ท้อฟฟี่เค้ก
อิอิ ยืมรูปมา เหมาะสมกับกาแฟ แต่ลองทำแล้วขอบอกว่าอร่อยมาก



Create Date : 28 พฤษภาคม 2551
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 13:59:22 น.
Counter : 679 Pageviews.

2 comment
"แบล็คแคนยอน"
เป็นคนชอบกาแฟเย็นและโอเลี้ยง ถึงแม้ว่าหลังจากดื่มแล้วจะเหงื่อแตกทุกครั้งก็ยังไม่เข็ด คราวนี้มีร้านประเภทใกล้เกลือกินด่าง เคยชิมมาตั้งแต่ปีมะโว้ รับรองรู้จักกันดี ร้านนี้มีชื่อว่า "แบล็คแคนยอน"

แบล็คแคนยอนเป็นร้านกาแฟไทยมาตรฐานสากลซึ่งประสบความสำเร็จจนมีสาขาไปทั่วประเทศถึง 185 สาขา ไม่นับที่โกอินเตอร์ในประเทศกัมพูชา สหภาพพม่า อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และดูไบ อีก 25 สาขา

คราวนี้ขอแนะนำร้านเวอร์ชั่นหรูของแบล็คแคนยอนชื่อ "คาเฟ เนโร (Caffe Nero by Black Canyon)" ตกแต่งสไตล์อิตาเลียน มีมุมโซฟาสบายๆ เหมาะสำหรับนั่งเต๊ะจุ๊ยจิบกาแฟ มองสาวๆ ที่เดินโฉบไปมาใน "ห้างเอสพลานาด (Esplanade)"

ทางไปร้านนั้น ให้ตั้งต้นที่ห้างฟอร์จูนทาวน์บนถนนรัชดาภิเษก มุ่งหน้าไปยังแยกห้วยขวาง ผ่านสถานทูตจีนไปสักพักจะเห็นตึก ดิ เอสพลานาดทางซ้าย (ก่อนถึงห้างจัสโก้) เลี้ยวเข้าไปจอดแล้วลงมาชั้น G

คาเฟ เนโร อยู่โซนด้านหน้าตึก เลือกนั่งได้ตามสบาย ทั้งระบียงเอ๊าต์ดอร์ข้างนอกตึก หรือมุมอินดอร์นอกตัวร้านด้านหลังที่แต่งเหมือนชานบ้านริมน้ำเปิดโล่ง เห็นผู้คนเดินผ่านไปมา หรือจะนั่งข้างในร้านก็ได้
กาแฟโกปี้สูตรโบราณ

กาแฟเย็นคาปูชิโนรสเข้ม




ถ้าไม่อยากขับรถ ให้ใช้บริการรถไฟใต้ดินมาขึ้นที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมได้อีกด้วย

เมนูอาหารของคาเฟ เนโร มีกลิ่นอายเน้นหนักไปทางอิตาเลียนและยุโรป แตกต่างจากร้านแบล็คแคนยอนที่มีอาหารไทยยืนโรง (ที่มีข้าวผัดแบล็คจานโปรด) ส่วนกาแฟนั้นยังเป็นเมนูเด็ดดั้งเดิมเหมือนของแบล็คแคนยอน

ขอประเดิมด้วยกาแฟยอดนิยมอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลชื่อ "กาแฟเย็นแบลคแคนยอน" (65 บาท) ไปทีไรข้าพเจ้าต้องสั่งแทบทุกครั้ง เป็นกาแฟเย็นรสชาติหวานมันเด็ดสะระตี่ถูกปากคนไทย ถือเป็นทางเลือกของผู้ที่ไม่ใช่คอกาแฟดำแท้ๆ

ถ้าชอบกาแฟเย็นที่ไม่หวานมากต้องลอง "กาแฟเย็นคาปูชิโน" (75 บาท) เน้นรสชาติกาแฟเข้มๆ หน่อย และมีความหวานน้อยที่สุด (ทดสอบโดยตัวเอง) สูตรนี้ต้องมีฟองนมหรือฟองครีมรสละเมียดเนียนลิ้นโปะหน้ามาด้วยเหมือนกับคาปูชิโนอย่างร้อน

ถ้าชอบกาแฟปั่น ขอแนะนำ 2 ตำรับ 2 สไตล์ "มอคค่ากลาเซียแฟรปเป้" (75 บาท) กาแฟเย็นปั่นซึ่งนอกจากจะหอมกลิ่นกาแฟแล้วยังมีรสชาติหวานหอมของช็อกโกแลตนำเข้าจากต่างประเทศผสมผสานอีกด้วย เพิ่มความหอมมันด้วยไอศครีมอีก 1 ลูก จะเลือกรสวานิลลาหรือรสกาแฟก็ได้ สูตรนี้เหมาะสำหรับคนไม่ชอบหวานมากแต่ยังได้ความหอมมันจากไอศครีม



แต่ถ้าชอบกาแฟปั่นหวานมัน ต้องชิม "แบล็คปูชิโนแฟรบเป้" (75 บาท) ซึ่งก็คือคาปูชิโนปั่นหรือกาแฟใส่นมโปะหน้าด้วยวิปครีมเพิ่มความมัน

สำหรับคอกาแฟ ควรลอง "กาแฟสูตรโบราณหรือโกปี้" (55 บาท) ซึ่งมีที่มาจากคนจีนซึ่งอพยพมาอยู่เมืองไทยในสมัยปู่ย่าของเรา ลิ้มลองตำรับดั้งเดิมที่นครศรีธรรมราช (ซึ่งแตกสาขามาจากชุมพรอีกทีหนึ่ง) สูตรนี้เป็นกาแฟดำรสเข้มผสมนมข้นหวานที่แบล็คแคนยอนเติมนมสดอีกนิดเพื่อให้ละมุนละไมยิ่งขึ้น เสิร์ฟในแก้วใสเห็นนมข้นแยกชั้นอยู่ก้นถ้วยชัดเจน

อีกอย่างที่ควรลองคือ "กาแฟร้อน คาเฟลาเต้" (65 บาท) ซึ่งเติมลาเต้ หรือนมสดที่ผ่านการเป่าด้วยไอร้อน เอกลักษณ์เป็นกาแฟ 3 ชั้น ที่ประกอบด้วยชั้นโฟมนม กาแฟ และนมสด

พวกอารมณ์สุนทรีย์ให้สั่ง "กาแฟร้อนคาปูชิโน" (65 บาท) ซึ่งก็คือ เอสเปรสโซ ใส่โฟมนม หรือฟองครีมนุ่มมันละเมียดละไม ทุกๆ แก้วที่ท่านสั่งจะมีการแต่งหน้าด้วยลวดลายต่างๆ ที่เรียกว่า ลาเต้ อาร์ต อาทิ รูปใบไม้ รูปหัวใจ

แนะนำ กาแฟเย็นแบลคแคนยอน กาแฟเย็นคาปูชิโน มอคค่ากลาเซียแฟรปเป้ แบล็คปูชิโนแฟรบเป้ กาแฟสูตรโบราณหรือโกปี้ กาแฟร้อนคาเฟลาเต้ กาแฟร้อนคาปูชิโน





Create Date : 28 พฤษภาคม 2551
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 13:04:36 น.
Counter : 1486 Pageviews.

5 comment
ดื่มด้วยใจ กับร้านกาแฟกลางกรุงฮานอย
เวลาฝนตกพรำๆ ทีไร อดไม่ได้สักทีที่จะคิดถึงภาพตัวเองนั่งอยู่ริมระเบียงมองสายฝนไป แล้วจิบกาแฟกลิ่นหอมฉุยไปด้วย พร้อมกับรู้สึกทุกครั้งว่า กลิ่นกาแฟจะหอมมากเป็นพิเศษในยามฝนตก

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคนอื่นๆ ที่เป็นคอกาแฟนั้นจะรู้สึกนอย่างนี้กันหรือเปล่า เพราะว่าที่บรรยายถึงตัวเองมาเสียขนาดนี้เจ้าตัวกลับไม่ใช่คนที่ดื่มกาแฟเลย

จะมีคนที่เป็นแบบฉันมากแค่ไหนในโลกนี้ที่ชื่นชมกลิ่นหอมของกาแฟ และชมชอบบรรยากาศในร้านกาแฟเป็นที่ยิ่ง บางทีถึงขั้นชอบรสชาติกาแฟด้วยซ้ำ รวมทั้งให้ฉันให้ความสนใจในกาแฟในทุกรูปแบบ ทั้งในฐานะของเครื่องดื่ม วิธีการดื่มและในเชิงวัฒนธรรม ก็ในเมื่อชอบกาแฟซะขนาดนี้ทำไมถึงไม่ใช่คอกาแฟล่ะ

นั่นสินะทำไมถึงเป็นคนที่ไม่ดื่มกาแฟ

เปล่าเลย ฉันไม่ได้เป็นคนที่ไม่ดื่มกาแฟเพราะเป็นคนที่ใส่ใจในสุขภาพยิ่ง หรือเป็นคนที่จะเลือกบริโภคเฉพาะสิ่งที่มีประโยชน์เท่านั้น เพียงแต่ว่า กาแฟทำให้ใจสั่นๆ ไม่ค่อยมีสมาธิ

ฉันเคยลองมาหลายต่อหลายครั้งและแอบฝืนชิมอยู่เนืองๆเมื่อไปที่ใดก็ตามที่คนบอกว่ามีกาแฟอร่อย ผลก็คือจะรู้สึกตื้อๆไปทั้งวัน

ทั้งๆที่รู้ว่า ดื่มไม่ได้ กระนั้นก็ไม่เคยที่จะละเลยที่จะไปนั่งที่ร้านกาแฟ เพราะว่าที่จริงแล้วฉันพบว่า ร้านกาแฟนั้นให้อะไรมากกว่ากาแฟ และแล้วที่ ฮานอย ฉันก็ได้พบ(โดยบังเอิญ)กับร้านกาแฟอีกร้านหนึ่ง เมื่อครั้งมาเยือนกรุงฮานอยเป็นครั้งแรก และ ต่อมาก็กลายมาเป็นร้านกาแฟประจำใจไป

สำหรับคนที่เคยไปฮานอย ของเวียดนามนั้นก็คงจะรู้ดีว่าบนท้องถนนของที่นั่นเต็มไปด้วยกองทัพมอเตอร์ไซค์ที่โหมกระหน่ำกันเข้ามาได้จากทุกทิศทุกทาง พร้อมกับเสียงกรีดร้องของแตรรถแทบทุกคันที่แข่งขันกันโชว์เสรีภาพในการออกเสียง จนพูดกันเล่นๆว่า

ถ้าแตรเสียเห็นถ้าคนเวียดนามจะขับรถไม่ได้

ตอนนั้นฉันอ่อนล้าเต็มทีจากการทำงานที่ต้องพบปะคนนั้นคนนี้มาทั้งวันเลยคิดจะมาเดินเล่นๆ ริมทะเลสาบซึ่งอยู่ในเมืองนั้นที่ชื่อว่า ฮว่านเกี๋ยม แปลว่า ทะเลสาบคืนดาบ หากใครมีโอกาสไปฮานอยนั้นก็ถามชาวฮานอยได้ว่าที่มาที่ไปของชื่อทะเลสาบนี้เป็นมาอย่างไร ชาวฮานอยเขารู้กับแทบทุกคน โดยรอบๆทะเลสาบนั้นเป็นคล้ายๆสวนสาธารณะที่ใครต่อใครไปหามุมสงบพักผ่อนกัน

ที่นี่เองที่ฉันได้พบว่า เพียงหลบเข้ามาในมุมอีกนิดเดียวฉันก็สามารถหลบจากเสียงแตรที่โหมกระหน่ำมาพบกับความสงบได้ไม่ยากนัก รวมทั้งบรรยากาศของร้านก็ดูน่ารัก โดยในขณะนั้น ค้อฟฟี่ ช้อป แห่งนี้ยังเป็นซุ้มเล็กๆมีโต๊ะและเก้าอี้ พลาสติคไม่กี่ตัว แต่โดยทำเล หรือ “โลเกชั่น” แล้ว ในที่สุดจะอีกกี่ครั้งก็ตามที่ฉันมาฮานอย กี่ครั้งฉันก็ไม่พลาดที่จะมานั่งที่นี่ในยามว่างของวัน

ความน่าสนใจของร้านแห่งนี้อยู่ที่อันดับแรกทีเดียวก็คือเรื่องของสถานที่ที่เป็นที่โล่งในสวนสาธารณะบริเวณริมทะเลสาบหรือ เรียกว่า Open air ตัวร้านก็ดูเก๋ๆ เป็นเหมือนบู้ธกลมๆ ตั้งอยู่กลางสวนซึ่งไม่ใหญ่ ใช้ประโยชน์สำหรับการเก็บเครื่องดื่ม และ การปรุงอาหารเท่านั้น ส่วนที่นั่งนั้น โต๊ะ เก้าอี้ ซึ่งปัจจุบันก็เป็นเก้าอี้ไม้จัดได้ดูดีมีรสนิยมมากขึ้นและขยายพื้นที่วางโต๊ะเก้าอี้ ให้รองรับลูกค้าได้มากขึ้นแต่บรรยากาศยังให้ความรู้สึกสบายๆ ทั้งในยามเช้าและยามเย็น

บรรยากาศในบริเวณร้านนั้นหากดูเอาจากลูกค้าของร้านเป็นตัวตั้งก็อาจคล้ายนั่งอยู่ในยุโรป เพราะมีคนมานั่งพักผ่อนและอ่านหนังสือกันบ้าง พูดคุยกันอยู่บ้าง หากมองไปยังรอบๆบริเวณเราก็จะเห็นชีวิต เห็นภาพของคนเวียดนามมาออกกำลังกายอยู่รอบทะเลสาบแห่งนี้ มีทั้ง รำไท้เก๊กบ้าง จ๊อกกิ้ง หรือ อาจปั่นจักรยานรอบๆ ทะเลสาบ โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดก็อาจมีการละเล่นต่างๆอยู่รอบๆบริเวณนี้ก็มี แต่ในยามเย็นๆก็จะเห็นคู่รัก หนุ่มสาวก็มาพลอดรักกันใกล้ๆบริเวณนี้

นี่อาจจะเป็นอีกที่หนึ่งที่เรียกได้ว่า “East meet West” หรือเปล่านะ และนี่เองที่ฉันเห็นว่าร้านกาแฟนั้นให้อะไรมากกากาแฟเพราะฉันเองก็ได้พบปะและพูดคุยกับผู้คนจากหลายประเทศที่ร้านนี้ด้วย

ในส่วนของโลเกชั่นที่ว่าดีนั้น นอกจากว่าจะอยู่ริมทะเลสาบแล้ว นี่ที่ยังอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เรียกว่า จตุรัสเก่า หรือ old quarter ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้ง สินค้าพื้นเมืองทุกรูปแบบเรียกกันว่าสามารถเดินกันเพลิน และพอเดินกันจนอ่อนแรงก็แวะมานั่งกันตรงนี้ได้พอดี นักท่องเที่ยวจึงชอบมานั่งกัน แต่สำหรับฉันที่นี่คือที่สำหรับวันขี้เกียจเดิน ไม่อยากไปไหน หรือว่า วันที่อยากทำเป็นแบบมีอารมณ์ “ติสท์ ติสท์” ขึ้นมาก็ไปนั่งเหม่อลอย เขียน ไดอารี หรือ คิด พล็อตเขียนหนังสือไปตามเรื่องตามราว วางมาดเป็นนักเขียน เก๋ๆไป สามารถนั่งใช้เวลาได้อย่างสงบ นั่งคนเดียวก็ปลอดภัย ฉันก็นั่งได้ครั้งละนานแม้จะไม่ใช่คอกาแฟก็ตาม

อันที่จริงในเรื่องของกาแฟนั้น สำหรับชาวเวียดนามแล้วอาจเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากฝรั่งเศสมากมากกว่า เพราะดั้งเดิมแล้วสังคมเวียดนามนั้นเป็นวัฒนธรรมชา มากกว่า กาแฟ ฝรั่งเศสได้ทิ้งไว้ให้เวียดนามโดยได้นำกาแฟมาปลูกไว้ตั้งแต่สมัยเป็นเจ้าอาณานิคม พร้อมกับจนขนมปัง บาแก้ต ครัวซอง และอื่นๆ

เวียดนามจึงเป็นอีกแหล่งหนึ่งที่มีกาแฟพันธุ์ดีและส่งกาแฟออกจำหน่ายมากเป็นอันดับต้นๆของโลกทีเดียว รวมทั้งวิธีการดื่มกาแฟของชาวเวียดนามนั้นก็เป็นเอกลักษณ์ยิ่ง

ก่อนหน้าที่การค้าจะเป็นโลกเสรีแบบนี้นั้นพบว่า ชาวเวียดนามนั้นเขาจะกินกาแฟสดกันมากกว่า จะไม่เห็นพวก instant ให้เห็น ที่จะเอาผงมาใส่แก้วแล้วใส่น้ำร้อนคนๆลงไปไม่ค่อยมีให้เห็นนัก เปรียบเทียบคล้ายกับตามร้านกาแฟแบบร้านอาโกบ้านเรานั้น เราอาจจะเห็นเขาชงมาให้แบบโดยใช้ถุงผ้าและปรุงมาสำเร็จ ส่วนที่เวียดนามนั้นเขามีอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับชงกาแฟ เรียกว่า “ฟิน”

วิธีการใช้คือ วางฟิน ซึ่งที่มีรูปทรงคล้ายแก้วน้ำเป็นอลูมิเนียมมีสองชั้น ชั้นหนึ่งเป็นฐานรองมีรูๆเล็กเป็นที่กรอง เรียกว่า “ฟิน” เป็นเหมือนเครื่องต้มกาแฟส่วนตัวนั่นเอง วิธีกินก็คือ ใส่ผงกาแฟลงไปใน ฟิน ซึ่งมีขนาดพอดีกับแก้วแล้ว รินน้ำร้อนใส่พอประมาณ ตามที่ต้องการจะกิน

ต้องอย่าลืมว่ากาแฟเวียดนามนั้นเข้มข้นมากทีเดียว น้ำร้อนก็จะไหลผ่านผงกาแฟนั้นทีละหยดทีละหยดลงไปในแก้ว คนเวียดนามเขาบอกว่ารสชาติของกาแฟอยู่ตรงนี้เอง และการต้มกาแฟโดยเครื่องนั้นชาวเวียดนามเขารู้สึกว่าทำให้รสชาติกาแฟแท้ๆสูญเสียไป

มีหลายคนเห็นว่าการกินกาแฟแบบนี้สำหรับหนุ่มสาวแล้วดูจะน่าโรแมนติคอีกไม่ใช่น้อยเพราะทั้งคู่ก็จะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนั่งมองกาแฟหยดติ๋งๆ ลงไปในแก้วแล้วก็คุยกันไป หยดจนเสร็จแล้วหากใครจะเติมนม เติมน้ำตาลก็ใช้เวลานั่งคนไปชิมไปได้อีก

คราวนี้ถ้าอยากจะกินกาแฟอย่างนี้ ต้องไปนั่งกินตามร้านแบบร้านอาโกบ้านเราแต่จะเป็นแบบเก้าอี้เตี้ยๆ บางครั้งริมถนนก็มี หากต้องการกาแฟร้อนก็บอกว่าเอา กาเฟแด็ง แต่ถ้าจะใส่นมด้วยก็ต้องเป็น กาเฟเด็งเสือ หรือหากจะกินกาแฟเย็นที่เป็นแบบที่เรากินกันที่ใส่นมด้วยนั้นก็จะเป็นกาเฟด๋าเสือ หากสั่งเฉพาะ กาเฟด๋า ก็จะได้ กาแฟดำใส่น้ำแข็ง หรือแบบโอเลี้ยง แต่ว่าที่นั่นเขาไม่ได้ใส่น้ำตาลหาให้ด้วยอยากกินหวานหรือจะใส่น้ำตาลอย่าลืมบอกว่า เหว่ย เดื่อง

แต่ว่า ไม่ต้องจำอะไรที่ฉันบอกในนี้ก็ได้เวลาที่มาร้านกาแฟประจำใจของฉัน เพราะว่า ที่นี่จะเป็นร้านกาแฟที่เป็นแบบมาตรฐานสากลแล้วจะสั่งเอสเพรสโซ คาปูชิโน หรือ เครื่องดื่มอะไรก็มีหมด แม้คนไม่ดื่มกาแฟอย่างฉันก็พอจะหา ชา โกโก้ เบียร์ หรือเครื่องดื่มค็อกเทลต่างมีบริการพร้อมสแน็ค แล้วนั่งอ้อยอิ่งไปได้ทั้งวัน

ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะบอกเกี่ยวกับกาแฟร้านนี้ก็คือถึงแม้จะที่เป็นร้านที่ฉันชอบใจที่สุดและฉันไม่เคยพลาดที่จะแวะมาเยี่ยมเยียนทุกครั้งที่มาฮานอย แต่ฉันไม่เคยใส่ใจที่ใส่ใจเลยว่า ร้านนี้ชื่ออะไร? แต่ฉันก็นัดหมายกับใครต่อใครก็หากันจนเจอเสมอไม่เคยพลาด

เอาเป็นว่าฉันเรียกร้านนี้ว่า “ ร้านกาแฟริมฮว่านเกี๋ยม” ก็แล้วกัน






Create Date : 07 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 13:17:00 น.
Counter : 441 Pageviews.

7 comment

ไร่ส้ม
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments
MY VIP Friend