web]

MY VIP Friend


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com