Group Blog
 
All blogs
 
เจ้าหญิงนิทรา [3/3]








เอาล่ะ...และแล้วเจ้าหญิงนิทราของเราตอนนี้ก็ได้ฟื้นขึ้นมาอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชาวเมืองที่มารอก็คาดหวังและเตรียมใจเผื่อเหมือนทุกครั้งก็เริ่มแปลกใจเมื่อเห็นม้าสองตัววิ่ง เหยาะๆ เคียงข้างกันด้วยการใช้เวลาไปกลับที่รวดเร็วจนเกินไป ทุกคนเกือบผิดหวังกันแล้วว่าคราวนี้ก็คงไม่ได้ผลแน่ๆ แต่ก่อนที่จะหันหลังกลับ...ผมสีดำยาวสนิทที่ปลิวไสวไปตามแรงลมบนหลังอาชาสีขาวภายในอ้อมกอดของเจ้าของม้าทำให้ต้องขยี้ตามองด้วยความแปลกใจ แล้วรอยยิ้มน้อยๆก็มาก่อนก่อนที่รอยยิ้มกว้างอย่างดีใจที่สุดจะตามมา


เจ้าหญิงฮีโรร่าฟื้นแล้ว!



ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง!


ทั้งเมืองจุดพลุฉลองเป็นการใหญ่เพื่อต้อนรับการกลับมาของเจ้าหญิงขวัญใจ คนที่ดีใจที่สุดคงไม่พ้นพระราชาคัลเซลที่ตกตะลึงเมื่อเห็นรอยยิ้มสว่างไสวคุ้นเคยจากร่างในอ้อมแขนเจ้าชายยูโนว์ เพื่อยืนยันภาพที่เห็นตรงหน้าพระราชาก็รับร่างลูกสาวจากอ้อมกอดของว่าที่บุตรเขยบนหลังม้าอย่างปลาบปลื้ม แรงกอดที่แนบแน่นและคำว่าคิดถึงซ้ำๆ ที่ออกมาจากปากบิดาคงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ถือว่าดีสำหรับการฟื้นขึ้นมาครั้งนี้


“พ่อคิดถึงเจ้า...พ่อคิดถึงเจ้าเหลือเกินฮีโรร่า...เจ้าฟื้นแล้ว...ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว...ขอบคุณสวรรค์...ขอบคุณพระเจ้า....ในที่สุดท่านก็ส่งเจ้ามาหาพ่อแล้ว...พ่อคิดถึงเจ้าเหลือเกิน....”

น้ำตาเม็ดสวยซึมนิดๆ ก่อนจะค่อยไหลลงมาตามดวงตาดำขลับเมื่อกอดตอบบิดาเช่นกัน

แค่สามปีทำให้ท่านดูแก่ลงถึงเพียงนี้เลยหรือ?

“....ข้าก็คิดถึงท่านพ่อ....”

แอบกระซิบเบาๆ กับไหล่ที่ดูเหมือนจะคุ้มลงไปนิดเพราะความห่วงใยตัวเองจากคนตรงหน้า

สิ่งที่ดีที่สุด จากการฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็คือเรื่องนี้นี่เอง


..


..


แต่สิ่งที่ไม่ดีอย่างที่สุดคือการต้องมายืนนิ่งๆ ลองชุดแต่งงานที่จะถูกจัดขึ้นในเร็ววันนี่น่ะสิ องครักษ์ที่ถูกส่งมาพิทักษ์ด้วยความหวังดีจากคนเป็นพ่อเพราะกลัวแม่มดจะย้อนกลับมาเล่นงานทำให้กระดิกตัวได้ลำบากเหลือเกิน วันๆ ถ้าไม่ต้องลองชุดแต่งงานหลายสิบชุดที่แก้แล้วแก้อีกเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ก็ต้องไปนั่งกินข้าวกับคู่หมั้นที่ก็ได้แต่จ้องเอาๆ

จ้องอย่างกับจะกินเข้าไปได้อย่างนั้นแหละ!

ถ้าไม่กินข้าว...ว่าที่พ่อตากับลูกเขยก็จะนั่งคุยเรื่องงานเรื่องแผ่นดินแลกเปลี่ยนกันไม่ก็นั่งเล่นหมากรุกกัน การที่ไม่ได้เห็นลูกสาวคนโตเป็นนานทำให้ราชาคัลเซลคิดถึงจนสั่งให้เจ้าหญิงต้องนั่งร่วมวงด้วยเกือบทุกครั้ง ต้องมานั่งมองนั่งฟังเรื่องน่าเบื่อแถมพอเผลอหันไปทีไรก็จะสบกับดวงตาคมที่มองมาตลอดทำให้ฮีโรร่าชักจะทำหน้าไม่ถูก


จะมองให้ได้อะไรนักหนาวะ!


คิดอย่างหงุดหงิดแต่พักหลังๆ มานี่หน้าที่เบือนหนีทันควันก็กลับรู้สึกเหมือนกันว่ามันร้อนขึ้น ถึงอย่างนั้นจากหางตาก็รู้ว่าไอ้เจ้าชายมันยังจ้องไม่วางตาจนหน้ามันไม่หายร้อนซักที นี่ล่ะถึงบอกว่าน่าเบื่อไง!


หงุดหงิดเฟ้ย!!


“ฮีโรร่าพายูโนว์ไปชมลานน้ำพุกลางเมืองของเราหน่อยสิ”

แถมนี่ก็เป็นอีกสาเหตุของการหงุดหงิดเมื่อพระราชาคิดว่าอย่างน้อยที่สุดให้ทั้งสองคุ้นเคยกันไว้ก่อนแต่งงานก็น่าจะดี ดังนั้นจึงชอบยัดเยียดให้เจ้าหญิงพาเจ้าชายไปดูนั่นดูนี่เป็นประจำ

สำหรับพระราชา...ผู้ชายด้วยกันดูกันออก...ดูจากสายตาที่ขยันมองไปที่หน้าบูดๆ ของฮีโรร่าและยังแอบยิ้มเอ็นดูนิดๆ แล้วคิดว่าเจ้าชายต่างเมืองคนนี้คงตกหลุมรักลูกสาวสุดที่รักแล้วล่ะ

ก็ลูกเราน่ารักนี่เนอะ...ไม่รักสิแปลก

คิดอย่างเข้าข้างและแอบภูมิใจนิดๆ แม้จะสะดุดหน่อยๆ จากคำพูดของเจ้าหญิงก็ตาม

“หา! ทำไมข้าต้องพาไปด้วยล่ะ! ก็ไหนแต่ก่อนท่านพ่อชอบบ่นว่าข้าตะลอนๆ ไปนั่นไปนี่ไม่สมเป็นเจ้าหญิงแล้วทำไมวันนี้ถึงสั่งให้ข้าพาไปล่ะ คนออกจะเต็มวังท่านพ่อก็เลือกซักคนสิ”

ท่านยังคงยิ้มแม้เหงื่อจะแอบตกและในใจจะแอบบ่นลูกสาวที่พูดอะไรไม่รักษาภาพเอาซะเลย

“เพราะนี่เป็นแขกและเป็นเจ้าชาย คนพาไปก็ควรจะสมศักดิ์ศรีหน่อย เจ้าไปน่ะดีแล้ว พาแมกซ์ไปด้วยก็ได้ถ้าเจ้ากลัว”

“กลัวอะไร! ข้าไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้วข้าพาไปเองก็ได้...” รับคำอย่างเสียไม่ได้และยิ่งหงุดหงิดหนักเมื่อหันไปสบตากลมเรียวที่เหมือนจะยิ้มได้ของคนที่ต้องพาไปนั่นไปนี่เหมือนเด็กๆ ของร่างสูง “...เจ้าก็ไปเตรียมตัวสิ ข้าไม่รอคนช้าหรอกนะ”

“รับทราบครับท่านหญิง”

ค้อมกายอย่างล้อเลียนก่อนจะลาพระราชาแล้วจึงเดินตามร่างที่ก้าวล่วงหน้าไปก่อนอย่างหงุดหงิด และอารมณ์ของเจ้าหญิงก็ยังไม่เข้าที่เข้าทางดีแม้จะมาถึงลานน้ำพุใหญ่กลางเมืองที่เป็นที่โปรดแล้วก็ตาม


“นี่ล่ะลานน้ำพุ เจ้าก็เดินดูๆ ไปนะข้าจะไปเดินเล่นแป๊บเดี๋ยวมารับกลับ”

พูดยังกับพาเด็กมาปล่อยงั้นล่ะ - -*

และเร็วกว่าความคิดเมื่อไม่รอให้ร่างนั้นก้าวเกินสองก้าวหรอกมือใหญ่ก็ตวัดจับข้อมือเล็กก่อนจะดึงให้ลงมานั่งข้างๆ กันที่ขอบบ่ออย่างรวดเร็ว

“เอ๊ะ! เจ้านี่!” ตาดำขลับฉุนจัดหันมามองอย่างเคืองๆ แต่เจ้าชายยูโนว์ก็ไม่อนาทนร้อนใจซักนิดเมื่อยังแย้มยิ้มอย่างอารมณ์ดีตอนชี้ชวนให้มองขึ้นไปยังนกตัวเล็กที่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวบนกิ่งไม้ข้างๆ มือใหญ่ข้างหนึ่งโอบเอวเล็กให้แนบเข้ามาหาอย่างแนบเนียนพลางเอ่ยเบนความสนใจดวงหน้าหวาน

“ถ้าข้าทำให้เจ้านกตัวนั้นลงมาร้องเพลงให้เจ้าฟังได้เจ้าจะให้อะไรข้า”

ตาดำขลับมองมาอย่างไม่เชื่อแต่ก็หวาดระแวงนิดๆ

“แล้วเจ้าอยากได้อะไรล่ะ?”

“ก็แค่เจ้าพูดดีๆ กับข้าซักวัน คิดซะว่าเหมือนมาเดินเล่นกับเพื่อนสนิท...”รอยยิ้มที่มองสบตาตรงๆ ทำเอาเจ้าหญิงของพวกเราทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน “...แค่นั้นจะได้ไหม?”

คิดๆ ดูแล้วก็ไม่เสียหายตรงไหนแถมดีไม่ดีอาจจะได้เห็นคนตรงหน้าเสียหน้าสักครั้งด้วย ฮีโรร่าจึงพยักรับพร้อมรอยยิ้มอย่างชั่วร้ายที่แอบคาดหวังนิดๆ

“แต่ถ้าเจ้าทำไม่ได้วันนี้ทั้งวันข้าจะไม่พูดกับเจ้านะ!”

และก็ช่างต่างจากรอยยิ้มกว้างที่ถูกส่งมาให้เหลือเกินเมื่อเจ้าชายค้อมรับอย่างล้อเลียนอีกครั้ง แล้วในที่สุดไม่นานเกินรอ เสียงประหลาดที่ออกมาจากปากบางหยักและนกตัวนั้นที่ชะงักและเอียงคอมองนิดๆ ก่อนจะบินลงมาเกาะบนนิ้วเจ้าชายและเริ่มส่งเสียงร้องเจี๊ยวจ๊าวก็ทำให้หน้าที่แปลกใจของฮีโรร่าค่อยๆ ยิ้มอย่างสนุกปนตื่นเต้น

“เจ้าทำได้จริงๆ ด้วย! เจ้าพูดภาษานกได้!”

รอยยิ้มเอ็นดูผุดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อก้มลงมองหน้าหวานที่กำลังสนใจนกตัวน้อยที่เกาะนิ้วและส่งเสียงน่ารักๆ ด้วยดวงตาพราวระยับ

เวลาไม่ดื้อแล้วว่าง่ายๆ นี่ก็ช่างน่ารักเกินจะห้ามใจจริงๆ

“ท่านตาสอนข้าตั้งแต่เด็กๆ แล้วตอนข้าเข้าไปหาท่านที่ป่าต้องสาป”

คนอื่นฟังคงสะดุ้งแต่กับคนตรงหน้า...หน้าที่ตื่นเต้นจนปิดไม่มิดก็ไม่ต่างจากที่เจ้าชายคิดนักหรอก

“จริงเหรอ! มันต้องเป็นป่าที่มหัศจรรย์มากแน่ๆ แล้วเมื่อกี้เจ้าบอกมันว่าไงน่ะ?”

“ข้าก็แค่บอกมันว่าแลกกับการที่มันร้องเพลงเพราะๆ และทำตัวน่ารักให้เจ้าดู ข้าก็จะซื้อขนมปังตรงนั้นให้มันเป็นการแลกเปลี่ยน...ไหนๆ มันก็ทำได้แล้วก็เดินไปซื้อด้วยกันเถอะนะ”

เอ่ยพลางก็ฉุดแขนขาวนวลนั้นขึ้นอย่างแนบเนียน คนที่ยังตื่นเต้นและสนใจนกบนนิ้วเจ้าชายไม่รู้ตัวสักนิดว่ากำลังถูกอีกคน ‘จูงมือ’ เดินเล่นด้วยกันเพราะเสียงหวานๆ ยังเอ่ยอย่างตื่นเต้นไม่หยุด

“ว่างๆ เจ้าสอนข้าบ้างได้มั้ย? ข้าอยากไปเห็นป่าต้องสาปนั้นบ้างจัง”

“ได้สิ...แล้วข้าจะสอนให้ ส่วนเรื่องป่านั่นซักวันข้าจะพาเจ้าไปแนะนำกับท่านตาแน่นอน ที่นั่นมีคนแคระและก็ภูตตัวเล็กๆ บินไปบินมาด้วยนะ”

“จริงเหรอ! ข้าอยากไปเร็วๆ อ่ะ ข้าต้องรีบไปขอท่านพ่อออกไปแล้ว เจ้าอย่าลืมต้องนำทางให้ข้าด้วยนะ เดี๋ยวข้าจะชวนแมกซ์ มิคกี้ แล้วก็ซีอาให้ไปด้วยกัน ...ต้องสนุกแน่ๆ เล้ย...”


นี่ล่ะบทสนทนาที่ดังแผ่วตามร่างสองร่างที่เดินเคียงข้างกัน ยามพูดเรื่องที่ถูกใจเจ้าหญิงก็จะผ่อนคลายจนลืมตั้งด่านใดๆ ทั้งสิ้นแล้วเมื่อเดินไปคุยไปซักถามอีกคนไปอย่างร่าเริง อีกคนที่เดินเคียงข้างและฉวยโอกาสโอบเอวเล็กเพื่อหลบหลีกผู้คนก็วางมือค้างไว้อย่างนั้น ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปตอบและยิ้มให้เป็นระยะแถมยังชักชวนเจ้าหญิงเข้าไปแวะดูนั่นดูนี่ตามร้านค้าข้างทางอย่างแนบเนียนด้วย


“เจ้าเห็นเหมือนที่ข้าเห็นมั้ยแมกซ์”

เสียงเอ่ยแผ่วเบาจากกบที่เกาะบนไหล่ทำให้เจ้าชายต้องพยักหน้าตอบรับเมื่อมองร่างสองร่างที่เดินเคียงคู่กันไปด้วย

“ข้าว่า...ข้าก็เหมือนๆ จะเห็นอะไรซักอย่างนะ”

ไม่คิดเหมือนกันว่าการแอบออกมาดูแลจะได้เห็นภาพอย่างนี้...ภาพที่เจ้าหญิงฮีโรร่ากลายเป็นลูกแมวแสนเชื่องในอ้อมแขนใครซักคน มันแปลกตาปนปลาบปลื้มแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้

ท่านพี่ตอนเอาแต่ยิ้มและหัวเราะ ไม่พูดคำหยาบๆ และทำท่าห้าวๆ ก็ช่างดูสมเป็นเจ้าหญิงที่งดงามเหลือเกิน ข้าช่างตื้นตันจนอยากร้องไห้นัก T_T

“ข้าว่า...ถ้าหากเจ้าอยากได้ใครซักคนที่ทั้งปราบและดูแลปกป้องพี่สาวเจ้าได้....” พูดไปพลางก็มองร่างสูงที่เดินเคียงข้างเจ้าหญิงและก้มหน้าลงไปยิ้มอย่างอ่อนโยนกับคนที่ชี้ชวนให้ดูเครื่องปั้นดินเผาแปลกตาแล้วก็อดจะนึกถึงความน่ากลัวของคนๆ เดียวกันนี้เมื่อไม่กี่วันในหอคอยขึ้นมาไม่ได้ “...เจ้าชายองค์นี้ก็ไม่เลวนักหรอก”

แถมท้ายด้วยการจับเจ้าหญิงได้ถูกจุดเหลือเกินเมื่อฮีโรร่าเลิกตั้งป้อมแล้วดูได้จากบทสนทนาที่ได้ยินสิ


“มียักษ์ด้วย! แล้วเจ้าจัดการกับมันยังไงน่ะ เจ้าไม่กลัวเหรอ?”

“ถ้ามีสติมันก็ไม่น่ากลัวหรอก ข้าก็เริ่มร่ายเวทย์จัดการกับตามันก่อน พอมันมองไม่เห็นและอาละวาดจนหมดแรงข้าก็ค่อยล้มมันอย่างง่ายๆ แล้วก็แย่งลูกยูนิคอร์นออกมาจากถ้ำไงล่ะ ถ้าเจ้าอยากเรียนเวทย์พวกนี้บ้างไว้ใช้ป้องกันตัวข้าจะสอนให้ก็ได้”

“จริงนะ! วันนี้เจ้ารับปากจะสอนข้าสิบเรื่องแล้วนะ กลับถึงวังแล้วเจ้าต้องเริ่มสอนด้วย”

“ข้ามิบังอาจหลอกลวงเจ้าหญิงแน่นอน งั้นพอกลับไปและอาบน้ำกินข้าวเสร็จเจ้าก็ออกมาหาข้าสิ ข้าจะไปรอที่สวนข้างๆ ห้องเจ้า เริ่มเรียนจากเวทย์เรียกลมก่อนก็ได้”

“ถ้าข้าไปแล้วไม่เจอเจ้าล่ะก็น่าดูแน่!”

“ฮะๆๆๆ ขอรับท่านหญิง ถ้าข้าไปสายล่ะก็เชิญท่านลงโทษได้ตามใจเลย”

“ทำท่าหัวเราะดีนัก เจ้าคงไม่รู้ล่ะสิว่าบทลงโทษของข้าทำให้คนต้องโอดครวญขอชีวิตมานักต่อนักแล้วนะ”

“ฮ่าๆๆๆ ข้าเชื่อ...ข้าเองก็คงต้องขอชีวิตจากเจ้าด้วยคนแล้วล่ะ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น...หัวใจข้าก็ถูกเจ้าแย่งชิงไปอย่างง่ายดายแล้ว”

“.........../////.........”

“...อ้าว จะรีบไปไหนล่ะรอข้าด้วยสิ ข้าว่าเจ้าตุ๊กตาตัวนั้นมันเหมือนลูกปลาวาฬที่ข้าเคยเห็นตอนออกทะเลเลย เจ้าว่ามันเหมือนปลาวาฬมั้ย?”

“เจ้าเคยออกทะเลด้วยเหรอ!”

“เคยสิ ก็ประเทศข้าข้างหลังคือภูเขาข้างหน้าคือทะเลนี่นา ข้าต้องตามท่านพ่อออกไปเกาะเล็กเกาะน้อยที่รายล้อมรอบๆ ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว”

“แล้วเจ้าเจออะไรบ้างอ่ะ เจอโจรสลัด เจอสมบัติ เจอวังน้ำวนบ้างมั้ย? เล่าให้ข้าฟังบ้างสิ”

“เจอแน่นอน แม้แต่เผ่าเงือกข้าก็เคยเห็นมาแล้ว งั้นคืนนี้ข้าจะค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟังที่สวนดีมั้ย...”


นี่ล่ะ บทสนทนาที่คนอื่นฟังแล้วโล่งอกหากแต่ตัวฮีโรร่าเองแล้วกลับเริ่มหนักใจมากขึ้นทุกวันๆ ทุกครั้งที่เจอหน้าก็ว่าจะไม่คุยด้วยจะวางท่าแล้ว แต่พอได้คุยกันทีไรกลับหลุดยาวทุกครั้งไป ก็ยอมรับล่ะว่าอยู่กับเจ้าชายนั่นแล้วมันสนุกเพราะได้ยินเรื่องผจญภัยไม่เว้นแต่ละวัน แต่พอสุดท้ายกลับต้องมานั่งด่าตัวเอง

นั่นมันคือคนที่เจ้าต้องแต่งงานด้วยในอีกไม่กี่วันนะฮีโรร่า!

ถ้าไม่ติดเรื่องนี้...แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้นคงเป็นเพื่อนกันได้อย่างสนิทใจ ทุกวันที่ใกล้ชิดมันก็เหมือนจะมีบางอย่างที่มันน่ากลัวแปลกๆ เกิดขึ้นในใจทุกครั้ง

เจ้าสิ่งนั้นมันคอยสะกิดใจว่าความรู้สึกนี้มันอันตรายต่อปณิธานอันแรงกล้าของตัวเองอย่างที่สุด!


เมื่อเหลืออีกสามวันก็จะถึงวันแต่งงานผนวกกับการรำคาญตัวเองทำให้เจ้าหญิงต้องเรียกประชุมพลที่ห้องเพราะเพราะถ้าไม่ต้องออกไปพาเจ้าชายเที่ยวแล้วพระราชาก็สั่งให้องครักษ์คอยดูแลเจ้าหญิงตลอดเวลา ดังนั้นเลยต้องเปลี่ยนสถานที่เพื่อไม่ให้ใครรู้เรื่องด้วย

และสุดท้ายในท้ายสุด ที่ประชุมก็ได้ข้อตกลง(ที่เจ้าหญิงคิดเองเออเอง)คือยังไงวันนี้ก็ต้องหนีไปก่อนให้ได้ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง กองทัพทั้งสามที่ขัดไม่ได้จึงต้องยอมตามใจเธอ ซีอาที่ปลอมเป็นฮีโรร่าก็ขึ้นไปนอนที่เตียงแทนส่วนแมกซ์ก็ถูกสั่งให้ไปเฝ้าดูเส้นทางและช่วยโกหกว่าเจ้าหญิงหลับ และมิคกี้ก็ช่วยออกไปดูต้นทางข้างนอกวังให้

ด้วยความแก่นแก้วปีนนั่นปีนนี่เก่งเป็นทุนเดิม เชือกยาวๆ ที่เจ้าชายแมกซ์ไปแอบขโมยมาให้ก็ถูกปล่อยลงจากหน้าต่างห้องเจ้าหญิง ในแสงจันทร์สีขาวนวลยามวิกาลที่มีเสียงกบร้องดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าปลอดคนแล้วก็ปรากฎร่างเจ้าหญิงที่ค่อยๆ ไต่เชือกปีนลงไปอย่างชำนาญ

ไอ้การไต่เชือกจากที่สูงๆ นี่มันไม่ยากเกินความสามารถของฮีโรร่าหรอกถ้าจะไม่ได้ยินเสียงทุ้มๆ ตอนใกล้จะถึงพื้นแล้วเชือกยาวไม่พอนี่สิ

แมกซ์นะแมกซ์ นี่คิดจะให้พี่สาวเจ้ากระโดดลงไปจริงๆ เรอะ! ถึงมันไม่สูงแต่ถ้าแข้งขาข้าหักขึ้นมาจะทำไง!

“ให้ข้าช่วยรับลงมามั้ย?”

“ก็ดีนะมิ.......เอ๊ะ!” ชั่วแวบแรกแอบคิดจริงๆ ว่าเป็นเจ้ากบกวนประสาทมาช่วยแต่แวบต่อมาคือกบตัวเท่ากำปั้นจะรับน้ำหนักตัวเองไหวได้ไง และพอแวบที่สามก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้วเมื่อเอวเล็กๆ ของตัวเองโดนคนถามตวัดขึ้นมาอุ้มพาดบ่าเลย!

“เจ้า!”

ประกายตาฉุนจัดก้มลงไปมองคนที่ถือวิสาสะอุ้มตัวเองอย่างโกรธเคืองแต่หากพอสบกับดวงตากลมเรียวที่จ้องขึ้นมาแล้วก็สะอึกจนพูดอะไรไม่ออก

เคยเห็นแต่ดวงตานั้นยิ้มให้...พอต้องจ้องกับประกายคมกร้าวที่มองมาอย่างโกรธจัดกลับน่ากลัวจนต้องหลบตา!

“ไม่คิดเลยว่าเจ้าหญิงคู่หมั้นจะรู้ใจข้าและคิดถึงข้าเช่นกัน...”น้ำเสียงล้อเลียนในยามนี้ก็สนิทกันจนพอมองออกว่าคนตรงหน้ากำลังโกรธจริง “หากเซซิลไม่มาบอกข้าคงไม่รู้ว่าท่านเปลี่ยนที่นัดอย่างกะทันหันเยี่ยงนี้”

เหยี่ยวที่บินวนไปมาเหนือหัวก่อนจะเกาะลงบนรูปปั้นเทวดาและจ้องตรงมาไม่ไกลนักก็บอกได้ดีว่าการเคลื่อนไหวทุกอย่างอยู่ภายใต้การรับรู้ของคนตรงหน้าทั้งหมด!

“ท่านน่าจะให้รางวัลที่ข้ามาหาท่านถูกที่ถูกเวลาหน่อยนะเจ้าหญิง!”

เสียงเอ่ยอย่างเย็นเยียบไม่น่ากลัวเท่ากับการที่แผ่นหลังโดนผลักให้แนบชิดกับผนังอิฐเย็นเฉียบและการที่ปากหยักแนบลงมาอย่างไม่ให้ตั้งตัว!

“อื้อ!”

จูบที่บดคลึงอย่างเอาแต่ใจก็จงใจเน้นย้ำกับกลีบปากแดงอย่างรุนแรงเหมือนจะลงโทษในตอนแรก แต่พอการต่อต้านเริ่มผ่อนลงเพราะคนถูกจูบกำลังหมดแรงและหมดลมหายใจ จูบนั้นก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นแผ่วเบาเว้าหวานซะจนตัวสั่น ฝ่ามืออุ่นลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังก่อนจะเลื่อนหนักๆ ลงไปที่สะโพก กดลง....เพื่อดันให้เข้ามาแนบชิดจนรับรู้ถึงความร้อนรุ่มก็ทำเอาฮีโรร่าทั้งหวาดกลัวและแทบสำลักกับสัมผัสและจูบที่ทำให้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้!

จนสุดท้ายเมื่อปากหยักนั้นผละขึ้นมาหลังจากขโมยความหอมหวานจนพอใจและกระซิบติดกับปากแดงจัดบวมเป่งทันตานั่นล่ะ

“ถ้าวันต่อมาเจ้าหญิงยังทำตัวน่ารักแบบนี้ล่ะก็...” จากที่สั่นเพราะสัมผัสตอนนี้กลับกลายเป็นสั่นเพราะความกลัวอะไรซักอย่างจากคำพูดและแววตาจากคนตรงหน้า

“ข้าคงอดทนถึงคืนแต่งงานของเราไม่ไหวแน่!”


นั่นล่ะประโยคที่ทำให้แผนการที่คิดจะหนีชั่วคราวต้องถูกพับเก็บไป!


...


..


“ข้าควรจะทำยังไงดีเนี่ย...เฮ้อ....”

แล้ววันนี้เจ้าหญิงก็ต้องมานั่งทำท่าเซ็งๆ อย่างเคย ถึงแม้คืนนั้นจะกลัวและคิดว่าเจ้าชายบ้านั่นจะโกรธแต่วันต่อมาที่เจอหน้าก็ยังทำหน้าปกติยังพูดคุยและทำให้คุยด้วยได้อย่างเกินปกติด้วยซ้ำ

แต่นั่นมันกลับยิ่งทำให้น่ากลัวเข้าไปใหญ่น่ะสิ!

“...ข้าควรจะทำยังไงดีซีอา?”

คนถูกถามก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน เมื่อมองไปอีกสองคนก็ไม่มีทีท่าจะช่วยตอบเทวดาน้อยเลยได้แต่ถามกลับอย่างกลัวๆ

“แล้วฮีโรร่าไม่อยากแต่งกะเจ้าชายยูโนว์เหรอ? ฮีโรร่าไม่ชอบเจ้าชายเหรอก็เห็นคุยกันดีนี่นา”

แต่ประโยคถามกลับนี้กลับยิ่งทำให้เจ้าหญิงคิดหนัก!

เพราะไม่ได้เกลียดน่ะสิเลยไม่รู้จะลงมือแรงๆ ยังไง แถมการที่เจ้าชายนั่นเก่งรอบด้านก็น่าคบเป็นเพื่อนมากกว่าจะทำเป็นไม่รู้จัก จะได้ให้ช่วยพาเที่ยว แต่ถ้าถามว่าอยากแต่งงานมั้ย?

ไม่อยาก!

“เฮ้อ...ทำไมมันปวดหัวงี้น้า...ถ้าไม่ต้องเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะดีแท้ๆ”

คิดไปพลางก็แทบจะเกาหัวแบบไม่รักษาภาพพจน์ไปพลาง แต่บางอย่างที่พูดเองทำให้คิดอะไรออก

ถ้าไม่ต้องเจอกันในรูปแบบนี้?

“มิคกี้”

เสียงเรียกที่คนเรียกหันไปมองอย่างจริงจังทำให้คนถูกเรียกที่นั่งหมิ่นๆ กับขอบหน้าต่างเหลียวหันมามองอย่างสนใจ แต่แล้วคำถามที่ออกมาจากปากเจ้าหญิงกลับทำให้สองคนในที่นี้ชะงักกึก!

“ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นกบล่ะ?”


บรรยากาศรอบข้างพลันเงียบสนิททันที!


แล้วท่ามกลางความฉงนของสองพี่น้อง...ใบหน้าหล่อเหลาของคนถูกถามก็ค่อยๆ ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มที่ทั้งเศร้าและอ่อนโยน

“ข้าก็แค่....อาจเอื้อมไปหน่อย...” ตอบก็จริงแต่ตอนตอบกลับเบนรอยยิ้มอ่อนหวานนั้นไปมองหน้าเทวดาน้อยที่ลอยอยู่ข้างกาย ใบหน้าน่ารักแดงจัดที่ก้มงุดแทบจะไม่เงยขึ้นไปสบตาด้วยด้วยซ้ำ “...เลยถูกพระเจ้าทำโทษน่ะ”

มีบางสิ่งที่พวกเราไม่รู้จริงๆ ด้วย!


แต่บรรยากาศแปลกๆ ที่ห่อหุ้มสองคนนั้นเอาไว้ทำให้เจ้าหญิงผู้ใจร้อนกลับไม่กล้าถาม ดวงตาดำขลับจ้องคนทั้งคู่นิ่งๆ ซักพักก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างตัดสินใจเด็ดขาด

“ซีอา.....จำพรที่ข้าสามารถขอจากเจ้าพรนึงได้มั้ย?”

“อ่ะ....อืม...จำได้สิ” รีบปั้นหน้าให้ปกติตอนเงยขึ้นไปตอบแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าคนข้างๆ กำลังจ้องตัวเองด้วยสีหน้าเช่นไร “ทำไมเหรอฮีโรร่า?”

“ถ้าข้าจะขอมันตอนนี้ เจ้าให้ข้าได้มั้ย?”

“ตอนนี้เลยเหรอ! แต่...มันจะดีเหรอฮีโรร่า”

“ไม่มีตอนไหนเหมาะสมเท่าตอนนี้หรอกซีอา แล้วหลังจากนี้พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องมาลำบากกับเรื่องของข้าอีกต่อไปไง น่าจะเป็นทางออกที่ลงตัวสำหรับทุกคนแล้ว”

ใบหน้าน่ารักนั้นยังมีแววลำบากใจ แต่เมื่อเห็นประกายตาเด็ดเดี่ยวเอาจริงแล้วเทวดาน้อยก็ได้แต่ถอนหายใจแผ่วเบา ไม้กายสิทธิ์ปรากฎกายขึ้นในมือเล็กก่อนเจ้าตัวจะโบกสะบัดเหนือร่างสวยๆ ตรงหน้า แสงสว่างที่พร่างพรายลงบนร่างบางก็สว่างวูบจนแสบตาก่อนที่มันจะค่อยๆ พร่าเลือนไปเมื่อพรหนึ่งประการนั้นสัมฤทธิ์ผล


บางสิ่งบางอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว!


...

...

...

ปุ้ง! ปุ้ง! ปุ้ง!

และแล้ววันแต่งงานของเจ้าชายยูโนว์และเจ้าหญิงฮีโรร่าก็มาถึง ทั้งเมืองหยุดงานทุกสิ่งอย่างเพื่อเฉลิมฉลองให้กับพิธีอันทรงเกียรตินี้ เสียงหัวเราะและเสียงอวยพรดังก้องไปทั่วท้องถนนที่รถม้าบ่าวสาวขับผ่านเพื่อทักทายชาวเมือง งานรื่นเริงดำเนินไปสามวันสามคืนและต่างก็มีทูติจากต่างแดนนำของมาอวยพรไม่หยุดหย่อน ไม่เว้นแม้แต่กษัตริย์และราชินีแห่งไบเซนทาวน์ที่มาร่วมงานแต่งของลูกชายคนโตอย่างเบิกบานด้วย เจ้าหญิงเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าการแค่อยู่เฉยๆ และต้องเปลี่ยนชุดวันละกี่รอบจำไม่ได้เพื่อรับแขกและเข้าพิธีนู่นนี่จะเหนื่อยแทบตายขนาดนี้

ได้พักจริงๆ ก็คืนที่สามที่พิธีทุกอย่างเหลือแค่สิ่งเดียวนั่นล่ะ

คืนส่งตัวนั่นเอง


“แมร่งงงง...เหนื่อยเป็นบ้า คอยดูนะทั้งชีวิตข้าจะไม่แต่งงานอีกแล้วคอยดู!”

เสียงเอ่ยจากคนที่ทรุดตัวลงไปนั่งแหมะกับชุดเก้าอี้พาให้อีกคนในห้องต้องหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู แต่เสียงทุ้มจริงจังที่เอ่ยตอบกลับมาทำเอาคนที่หมอบหน้าซบพนักเก้าอี้ต้องหน้าร้อนวูบ

“ข้าก็คงไม่ยอมให้เจ้าแต่งเป็นครั้งที่สองแน่!”

คำพูดนั้นทำให้เพิ่งสำนึกได้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องตามลำพังกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสวามี !

ไม่เอาน่า ไม่ต้องกลัวสิ ถ้าบอกเจ้านี่ ‘เรื่องนั้น’ ก็ไม่เห็นมีสิ่งที่จะน่ากลัวซักนิด

ไม่น่ากลัวหรอกน่าฮีโรร่า


“คือ....คือ....ยูโนว์....คือ....ข้าน่ะ....คือ.....”

“หืม?”

ยังเรียบเรียงไม่ทันจะได้จบประโยคดีเสียงเอ่ยใกล้ๆ กลับทำเอาเจ้าหญิงแทบสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่เท้าแขนลงมาคร่อมพนักเก้าอี้ก็พาหัวใจให้มันกระตุกจนจะเจ็บแล้ว แต่คนตรงหน้าที่ดึงผ้าผูกคอทิ้งก็ถอดเสื้อนอกสองสามตัวของตัวเองพาดไว้บนเก้าอี้ข้างๆ แถมสายร้อยที่รัดตรงหน้าอกก็ถูกดึงหลุดออกไปเกือบครึ่งเผยแผ่นอกกว้างต่อหน้าต่อตาอย่างไม่สะทกสะท้านเลย

ไมมันถอดได้เร็วอย่างนี้วะแมร่ง!

“เจ้าคงเหนื่อย....” พูดด้วยดวงตาคมกริบที่จ้องมาอย่างสะกดนิ่งๆ พร้อมๆ กับยื่นนิ้วยาวเรียวมาเกี่ยวโบว์ที่ผูกที่คอออกให้ “...ให้ข้าช่วยอาบน้ำให้มั้ย?”

หน้ามันร้อนจัดจนต้องลุกขยับถอยหนีทันที!

“คือ...ยูโนว์คือ....ข้ามีเรื่องต้องบอกเจ้าก่อน...”

พูดไปก็แทบจะถอยหลังไปเพราะร่างสูงๆ ยังก้าวตามมานิ่งๆ แบบไม่รีบ แต่ทำไมไม่รู้มันกลับเหมือนท่าที่สิงโตจ้องจะตะครุบเหยื่อยังไงยังงั้นเลย!

“..อาบไปคุยไปก็ได้นี่...นางกำนัลคงเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้ให้เราแล้ว...ให้ข้าถอดเสื้อให้นะ”

แมร่งงงง ไมมันต้องรุกขนาดนี้ด้วยวะ!

“คือ...เดี๋ยวสิ...อย่าเพิ่งเข้าม๊า ข้าไม่อาบน้ำตอนนี้ ให้ข้าพูดก่อน...”

“...จะทำก่อนอาบน้ำเหรอ? เอางั้นก็ได้ข้าไม่ถืออยู่แล้ว”

คำพูดสองแง่สามง่ามนั่นเล่นเอาตาสวยๆ เขียวปั๊ด แต่เพราะการที่อายจนฉุนนิดๆ นั่นแหละฮีโรร่าเลยมีแรงจะพูดเรื่องที่อยากพูดซักที

“ข้าบอกให้หยุดตรงนั้นไงเล่าเจ้าหูหนวกรึไง! ข้ามีเรื่องจะพูดด้วยก็ให้ข้าพูดก่อนสิ!”

เพราะแกล้งไล่ต้อนลูกแมวน้อยจนเหลืออดและขู่ฟ่อกลับมาได้ทำให้เจ้าชายหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจ แต่ร่างสูงก็ยอมหยุดจริงก่อนจะกอดอกจ้องคนตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี

คราวนี้จะมาไม้ไหนอีกล่ะ?

“ว่าไปสิ”

“คือว่า....ข้ามีเรื่องจะบอกเจ้า....” ทำไมพอถูกจ้องอย่างเอาจริงเอาจังขนาดนี้ถึงประหม่าได้นะ “คือว่า...ข้าน่ะ....จริงๆ แล้วข้าน่ะ....”

พูดไปคนพูดก็แทบจะขยุ้มชายเสื้อตัวเองไป พอถูกมองเอาๆ อย่างนี้มันทำอะไรไม่ถูกเลย แล้วไอ้ที่จะทำมันจะทำได้มั้ยฮีโรร่า!

“...คือจริงๆ แล้วข้าไม่ได้ชื่อฮีโรร่าหรอก...จริงๆ ตอนเกิดน่ะข้าชื่อฮีโร่”

นอกจากคนพูดแล้วคงเป็นกองทัพอีกสามคนที่เกาะประตูแอบฟังนั่นล่ะถึงรู้ว่าโกหกทั้งเพ!

“....แต่เพราะ...ท่านพ่อเคยทำสัญญากับปีศาจ...ว่าถ้าลูกคนแรกเป็นผู้ชายจะต้องยกให้ปีศาจเพื่อตอบแทนที่ช่วยชีวิต” ต้องขอบคุณนิทานผจญภัยที่เจ้าหญิงชอบอ่านนักถึงได้เรื่องนี้มา “ท่านก็เลยต้องทำการปกปิดเพศลูกคนแรกน่ะเพื่อไม่ให้ปีศาจมาเอาไป”

มือเรียวยังกำชายเสื้อแน่นเมื่อหลบตาคนตรงหน้าที่ยังจ้องมาอย่างเอาจริงในขณะที่แกล้งทำท่ารันทดได้สมบทบาทนัก

“แล้วพอลูกคนแรกนั้นโตขึ้นก็มีเจ้าชายเมืองอื่นมาขอแต่งงาน ท่านพ่อก็กลุ้มหนักเพราะกลัวว่าสุดท้ายความจริงอาจเปิดเผย”

หากร้องไห้ได้ตอนนี้ฮีโรร่าก็คงร้องเพื่อประกอบการแสดงไปแล้ว

“ท่านก็เลย...ก็เลย...ให้ลูกชายแกล้งหลับเพื่อปฏิเสธคำขอแต่งงานไงล่ะ แล้วลูกชายคนแรกที่ว่านั่น....” สูดลมหายใจลึกอย่างให้กำลังใจตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย มือเรียวที่กำชายเสื้อแน่นก็ดึงมันขึ้นออกจากตัวทันที


“...ก็คือข้าเอง!”


แผ่นอกขาวเนียนที่แบนราบตรงหน้าทำเอาคนมองแทบตะลึง!


“จริงๆ ท่านพ่อก็ไม่ได้ดีใจที่เจ้าผ่านองครักษ์ที่ท่านให้มาเฝ้าข้าขึ้นไป...เอ่อ...ทำให้ข้าฟื้นได้หรอก...” หน้าหวานที่หลบตาอยู่นั้นแดงนิดเมื่อนึกถึงตอนที่ถูกทำให้จำต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ผิวแดงเริ่มจากหน้าก่อนจะลามเลียไปทั่วลำคอจนถึงอกเนียนจางๆ

“แต่เพราะท่านไม่รู้จะแก้ยังไงเลยต้องเลยตามเลย และท่านคิดว่าเจ้าคงเป็นคนดีพอที่จะไม่เอาเรื่องข้าไปประจาน...” เสื้อในมือถูกยกมาทำท่าซับน้ำตาอย่างระทม “..ท่านก็เลยเสี่ยงให้ข้าแต่งงานกับเจ้าเพื่อกันคนสงสัยเพื่อตัวข้า อา...ท่านพ่อช่างน่าสงสารเหลือเกิน ฮือๆ”

เพราะไม่กล้ามองเลยไม่รู้ว่าอีกคนทำหน้ายังไงเมื่อฮีโรร่าแกล้งยกผ้ามาซับน้ำตาอย่างเสแสร้ง แต่อาการนิ่งเงียบที่น่าจะมาจากความอึ้งกลับทำให้ร่างเล็กพอใจพอๆ กับความรู้สึกผิดหวังบางอย่างที่ค่อยๆ แทรกขึ้นมา

ถ้าเจ้าชายนี่เชื่อก็ดีแล้วสิ ทำไมข้าต้องรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ อย่างนี้ด้วยนะ!

ข้าไม่ได้ตัดสินใจอะไรผิดสักหน่อย!

“ถ้างั้นคนที่เฝ้าด่านพวกนั้นก็คือคนของพ่อเจ้าอย่างนั้นใช่มั้ย?”

คำเอ่ยถามที่ทำลายความเงียบเรียกการพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา

เชื่อก็ดีแล้ว ทุกอย่างมันย้อนกลับไม่ได้แล้ว ถ้าอยู่ในเพศนี้ก็จะได้เป็นแค่เพื่อนกันไงล่ะ

แค่เพื่อน?

“และที่เจ้าจะหนีก็เพราะกลัวว่าข้าจะรู้เรื่องและเอาไปบอกทุกคนทำให้ปีศาจมาจับตัวเจ้าไปใช่มั้ย?”

ต้องไม่รู้สึกอย่างนี้สิ ทำไมข้าต้องคิดว่าไม่น่าจะทำอย่างนี้ด้วยนะ!

เป้าหมายเจ้าคือกัปตันซินแบดนะฮีโรร่า เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว!

“งั้นก็แปลว่าเจ้าหนีเพราะกลัวปีศาจไม่ได้หนีเพราะเกลียดข้าอย่างนั้นใช่มั้ย?”

ถามแปลกๆ แต่ก็จำต้องพยักหน้ารับ และทำเป็นเอ่ยอย่างมีน้ำใจ

“อ่ะ...อื้อ แต่เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกนะ พอเรื่องซาข้าก็จะแกล้งทำเป็นตายหรืออะไรก็ได้เปิดทางให้เจ้าแต่งงานใหม่ได้แน่ หรือเจ้าจะไปมีใครระหว่างที่เรายังอยู่ด้วยกันก็ได้ เพื่อตอบแทนน้ำใจเจ้าข้าจะทำเป็นไม่รู้เรื่อง ไม่ถือ”

ไม่ถือจริงเหรอ?

ทำไมพอคิดว่าตัวเองต้องดูเจ้าชายบ้านี่ไปยิ้มอย่างที่เคยยิ้มให้กับผู้หญิงอื่นแล้วมันต้องรู้สึกหงุดหงิดด้วยนะ คงแค่หวงเพื่อนล่ะน่า แค่หวง....

“เจ้าไม่คิดอะไรจริงๆ น่ะเหรอ!”

กำลังจิตตกกับอะไรซักอย่างได้ที่ก็ต้องตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นมามองเห็นอีกคนก้าวมาจนจะชิดแล้ว อารามตกใจทำให้ขาเรียวเผลอก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัวและก็ชนเข้ากับปลายเตียงก่อนจะเสียหลักทรุดลงไปนั่งแหมะเปิดโอกาสให้อีกคนจับไหล่บางกดลงกับที่นอนอย่างฉวยโอกาสเต็มที่!

“แม้ข้าจะมีคนอื่นเจ้าก็จะไม่รู้สึกอะไรจริงๆ น่ะเหรอฮีโรร่า!”

ไม่เข้าใจเลยว่าคนตรงหน้าโกรธเรื่องอะไร เสียงใสเลยตอบกลับไปพร้อมกับแววตาฉงน

“ก็...เจ้าน่าจะต้องการอย่างนั้นนี่นา ข้าจะช่วยไกล่เกลี่ยให้ก็ได้ว่าข้าเป็นแค่เพื่อนไม่ใช่...”

“เจ้าไม่ใช่เพื่อนข้า!”

เสียงทุ้มตวาดพร้อมกับแววตาน่ากลัวเหมือนคืนที่คิดหนีไม่ผิดเพี้ยน อะไรซักอย่างทำให้ร่างเล็กเริ่มดิ้นรนจะหนีอีกครั้งแต่ถอยไปชนหัวเตียงก็แล้วก็ถูกมือใหญ่ยึดตัวเอาไว้ได้อยู่ดี ทั้งๆ ที่ตอนอาบน้ำก็มีคนช่วยอาบตั้งแต่เด็กและการที่อยู่ในร่างนี้น่าจะทำให้เลิกอายแต่ทำไมสายตาคมกริบที่เลื่อนไปทั่วหน้าก่อนจะเลื่อนลงมาตามลำคอและแผ่นอกเนียนมันกลับทำให้หน้าร้อนเป็นริ้วๆ ได้

หน้ายังกับตอนที่จ้องเอาๆ เหมือนตอนกินข้าวนั่นไม่เปลี่ยนเลย!

“ข้าไม่ยอมให้เจ้าแต่งงานเป็นครั้งที่สองและข้าเองก็จะทำเหมือนกัน....” ผ้าที่เหลือเกะกะพอปิดตัวถูกดึงออกและขว้างอย่างส่งๆ ทิ้งไป ความกลัวบางอย่างที่แทรกขึ้นมาทำเอามือเล็กพยายามจะคว้าผ้าห่มมาปิดแต่ข้อมือทั้งคู่ก็ถูกจับและกดลงกับที่นอนอีกครั้งพร้อมๆ กับร่างกายสูงใหญ่ที่ทาบทับลงมาก็สกัดกั้นการดิ้นรนทุกทาง

“...ตั้งแต่เจอเจ้าข้าก็ไม่เคยคิดจะแต่งกับใครอื่นอีกแล้วฮีโรร่า!”

“เอ๋...ทำไม...เอ๊ะ...เจ้าจะทำอะไรน่ะ ข้าเป็นชายนะ เจ้าบ้า นี่เจ้าลืมตาดูชัดๆ สิ!”

“ข้าก็จะบอกให้เจ้ารู้ไงว่าแค่เพื่อนกันน่ะเค้าไม่ทำอย่างนี้หรอก และข้าก็ไม่รู้สึกกับเจ้าแค่นั้นด้วย...จะชายหรือหญิงยังไงเราก็แต่งงานกันแล้วและเจ้าก็เป็นชายาข้าแล้ว ข้าเป็นของเจ้าพอๆ กับที่เจ้าต้องเป็นของข้า!”

สิ้นคำเอ่ย เสียงห้ามก็กลืนหายไปในลำคอขาวใสเพราะถูกจูบอย่างหนักหน่วงทันที!


แล้วเสียงจากนั้นคือเสียงประท้วงสลับกับเสียงครางแปลกๆ ที่ดังลอดออกมาก็ทำให้กองทัพทั้งสามที่อยู่นอกประตูต้องหน้าแดงไปตามๆ กัน แม้จะเริ่มต้นด้วยความตกใจปนตั้งตัวไม่ติดแต่ในที่สุดเสียงบทสนทนาที่คุ้นเคยก็ยังดังมาให้ได้ยินอยู่ดี

“อึก...อื้อ...ยะ...ใครใช้เจ้าทำอย่างนั้...อื้อ! อา...ปล่อย...”

“เจ้าเป็นชายประสาอะไรถึงไม่รู้ว่านี่มันเรื่องปกติ อย่าเกร็งนะ ไม่มีอะไรที่น่ากลัวเลย”

“มะ...ข้าไม่....อึก!”

“เจ้าต้องทำตัวให้สมชายสิ เอามือออกนะฮีโรร่า”

“...อ้ะ...ข้าต้องทำอย่างนั้นด้วยเหรอ...อา...”

“ถูกแล้ว....เจ้าต้องยกสะโพกด้วย...ว่าง่ายๆ แล้วข้าพาเจ้าไปเยี่ยมท่านตาข้านะ...”

“...อื้อ...มัน....เจ้าต้องรักษาสัญญานะ... ตรงนั้น....”

“...แน่นอน...ทนนิดนะฮีโรร่า...เจ้าช่างงามเหลือเกิน”

“หล่อ!”

“ขอรับท่านชาย...หล่อก็ได้...ไม่เกร็งนะ...”

“ยะ...อ้ะ....”

และไม่ต้องรอให้เสียงท้วงนั้นหายไปเมื่อฝ่ามือใหญ่ตวัดทีเดียวประตูหนาหนักนั้นก็ปิดสนิทแถมล็อคตัวเองอัตโนมัติด้วย ทิ้งให้สามคนที่ตามมาจะดูแลต้องมองหน้ากันก่อนจะหลบไปคนละทางสองทาง

ดูท่าเจ้าหญิงฮีโรร่าคงหนีไม่พ้นอีกแล้ว และดูๆ ไปเจ้าชายนี่ก็ไม่เลวนักหรอก ทั้งขู่ทั้งปลอบหลอกล่อเจ้าหญิงแสนดื้อจนต้องยอมอ่อนตามได้แบบนี้

และที่สำคัญที่สุด...เพศที่เปลี่ยนแปลงแต่ความตั้งใจกลับยังมั่นคงมันก็ยืนยันบางอย่างได้ดี


ข้าคงไม่ต้องห่วงท่านแล้วมั้งท่านพี่




The End



..



..


..



“...ข้าจะออกทะเลนะ...อ้ะ....ห้ามเจ้ามาห้ามข้าด้วย...อื้อ....มันเจ็บ...”

“ได้แน่นอนอยู่แล้ว แต่ข้าจะอยู่ข้างๆ เจ้าในทะเลเอง....ยกสะโพกอีกนิดนะฮีโรร่าจะได้ไม่เจ็บนะ...”

“..อ๊า!....ยะ...ช้า....ข้าจะ...อ้ะ....ข้าจะเป็นกัปตันเรือ!....อึก....อื้อ..ยะ...มันเร็ว....”

“ข้าให้เจ้าเป็นกัปตันเรือแน่นอนถ้าเจ้าจะยอมว่าง่ายๆ กับข้าแค่คนเดียว หมดเวลาคุยแล้วเด็กดี....พร้อมนะ....”

“...ฮึก...ข้าจะไปหาสมบัติ...อ้ะ...สู้กับปีศาจ...”

“ข้าจะพาไปเอง ไม่คุยแล้วนะ...อย่าเกร็งสิ...”

“...ข้าจะเป็นซินแบด...อา...ออกทะเล....อื้อ...อีก....”

“...อย่างนั้น...เราจะไปด้วยกันนะชายาข้า...ดีแล้ว...อย่างนั้นแหละ...”

“....อา....”



ดูท่าเจ้าชายอดีตเจ้าหญิงองค์นี้คงถูกปราบจนไม่น่าห่วงแล้วเหมือนกับที่เจ้าชายแมกซ์คิดจริงๆ ซะกระมัง



Real End



Create Date : 14 มกราคม 2552
Last Update : 14 มกราคม 2552 22:57:00 น. 0 comments
Counter : 143 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ryoshin
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ryoshin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.