Group Blog
 
All blogs
 

ว่าแล้วก็ได้เรื่อง ก็มันกะไม่ถูกนิ

ครั้งที่แล้วเคยเขียนเล่าไปแล้วว่าแฟนสอนแกมบังคับให้ขับรถ แล้วก็เจอเรื่องจนได้ค่ะ ประมาณว่ากะไม่ถูกล้อแม็กก็เลยไปขูดขอบถนน ทำใจอยู่นานกว่าจะเดินไปบอกเขา ตอนฝึกก็ให้เราขับคันเล็กแล้วเอาคันใหญ่มาให้ขับอีกแล้วผิดก็รู้ เสียใจอยู่แต่ทำไงละวะ ก็บอกแล้วว่ายังไม่พร้อมก้อมาคะยั้นคะยอเราอยู่นั่นละ 555 เปนใงละได้เรื่องเลย แต่ก็ดีที่เขาไม่โกรธแล้วก็ไม่ดุ พอทิมไปเล่าให้แม่กะพ่อเค้าฟังเรา ยิ่งขำใหญ่เลยพ่อกะแม่เค้าไม่เข้าข้างลูกเขาเลย เขาบอกเราว่ารถทิมนะมันไม่ปกติแล้วเขาก็พาเราไปดูรถเขากะรถHetty ที่ยางยื่นออกมามากกว่า แม็กแต่รถทิมนะแม็กมันยื่นออกมาเท่าๆกะยางเวลาขับแล้วเฉียดอะไรนิดหน่อยก็ไม่ได้ สรุปพ่อกะแม่เค้าพยายามทำให้เรารู้สึกว่าไม่ผิดมากหงะเราคิดว่างั้น ทิมเลยโดนดุเลย ฮุฮุ
แต่เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเราถึงเกร็งและเครียดมันขับแบบไม่มีความสุขเลยหงะ ทั้งๆที่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราขับรถเพราะตอนอยู่เมืองไทยเราก็ขับรถขึ้นเหนือเองตลอดทั้งกระบะและเก่ง กระบะก็ไม่ใช่คันเล็ก (แบบว่าเอาไว้ขับขึนเขาหงะ)แต่ทำไมมันรู้สึกย้ากยากจัง วันพรุ่งนี้แฟนเลยให้ไปเรียนขับรถกะทางโรงเรียนเลย ตอนนี้เลยกลัวจะคุยกะอาจารย์ไม่รู้เรื่องภาษาดัตช์ไม่กระดิก ภาษาอังกฤษก็ถูๆไถๆ ดีนะยังพูดไทยได้ไม่ผิดเพี้ยน ไม่งั้นคงรู้สึกแย่ยิ่งกว่านี้หงะ 555




 

Create Date : 01 ตุลาคม 2551    
Last Update : 1 ตุลาคม 2551 2:05:58 น.
Counter : 312 Pageviews.  

ขับรถวันแรกขำขำ ต่างเมือง แตกต่างทาง

เพิ่งมายังไม่ถึงอาทิตย์ พ่อคุณก็คะยั้นคะยอให้ออกไปขับรถเล่นเพราะอากาศข้างนอกนั้นแสนเป็นใจแดดอ่อนๆอบอุ่นเหลือเกิน แต่จะรู้ไหมว่ามันต่างบ้านต่างเมือง มันไม่ใช่บ้านเมืองที่ฉันเคยขับนะแล้วก็ไม่ใช่รถที่ฉันเคยใช้ ในใจมันสั่นเพราะกลัวทำให้เค้าเกิดอุบัติเหตุ แต่ด้วยความที่พ่อคุณต้องการให้เราเคยชินและสามารถไปไหนมาไหนได้เอง ด้วยแรงคะยั้นคะยอแกมบังคับพร้อมทั้งมอบกุญแจยัดเข้าในมือเรา จึงปฏิเสธไม่ได้ ด้วยความที่อยากให้เราขับได้ง่ายๆสบายใจ Tim เลยให้ขับปอร์เช่คันรักคันหวงของตัวเองเพราะเป็นเกียร์ออโต้ตกใจสุดขีด ตายละหว่า ดันเป็นคันโปรดที่แกหวงสุด แล้วมาให้ขับไมหว่า อยู่ไทยขับเลนส์ซ้ายตลอดแล้วจะรอดไหมมาขับเลนส์ขวา งงงงงง รู้สึกแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกจะไปทางไหนบางทีก็สับสน ถนนก็แคบๆเพราะเป็นแถวชานเมืองรถจักรยานก็เยอะ เลยเผลอขับขึ้นฟุตบาทและทางหญ้าข้างทาง Tim หัวเราะตลอดทาง แต่เราเกร็งตลอดเวลาชั่งไม่รู้ความทุกร้อนของคนอื่นเลยนะ
แวะเข้าไปเที่ยวหา Jerry พี่ชายและพี่สะใภ้ แล้ว Tim ก็บอกว่าอยากลองเปลี่ยนเป็นเกียร์ธรรมดาไหม แล้วจึงชี้ให้ดูว่านั่นไง รถของเธอ รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเพราะเป็นรถที่ถูกใจเราตรงที่คันเล็กๆเหมาะกับการขับและจอดได้ง่ายและไม่ต้องกังวลอีกต่อไป โปโล โฟก สีฟ้า อืม




 

Create Date : 10 กันยายน 2551    
Last Update : 10 กันยายน 2551 19:42:02 น.
Counter : 373 Pageviews.  

ถึงแล้ว Holland in summer

9 โมง 45 นาที วันที่ 2 กันยยายน 2008 ถึงพื้นดินของ Holland แล้ว หลังจากที่ทำเรื่องและรอคอยผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมายก็ถึงสะที เฮ้อ กว่าจะเสร็จเรื่องเสร็จราวนะเนี่ยมาถึงวันแรก Tim ,Martin และ Hetty มาพร้อมกับดอกไม้ดอกทานตะวันช่อใหญ่แล้วจึงนั่งพักกันก่อนเดินทางไป Deventer เพื่อกินข้าวกันที่ร้านอากาศไม่ค่อยเป็นใจเลยให้ตายฝนตกมาปรอยๆ เมื่อออกจากสนามบินก็ได้เห็นกับอากาศที่เริ่มสดใสและดอกไม้ที่เบิกบานหลากหลายสีซึ่งเรามากี่ครึ้งก็ไม่เคยเห็นเลยสักครั้ง อิอิ ก็ดันมาแต่ช่วงหน้าหนาวไงเลยม่ายเห็นไรเห็นแต่ต้นไม้ไม่มีใบ เหมือนกะจะตายยังงั้นแหละ ไปถึงร้าน ot & sien ก็เกือบเที่ยงแล้ว ร้านเปาลี่ยนแปลงไปเยอะมากตั้งแต่ครั้งที่เรายังไม่มีอะไรเลยจนตอนนี้ทุกอย่างดูสวยและอบอุ่นทุกคนยิ้มแย้มและเข้ามาต้อนรับ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับรู้เรื่องราวของ luna มากมายจาก tim และอยากรู้จัก ทำให้เรารู้สึกดีและอบอุ่นถึงแม้จะจากบ้านมาไกลก็ตาม อาหารมื้อแรกของที่นี่วันนี้ก็คือ แพนเค๊ก จากฝีมือของ Tim เอง ดีจัง แต่นั่งเครื่องมาตั้งหลายชั่วโมงนะอยากพักแล้ว หลังจากทานเสร็จก็ไปส่ง พ่อกะแม่ ที่จอดรถก่อนแยกกันกลับเพราะ Tim และทุกคนรู้ว่าการนั่งนานๆบนเครื่องมันเพลียแค่ไหน มาถึงบ้าน อาบน้ำเสร็จเหมือนสลบไปเลย ตื่นอีกที ก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว Tim บอกฉันหิวมากแล้วไปหาไรกินกัน โธ่แล้วทำไมไม่ปลุกเราละถ้าไม่ตื่นพ่อคุณคงไม่ได้กินอะไรแล้วละว่างั้น อิอิ




 

Create Date : 10 กันยายน 2551    
Last Update : 10 กันยายน 2551 19:17:46 น.
Counter : 359 Pageviews.  

หลอกเขาไม่ดูตาม้าตาเรือ ฮุๆ

ก็จะเล่าเรื่องขำนิดๆของนุ่นกะทิมค่ะนี่ละค่ะ คือวันนั้นอยากจะแกล้งทิมผีนะค่ะ คือจริงๆนุ่นเป็นคนชอบอำค่ะ ก็จะอำเพื่อนๆบ่อยๆประมาณว่า โทรคุยกันแล้วเราก็จะอำว่าได้ยินเสียงแปลกๆมีเสียงเรียกดนตรีบรรเลงหรืออะไรแบบนี้นะค่ะ ก็เลยอยากจะแกล้งอำทิมบ้าง ประมาณ 5 ทุ่มโทรคุยกันค่ะ ฮึๆ ได้เวลาอำค่ะเราเริ่มเลยบอกทิมๆฉันได้ยินเสียงแปลกๆเหมือนมีใครอยู่ในบ้านเหรอ นั่นคือการอำประโยคแรกของนุ่นค่ะ ทิมเริ่มงงบอก ไม่มีฉันอยู่คนเดียว เสียงอะไร อิอิ หลอกต่อบอกทิมว่า "จริงๆนะฉันได้ยิน เหมือนเสียงผู้หญิง" ทิมตอบ"ไม่มี หูแหว่วป่าว" 555คิดในใจเสร็จตูแน่ทิมเอ้ยค่อยๆทำน้ำเสียงแบกระซิบให้ฟังน่ากลัวแล้วบอกว่าได้ยินเสียงผู้หญิงพูดว่า "Help meeeeeeee Help meeeeeee" พยายามทำเสียงให้น่ากลัวสุดๆ ทิมบอกว่าไม่มีหรอกเสียงข้างห้องเธอรึป่าว นุ่นเลยบอกไปว่า เป็นไปไม่ได้หรอกเพราะบ้านฉันไม่มีฝรั่งไม่มีใครพูดฝรั่งหรอก ถึงตรงนี้ละค่ะขำเลย เพราะทิมก็ตอบกลับมาว่า บ้านฉันก็ไม่มีคนพูดอังกฤษเพราะเขาพูดภาษาดัตช์กัน นุ่นอึ้งเลย ลืมนึกไปบ้านเขาไม่ได้พูดภาษาอังกฤษกันนี่หว่าเพราะฮอลแลนด์มีภาษาดัตช์เป็นภาษาประจำชาติอยู่แล้ว ก็เลยพากันขำละค่ะหน้าแตกด้วย เนี่ยค่ะหลอกเค้าไม่ดูตาม้าตาเรือเลย




 

Create Date : 24 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 24 กรกฎาคม 2551 22:34:20 น.
Counter : 367 Pageviews.  

เจอกันจริงเหรอ


เริ่มต้นยังไงดีน่ะ
จริงๆแล้วไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับการเขียนหรือตกแต่งบล๊อกเลยค่ะแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าเปิดแล้วจะทำอะไรในนี้ได้บ้าง พอดีเห็นพี่ๆหลายคนเขียนเกี่ยวกับงานกับแฟนกับเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับตัวเองมากมายเลยว่าจะลองเขียนมั่ง
เป็นเรื่องราวของเราเองเกิดขึ้นไม่นานเมื่อปีที่แล้วพอดีได้โอกาสไปเที่ยวต่างประเทศ (ได้รางวัลจากพี่สาวค่ะ จริงๆตัวเองไม่มีตังค์ไปเที่ยวแบบนั้นหรอก อิอิ)บอกตรงๆว่าตื่นเต้นมากๆกับการไปเที่ยวครั้งแรกก็แหมน่ะ ภาษาก็ติดๆขัดๆกลัวจะไม่ได้ออกจากสนามบินนะเดะ กลัวเขาถามอะไรมากไปกว่าที่เตรียมมาแต่พอเอาเข้าจริงง่ายแหะ เขาไม่ถามไรเลยเขาถามแค่ว่ามาทำไม เราก็บอกมาเที่ยวหาพี่สาวแล้วเค้าก็ปล่อยตัวปาย ฮ่าๆพดดีไปเที่ยวช่วงหน้าหนาวนะ ไปถึงสั่นเป็นเจ้าเข้าเลย ขอบอกเลยค่ะว่าเสื้อกันหนาวที่ประเทศไทยแทบจะใช้การอะไรไม่ได้เลยที่โน่น ก็เลยต้องออกไปหาซื้อใหม่หมดเลย
พอดีบ้านพี่สาวอยู่ในตัวเมืองค่ะก็เลยเดินเล่นเรื่อยเปื่อยในตัวเมืองทุกวัน มีอยู่ครั้งหนึ่งอยากกินแม็คใจนะอยากเอากลับไปกินที่บ้านแต่ไม่รู้เขาถามไรตื่นเต้นมากไปหน่อยตอบ yes ซะทุกอย่างเลยได้นั่งกินมันที่ร้านนั่นแหละ เค้าคงถามว่ากินที่นี่หรือปล่าวมั้ง แล้วดันตอบ Yes ปาย ฮ่าๆ ตอนกลางวันบางวันก็ไปช่วยพี่สาวทำงาน แต่เวลาว่างๆเนี่ยก็มีเน็ตนี่ละค่ะเป็นเพื่อน เข้าเว็บนั้นโผล่เว็บนี้จนไปเจอเว็บหาคู่ที่ใน Holland น่ะค่ะตอนแรกแค่อยากฝึกภาษาเล่นๆไม่ยอมนัดเจอใครด้วย เพระกลัวพูดกะเค้าไม่รู้เรื่อง เคยให้เค้ามาเจอที่บ้านนี่แหละค่ะ 2 คนมั้งแล้วก็เลิกติดต่อไปเพราะเค้าขอเป็นแฟนอย่างเดียว แต่อีกคนหนึ่งเราบอกเค้าไว้ก่อนเลยว่าถ้าเราไม่สามารถคบกันได้แบบแฟน ขอเป็นแบบเพื่อนได้ไหมซึ่งตอนนี้เราก็ยังติดต่อกันปกติแบบเพื่อนน่ะค่ะ นิสัยดีมาก ความเป็นสุภาพบุรุษมีมากมายเลยค่ะ แต่สำหรับ ทิมเนี่ยตอนแรกว่าจะไม่เจอแล้วเพราะจะกลับอยู่เหลืออีกประมาณ 2 อาทิตย์เองมั้งแบบว่าไม่อยากนัดดงนัดเดทละเที่ยวดีกว่า แต่เค้าขอให้ได้เจอตัวจริงซักครั้งเพราะคุยกันมาตั้งนานแล้ว ตอนนั้นเราเองก็ลังเลอยู่น่ะก็เลยบอกเค้าไปก็ได้ให้มาพบที่บ้านละกัน วันนั้นเป็นวันแรกที่พบกันคงเป็นบุพเพอาระวาดละค่ะเพราะไม่ได้ตั้งใจจะเจอเค้าแล้วแต่ก็ตกลงนัดเดทพอดีวันนั้นพี่สาวกินอาหารเช้าอยู่ป้าก็มาเพื่อนพี่ก็มาคนเลยเต็มบ้านเลย ทิมแอบบอกทีหลังว่างงมากคนเยอะจังแถมนัดเดทที่บ้านอีกต่างหาก ฮ่าๆก็เรากลัวไม่ปลอดภัยนี่นา ส่วนคนเยอะเนี่ยเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าป้าจะมาเพื่อนพี่จะมา

นั่นแหละค่ะที่เจอกันครั้งแรกเลย เดทกันวันแรกรู้สึกว่าจะดื่มช๊อกโกแลตร้อนไปเป็นหก-เจ็ด แก้วแหละ ก็ไม่รู้จะกินไรหงะ อยู่คุยกันทั้งวันทั้งๆที่ภาษาไม่ค่อยเป็นใจแต่ก็รู้สึกดีมากเลยค่ะเพราะเค้าพยายามเข้าใจเรา แต่บางทีเราเองรู้สึกโกรธตัวเองมาก เหมือนเราโง่มากน่ะอยากอธิบายอะไรให้เขาฟังก็ไม่ได้ แบบว่าคิดคำศัพย์ไม่ออกหงะ


แล้วก็ถึงเวลาที่เรากลับไทยค่ะ ตอนแรกนึกว่าคงไปกันไม่ได้แน่เพราะเราห่างกันไกลเหลือเกิน รู้สึกเจ็บมากค่ะเพราะตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่ารักเค้าแล้ว เค้าเองก็ยังส่ง sms ติดต่อมาตลอดค่ะจนเราเองบอกเค้าว่าถ้าห่างกันแบบนี้อีกไม่นานก็คงต้องเลิกกันแน่เลยเรากลัวเจ็บมากกว่านี้น่ะก็เลยว่าจะหยุดและจบแค่นั้น แต่เค้าบอกเค้าบอกว่าทนไม่ได้แล้วจะมาเที่ยวที่เมืองไทยแล้วเค้าก็มาจริงๆค่ะมาประมาณ 2 อาทิตย์มาเพื่อเราโดยเฉพาะ ฮือ ปลื้มมาก ช่วงนั้นเรามีความสุขมากค่ะบอกตรงๆเลยว่าไม่อยากให้เค้ากลับเลย แต่เป็นไปไม่ได้ยังไงเค้าก็ต้องกลับนี่ค่ะ พอกลับไปได้ประมาณ 3 วันอยู่เกิดบ้าไรขึ้นมาก็ไม่รู้มาบอกเลิกกัน เราเจ็บจนแทบกระอักเลือด เหตุผลของเค้าเค้าบอกว่าเค้ากลัวจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะเค้าคิดว่าเราคงไปอยู่กะเค้าที่โน่นไม่ได้ เราโกรธมากน่ะเจ็บก็เจ็บแต่พอดี มีงานวุ่นวายทำอยู่เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไร่ก็เลยห่างไปไม่ส่งเมสเซสไม่ยุ่งด้วยเลย แค้ 5 วันแค่นั้นละ ตาบ้านี่โทรกลับมาบอกว่า เค้าทนไม่ได้แล้วเหมือนตกนรกเลยไม่เลิกแล้วถ้าเราไม่ไปอยู่โน่นก็จะเทียวมาเทียวไปแบบนี้แหละเรานะโกรธจริงก็รู้อยู่แล้วว่าเรารักเค้าแต่ยังคิดไรเป็นเด็กๆอีก เชอะ ตาบ้านี่น่ะ

แต่เราเองเริ่มไม่ค่อยมั่นใจในตัวเค้าซักเท่าไร่ เพราะเจ็บแล้วจะให้มันหายเร็วขนาดนั้นมันก็ยากอยู่ก็เลยถามเค้าอีกว่ามั่นใจจริงแล้วเหรอว่าจะไม่ทำให้ฉันเจ็บอีก เค้าก็เลยบอกว่า เขามั่นใจแล้วจริงๆเพราะแค่ห้าวันที่เราขาดการติดต่อนั้นมันก็แสนทรมานมากแล้วสำหรับเค้า (ที่จริงมันไม่ใช่แค่นายหรอกน่ะฉันเองก็แทบแย่เหมือนกันร้องไห้จนน้ำตาจาแห้งขอดอยู่แล้ว ช่วงนั้น) เราเองก็เลยตัดสินใจกลับไปเที่ยวที่ฮอลแลนด์อีกครั้งในเดือนพฤศจิกาปีที่แล้วอีกครั้ง 3 เดือนไปหาพี่สาวแล้วก็ไปเที่ยวหาครอบครัวเค้าด้วย ที่จริงแล้วเดือนนั้นเป็นวันเกิดของเค้าด้วยน่ะค่ะ เค้าเลยใช้เหตุผลนี้ในการขอวีซ่าน่ะค่ะไม่น่าเชื่อว่าใช้ได้ด้วยสถานทูตใจดีจัง หรือเป็นเพราะเราเคยไปเที่ยวและมีพี่สาวอยู่ที่โน่นก็ไม่รู้น่ะ

เราต้องยอมรับจริงๆว่าครอบครัวของเค้าอบอุ่นและน่ารักมาก โชคดีที่ทั้งพ่อและแม่เค้าเอ็นดูเราตั้งแต่แรกเจอวันแรกที่เจอกันเรางงๆทำไรไม่ถูกเลยงงๆเพราะไม่คุ้นกับวัฒนธรรมเค้า แม่เค้าก็เข้ามากอดและจุ๊บ 3 ทีที่แก้มเขินหงะ แปลกๆใงก็ไม่รู้ พี่ชายเค้าตัวสูงมากเราว่าทิมสูงแล้วแต่พี่เค้าสูงกว่าอีกครอบครัวนี้มีแต่คนตัวสูงทังนั้นเลย เราไปยืนด้วยกลายเป็นคนแคระไปเลย (นุ่นสูง 165 น่ะ ยังดูเหมือนคนแคระเลยเวลาที่ยืนคู่กับพี่ชายทิม เนี่ยดูได้จากในรูปค่ะ ฮ่าๆ)


ไปเที่ยวครั้งที่ 2 ครั้งนี้เป็นครั้งที่เราได้รุ้จักคนเยอะจริงเพราะแค่เพื่อนทิมก็ปาไปเกือบ 20 แล้วมั้ง แต่เรากลับจำชื่อไม่ค่อยจะได้ชื่อชาวดัตช์นี่เรียกยากจริงๆไม่เหมือนทิม ฮ่าๆ เรียกง่ายสั้นดี แต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้เราไม่พอใจเหมือนกันในการไปครั้งนี้ เพราะแฟนเก่าเค้าเข้ามาวุ่นวายจนเราจะขอเลิกกะเค้าแล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเข้ามาวุ่นมากมายขนาดนั้น ทั้งเข้ามายุ่งกะครอบครัวและที่บ้าน ทิมคบกับผู้หญิงคนได้แค่เดือนเดียวเองแต่ผู้หญิงคนนี้กลับเข้ามาวุ่นทุกเรื่อง จนบางทีเราก็น้อยใจเหมือนเราเป็นคนอื่น เพราะเราก็ไม่ได้รุ้ภาษาเหมือนเค้านี่หนา เวลาเค้ามีปัญหาก็ผ่านเราไปมันรู้สึกแย่จริงๆน่ะแต่ช่างมันเหอะเพราะมันผ่านไปแล้ว แล้วอีกอย่างผู้หญิงคนนี้ก็หาแฟนใหม่ไม่ได้ก็เลยคงเหงาด้วยมั้ง ตอนแรกว่าจะดีด้วยแต่หล่อนมาแสดงบางอย่างที่ทำให้เราชอบหล่อนไม่ลงจริงๆขนาดว่าไม่คบคนหล่อแล้วน่ะยังจะมีปัญหาแบบนี้อีก เฮ้อ


พี่ชายของเค้ามีลูกด้วยค่ะแบบว่า น่ารักมากแล้วเค้าจะเป็นเด็กที่มีความสุขมากจริงค่ะเลี้ยงง่ายไม่งอแงเลย จนเราเรียกเค้าว่า Happy baby ค่ะ ชื่อ ฟรอ ค่ะ เวลาเค้าเห็นเราจะหัวเราะแล้วเดินตามเหมือนเราเป็นตัวการ์ตูนหรืออะไรที่แปลกสำหรับเค้าเลยหงะไม่รู้จะดีใจดีไหมแต่เราก็ชอบเล่นกะฟรอน่ะเพราะฟรอเป็นเด้กที่น่ารักจริงเหมือนตุ๊กตาเลย มีรูปมาอวดด้วยค่ะ




 

Create Date : 15 มีนาคม 2551    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2551 14:26:03 น.
Counter : 1100 Pageviews.  

1  2  

lovely_sweet girl
Location :
เชียงราย Netherlands

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง กล้าบ้างกลัวบ้างในบางที ไม่ได้ต้องการเป็นคนที่ดีที่สุด และก็ไม่อยากเป็นคนเลวที่สุด อยู่แบบกลางๆ เป็นคนแบบนี้ดีละ (- -)"
So lonely,Wish you were here near me and tell me love me.
New Comments
Friends' blogs
[Add lovely_sweet girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.