Group Blog
 
All blogs
 
ซุปเนื้อมนุษย์

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกสยองจี๊ดๆอะค่ะ เคยดูภาพยนต์อยู่เรื่องหนึ่งเกี่ยวกับเผ่ามนุษย์กินคนแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามีจริงไหม พอมาอ่านเจอแล้วถึงรู้ว่าเคยมีอยู่จริงไม่ได้กินแค่เนื้อยังมีการดื่มน้ำเหลืองอีกต่างหาก ไปเจอมาจากโพสจังค่ะ เลยขออนุญาตมาโพสต่ออิอิ

เรื่องของมนุษย์กินคนนั้น มีอยู่ในตำนาน แทบทุกชาติทุกภาษา แต่ชนเผ่ามนุษย์ กินคนที่โด่งดังที่สุด คงไม่มีเผ่าใดเกินมนุษย์ แห่งเกาะปาปัวนิวกินี หนนี้ทีมงาน ต่วย'ตูน จึงขอนำเอา ประสบการณ์ของผู้ ที่ได้พบเห็น การกินเนื้อมนุษย์ ของชนเผ่านี้ มาเล่าสู่กันฟังครับ

ชนผิวขาวโดยเฉพาะที่อาศัย อยู่ในออสเตรเลียบางคน
ยังคิดว่าชาวปาปัวนิวกินียังนิยมกินเนื้อมนุษย์กันอยู่ วากี้เพื่อน
จากปาปัวนิวกินี ปรารภให้ข้าพเจ้าฟัง และให้เหตุผลว่า เรื่อง
มันคงเนื่องมาจากความประทับใจ ที่คนออสเตรเลีย เคยได้ยิน
ได้ฟังเรื่องราวที่น่าหวาดเสียว เกี่ยวกับการกินเนื้อมนุษย์เมื่อสมัยก่อนก็ได้

มีอยู่บ่อยๆที่วากี้ถูกมองอย่างสงสัยจากบางคนว่าเขายังกินเนื้อมนุษย์
เป็นอาหารอยู่อีกหรือเปล่า อย่างในค่ำวันหนึ่ง ในขณะที่วากี้และข้าพ
เจ้านั่งกินอาหารอยู่ในร้านอาหารเมืองแคนเบอร์รา ออสเตรเลีย พบ
หญิงวัยกลางคน 2 คน มองมาทางเราด้วยอากัปกิริยาตื่นๆ (แล้วก็ซุบซิบกัน)
มองแล้วมองเล่าเหมือนเห็นสิ่งประหลาด

วากี้คงรู้สึกโกรธและอดรนทนต่อไปไม่ได้ ชะโงก
หน้ามากระซิบกับข้าพเจ้าด้วยท่าทางหงุดหงิด

"บูน ผมคิดว่าหญิงสองคนนั่นกำลังคิดว่าผมเป็น
มนุษย์กินคนเข้าอีกแล้วละมั้งนี่ คุณว่า
ทำอย่างไรดีล่ะ ผมชักไม่ชอบหน้าแม่นั่น"

"เอายังงี้ไหม" ข้าพเจ้าถามและพูดต่อไปด้วยน้ำ
เสียงค่อนข้างดัง "คุณเลิกกินเนื้อมนุษย์เมื่อไร"

"สัก 2-3 ปีมานี่เอง"

"ทำไมถึงเลิกเล่า"

"กลัวกฎหมาย"

"ตอนนี้ถ้าหากมีโอกาสคุณจะกินอีกไหม"

"อ๋อ...แน่นอน ผมจะกินอีก โดยเฉพาะผู้หญิง
ผิวขาววัยกลางคนมันคงอร่อยอย่าบอกใครเชียว เห็นแล้วอยากกินจริงๆ"

ผู้หญิงสองคนนั่นนั่งเงียบและไม่มองมาทางเราอีกเลย

นั่นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่ข้าพ
เจ้าอยู่ที่ออสเตรเลีย และได้พบรู้จักกับวากี้อย่างสนิทสนมที่นั่น



ความเป็นเพื่อนสนิททำให้ข้าพเจ้ากล้าถาม เรื่องต่างๆ
ที่เกิดขึ้นในปาปัวนิวกินี โดยเฉพาะเรื่องการกินเนื้อมนุษย์
ซึ่งมีอยู่เรื่องสองเรื่องที่น่าสนใจเล่าให้ท่านฟัง

ขออนุญาตให้ข้าพเจ้ากล่าวถึง ประเทศปาปัวนิวกินีเสียก่อนเล็กน้อย

ปาปัวนิวกินีเป็นเกาะอยู่ทางเหนือ ของทวีปออสเตรเลีย มีพื้นที่ขนาดเท่าประเทศไทย แต่มีพลเมืองเพียงครึ่งหนึ่ง ของกรุงเทพมหานครเท่านั้น มีเมืองหลวงซึ่งเป็นเมืองท่าด้วยชื่อ ปอตมอสบี ประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆมากกว่า 700 เผ่า แต่ละเผ่าต่างคนต่างอยู่ การเดินทางไปมาหาสู่กันลำบากมาก เพราะพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน


แรกทีเดียวเกาะนี้มีชื่อว่านิวกินี ในราวต้นศตวรรษที่ 18 นักเดินเรือชาวยุโรปได้เดินทางหลงไปพบเกาะนี้โดยบังเอิญ ได้พบเห็นชนพื้นเมืองชาวเกาะมีผมหยิก จึงเรียกเกาะดังกล่าวว่า ปาปัวส์ ซึ่งแปลว่าพวกผมหยิก ตั้งแต่นั้นมา เกาะทางด้านใต้จึงรู้จักกันในนามปาปัว ส่วนด้านเหนือยังคงเรียกกันว่านิวกินี

เมื่อสมัยที่ยังมีการล่าเมืองขึ้นกัน เยอรมันได้ครอบครองทางด้านเหนือ ส่วนทางด้านใต้อังกฤษหรือตัวแทนคือออสเตรเลียได้ครอบครองไว้ พอหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมันแพ้สงครามสหรัฐ อเมริกาจึงเข้าครอบครองแทน แล้วต่อมาได้มอบให้ออสเตรเลีย ดังนั้น ในระยะหลังออสเตรเลียจึงเข้าปกครองไว้ทั้ง 2 เขต


จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ออสเตรเลียเห็นว่าควรจะให้ชนพื้นเมืองปกครองตนเองได้แล้ว จึงให้ปาปัวและนิวกินีได้รับอิสรภาพเรียกว่าประเทศปาปัวและนิวกินี ต่อมาตัดคำว่า "และ" ออกเสีย เพื่อไม่ให้มีความรู้สึกแบ่งแยกกัน ชื่อใหม่จึงเป็นประเทศปาปัวนิวกินีจนทุกวันนี้ และถือว่าเป็นประเทศที่เกิดใหม่ในโลกอีกหนึ่ง

ในสมัยแรกๆที่ชาวยุโรปเดินทาง ไปถึงปาปัวนิวกินีนี้เอง พวกหมอสอนศาสนาคริสต์ ผู้ ซึ่งมีอุดมการณ์แก่กล้า ในอันที่จะเผยแพร่ศาสนาคริสต์ ให้ถึงดินแดนลึกลับนี้ ได้เดินทางเข้าไปยังประเทศนี้ และได้เกิดเรื่องที่น่าสยดสยองขึ้น


ประมาณต้นศตวรรษที่ 19 มีคณะสอนศาสนา ซึ่งเป็นหญิงล้วนคณะหนึ่ง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อารักขา ซึ่งมีอาวุธปืนทันสมัยประจำกายเดินทางไป ยังหมู่บ้านของชนเผ่าหนึ่งเพื่อสอนศาสนา เมื่อเดินทางล้ำเข้าไป ในเขตครอบครอง ของชนเผ่านั้น ก็ออกมาสกัดกั้นเพราะถือว่าเป็นการบุกรุก จึงต้องให้พวกคณะสอนศาสนาเดินทางกลับเสีย แต่คณะสอนศาสนาไม่ยอมทำตามคงเดินทางต่อไป ชาวพื้นเมืองจึงได้ใช้อาวุธอันมี มีด หอก หลาว แหลน หน้าไม้ เข้าโจมตี การต่อสู้นองเลือดจึงได้อุบัติขึ้น ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บและตายกันเป็นจำนวนมาก แต่ในที่สุดคณะสอนศาสนาก็ยอมแพ้


เมื่อสามารถรบชนะพวกรุกรานได้แล้ว คืนนั้นจึงมีพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะ และกินเลี้ยงกันอย่างเอิกเกริก ซุปเนื้อมนุษย์เป็นรายการอาหารสำคัญของงาน วิธีปรุงอาหารรายการนี้ง่ายมาก นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่ต้มให้เดือด บั่นศพมนุษย์ที่ตายทั้งสองฝ่ายให้มีขนาดที่จะใส่ในหม้อนั้นได้ใส่ลงในหม้อ นำผักชนิดต่างๆ รวมทั้งมันและเผือกใส่รวมลงไปด้วย ต้มจนสุกและเปื่อยดีแล้วก็ตักออกมากินกัน

ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็มัดไว้ก่อนและค่อยๆ ฆ่าให้ตาย นำมาปรุงเป็นอาหาร กินเลี้ยงกันในคืนต่อๆ มา

วากี้บอกข้าพเจ้าว่ารองเท้าหนัง ถุงเท้า ตลอดจน เสื้อผ้าก็ถูกนำมาต้มจนเปื่อย และกินจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน สำหรับหัวกะโหลกเก็บไว้ เป็นเครื่องประดับตามบ้าน

ไหนๆ ข้าพเจ้าก็ได้เล่าเรื่อง พิลึกกึกกือนี้มาแล้ว ก็เลยนึกอยากเล่าประเพณี กินน้ำเหลืองมนุษย์ให้ฟังเสียด้วยเลย ซึ่งเมื่อท่านได้ฟังแล้ว คงไม่นึกอยากจะเชื่อว่า มันเกิดขึ้นในโลกของเรานี้

ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงเรื่องการกินน้ำเหลืองมนุษย์ ในปาปัวนิวกินีให้ท่านทราบ
แต่ก่อนที่จะได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ใคร่ขอเรียนถึงเรื่องราวความเป็นไปเกี่ยวกับ ชาวปาปัวนิวกินีสักเล็กน้อย เพื่อท่านจะได้เข้าใจถึงรูปร่างหน้าตา ถิ่นกำเนิด และทำไมจึงกินเนื้อมนุษย์

พูดถึงรูปร่างหน้าตา

จากความหมายของชื่อประเทศก็พอจะทราบเป็นเลาๆว่า คนที่ปาปัวนิวกินีมีผมหยิก เพราะคำว่าปาปัวส์แปลว่า พวกคนผมหยิกเป็นภาษาดัตช์ แต่ถ้าทราบตามที่ข้าพเจ้าได้บันทึกไว้ ก็อาจจะช่วยให้ท่านเข้าใจดีขึ้น

"คนที่ผมหยิก ตาพอง หัวโต จมูกเหี่ยว ปากแบะ ไหล่กว้าง พุงป่อง ก้นปอด ขาสั้น แขนยาว เห็นแล้วรู้สึกกลัวๆ"

เขามาจากไหน

มีหลักฐานบางอย่างทำให้เชื่อว่า คนปาปัวนิวกินี น่าจะอพยพมาจากพวกที่อาศัย อยู่ในแถบทวีปอเมริกาใต้ หรือแถบประเทศเปรูในปัจจุบัน เพราะอาหารหลัก ที่กินกันอยู่เป็นประจำคือสวีตโปเตโต้นั้น ทั้งชาวปาปัวนิวกินีและชาวอเมริกาใต้นิยมกินกันมาก ไม่กินข้าวอย่างเรา จึงน่าจะเชื่อได้ว่าชนทั้งสองกลุ่มมีถิ่นกำเนิดเดียวกัน

แต่ทว่าทำไมชนทั้งสองกลุ่มนี้ จึงอยู่ไกลกันคนละมุมโลกเล่า?

ปัญหานี้เข้าใจกันว่า เมื่อสมัยก่อนชาวอเมริกา ใต้ที่ชอบผจญภัย อาจจะใช้แพเป็นพาหนะเดินทางมา ในมหาสมุทรแปซิฟิก พบหมู่เกาะโปลินีเชี่ยน ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งรกรากอยู่ที่นั่นก่อน ต่อจากนั้นก็เดินทางมายังปาปัวนิวกินีทำไมจึงต้องกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหาร?

เรื่องนี้ข้าพเจ้าก็รู้สึกฉงน และพยายามค้นหาคำตอบ อยู่เสมอเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจนัก เคยถามวากี้ (เพื่อนชาวปาปัวนิวกินี) เขาก็ตอบไม่ได้ นอกจากบอกว่า มันเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ในข้อที่ว่าต้องดิ้นรน เพื่อความอยู่รอดกระมัง



น่าเชื่อที่สุด สัตว์หลายชนิด ก็กินกันเองเป็นอาหาร มนุษย์เราก็เป็นสัตว์ แล้วทำไมจะกินกันเอง ไม่ได้ถ้าถึงคราวจำเป็น อย่างทหารเกาหลี ในสงครามเมืองจีน ก็เคยผ่าศพทหารด้วยกัน ควักเอาหัวใจ ตับ ออกมากินเป็นอาหาร ในเวลาที่อดอยากมากๆ ผู้ที่รอดตายจากเครื่องบินตก ที่ติดอยู่บนยอดเขาหลายวัน ก็ต้องกินเนื้อสะโพก และเนื้อที่ขาของผู้โดยสารด้วยกันที่ตายเป็นอาหาร เพื่อประทังชีวิตเหมือนกัน



ทีนี้ มาพูดถึงชาวปาปัวนิวกินีกันบ้างว่า ทำไมจึงกินเนื้อมนุษย์เป็นอาหาร



ย้อนไปถึงเมื่อนักผจญภัยชาวอเมริกาใต้ เดินทางมาถึงปาปัวนิวกินี ในตอนแรกได้ตั้งรกรากกันอยู่ในบริเวณชายทะเลก่อน เพราะอาหารอุดมสมบูรณ์ดี แต่มียุงชุกชุม เป็นเหตุให้ตายกันมากเพราะไข้มาลาเรีย ทำให้ต้องอพยพกันเข้าไปในใจกลางของเกาะซึ่งมีอากาศเย็นกว่า เพราะอยู่บนเทือกเขาและยุงไม่ชุม แต่อาหารไม่อุดมสมบูรณ์ มีก็เพียงสัตว์บางชนิด เช่น แกงการู ซึ่งนานๆเข้าก็หายาก นักผจญภัยซึ่งในที่นี้เราจะเรียกเขาว่าชาวปาปัวนิวกินี ก็เริ่มขาดอาหารจำพวกโปรตีน ขาดมากๆเข้าธรรมชาตินั่นจะเป็นตัวกระตุ้น ทำให้ต้องกินกันเองเพื่อจะได้โปรตีนมาเพื่อร่างกาย นั่นคือที่มาของการกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันของชาวปาปัวนิวกินี



ทีนี้ ก็จะได้กล่าวถึงการกินน้ำเหลืองของชาวปาปัวนิวกินีเสียที
ซึ่งได้พูดนอกเรื่องมามาก ข้าพเจ้าบอกตรงๆว่า พูดถึงเรื่องนี้ทีไรคอมันตีบทุกที



คนบางเผ่าในปาปัวนิวกินี เวลามีใครตายขึ้นไม่ว่าจะเป็นญาติของตน หรือคนต่างเผ่าที่ตกอยู่ในครอบครองของตน เขาจะไม่นำศพไปฝังหรือเผา แต่จะนำศพไปไว้บนตะแกรงที่ยกพื้นสูงขนาดท่วมหัว ปล่อยให้ศพอยู่ในสภาพนั้นจนขึ้นอืด เกิดน้ำเหลืองเยิ้มไปทั้งตัวดีแล้ว ก็จะเข้าป่าหาใบไม้ที่เป็นเครื่อง เทศเอามาพับเป็นกระทงเล็กๆ (คงอย่างที่เตรียมใบชะพลูจะกินกับเมี่ยง) เหมาะที่จะมีขนาดกินคำเดียว แล้วก็เชิญพรรคพวกเพื่อนฝูงให้มารวมกันอยู่ใต้ตะแกรงศพนั้น นำเอาไม้ปลายแหลมแทงศพให้เป็นรู ให้น้ำเหลืองไหลย้อยออกมา นำกระทงใบไม้ที่เตรียมไว้ รองรับน้ำเหลืองนั้น พอได้มากดีแล้วก็กินทั้งน้ำเหลืองและใบไม้
กินกันจนไม่มีน้ำเหลืองแล้วก็นำศพนี้ไปต้มซุปกับผักต่างๆ กินกันต่อไป

เมื่อคราวที่ข้าพเจ้าเดินทางไปปาปัวนิวกินีก็ได้กินซุปคล้ายๆ กันกับที่เล่ามาให้ฟังเหมือนกัน แต่แทนที่จะเป็นเนื้อมนุษย์กลับเป็นเนื้อไก่เสียเท่านั้น กินไปมองหน้าเพื่อนชาวปาปัวนิวกินีไปคอมันตีบ ดีที่ไม่ถึงกับโอ้กอ้ากออกมาในขณะนั้น
เรื่องที่ข้าพเจ้าเล่ามานี้ ความจริงจ้างให้ ข้าพเจ้าเชื่อก็ยัง
ไม่อยากเชื่อ แต่ข้าพเจ้าก็ต้องเชื่อในเวลาต่อมาจริงๆ

คือเมื่อตอนที่ข้าพเจ้าจะเดินทางเข้าไปใน ปาปัวนิวกินีนั้น ข้าพเจ้าทราบข่าวว่า ชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นนักถ่ายภาพยนตร์ ได้เข้าไปถ่ายทำเรื่องแปลกประหลาด ทั้งหลายแหล่ในประเทศปาปัวนิวกินีอยู่ก่อนแล้ว ได้จ้างคนเผ่าหนึ่งหมักศพไว้จนมีน้ำเหลืองให้กินกับใบไม้จริงๆ ให้บันทึกภาพ รัฐบาลของปาปัวนิวกินีทราบเรื่องนี้เข้า จึงได้ตามจับตัวนักถ่ายภาพยนตร์อุตริ ชาวญี่ปุ่นคนนี้เป็นการใหญ่ เพราะเขาถือว่าเป็นการสร้างภาพพจน์ที่ผิดให้เกิดแก่ชาวโลกว่า ชาวปาปัวนิวกินีกินน้ำเหลืองมนุษย์ ซึ่งขณะนี้ไม่มีแล้ว แต่เดชะบุญชาวญี่ปุ่นนั้นได้เดินทางออกจากประเทศไปก่อนแล้ว ก่อนที่เรื่องจะทราบถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาล ไม่ยังงั้นคงมีหวังติดคุกติดตะรางอยู่ที่เมืองโน้นแน่ๆ

ตอนนี้ข้าพเจ้าขอจบเรื่องเกี่ยวกับปาปัวนิวกินีไว้เพียงนี้ก่อน แต่ก่อนที่จะจบข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อท่านว่าในปาปัวนิวกินี ขณะนี้ไม่มีเผ่าใดที่ยังกินเนื้อมนุษย์เหลืออยู่อีกแล้ว ข้าพเจ้าขออ้อนวอนท่านอย่างนี้ เพราะต้องการจะทำตามคำขอร้องของเพื่อน "วากี้" ที่เคยสัญญากัน

ส่วนท่านจะคิดว่าชาวปาปัวนิวกินีบางเผ่าอยู่ลึกๆเข้าไปในใจกลางของเกาะ
ที่คมนาคมยังไปไม่ถึง อาจยังมีเผ่ามนุษย์กินคนอยู่ ข้าพเจ้าก็ตามใจท่าน.

ขอขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


Create Date : 11 มิถุนายน 2552
Last Update : 11 มิถุนายน 2552 0:10:46 น. 4 comments
Counter : 992 Pageviews.

 
น่ากลัวจิงๆ ... อย่ามากินชั้นน๊า ไม่อร่อยหรอก หนังเหนียวด้วย ... - -"


โดย: peeshin วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:7:21:49 น.  

 
แวะมาทักทายยามบ่าย ๆ ค่า


โดย: บี๋ (Yushi ) วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:13:22:43 น.  

 
แวะมาทักทายนะค่ะ
อ่านแล้ว บรึ่ยๆๆๆ



โดย: Behold Mortals วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:8:55:27 น.  

 
สวัสดีค่ะ
คืออยากจะได้ข้อมูลของหมูบ้าน Tokua Village
Pogla Village ในปาปัว พอจะแนะนำได้มั๊ยค่ะ
ขอบคุณค่ะ ส่งข่าวมาที่เมล์นี้ก็ได้นะคะ ijustalice@yahoo.com


โดย: ขนมหอม IP: 124.121.177.37 วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:13:33:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lovely_sweet girl
Location :
เชียงราย Netherlands

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นตัวของตัวเองในบางครั้ง กล้าบ้างกลัวบ้างในบางที ไม่ได้ต้องการเป็นคนที่ดีที่สุด และก็ไม่อยากเป็นคนเลวที่สุด อยู่แบบกลางๆ เป็นคนแบบนี้ดีละ (- -)"
So lonely,Wish you were here near me and tell me love me.
New Comments
Friends' blogs
[Add lovely_sweet girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.