Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 

เหนื่อยใจ (เหลือเกิน)

พอรู้สึกเหนื่อย แล้วนึกถึงคำว่าเหนื่อยใจ มันก็เหนื่อย เหนื่อย เหนื่อยจัง

แต่พอนึกถึงคำว่าเหนื่อยใจเหลือเกิน มันเป็นเพลงที่ป๋าเบิร์ดร้องไว้น่ะ เท่านั้นล่ะ ก็มีรอยยิ้มเล็กๆขึ้นมาได้แทบทุกที ก้อ...มันมีประวัติกับเพลงนี้อยู่

แต่...ไม่เกี่ยวกับความหมายของเนื้อเพลงแต่อย่างใดนะ


ค่ำวันหนึ่งที่นั่งเรียนอยู่ในห้อง LT ที่เป็นห้องใหญ่ วิชาที่อ.วรเจตน์บรรยาย ส่วนใหญ่ก็ตั้งอกตั้งใจฟังนะเพราะอาจารย์สอนดี แล้วคล้ายว่ามีประเด็นไหนที่คนที่นั่งข้างหน้าติดใจ ก็ถาม ถามตอบกันจนยาวไปไกล คนนั่งข้างหลังก็ชักกระสับกระส่าย หลายๆคนคงคิดว่า เรื่องของคุณ คุณช่วยไปถามหลังเลิกเรียนหรือไม่ก็หาเวลาอื่นถามอาจารย์ได้มั้ย (วะ)


จู่ๆก็มีคนนั่งข้างหลังร้องเพลงออกมาว่า

เหนื่อย...ใจเหลือเกิน ที่ใจบังเอิญมีเธอ

ร้องมาแค่ประโยคนั้นล่ะ แต่ทำให้หลายๆคนยิ้มออก แล้วพวกชอบจำอย่างเรา ก็จำเหตุการณ์นั้นได้แม่นเชียวกับประโยคนี้ วันไหนที่เหนื่อย จะด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามีคำว่าเหลือเกินมาต่อท้าย ใจมันก็เย็นขึ้น เหนื่อยใจน้อยลง แปลกดีเนอะ

วันนี้เลยไปหาเพลงนี้นั่งฟังระหว่างเหนื่อยใจ ฟังเป็น 10 รอบ อืม..ชักจะดีขึ้นแฮะ




 

Create Date : 08 เมษายน 2553    
Last Update : 8 เมษายน 2553 13:23:25 น.
Counter : 693 Pageviews.  

เก็บปาก เก็บคำ

ช่วงก่อนหน้านี้ อยากพูด อยากเขียน อยากวิจารณ์ สารพัด แล้วก็ตั้งใจว่าลองเก็บปากเก็บคำสักสามอาทิตย์ดูซิ ดูว่าจะเก็บกดหรือเปล่า จะอัดอั้นตันใจแค่ไหน ก็...ยังอยู่มาได้ นั่งดูความอยากที่ค่อยๆจางลงไป พุ่งขึ้นมาบ้างยามได้ยิน ได้เห็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์ แต่ก็ไม่มากเท่าช่วงแรกๆ อาจจะกลายเป็นความเหนื่อยหน่ายไปแล้วก็ได้ที่เห็นความเกลียดชังอย่างรุนแรงของฝ่ายหนึ่งที่มีต่ออีกฝ่ายหนึ่ง เห็นความเกลียดชังของผู้คนที่เรียกตัวเองว่าเป็น “คนกรุงเทพฯ” ที่มีต่อกลุ่มผู้ประท้วง นึกย้อนกลับไปถึงการประท้วงเมื่อ 2-3 ปีก่อน ยังไม่เห็นปฏิกิริยารังเกียจผู้ชุมนุมมากขนาดนี้ มันเป็นเพราะอะไร? ตั้งคำถามไปงั้นแหละ จริงๆอยากบ่นซะมากกว่า

ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พยายามทำความเข้าใจกับคนรอบข้าง ทำไมเขาคิดอย่างนี้ ทำไมหลายคนเห็นตามกัน เคียดแค้น เกลียดชัง คิดวนไปวนมา จนจะวนมากไปก็รู้สึกว่าเสียเวลา เสพข่าวมากเกินไป นานเกินไปและมองอะไรด้านเดียวมากเกินไป ก็อาจมีผลได้

เอาเรื่องที่คนรอบข้างแสดงออกมาเก็บไว้ที่นี่ละกัน

เพื่อนร่วมงานที่หนึ่งบอกว่า การที่ผู้คนกลัวผู้ชุมนุมเสื้อแดงมากกว่าเสื้อเหลือง เพราะว่า...กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองเป็นพวกปัญญาชน และไม่ได้ถูกจ้างมาชุมนุม
(อืม..เป็นปัญญาชนที่รู้จักใช้พื้นที่ในทำเนียบรัฐบาลให้เกิดประโยชน์โดยการเข้าไปทำนา สร้างชื่อเสียให้ประเทศไทยโดยการปิดสนามบิน สองเรื่องนี้ก็มากพอแล้วสำหรับกลุ่มปัญญาชนที่สร้างผลงานให้ประเทศนี้)


ในช่วงของการชุมนุมของพวกเสื้อเหลือง คนข้างบ้านเปิดทีวีช่องหนึ่งเสียงดังลั่นแต่เช้า เป็นเสียงผู้หญิงที่แผดเสียงด่าว่าอดีตนายกฯ ว่าแรงจนเราสงสัยว่า คนที่ฟังเสียงเหล่านี้แล้วชอบใจ แท้จริงในใจเขาคิดอะไร เป็นคนประเภทไหน เรามองเห็นพวกที่ยิ้มชอบใจเหล่านั้นเป็นมนุษย์ต่างดาวไปซะหมด เหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้สึกรู้สาและเห็นใจในความทุกข์ของผู้คน เสียงปีศาจนั่นสาปแช่งคนที่ป่วยหนักและบอกว่าไม่ต้องอโหสิกรรมให้คนประเภทนี้ เอาเรื่องบาปกรรมที่เขาทำไว้มาผูกโยงกับการเจ็บป่วย จำได้ว่าตอนนั้นหงุดหงิดกับเพื่อนบ้านที่รบกวนเวลานอนของเรา แล้วก็ขำความนิยมสีเหลืองของเขาที่เอาเสื้อสีเหลืองมาสวมให้หมาจรจัดหน้าบ้าน เอาสีเหลืองมาทาที่หลังเต่าหน้าบ้าน สารพัดที่แสดงออกถึงความเป็นคนเสื้อเหลือง ปีนั้นตั้งใจซื้อเสื้อสีแดงมาใส่ทั้งที่โดยส่วนตัวไม่ชอบใส่เสื้อสีแดงก็คงเพราะเขานี่แหละ

ลุงยามของหมู่บ้านเป็นหนุ่มเสื้อแดง ช่วงนี้ลุงยามแวะไปดูทีวีของบ้านหลังหนึ่งใกล้ป้อมยามเป็นระยะ ไปดูข่าวคราวความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม มิน่า ลุงยามถึงไม่ถูกชะตากับพี่ข้างบ้าน

รปภ.ที่ที่พักก็เป็นหนุ่มเสื้อแดงเช่นกัน เปิดวิทยุฟังความเคลื่อนไหวของการชุมนุมทุกวัน เสียงจากวิทยุกำลังพอดี ไม่ได้รบกวนผู้คนรอบข้าง

ไม่ได้ถูกชะตากับรปภ.คนไหนเพราะความที่เขาเป็นเหลืองหรือแดงหรอกนะ แต่รปภ.สีแดงทั้งสองคนนี้ ทำงานดีจริงๆจ้า


สาวๆในออฟฟิศแอบกระซิบกระซาบกันว่า ดูสิเธอ เสื้อแดงชุมนุมทีไร ฝนตกทุกที พวกที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติ สมควรได้รับผลแบบนี้ ฟังแล้วก็อมยิ้ม เพราะพวกเธอเห็นว่า คนที่ไม่ร่วมด่าผู้ชุมนุมอย่างเราคงจะเป็นพวกเสื้อแดงนั่นล่ะ เลยไม่กล้าพูดดัง และขำเหตุผลที่ยกมาอ้าง นึกไปถึงหลานสาวที่ไปฟังใครเล่ามาว่า ที่คนเสื้อแดงชุมนุมแล้วมีฝนตก เป็นการทำพิธีเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมร้อนเกินไป จะฟังเหตุผลข้างไหนก็น่าขำทั้งนั้น

FW mail ส่งมาเป็นระยะ เห็นหัวข้อ เห็นชื่อคนส่งก็ขอโทษในใจ แล้วก็ delete ไปเลย เรื่องไหนๆก็คุยกันได้ ยกเว้นเรื่องนี้ แปลกดีเหมือนกัน แล้วคนส่งแต่ละคนก็ยืนยันว่า เขาไม่ใช่พวกสีอะไรทั้งนั้น บางคนที่บอกว่าตัวเองนั้นกลางสุดๆ กลับลืมเรื่องของ “ผลของต้นไม้ที่มีพิษ” ที่เคยร่ำเรียนมาเสียสนิท


ณ เวลานี้ เรากลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นชนกลุ่มน้อย คนที่ไม่แน่ใจว่า ความเชื่อ ความเห็นของตัวเองที่ไม่คล้อยตามชนส่วนใหญ่ของสังคมรอบข้างเป็นความเห็นที่ผิดทางหรือเปล่า เก็บปาก เก็บคำ ไม่กล้าที่จะแสดงความเห็นออกมาเพราะ...กลัวเจ็บ ความขัดแย้งกับใครๆ มันทำให้เราเจ็บตัวได้หลายรูปแบบอยู่เหมือนกัน

เขาเรียกร้องให้ยุบสภา เราเฉยๆ แต่ที่เราเรียกร้องคือ แก้รัฐธรรมนูญและทำกฎหมายลูกให้เรียบร้อยซะ ไม่อยากมองไกลไปถึงเรื่อง Check and balance ที่มันไม่มีหรือถ้ามีก็ช่างไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย โดยส่วนตัวของเรา มองว่าองค์กรแห่งหนึ่งเป็น stake holder ตัวหนึ่งของบ้านเมืองที่ควรต้องจัดการให้ดีขึ้น และควรจะทำอะไรได้แล้ว เรื่องที่เกิดคาราคาซังมาเพราะมีเหตุการณ์ปี 49 มันทำให้คนแสวงหาประโยชน์และกำลังทำลายองค์กรแห่งหนึ่งไป คนก็พูดกันไปว่าอดีตนายกฯล้วงลูก คนที่ฟังเขาพูดก็เชื่อกันไป คนที่อยู่ข้างในก็พูดไม่ได้ บางที... มันคงจะสายไปแล้วก็เป็นได้

เราหันกลับไปมอง แล้วก็..ช่างเถอะ เราทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ที่ทำได้แล้วในตอนนี้คือ ให้อภัยกับผู้คนที่นั่น อโหสิกรรมให้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเป็นๆอยู่นี่ล่ะ

เราว่าเราก็รักสันติเหมือนใครๆ แต่ไม่สามารถปรับความเห็น ความเชื่อให้ไปตามกระแสได้ หรือเพราะเราดูทีวีน้อยไป อ่านหนังสือพิมพ์น้อยไป ฟังใครๆวิจารณ์เรื่องที่เกิดขึ้นน้อยไป สนใจเรื่องกินอยู่ เอาตัวรอดในแต่ละวันน้อยไป มัวแต่ไปสนใจรากฐานกลไกของบ้านเมืองในระยะยาวซะมาก

เก็บปากเก็บคำไม่โต้แย้ง ไม่แสดงความเห็นกับใคร ไม่รู้จะเป็นชนกลุ่มน้อยในเมืองหลวงไปอีกนานเท่าไหร่ จริงๆแล้ว ไม่ “เป็น” อะไรเลย คงจะดีกว่าแยะนะ




 

Create Date : 28 มีนาคม 2553    
Last Update : 3 เมษายน 2553 16:52:01 น.
Counter : 970 Pageviews.  

ขวัญใจ

//www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8973960/P8973960.html

กระทู้: หมายเหตุประเทศไทยเดือนมีนาคม 2553

1. ทักษิณถูกพิพากษายึดทรัพย์ จากนั้นมีคดีตามหลังคำพิพากษาเพื่อเอาผิดซ้ำตามทฤษฎียึดวัวทั้งตัว ส่วนสุรยุทธ์ถูกสังคมกดดันจนต้องยอมรื้อบ้านที่เขายายเที่ยง แต่ความผิดที่กระทำสำเร็จเสร็จสิ้นกลับให้เป็นอันเลิกแล้วต่อกัน.....เพราะมีอัยการช่วยเคลียร์เจตนาให้

2. คนปาอึใส่กำแพงบ้านอภิสิทธิ์ถูกสั่งจำ ส่วนคนปารองเท้าใส่อดีตนายกฯสมชายลอยนวล เพราะมีนักสิทธิมนุษยชนปกป้อง

3. ครั้งที่คนเสื้อเหลืองระดมคนจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯเพื่อยึดทำเนียบ ยึดสนามบิน สื่อสารมวลชนและนักวิชาการบอกว่ารัฐบาลห้ามขัดขวางเพราะเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่ม็อบเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯไม่ได้เพราะถูกตั้งด่านสกัดทุกวิถีทางโดยที่สื่อสารมวลชนและนักสิทธิมนุษยชนประเทศไทยหุบปากเงียบ

4. ตอนทักษิณเป็นรัฐบาล นายชวน หลีกภัยประกาศตลอดเวลาว่าสื่อมวลชนทั้งหมดถูกซื้อ กลับมีหลายสำนักสามารถออกมาด่าปาวๆทั้งทางหน้ากระดาษและคลื่นภาพคลื่นเสียง แต่พอรัฐบาลประชาธิปัตย์ครองอำนาจ ยึดและปิดทุกสื่อที่ฝ่ายตรงข้ามใช้สื่อสารกัน ทุกสมาคมสื่อหุบปากเงียบ นักรณรงค์สิทธิทางการเมืองทั้งหลายหายหัวกันหมด

5. ตอนที่ม็อบเสื้อเหลืองปิดถนนพระราม 1 หน้าสยามเซ็นเตอร์-สยามพารากอน สื่อมวลชนและ NGO บอกว่าเป็นการแสดงออกทางประชาธิปไตย แต่พอคนเสื้อแดงเดินทางไปบริเวณนั้นบอกว่าทำลายเศรษฐกิจ

6. ตอนม็อบเสื้อเหลืองบุก NBT สมาคมผู้สื่อข่าวและสื่อสารมวลชนเงียบกริบ ตอนที่บุกยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบินก็วิจารณ์ว่าสังคมไทยต้องยอมเจ็บปวดและถอยหลังบ้างเพื่อเรียนรู้การเมืองภาคประชาชน แต่พอเป็นม็อบเสื้อแดงที่ต้องการเรียกร้องตามความเชื่อของตนเองบ้างกลับบอกว่าทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตย

7.รัฐบาลชุดหนึ่งประกาศพรบ.ความมั่นคงถูกหลายฝ่ายประนามว่าเป็นเผด็จการสร้างรัฐแห่งความกลัวและกองกำลังฝ่ายความมั่นคงวางเฉยไม่ยอมปฏิบัติการ แต่รัฐบาลอีกชุดหนึ่งกลับสามารถประกาศใช้พรบ.เดียวกันพร่ำเพรื่อนับครั้งไม่ถ้วนพร้อมกับมี "คนบารมีสูง" บางคนออกมาขยิบตาให้กองกำลังต่างๆออกมารับใช้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่มีสื่อกระแสหลักใดๆออกมาวิพากษ์วิจารณ์

...ฯลฯ...................................................

บันทึกเอาไว้เป็นหมายเหตุการเมืองในห้วงความทรงจำของคนไทยคนหนึ่ง ณ.วันที่ 11 มีนาคม 2553

ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นว่าทักษิณเป็นเทวดาหรือคนสำคัญที่ประเทศไทยขาดไม่ได้ และไม่ได้มีความสำคัญมากกว่าความเป็นชาติไทย แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคุณความดีตรงที่ช่วยกระชากหน้ากากความเป็นธรรมของประเทศไทยออกมาให้เห็นชัดๆว่า.....หน้าตาเป็นแบบนี้เอง....

ตั้งกระทู้โดย คุณสัมมาชน
เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 19:48:55


***************


//www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P8984029/P8984029.html

กระทู้: อะไรคือประชาธิปไตย

ขอบอกก่อนว่า....ทักษิณไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของประชาธิปไตยในความรู้สึกของคนเสื้อแดง เป็นแค่ตัวแทนและกรณีศึกษาที่ส่องแสงสว่างให้ได้เห็นอำนาจซ่อนเร้นที่แฝงตัวบงการความเป็นไปของประเทศไทยตลอดเวลาที่ผ่านมา

ข้อเรียกร้องของคนเสื้อแดงมีหลากหลายครับ บางคนอาจจะจงรักภักดีกับทักษิณอย่างฝังหัว แต่ส่วนใหญ่ต้องการอิสระในการเลือกอนาคตของตนเอง ซึ่งถ้ารวมตัวกันแล้วปรากฏว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ นั่นก็หมายความถึงอิสระในการเลือกอนาคตของประเทศชาติโดยปริยายครับ

ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับใครก็ตามที่ไม่ได้รับผิดชอบต่อความคาดหวังหรือเสียงของประชาชน แค่อ้างจริยธรรมและความมั่นคงของชาติแล้วใช้อำนาจอาวุธบงการทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามใจ

คนที่ศึกษาระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยที่ผ่านมา ถูกสั่งสอนไว้ว่า มีอำนาจที่คานกัน 3 ฝ่ายคือฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ

ปรากฏว่ามีคนสั่งกองทัพไม่ให้เชื่อคำสั่งของรัฐบาลที่มาจากประชาชนได้ ทั้งๆที่นั่นคืออำนาจของฝ่ายบริหาร

มีการนำประกาศคณะปฏิวัติมาใช้ในการพิพากษาคดีที่เกี่ยวกับการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆที่โดยทฤษฎีแล้ว อำนาจตุลาการนั้นเป็นหนึ่งในเสาหลักที่ค้ำจุนระบอบประชาธิปไตยแท้ๆ

ถามว่า......คนไทยควรจะยอมรับระบอบประชาธิปไตย "จำแลงแฝงเร้น" ประเภทนี้อีกต่อไป?


ตอบโดย คุณสัมมาชน 14 มี.ค. 53 08:08:50


หมายเหตุเจ้าของ blog: คุณสัมมาชนเป็นขวัญใจของเราล่ะ ชอบการให้เหตุผลในเรื่องต่างๆ รวมไปถึงถ้อยคำและภาษาที่ใช้ เชื่อว่าเขาเป็นขวัญใจของใครอีกหลายคนในห้องราชดำเนินเช่นกัน




 

Create Date : 17 มีนาคม 2553    
Last Update : 3 เมษายน 2553 16:49:56 น.
Counter : 452 Pageviews.  

เหตุผล VS เข้าใจ

ตอนที่เพื่อนเก่ามาจากทางเหนือเพื่อมาแข่งแบดมินตัน วันก่อนหน้านั้น เพื่อนพี่น้องกลุ่มเดิมที่เคยร่วมทำงานเฉพาะกิจกันช่วงหนึ่งซึ่งมีเพื่อนคนนี้รวมอยู่ด้วยนัดกันกินข้าว ก็คุยกันหลากหลายทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เรื่องงาน พี่สาวคนหนึ่งเอางานที่มีคุณค่ามาแบ่งปันกับน้องๆ ฟังแล้วก็...ทั้งอึ้ง ทั้งชื่นชมพี่เขาจัง เราพูดๆกันว่า ทั้งหน่วยงาน จะมีคนที่มีวิธีการทำงาน การวิเคราะห์แบบพี่เขาเห็นจะมีไม่ถึง 5% และในคนส่วนน้อยที่สามารถคิดเรื่องงาน เชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆเพื่อสร้างงานที่มีคุณค่าได้นั้นจะเดินหน้าต่อแบบพี่เขา คงเหลือไม่ถึง 1% ใครๆก็รักตัวเองกันทั้งนั้นนี่นา หลายๆคนในโต๊ะนั้นรู้ว่าคำสั่งทางปกครองเป็นยังไง แต่ถ้า...แต่ละคนไปอยู่ในสถานการณ์นั้น คงจะเชื่อมโยงคำสั่งฯ ที่ว่านั้นกับเหตุการณ์แวดล้อมไม่ได้อย่างที่พี่เขาทำแน่

สิ่งที่พี่สาวคนนี้ทำ เพียงแค่ช่วยต่ออายุลมหายใจของหน่วยงานนั้น เพราะถึงที่สุด เหล่าผู้คนที่เกี่ยวข้องก็คงหาทางสูบเลือดสูบเนื้อแล้วปล่อยให้องค์กรหมดลมไป เหมือนกับหลายๆที่ที่ประสบมา ความโลภที่ไม่สิ้นสุดของเปรตในคราบมนุษย์ช่างเป็นเรื่องที่น่าสลดใจอยู่ไม่น้อย แล้วเราควรจะมองโลกในแง่ไหนดี มีเจริญก็มีเสื่อม...อย่างนั้นหรือ?


หมดเรื่องงาน ก็มีเรื่องส่วนตัว เราแซวคนทางเหนือว่าท่าทางจะได้ภาษีคืนเยอะจากปันผลเพราะรู้ว่าพอร์ตเขาโตพอสมควร ไม่รู้แซวกันไปถึงเรื่องไหน อ้อ...เรื่องครอบครัวของแต่ละคน เขาเลยเล่าว่า คุณภรรยาไปกู้เงินมาหลายแสน เพื่อ....มาฝากออมทรัพย์ เราก็...หา!!! ความที่เป็นสามีภรรยากัน เขาต้องลงนามในสัญญาเงินกู้ด้วย เขาถามว่าจะกู้มาทำไม เมียบอกว่าอยากมีเงินก้อนไว้อุ่นใจ เราเลยถามว่า ทำไมรับได้ ขนาดชั้นไม่ใช่นักลงทุนอย่างเธอ ชั้นยังรับไม่ได้เลย จะบ้ารึไง กู้เงินเสียดอกเบี้ยร้อยละ 7 มาเอาดอกเบี้ยร้อยละ 1 เขาบอกว่า เขาก็รับไม่ได้เหมือนกัน แต่เมื่อคุณภรรยาต้องการอย่างนั้นก็ต้องปล่อยเธอไป ความที่เงินใครเงินมัน ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละคนมีเงินเก็บเท่าไหร่ รู้แต่ว่าค่าใช้จ่ายส่วนกลางของบ้าน คุณสามีออกให้หมด มันเลยเป็นอย่างนี้ เพื่อนบอกว่า ถือว่าถ้ามีอะไรขึ้นมา เขาก็ยังมีเงินมาจ่ายหนี้ให้ภรรยา และเราเดาว่า เขาคงได้ capital gain มามากพอสมควรรวมไปถึงปันผลจากหุ้นในพอร์ตเขาด้วยล่ะ เหนือไปกว่านั้นคือ เราว่าเขาเข้าใจว่าภรรยาเขาเป็นยังไง ถ้าจะยกเหตุผลมาตัดสิน คงจะไปกันไม่รอด


มีคน fw mail งานแต่งคนคู่หนึ่งเมื่อเดือนมกรามาให้ ผู้ใหญ่ที่อวยพรคู่บ่าวสาวบอกว่า อย่าอยู่กันด้วยเหตุผล ให้อยู่กันด้วยความเข้าใจ

เราว่า กรณีของเพื่อนเก่าเราเป็นอย่างนั้นเลย

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา นั่งรถไปกับครอบครัวของพี่ชาย ระหว่างเดินทาง หลานๆสามคนก็เล่นกันไป ทะเลาะกันมา ยัยตัวจิ๋วจะเล่นเกมส์ ยัยตัวโตไม่ให้เล่น พอพ่อเขาว่า ยัยตัวโตก็จะบอกว่า ป๊าออกกฎห้ามเล่นเกมส์ในรถเอง ทีนี้ ถ้าพ่อจะอนุญาตให้ยัยตัวจิ๋วเล่นเกมส์เพราะไม่อยากฟังเสียงร้องไห้ พ่อก็ต้องทำลายกฎที่ว่านั้นลงน่ะสิ แล้วยัยตัวโตจะอยู่ในข่ายที่ได้เล่นด้วยหรือเปล่า หากยัยตัวโตไม่ได้เล่น ก็แปลว่า มีความไม่เสมอภาคเกิดขึ้น

วุฒิภาวะของเด็กวัยนี้ จะเข้าใจมั้ยว่า ทำไมคนหนึ่งทำแบบนี้ได้ ทำไมตัวเองทำแบบนี้ไม่ได้ ทำไมคนหนึ่งมีเรื่องขัดใจ ก็ร้องไห้ ดิ้นรนจนได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ แล้วคนที่อดทนยอมทำตามกฎเกณฑ์ที่พ่อวางไว้กลับเจอว่า แค่เรียกร้องแบบนี้ก็ได้แล้วงั้นเหรอ อย่างนี้ ชั้นควรจะเลียนแบบพฤติกรรมของน้องบ้างจะดีมั้ย หรือไม่ก็ต้องใช้วิธีอื่นเพื่อแหกกฎ เพราะถ้าไม่มีคำอธิบายที่ดีพอ ยัยตัวโตคงจะไม่เข้าใจแน่ๆว่า ทำไมเรื่องเดียวกัน เธอกับน้องถึงได้รับการปฏิบัติที่ต่างกัน

เราว่า ถ้าเป็นเรา เราคงไม่เข้าใจ

หรือเรายังต้องการเหตุผล ยังกลับมาหาเหตุผลเพื่อนำไปสู่ความเข้าใจอยู่นั่นเองว่า ทำไมคนนั้นทำแบบนี้ได้ ทำไมเราจะทำแบบนี้บ้างไม่ได้


คงต้องย้อนกลับไปมองกรณีเงินกู้ของภรรยาเพื่อนกระมัง ว่าความเข้าใจแบบไหน ที่ทำให้คนที่เห็นไม่ตรงกัน สามารถอยู่ร่วมกันได้

ตอนนี้ ได้แต่เข้าใจว่า เพราะเหตุอะไร ถึงทำให้คนที่เห็นไม่ตรงกัน อยู่ร่วมกันไม่ได้


.....

วันนี้ ระหว่างอาบน้ำตอนเช้ามืด ก็คิดคิดกี่ยวกับความเข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้ ความอยากได้ อยากมี อยากเป็นในสิ่งที่ตัวเองชอบใจ และความไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็นในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบใจ รวมถึงความไม่ชอบใจที่ความคิดเห็นของคนอื่นชาสงไม่สอดคล้องกับความคิดเห็นอันดีของตนเอง น่าจะเป็นพื้นฐานที่เราควรจะทำความเข้าใจได้ว่า ทำไมจึงเกิดความขัดแย้ง

ขับรถหาซื้อของในตลาดแถวบ้าน แล้วก็ขำรถเมล์หวานเย็น ใครอยู่ต่างจังหวัดจะรู้ว่า รถเมล์สองแถวที่ไปชานเมืองแล่นช้าแค่ไหน ดูไฟเขียวเหลืออีก 20 วินาที พี่แกก็คลานไปเรื่อยๆ จนเราต้องจอดหยุดไฟแดงจนได้

ถนนสายหลักที่เดิมมี 4 เลน ตอนนี้ขยายเป็น 8 เลนเอาใจคนเมือง ดูน่าสบายต่อผู้สัญจรด้วยรถยนต์เป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครคิดมากเหมือนเรามั้ย อย่างตอนที่เห็นคุณยายรอข้ามถนนจนเหงือกแห้ง บ้านคุณยายอยู่ฝั่งหนึ่งแต่ข้ามมาหาเพื่อนหรือมาทำบุญที่วัดอีกฝั่งหนึ่ง เจอถนน 8 เลนเข้าไป รอเป็นชั่วโมงก็ข้ามไม่ได้โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล เพราะรถมันมาก มาเป็นทิวแถว และกำลังวังชาของคุณยายที่จะวิ่งร้อยเมตรก็มีไม่มากนัก ที่คุณยายทำได้คือ เรียกมอเตอร์ไซค์บ้านไหนก็ได้ วิ่งไปส่งให้หน่อย อืม...แล้วถ้าใครจะแนะนำให้ทำสะพานลอยคนข้าม กรุณาศึกษาให้ดีก่อนลงทุน เราว่าน่าจะมีการปรับคนที่เสนอเรื่องใช้งบประมาณสร้างสะพานลอยหากพบว่า ภายใน...ปี สิ่งที่สร้างมานั้นไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามที่คาดไว้


เผอิญติดใจที่คนเมืองมักพูดถึงกรณีที่ชาวบ้านกู้เงินมาซื้อมอเตอร์ไซค์กับมือถือ ตัวอย่างของรถเมล์หวานเย็นและคุณยายข้ามถนน มีเหตุผลพอมั้ยเนี่ย เป็นเหตุผลที่อยากได้ความเข้าใจจากพวกปัญญาชนคนเมืองอยู่เหมือนกัน

(กำลังเบื่อ fw mail จากพวกเพื่อนๆปัญญาชนคนในเมือง )




 

Create Date : 10 มีนาคม 2553    
Last Update : 12 มีนาคม 2553 12:24:05 น.
Counter : 451 Pageviews.  

เพื่อน (จากที่) เก่า

เพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยและมาเจอกันในที่ทำงานเก่า เข้ามาที่กรุงเทพฯเพื่อมาแข่งแบดมินตัน เป็นตัวแทนของที่ทำงาน ความที่เราฟังเขาโม้เรื่องฝีมือมานาน เลยบอกว่าจะไปเชียร์ จริงๆอยากรู้ว่าไอ้ที่คุยนักคุยหนาเรื่องฝีมือน่ะ ที่จริงแน่แค่ไหน แต่มีรุ่นน้องอีก 2 คนที่แข่งในงานนี้ด้วย เลยถือโอกาสไปดู ไปให้กำลังใจคนอื่นพร้อมกัน

ไม่คิดว่าคนจะแยะ แต่ก็มีมาพอสมควร ได้เจอคนที่ทำงานเก่า หลายคนเข้ามาถามไถ่เพราะไม่ได้เจอกันนาน ไม่ได้แวะเวียนไปแถวนั้นหลายปีแล้ว ทุกคนมีคำถามที่คล้ายกันคือ ที่ใหม่เป็นอย่างไรบ้าง และเราเป็นยังไงบ้าง บางคนถามพอเป็นพิธี บางคนถามแบบตั้งใจรอฟังรายละเอียด เลยมาถามน้องที่สนิทกันว่า เขาเห็นชั้นเป็นยังไง แล้วเขาอยากเห็นชั้นเป็นยังไง และถ้าตีหน้าเศร้า บอกว่าไม่ดีเลยค่ะ อยู่ที่เดิมดีกว่าเยอะเลย เขาจะทำเรื่องให้ชั้นกลับไปอยู่ต่อหรือยังไง

แต่เราก็ตอบไปตามความรู้สึกที่แท้จริงว่า ดีค่ะ ชีวิตดีและมีความสุขได้ทุกวัน เพื่อนรุ่นน้องบอกว่า ใครๆเห็นหน้าพี่ก็รู้แล้วว่าพี่มีความสุข หน้าตาไบรท์ออก ไม่เหมือนเมื่อก่อน ผมเห็นพี่ทีไร มีแต่หน้านิ่วคิ้วขมวด

เพื่อนที่อยู่ต่างคณะฯคนหนึ่ง มานั่งที่โต๊ะทำงานเราและตอนนี้ได้ยื่นเรื่องลาออกแล้วหลังจากที่อยู่ที่นั่นมาเกือบสิบปี เพิ่งได้ข่าวจากพี่ที่อยู่แผนกเดียวกันและมาแข่งคู่ผสมในวันนี้ ฝากพี่เขาไปบอกว่า เราแสดงความยินดีด้วย คือ ... เราว่า ความอดทนของแต่ละคนมีจำกัด คนแต่ละคนคงพยายามจะมองโลกในแง่บวก มองงานที่ทำในแง่ดี ถึงได้ทนทำงานอยู่ตรงจุดนั้นได้ แต่เมื่อมันถึงจุดที่อดทนไม่ไหว หมดแรงจะคิดบวกและมีทางอื่นที่สบายใจกว่าให้เลือกเดิน ก็เดินทางใหม่เถอะ ชีวิตนี้สั้นนัก พวกสุขนิยมอย่างเราไม่นิยมที่จะจมอยู่กับความทุกข์นานๆเพราะมันบั่นทอนจิตใจออกจะตาย และเพื่อนที่ทนไม่ไหวคนนี้ ระบุวันลาออกแปลกๆ แทนที่จะเป็นวันสิ้นเดือนก็ไม่เอาซะงั้น แปลว่ามันทนไม่ไหวจริงๆล่ะ

เจอพี่ที่แผนกเดิม เลยได้ฟังเรื่องราวของคนโน้นคนนี้อีกตามเคย งานที่ไม่เป็นระบบและขึ้นอยู่กับอารมณ์ของใครต่อใคร มันเลยเละเทะอยู่แบบนี้ เพื่อนอีกคนบอกว่าจะจองโต๊ะอาถรรพ์ตัวนี้ เผื่อจะมีอิทธิพลให้เธอได้ตัดสินใจกับชีวิตของตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวมากขึ้น


หมดเรื่องกลุ้มๆของใครต่อใครในที่ทำงานเก่า ก็หันมาดูฝีมือแบดของแต่ละคน รุ่นน้องที่ทำใจกล้าไปลงชายเดี่ยวแพ้ซะหลุดลุ่ย เรามองๆแค่การจับไม้ก็ยังไม่แน่ใจว่าจับถูกหรือเปล่า ตีซะจนหน้าซีดปากขาว กลัวจะเป็นลมพับไปตรงนั้นจัง น้องผู้หญิงที่ไปเล่นคู่ผสมก็ยังไม่ไวเท่าใดนัก เล่นหน้าเน็ตไม่ค่อยดี อยู่ดูได้ไม่จบเกมส์ก็ออกมาก่อน ส่วนหัวโจกคนที่เล่นชายคู่ที่ดูเหมือนจะขี้โม้ ก็โม้ได้สมจริง เล่นดีสมเป็นนักแบดมหาลัย เขาคงรู้ล่ะว่าเราอยากมาเห็นฝีมือ แต่เราไม่ได้รอดูรอบรองชนะเลิศ แค่ดูเกมส์แรกจบก็พอแล้ว แซวไปว่า ฝีมือเจ๋งขนาดนี้ ต่อให้ไม่อยู่เชียร์ ก็ชนะอยู่แล้ว

แต่ขำที่คุณหัวโจกเที่ยวไปวิจารณ์คู่ผสมทั้งหลายว่า ฝ่ายตรงข้ามส่งผู้หญิงที่หน้าตาน่ามองมาทั้งนั้น ทำให้ผู้ชายฝ่ายเราไม่เล่นตรงที่เป็นจุดอ่อน ถ้าหันกลับมามองผู้หญิงคู่ของตัวเอง คงจะมีกำลังใจเล่นแรงๆมากขึ้น ก็้ได้แต่วิจารณ์คนอื่น ไม่รู้ว่าถ้าเขาลงเอง จะกล้าเล่นแบบนั้นหรือเปล่า แต่พี่อีกคนไม่น่าห่วงเพราะรายนั้นทั้งเล่นแบดได้ดีและร้อยพวงมาลัยก็สวย ^_^ เล่นคู่ผสมเลยไม่มีปัญหาเรื่องหน้าตาของฝ่ายหญิงฝั่งตรงข้าม

เดินวนเวียนไปดูพวกคู่ผสม หญิงคู่และหญิงเดี่ยว ดูดูฝีมือแล้ว เราว่า พวกข้าราชการนี่น่ะ นอกจากสุขภาพทางการเงินไม่แข็งแรง สุขภาพจิตก็ไม่เข้มแข็งเพราะเรื่องเส้นสายและอุปสรรคในงานมีไปซะทุกจุด สุขภาพกายของพวกผู้หญิงก็ไม่ค่อยดีด้วยเหมือนกัน นึกถึงพี่ที่เล่นแบดก๊วนเดียวกัน และอีกหลายคนที่มาร่วมเล่นกันในบางครั้ง ผู้หญิงที่ทำงานเอกชนพวกนี้ เล่นดีกว่าแยะเลย ทั้งที่กว่าจะเลิกงานปลีกตัวมาเล่นได้ก็เย็นแล้ว แปลกดีเหมือนกัน


พอขับรถกลับบ้าน ใจคิดไปถึงคนที่เคยบอกว่าข้อมือขวาหัก เล่นแบดไม่ได้ เราเลยเสนอว่า ถ้าตั้งใจอยากเล่นจริงๆล่ะก็ เล่นมือซ้ายสิ จะซ้อมมือซ้ายเป็นเพื่อนให้ อืม...คิดได้ไงเนี่ย




 

Create Date : 06 มีนาคม 2553    
Last Update : 9 มีนาคม 2553 22:22:48 น.
Counter : 416 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.