คำสอนของโลกมีให้มนุษย์

คำสอนของโลกมีให้มนุษย์









คำสอนของโลกมีให้มนุษย์

 


มนุษย์พยายามสอนมนุษย์ ครูอาจารย์พยายามสอนศิษย์ แต่เมื่อเทียบกับการที่โลกสอนมนุษย์ว่า “ทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลง” มันเทียบไม่ได้...เพราะเป็นการสอนโดยตรงแก่มนุษย์ แต่เรากับมองข้ามความเป็นจริงตรงนี้ออกไป โลกสอนความเป็นจริงอันนี้แล้ว แต่โลกกลับสอนให้มนุษย์มีความผูกพันกัน ด้วยความรัก ความแค้น การแก้แค้น เกลียดชัง จะบอกว่าโลกไม่ยุติธรรมก็ได้หรือยุติธรรมก็ได้ เพราะมีหน้าที่สอน แต่หน้าที่เลือกทำคือ “ตัวเรา” นั่นเองที่จะทำได้

 


เด็กๆ จะมองว่า “ผู้ใหญ่จริงจังกับชีวิตมากเกินไป” ในขณะที่ผู้ใหญ่จะบอกว่า “เด็กๆ มีแต่เรื่องไร้สาระ” ไร้แก่นสาร ไร้เรียงสาเกินไป ทำไม...? เพราะเด็กไม่เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อน วันหนึ่งเขาคงจะรู้ว่า ทำไมถึงต้องมีเรื่องเคร่งเครียด กลุ้มใจ น่าเบื่อ สำหรับผู้ใหญ่ซึ่งได้ผ่านวัยเด็กมาแล้วมักลืมไปว่า ณ วันที่ผ่านมา เป็นอย่างไร..? เพราะมัวแต่สนใจเรื่องไร้สาระมากเกินไป

 


สาระในชีวิตของเขาคืออะไร บางทีกำหนดไม่ได้...เพราะโลกอีกนี่แหละที่บดบังสาระที่คนจะเข้าใจจริงๆ ไว้ ไม่ให้คนเราเข้าใจอย่างแท้จริง ดังนั้นเราจะโทษว่า โลกเป็นอย่างไรไม่ได้ เพราะโลกทำหน้าที่ของโลก ส่วนคนก็ทำหน้าที่ของคน แต่ “การเลือกสรรเป็นหน้าที่ของคนที่จะเลือกสรรกรรมใหม่ที่เป็นกรรมดีหรือชั่วขึ้นอยู่กับคน” จะเลือกทำด้วยตัวเอง

 


ความสุขราคาถูกๆ

 


ผู้เขียน(ปี ๒๕๓๔) เคยนั่งรถไฟผ่านไปทางตอนใต้ของอินเดียคือ เมืองมัชราด ได้เห็นเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังถือไม้กวาดเล็กๆ ทำงานกวาดบนรถไฟ ถึงจะไม่สะอาด แต่หนูน้อยวัยห้าขวบก็ถือว่า มันเป็นงานที่ต้องทำ เพื่อว่าจะได้รับค่าตอบแทนจากคนที่เห็นใจบ้าง เมื่อเด็กน้อยคนนั้นกวาดจบตู้รถไฟ จึงได้หันมาใช้งานธรรมชาติที่เคยฝึกมาจนเคยชินของคนอินเดียส่วนหนึ่งที่กระทำกันเสมอ ก็คือ “การขอทาน”...อันเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของชาวอินเดีย แต่จะได้หรือไม่...! หน้าที่ของเขาก็ต้องขอ ส่วนหน้าที่ให้หรือไม่...! ผู้ให้จะเป็นฝ่ายตัดสินใจเอง บางคนอาจจะให้เพราะความสงสารหรือความลำคาญ

 


ผู้เขียนเห็นเป็นเด็กพอดีมีเศษรูปีอยู่จึงให้ไปสามรูปี จากนั่นรถไฟก็เริ่มส่งสัญญาณที่จะออก เด็กน้อยรีบลงไปจากรถไฟ ผู้เขียนชำเลืองมองหนูน้อยอีกครั้ง รู้สึกประหลาดใจที่เห็นยังมีอีกสองชีวิตคือ น้องๆ อีกสองคน อายุประมาณสามขวบกับสองขวบ เห็นเจ้าหนูน้อยคนพี่ได้รูปีมาก็รีบแบ่งรูปีให้กับน้องทั้งสอง “แล้วทั้งสามพี่น้องก็กระโดดโรดเต้นดีใจอย่างที่สุด”โธ่...เอ๋ย..นี่คือ ความสุขราค่าถูกของเด็กน้อยที่มีชีวิตอยู่อย่างไร้จุดหมาย...!

 


ทำให้มองเด็กๆ อย่างพิศวงใจว่า “อนาคตจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครกำหนดได้...วันหน้าจะเป็นอย่างไม่อาจรู้ได้... แต่วันนี้พวกเขาดีใจอย่างสุดๆ มีความสุขอย่างยิ่งสำหรับวันนี้แล้ว”...นี้ก็เป็นธรรมชาติของโลกอีกเช่นกัน ที่ทำหน้าที่สอนให้เด็กน้อยดีใจ เมื่อได้สิ่งที่ตนปรารถนา และสมความปรารถนา...แม้จะไม่มีค่ามากกับบางคน แต่มันกับมีค่ากับเด็กน้อยที่จะช่วยต่อชีวิตให้ยืดยาวไปได้อีกหน่อยหนึ่ง...

 


เด็กๆ ที่ร้องไห้อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อให้ได้อะไรมาสักอย่างหนึ่ง แต่พอได้แล้วกับหัวเราะ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะอะไร? ไม่มีใครตอบได้อย่างถูกต้องแท้จริง...แต่นี้เป็นธรรมชาติของโลกที่ให้กับเด็ก.... แหละนั่นคือ “ธรรมชาติที่แท้จริงของโลกที่ให้ความเปลี่ยนแปลงเสมอ”...และให้กับเด็กทุกคนเท่ากัน แม้จะเป็นเด็กที่อยู่ให้รั้วในวังก็ตามหรือตามข้างถนนก็ตาม จะมีสิ่งที่เหมือนกันคือ “ดีใจหัวเราะ เสียใจร้องไห้” นั่นเอง

 


คนที่แสดงตลกหัวเราะสดใสก็คือ “คนเดียวกับคนที่สามารถร้องไห้ฟูมฟายได้ยาวนานที่สุด เพียงแต่คุณจะได้เห็นความจริงหรือเปล่าเท่านั้น” อาจจะเคยได้ยินว่า คนที่หัวเราะได้ดังที่สุดก็คือ คนที่สามารถร้องไห้ได้ดังที่สุดเช่นกัน บางคนอาจจะลืมถือสัจธรรมข้อนี้ไป...ความเป็นจริงของธรรมชาติยังคงอยู่เสมอ ธรรมชาติมักจะเปลี่ยนแปลงในทางตรงข้ามเสมอ... แต่สาระแห่งโลกที่มอบให้แทนคำพูดก็คือ ธรรมชาติแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกนั่นเอง...ธรรมชาติยังคงอยู่และเปลี่ยนเสมอ...แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากกว่าธรรมชาติก็คือ “ใจของมนุษย์” นั่นเอง

 


มนุษย์ทุกคนคงมีจิตใจเช่นเดียวกับเด็กข้างถนนคือ มีโลภ โกรธ หลงไม่ต่างกัน...เพราะธรรมชาติได้มอบไว้ให้เหมือนกันที่ดีใจก็หัวเราะ...ที่เสียใจร้องไห้แล้วก็เปลี่ยนแปลงมาเป็นหัวเราะ....เป็นอย่างนี้ไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไร?

 


ยอมรับสภาพของตนก็เป็นสุข

 


สัตว์หลายชนิดแข็งแรงมาก ตัวอย่าง... “ควายถึงแม้มันจะแข็งแรงสามารถลากคันไถ่ได้ แต่สุดท้ายมันก็ขึ้นอยู่กับคนจุงเชือกที่สนตะพายไว้” ควายจะต้องไปตามที่เขาจุงไปเขาจุงไปทางไหนมันก็ไปทางนั้น ไม่มีอิสระของตัวเอง ความแข็งแรงทั้งหมด จึงไม่สามารถแสดงออกมาเป็นความฉลาดได้ แต่ความฉลาดสามารถใช้ความแข็งแรงของควายให้เป็นประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ปัญญาถ้าใช้ให้เป็นจึงมีประโยชน์มาก แต่ถ้าใช้ไม่ถูกมันจะทำลายโลกทั้งโลก

 


ควายมันมีความสุขเพราะว่า “มันพอใจกับสภาพของมันเพียงแค่ใช้ความแข็งแรง” เท่านั้น ส่วนคนที่ฉลาดสักปานใดก็ตาม ไม่อาจที่จะมีความสุขได้เลยเพราะปล่อยให้ไฟ แห่งความโลภ โกรธ หลง มันเผาใจเรานั่นเอง พยายามที่จะเพิ่มการทำงาน เพิ่มโอกาสเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์ที่ตนปรารถนาเกินพอดี

 


คนอินเดียตามข้างถนนที่เขาอยู่กันได้อย่างมีความสุข เพราะพวกเรายอมรับว่า นี่คือ “สภาพที่แท้จริงของโลก ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” ถ้าพวกเขาหนีไม่พ้นพวกเขาต้องยอมรับสภาพที่เป็นจริง เมื่อพวกเขายอมรับความจริงแล้ว ความทุกข์อื่นมันหมดไปทันที แต่ถ้าพวกเขาโกหกตัวเองว่าต้องดีกว่านี้ ตัวเราไม่ใช่เป็นคนที่มีสภาพอย่างนี้ ชีวิตไม่น่าเป็นเช่นนี้เขาจะทุกข์ต่อไปไม่สิ้นสุด

 


เพื่อนที่แท้ของพวกเขาก็คือ “การยอมรับความจริง”...เพื่อนที่หลอกลวงที่สุดในโลกก็คือ “การไม่ยอมรับความจริง” นั่นเอง ถึงเราจะหลอกตัวเองมากเท่าไร...? มันเป็นจริงเกินไปจากสิ่งที่โลกมอบให้ไม่ได้ เช่นเดียวกับตัวคุณ ถ้ายอมรับความจริงแล้ว...ว่าคุณเป็นอย่างไร?... สุขมันจะเกิดทันที


ว.ปัญญาวชิโร






Create Date : 11 กรกฎาคม 2555
Last Update : 11 กรกฎาคม 2555 21:06:31 น. 2 comments
Counter : 1157 Pageviews.

 
อ่านแล้วได้คาวมรู้มากหมายเลยค่ะแทบทราบซึ่งมากค่ะ.


โดย: timmalien IP: 84.85.142.207 วันที่: 11 กรกฎาคม 2555 เวลา:21:39:45 น.  

 
..ฟ้าร้อง..ฝน..ตก..

เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงเคยตรัสสั่งสอนไว้ว่า ผู้ทำกรรมใดไว้ กรรมนั้นย่อมติดตามตนไปดั่งเงาติดตามตัว..

.. คนบางคนบางคนบนโลกใบนี้ มิได้แม้เพียงจะได้ยิน ได้อ่าน ได้ผ่านตาในพระพุทธฏีกานี้.. ด้วยเพราะกรรมนำเกิด.. คนบางคนบนโลกใบนี้ ได้ยิน ได้อ่าน ได้ผ่านตา แต่ไม่เคยเข้าใจอย่างลึกซึ้งโดยพิสดารได้.. เพราะตนเป็นทายาทแห่งกรรม อันตนกระทำไว้ในปางก่อน..

..ในขณะที่คนบางคนบนโลกใบนี้..แม้ได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว หากกลับแวดล้อมด้วยเหล่าผู้เป็นมิจฉาทิฎฐิ..ไม่ชักจูงเพื่อกรรมดี วิบากดี ไม่โน้มน้าวเพื่อกรรมดี วิบากดี ไม่แสดงผลแห่งการละเมิดศีล ๕ ไม่แสดงทางไปสู่นรก สวรรค์ นิพพาน เปรต อสุรกาย แลกำเนิดสัตว์เดรัจฉานแก่กันและกัน.. เพราะมีกรรมเป็นเผ่าพันธ์..

ผู้ไม่ประมาท ย่อมฝึกตน ย่อมศึกษา ย่อมกระทำถึงเหตุอันใกล้ของความสุขสงบ.. และเพื่อความดับสิ้นไปถึงเหตุแห่งทุกข์ เป็นเหตุอันไกล.. ดอกบัวเพียงแม้เพียงดอกเดียว..พึงยึดถือเพื่อบูชาพระพุทธเจ้าได้ทุกพระองค์ได้อย่างไร.. สิ่งประเสริฐ.. ก็สามารถยังทั้งสามโลกให้ครั่นคร้ามได้อย่างนั้น..



โดย: sanya IP: 74.100.157.122 วันที่: 12 กรกฎาคม 2555 เวลา:11:40:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

samuellz
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบชีวิตอิสระที่สุด
รักทุกคนที่มีธรรมะ
[Add samuellz's blog to your web]

MY VIP Friend


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com