1.1 แอล กลูตามีน 

1.2 แอล อาร์จีนีน

1.3 แอล กลูต้าไธโอน

1.4 แอล ซีสเทอีน

1.1 แอล กลูตามีน (L-Glutamine) เป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายมีมากที่สุด

- ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต (Growth Hormone) จากต่อมใต้สมอง 

- ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ของร่างกาย ทำให้เซลล์ผิวหนังที่เสื่อมกลับมายืดหยุ่น เต่งตึง และเนียนเรียบเพิ่มขึ้น 

- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดการเป็นหวัดหรือการติดเชื้อโดยเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดขาว

- ช่วยทำลายกรดแลคติกที่เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อในระหว่างการออกกำลังกายอย่างหนัก การทำลายกรดแลคติกจะช่วยลดอาการอ่อนล้าของกล้ามเนื้อ ส่งผลให้สามารถออกกำลังกายได้ยาวนานขึ้น

- ช่วยให้สมองมีการทำงานที่ดีมากขึ้น โดย แอล กลูตามีน จะทำหน้าที่เป็นสารตั้งต้นในการผลิตสารสื่อประสาท คือ Glutamate และ Gaba

1.2 แอล อาร์จีนีน (L-Arginine) เป็นสารที่ได้รับรางวัลโนเบลระดับโลก สาขาแพทย์ศาสตร์ ปี 1998 เป็นกรดอะมิโนที่ถือว่าเป็น "โมเลกุลมหัศจรรย์" มีคุณประโยชน์มากมายมหาศาล เพราะแอล อาร์จีนีน จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตก๊าซไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) เพื่อช่วยเรื่องการขยายตัวของหลอดเลือด รวมทั้ง 2-3 ชั่วโมงแรกของการหลับต ต่อมพิทูอิทารีในสมองจะกระตุ้นการหลังโกรท ฮอร์โมน (Growth Hormone) สู่กระแสเลือด เพื่อฟื้นฟูส่วนต่างๆ ของร่างกายซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญในการคงความเป็นหนุ่มสาว ช่วยชะลอความชรา

แอล อาร์จีนีน สามารถทำงานได้ 2 กลไก คือ

1.2.1 สร้างก๊าซไนตริก ออกไซด์ในหลอดเลือด ซึ่งจะขยายหลอดเลือดเรามากขึ้น ทำให้เลือดเราไหลเวียนดีขึ้น คราบไขมันต่างๆ ที่ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดของเราหลุดออก โรคอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหรือมีต้นตอเกิดจากการไหลเวียนไม่ดีของหลอดเลือดจะเห็นได้ชัดเจนมาก

1.2.2 กระตุ้นการหลั่งโกรท ฮอร์โมน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งการคงความหนุ่มสาว

1.3 แอล กลูต้าไธโอน (L-Glutathione) เป็นกรดอะมิโนที่สำคัญในการต่อต้านอนุมูลอิสระและยับยังการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นพบว่าผู้ที่มีสภาพการทำงานของตับพร่อง ผู้ที่ทานแฮลกอฮอร์เป็นประจำ รวมทั้งผู้ป่วยโรคตับอักเสบและตับแข็ง จะพบแอล กลูต้าไธโอน ในตับมีปริมาณน้อย ไม่เพียงพอต่อการนำไปใช้ประโยชน์ได้ จำเป็นต้องได้รับการเสริมเข้าไปโดยตรง

1.4 แอล ซีสเทอีน (L-Cysteine) เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยในการสร้างเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระ เป็นสารตั้งต้นในการสร้างกลูต้าไธโอนที่ตับโดยทำหน้าที่ร่วมกับวิตามินซีในการซ่อมแซมสารพันธุกรรมที่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นมะเร็งได้และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไทซิเนส (Tysinase) ไม่ให้สามารถเปลี่ยนเป็นโดปาควินโนน (Dopaquinone) ซึ่งมีผลทำให้สร้างเม็ดสีน้อยลง ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

2.1 สารสกัดจากอะเซโรล่า เชอร์รี่ มีปริมาณวิตามินซีสูงมาก โดยสูงกว่าวิตามินซีที่มีในผลส้ม 30-80 เท่า เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นเปล่งปลั่ง ช่วยลดจุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น และเสริมภูมิต้านทาน

2.2 สารสกัดจากบิลเบอร์รี่ มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำและรอยเหี่ยวย่น ทำให้แผลจากหลุมสิวหายเร็วขึ้น และช่วยบำรุงสายตา

2.3 กรดอัลฟาไลโปอิค ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ ต่อต้านการอักเสบที่ทำให้เกิดสิว

2.4 โคเอนไซม์ คิวเทน (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่) CoQ10 มีประโยชน์สูงมากในเรื่องการต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) ลดการเกิดฝ้า กระ และริ้วรอยแห่งวัย ชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ ทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส ช่วยให้หลอดเลือดและกล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง

2.5 สารสกัดจากเปลือกสน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอัตราการเกิดอนุมุลอิสระตัวการสำคัญของความแก่ชรา และโรคเสื่อมต่างๆ นอกจากนี้ยังช่วยลดความหยาบกร้านของเซลล์ผิว ลดปริมาณการสร้างเม็ดสีที่ผิว ทำให้ผิวพรรณดูกระจ่างใส และลดริ้วรอย

2.6 แอสคอร์บิก แอซิด วิตามินซีที่ช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนในการฟิ้นฟูเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังกลับมายืดหยุ่นเปล่งปลั่ง ช่วยลดจุดด่างดำ รอยเหี่ยวย่น และเสริมภูมิต้านทาน

2.7 ซิงค์อะมิโน แอซิด คีเลต ช่วยปรับสมดุลความมันบนใบหน้า ป้องกันสิวอักเสบ ช่วยสมานแผลจากสิวให้ดีขึ้น

Create Date : 10 ธันวาคม 2557
Last Update : 29 มกราคม 2558 11:28:29 น.		0 comments
Counter : 286 Pageviews.
Share Tweet