Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 
รักแบบพุทธ

รักแบบพุทธ โดย ชยสาโร ภิกขุ คัดลอกจากหนังสือ “ยุวพุทธสัมพันธ์ : จากรักสู่เมตตา”

“บางครั้ง คนแสวงหาความรักเพื่อดับทุกข์อย่างตาบอด คือ รู้ว่าตัวเองเป็นทุกข์ แล้วเชื่อว่าความรักจะดับทุกข์ของตนได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าจะมีปัญหา เพราะความทุกข์ไม่เคยดับไปด้วยความรัก ความทุกข์ดับไปด้วยการดับอวิชชา ทุกข์ดับเพราะอวิชชาดับ เพราะตัณหาดับ ไม่ใช่เพราะความรัก ถ้าเราหวังความดับทุกข์จากความรักนั้นคือการตั้งต้นไว้ผิด และจะต้องผิดหวัง... มีละคร หนังสือ เพลง หลายสิ่งหลายอย่างที่จะชวนให้เราเข้าใจว่า ความรักดับทุกข์ได้ แต่ชีวิตของเราแต่ละคนฟ้องขึ้นมาว่า ไม่ใช่ !

พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า อวิชชาปรากฏอยู่ในลักษณะตัณหา อยากได้ อยากมี อยากเป็น แต่แก่นแท้ของอวิชชา คือการมองว่าชีวิต มีสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่เป็นตัวของตัว สิ่งที่ท่านเรียกว่าอัตตา คือ ตัวเรา ศูนย์กลางของชีวิต พระพุทธองค์ท้าทายว่า ถ้ามีจริง มันอยู่ตรงไหน อยู่ในกายไหม อยู่ในความรู้สึกไหม อยู่ในความจำได้ไหม อยู่ในความคิด อยู่ในการรับรู้ทางประสาทไหม มีอยู่ตรงไหน แต่ส่วนมาก คนก็ไม่ได้สนใจวิเคราะห์อย่างนี้ แต่เชื่อว่ามีตัวเราที่เป็นของเที่ยงแท้ถาวร เกิดความเชื่องมงายเกี่ยวกับธรรมชาติของตัวเอง

สิ่งที่เกิดตามมาคือ หนึ่ง ความกลัว สอง ความเหงา กิเลสทั้งหลายทั้งปวง มันจะเกิดขึ้นเพราะมีตัวเราที่แปลกแยกจากคนอื่น แปลกแยกจากสิ่งอื่นโดยสิ้นเชิง แต่พอเราไม่ได้ดูตัวเองดีๆ ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร คืออวิชชา การไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเอง รู้แต่ว่าเหงา รู้แต่ว่าแปลกแยก รู้แต่ว่ากลัว... ผู้มีอวิชชามักจะแสวงหาความรัก เพื่อจะไม่ต้องเหงา ไม่ต้องกลัว ไม่รู้สึกแปลกแยก แต่นี่ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่แท้จริง...

เมื่อเรากล้าดูตัวเอง กล้าพิจารณาความเหงา กล้าพิจารณาความกลัว ความกังวลต่างๆ กล้าดูสิ่งต่างๆที่เป็นทุกข์อยู่ในใจ ความหิวโหย ความหวังจากคนอื่นจะน้อยลงไปเอง จะเริ่มเห็นว่าสิ่งเหล่านั้น ไม่ใช่ของจริงของจังอะไร มันเป็นแค่อารมณ์ มีเกิด มีดับ ...........


“...ถ้าเรารู้สึกว่า เราขาดอะไรสักอย่าง และก็หวังว่า คนอื่นเขาจะเสริมส่วนที่ขาด ก็จะทำให้ความสัมพันธ์กับคนอื่น แปรไปในทางที่ต้องการอะไรสักอย่างจากเขา เมื่อเราต้องการอะไรสักอย่างจากคนอื่น และเชื่อว่าถ้าไม่ได้สิ่งนั้น ชีวิตเราจะแย่ ก็ต้องเครียด และความหึงหวงก็จะต้องรุนแรงมาก

เพราะถ้าเราฝากความหวังในความสุข ในความมั่นคงของชีวิตไว้กับคนใดคนหนึ่ง เราก็ต้องกลัวว่า เราต้องพลัดพรากจากคนนั้น ความพลัดพรากเป็นทุกข์ในโลก แต่..ความพลัดพรากจะรุนแรง สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักตนเอง ไม่รู้จักธรรมชาติของชีวิต และผู้ที่มีความหวังในคนรักมากเกินไป ต้องการสิ่งที่คนอื่นให้เราไม่ได้...”

......เมตตา คือความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความรักที่ทำให้คนตกนรก คือ ความรักที่มีเงื่อนไขมาก ความรักที่มีเงื่อนไขมากที่สุด คือ ฉันรักเธอเฉพาะในช่วงที่เธอตามใจฉัน ถ้าเธอให้ความสุขแก่ฉันได้ ฉันจะรักเธอ เธอให้ความสุขแก่ฉันไม่ได้เมื่อไหร่ ฉันก็จะไม่รัก ก็กลายเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง ฉันรักเธอ แต่ถ้าเธอเบื่อฉันเมื่อไหร่ ฉันก็จะไม่รัก คือ ไม่ได้เป็นมิตร ไม่ได้มีความจริงใจต่อกัน เอาอารมณ์ เอากามเป็นที่ตั้ง การอยู่ในเพศฆราวาส เรื่องกามก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่เป็นส่วนที่ควรควบคุมและไม่ควรจะหวังอะไรมากเกินไปจากความรัก ......

...... พระพุทธองค์ให้เราสังเกตว่าความรักสามัญมีโทษบางอย่าง ความรักสามัญมีโทษอย่างไร พอเรารักใครแล้ว ใครที่เป็นศัตรูกับคนที่เรารัก ก็กลายเป็นศัตรูกับเราไปด้วย ยากที่จะหวังดีกับคนเหล่านี้ หรือคนอื่นที่รักศัตรูของคนรักเรา เราก็ไม่ค่อยชอบ มันมีการแบ่งแยกเกิดขึ้น

“....ขอให้เราเรียนรู้เรื่องความรัก
รักอย่างไรเศร้าหมอง
รักอย่างไรผ่องใส
รักอย่างไรทำให้เราอ่อนแอ
รักอย่างไรทำให้เราเข้มแข็ง
รักอย่างไรทำให้มีความสุขชั่วแวบเท่านั้น
ความรักอย่างไรทำให้มีความสุขระยะยาวและสามารถให้ความสุขแก่คนอื่น ทำอย่างไร เราจะได้ขัดเกลาพัฒนาความสุขความรักของเราให้มีลักษณะของเมตตามากขึ้นทุกวัน ๆ นี่คือข้อวัตรปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเรา”


คัดลอกมาบางส่วนค่ะ “รักแบบพุทธ” มีฉบับเต็มที่ website นี้ //www.oknation.net/blog/print.php?id=406093

........................


ข้างบนนั่นเป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือ “ความจริงเกี่ยวกับความรัก ความโกรธและความเมตตา” เล่มที่ 3

เนื้อหาของเล่ม 1 และ 2 ตามไปอ่านได้ที่นี่ค่ะ
//www.geocities.com/kwamjing1/

เพิ่งได้หนังสือเล่มนี้มาเมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นหนังสือเล่มบางๆ ประมาณ 100 หน้า รวบรวมคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์หลายท่าน อ่านแล้วได้ข้อคิดที่ดีมากๆค่ะ

แบ่งเป็นสามส่วน คือ

ความรัก : ความรักหรือไมตรี (ท่านติช นัท ฮันห์), รักแบบพุทธ (ชยสาโร ภิกขุ), รักของพ่อแม่ ทั้งรักแท้และรักยั่งยืน (พระพรหมคุณาภรณ์)

ความเมตตา : เมตตา อภัย สันติ (ปิยโสภณ), สำรวจโลกใบใหม่ (ดร.พระมหาจรรยาสุทฺธิญาโณ), เลิกรบ สงบศึก (พระไพศาล วิสาโลและรินใจ), เมตตาที่สากล คือ รักคนได้ทั้งโลก และ พลานุภาพแห่งความเมตตา (ว.วชิรเมธี), เมตตา ภาวนา (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)

ความโกรธ : ความโกรธ, ระงับความโกรธ, พยายามแก้ไขตนเอง (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก), สรุปเรื่องด้วยการให้อภัย (ภิญญราชัยบ่อ), ทางแก้ไขจุดบอดของใจ (อมรา มลิลา)

ใครสนใจหนังสือเล่มนี้ ไปรับฟรีได้ที่ห้องสมุดบ้านอารีย์ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าซอยอารีย์ ถ.พหลโยธิน

ถ้าไม่สะดวกไปรับ ส่งซองเปล่า (ขนาดหนังสือประมาณ 6x8 นิ้ว) ติดแสตมป์ จ่าหน้าซองถึงตัวเองไปที่มูลนิธิบ้านอารีย์ เลขที่ 17/1 ซ.อารีย์ 1 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400 (เขาให้ขอได้ครั้งละไม่เกิน 4 ชิ้นค่ะ ไปที่ website แล้วเลือกดูอย่างอื่นอีกก็ดีนะคะ)

ถ้าไม่สะดวกอีก...อืม...บอกชื่อกับที่อยู่มาได้นะคะ สัปดาห์หน้าจะแวะไปเอามาส่งไปรษณีย์ให้ค่ะ


Create Date : 31 กรกฎาคม 2552
Last Update : 2 สิงหาคม 2552 21:12:51 น. 1 comments
Counter : 838 Pageviews.

 

...อยากได้หนังสือจัง จะเป็นการรบกวนหรือเปล่าค่ะเนี่ย เกรงใจจัง....


โดย: คนดีคนเก่ง วันที่: 31 กรกฎาคม 2552 เวลา:22:04:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.