การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด
แสงอาทิตย์ประกอบด้วยแสงต่างๆทั้งชนิดที่ตามองเห็นและมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแสงหรือรังสีอันตราย คืออุลตราไวโอเลตซึ่งเป็นรังสีประเภทที่ตามองไม่เห็นที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าแสงที่ตามองเห็นได้รังสีอุลตราไวโอเลตมี 2 ชนิด คือ อุลตราไวโอเลต-เอ (UVA) มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 320-400 นาโนเมตรรังสีนี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวหนังและอุลตราไวโอเลต-บี (UVB) มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 280-320 นาโนเมตร และรังสีนี้เป็นต้นเหตุของฝ้า กระ รอยด่างดำของผิวหนัง ในความเป็นจริงมนุษย์เรายังค่อนข้างโชคดีที่ในบรรยากาศในชั้นสตราโตสเฟียร์มีก๊าซโอโซนที่มีความสามารถดูดกลืนรังสีอุลตราไวโอเลตได้ดี ทำให้รังสีผ่านลงมายังพื้นโลกน้อยลงแต่ปัจจุบันนี้ เราพบว่าปริมาณของโอโซนในบรรยากาศเหนือพื้นโลก นับวันจะมีน้อยลงทุกทีจากการถูกทำลายด้วยฝีมือมนุษย์ในโลกเรานั่นเอง เช่น มีการใช้สเปรย์ชนิดต่างๆเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีสารฟลูออโรคาร์บอน หรือที่เรียกว่า ฟรีออน ออกมารวมถึงการใช้กล่องโฟมมากขึ้นในผลิตภัณฑ์บรรจุอาหารซึ่งจะทำให้โอโซนในชั้นบรรยากาศมีปริมาณลดน้อยลง มีผลให้สกัดกั้นรังสีอุลตราไวโอเลตน้อยลงส่งผลให้รังสีอุลต้าไวโอเลตผ่านสตราโตสเฟียร์มายังโลกได้มากขึ้นเป็นอันตรายแก่มนุษย์และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อปกป้องผิวพรรณของเราจากรังสีอุลตราไวโอเลตซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้ากระ รอยด่างดำและริ้วรอยแห่งวัยแล้ว จึงมีการใช้ครีมกันแดด (Sunscreen) กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้ซึ่งต้องมีความรู้และความเข้าใจ จะทำให้เราสามารถเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพสูงและเหมาะกับผิวของเราได้การเลือกใช้ครีมกันแดดจะสังเกตุเห็นข้างขวดหรือข้างกล่องครีมกันแดดจะมีคำว่า SPF และ PA อยู่มีความหมายอะไรเรามาทำความรุ้จักกับ SPF และ PA กันครับ SPF(Sun Protection Factor) เป็นค่าระบุระดับการปกป้องผิวจากรังสีUVB คิดเป็นจำนวนเท่าของเวลาที่ผิวทนต่อรังสีอุลตราไวโอเลตหลังจากทาครีมกันแดดแล้วซึ่งโดยปรกติผิวของเราจะรับมือกับแสงแดด โดยปราศจากครีมกันแดดได้ประมาณ 20 นาทีขึ้นกับความแรงของแสงแดด ถ้าครีมกันแดดนั้นมีค่า SPF30 หมายถึงเราสามารถอยู่กลางแดดได้ 20x30 = 600 นาที PA(Protection Grade of UVA)
ในขณะนี้ยังไม่มีหน่วยวัดที่เป็นมาตรฐานในการวัดค่าการดูดซึมของรับสีUVA ดังนั้นจึงถือเอาคำว่าPA เป็นหน่วยวัดรังสีUVA โดยค่าPA นั้นจะมี3 ระดับคือ PA+ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA PA++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูง PA+++ หมายถึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด สารที่เป็นส่วนผสมในครีมกันแดดก็มีส่วนสำคัญที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพของครีมกันแดดได้เป็นอย่างดีในปัจจุบันมีสารสำคัญที่เป็นส่วนผสมหลักๆในครีมกันแดดอยู่ 3กลุ่มตามกลไกในการทำงาน ดังนี้ 1.กลุ่มสะท้อนแสง สารกันแดดกลุ่มนี้ทำหน้าที่สะท้อนหรือหักเหรังสียูวีออกไปจากผิวที่นิยมใช้คือ Titaniumdioxide (TiO2) และ Zinc Oxide (ZnO)
ข้อเสียของสารกันแดดในกลุ่มนี้ คือ เมื่อทาแล้วจะทำให้หน้าขาวเกินไป 2. กลุ่มดูดซับแสงส่วนใหญ่เป็นสารเคมีประเภทอินทรีย์ทำหน้าที่ดูดซับรังสียูวีให้มีความเข้มน้อยลงเมื่อผ่านไปสู่ผิวหนังสารกลุ่มนี้มีอยู่หลายชนิดซึ่งแต่ละชนิดสามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีได้มากน้อยไม่เท่ากันบางตัวกันแค่รังสียูวีเอ บางตัวก็กันแค่ยูวีบี ที่นิยมใช้คือ Parsol, Oxybenzone,Avobenzone เป็นต้น
ข้อเสียของสารกันแดดในกลุ่มนี้ คือ สารบางตัวสามารถป้องกันรังสี UVA แต่ไม่สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ ในขณะเดียวกันสารบางไม่สามารถป้องกันรังสี UVA ได้แต่สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ ทำให้สูญเสียประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดด 3.สารกันแดดที่ทำหน้าที่ทั้งสะท้อนและดูดซับรังสียูวีได้ทั้งสองอย่างในตัวเองซึ่งพึ่งจะพัฒนาขึ้นมาใหม่ในปัจจุบัน มีสารตัวเดียวในกลุ่มนี้คือ Methylene Bis Benzotriazolyl Tetramethyl butylphenol หรือ Tinosorb® M ซึ่งเป็นสารที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการปกป้องผิวจากรังสียูวี ดังนั้นการเลือกซื้อครีมกันแดดจึงควรศึกษาส่วนประกอบของสารกันแดดว่าสามารถป้องกันรังสียูวีได้ตลอดทั้งช่วงหรือไม่โดยดูฉลากและส่วนประกอบที่ระบุเอาไว้ มีค่า SPF เท่าไหร่ ค่า PA กี่บวกต้องมีความคงตัวสูง ไม่ทำให้แพ้กันน้ำได้และติดทนนานก็จะยิ่งยอดเยี่ยม
ขอบคุณความรู้ดีๆจากนพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ นิตยสารSuccessMore(ฉบับที่ 6 หน้า22-23)
Create Date : 05 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 8 ธันวาคม 2557 19:53:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 504 Pageviews. |
|
|