|
ยอมให้กันบ้าง เพื่อรักที่เข้าใจมากขึ้น
##########
ยอม (แย่งกันยอมดีกว่ายอมกันเถียง) (ใยไหม)
เรื่องโดย : ออนอุมาร์
ไม่มีใคร "เถียงกัน" แล้ว "เข้าใจกันมากขึ้น" หรอก มีแต่ "ยอมฟังกันและกัน" ต่างหาก ถึงจะเข้าใจกันได้จริง ๆ
บ่อยครั้งที่คนรักกันจะเจออุปสรรคทางความคิด บางทีคิดไม่ตรงกัน ก็เกิดเป็นความขัดแย้ง ยิ่งถ้ามีฝ่ายไหนเอาแต่ใจว่าตัวเองคิดถูกฝ่ายเดียว อีกฝ่ายก็จะเถียงโดยอัตโนมัติ เถียงกันบ่อย ๆ ก็เหมือนกับการสร้างแผลทางใจให้กันอยู่เรื่อย ๆ ครั้งแรกอาจแค่ถลอก แต่ถ้าเถียงบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตอย่างที่เราคาดไม่ถึง รู้อย่างนี้แล้ว ยังจะทำให้ความรักมีแผลไปถึงไหน นานไปก็จะกลายเป็นแผลเป็น แล้วจะนึกถึงกันแบบเจ็บปวด เพราะมีแต่คำพูดร้าย ๆ ที่ฟังแล้วไม่ได้รู้สึกอบอุ่นขึ้นสักนิด
ยิ่งเถียงกันด้วยอารมณ์ ก็ยิ่งควบคุมได้ลำบาก "บางครั้งคำพูดแรง ๆ บางคำ ก็จะหลุดออกมา ทั้ง ๆ ที่คนพูดไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกมาจริง ๆ" ถึงจะอธิบายในตอนหลังว่าไม่ได้ตั้งใจ มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เพราะคนฟังมันเสียใจไปแล้ว อย่างนี้นี่เอง เขาถึงให้ระมัดระวังอย่าปล่อยให้ความรัก ถูกกระทบกระเทือนบ่อย ๆ ไม่ว่าจะทั้งการกระทำและคำพูด ถ้ายอมกันไม่ได้...การจะเดินไปด้วยกัน ให้ถึงจุดหมายมันก็ลำบาก
สำหรับบางคน การ "ยอม" อาจหมายถึงความพ่ายแพ้ ก็แปลว่าคนคนนั้น...ไม่ได้พร้อมที่จะมีความรัก ไม่ควรที่จะรักใคร และไม่สมควรที่จะถูกใครรัก เพราะถ้าพร้อมที่จะรักได้จริง สิ่งสำคัญบางอย่างที่เราต้องยอมปล่อยมันทิ้งระหว่างทางบ้างก็คือ "ทิฐิ" การมีทิฐิจะกี่มากน้อยไม่สำคัญเท่ากับครั้งหนึ่งรู้จักวางทิฐิลง เพื่อที่จะประคับประคองความรักให้ยังอยู่ ไม่ใช่ถือทิฐิแบบวางไม่ลง พาลทำให้ความรักเกิดแผล และมานั่งเจ็บปวดทรมานกับแผลที่ตัวเองสร้างขึ้นภายหลัง
ยอมให้กันบ้างก็ได้...มันไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรเลย ฝึกที่จะ "ยอมฟังกันและกัน" ให้คุ้นเคย แล้วจะรู้ว่ามันคุ้มค่าที่ได้เข้าใจกัน และความรักก็จะนั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ เรา
การชนะอะไรก็แล้วแต่ ไม่มีการชนะใดจะสำคัญเท่าการชนะใจตัวเอง ลองดูนะ ลองชนะใจตัวเองดูสักครั้ง แทนที่จะแย่งกันเถียง ๆ ๆ ๆ ก็เปลี่ยนมาแย่งกันยอม ๆ ๆ ๆ ถ้าทำได้อย่างนี้ สถานการณ์จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ...ฉันเห็นออกจะบ่อยว่าพอมีอีกคนยอม อีกคนก็จะยอมตาม ถ้ามีอีกคนยอมรับว่าตัวเองผิด ก็จะมีอีกฝ่ายบอกว่า "ไม่หรอก ผมต่างหากที่ผิด" จากนั้นการสลับกันตัวเล็กตัวใหญ่ก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง เห็นไหมว่าคำคำเดียว สามารถพลิกเหตุการณ์เลวร้ายให้กลับมาดีขึ้นได้ คำว่า "ยอม" ..."ผมก็ยอม" ฟังดูดีกว่าคำว่า "ฉันไม่ยอม!" "ผมก็ไม่ยอม!" เป็นไหน ๆ
เรื่องความรักยังมีอีกหลาย ๆ องค์ประกอบที่จะเกิดขึ้น เวลารักใครสักคนก็เหมือนเวลาทำข้อสอบ ต้องทำไปทีละข้อ ๆ และพร้อมที่จะสอบอยู่เสมอ อย่าบั่นทอนความรักให้แย่ลงด้วยการเถียงกันเลย มาทำความรักของเราให้ดีกันดีกว่า ครั้งหน้าถ้ามีเรื่องไม่เข้าใจกัน จนถึงขั้นต้องเถียงกันอีกรอบล่ะก็...เราลองเป็นฝ่ายพูดก่อนสิว่า "ยอม" ฉันเชื่อว่าต่อให้เป็นคนใจแข็งที่สุดในโลก ลองถ้าเจอคำคำนี้เข้าก็ต้องเผลอใจอ่อนพูดคำว่า "ยอม" ออกมาเหมือนกันนั่นแหละ จำไว้นะ...โลกนี้ไม่มีใครใจแข็งเท่าเราหรอก ถ้าคนใจแข็งอย่างเราไม่ยอมก่อนแล้วใครจะกล้ายอมบ้างล่ะ...จริงไหม?
Create Date : 18 มิถุนายน 2555 | | |
Last Update : 18 มิถุนายน 2555 12:19:49 น. |
Counter : 703 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
จิตใสไร้ทุกข์...สุขภาพใจดี
โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก
สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราคือการทำจิตใจให้ผ่องใส เรามักจะให้ความสำคัญกับสิ่งภายนอกไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุก็ดี ความรู้ต่างๆ ก็ดี สิ่งที่มองข้ามไปก็คือเรื่องของจิตใจ ค่านิยมในการฝึกจิตหรือการพัฒนาจิตใจของเรายังมีน้อย พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ใจเป็นประธาน ใจเป็นหัวหน้าของชีวิต" เมื่อจิตใจดี เราจึงจะคิดดี พูดดี ทำดี แล้วเราก็จะทำหน้าที่ได้ถูกต้องต่อครอบครัว ต่อสังคมของเรา ถ้าจิตใจไม่ดีแล้ว ถึงแม้ว่ามีความรู้ดีมากขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ เพราะฉะนั้นเราต้องนึกว่าทำอย่างไรจึงจะมีสุขภาพใจดี เมื่อพูดถึงชีวิตของเราซึ่งประกอบด้วยกายและจิตใจ เราเอาใจใส่เรื่องทางกายมากพอสมควร เรื่องความปลอดภัยทางกายหรือสุขภาพกาย หรือการเตรียมตัวไปอยู่อาศัยในถิ่นกันดาร สิ่งที่เราทุ่มเทส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องทางกายทั้งนั้น
ทีนี้มาดูเรื่องสุขภาพจิตใจของเรากันบ้าง สุขภาพใจที่ดีนั้นต้องเข้าใจว่าธรรมชาติของจิตเราทุกคนมีความประภัสสร ผ่องใสโดยธรรมชาติ ถ้าเป็นน้ำก็เป็นน้ำที่ใสสะอาด มนุษย์ทุกคนธรรมชาติก็มีจิตประภัสสร แต่จิตใจของเราที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ อาจสังเกตได้ว่าบางครั้งก็ขี้เกียจ ขี้น้อยใจ ขี้อิจฉา ขี้กลัว ขี้โกรธ ขี้วิตกกังวล ขี้อวด ซึ่งเป็นความรู้สึกทางจิตใจที่ไม่สะอาด พูดง่ายๆ คือเป็นปฏิกูลทางจิตใจ ด้านร่างกาย เรารับประทานอาหารทุกวันแล้วก็เข้าห้องน้ำทุกวัน เมื่อเรามีชีวิตอยู่ ก็จำเป็นต้องรับประทานอาหารกันทุกคน และสิ่งที่จำเป็นก็คือการเข้าห้องน้ำ หน้าที่ของเราคือเข้าห้องน้ำให้ทัน ปิดประตู ขับถ่าย ชำระร่างกาย แล้วก็กลับเข้ามาในสังคมต่อไป
ทางด้าน จิตใจก็เหมือนกัน เป็นปุถุชนหรือแม้แต่อริยบุคคลก็ตาม ยังมีกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความรู้สึกต่างๆ เกิดขึ้นเมื่อประสบกับความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถือเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อเราประสบเหตุการณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ความรู้สึกทางจิตใจ น้อยใจ เสียใจ กลัว โกรธ วิตกกังวลต่างๆ ก็เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา อารมณ์ต่างๆ เหล่านี้ ทั้งความขี้เกียจ ขี้โกรธ ขี้น้อยใจ ขี้อิจฉา ขี้กลัว ก็เหมือนเป็นสิ่งปฏิกูลทางจิตใจ ถ้าเป็นทางกายก็รับประทานอาหารแล้วเข้าห้องน้ำ จัดการในห้องน้ำ สำหรับ อารมณ์ทางจิตใจเหล่านี้ เราก็จำเป็นต้องจัดการให้ทัน พูดภาษาธรรมะก็คือ การกำหนดให้รู้เท่าทัน ถ้าพูดแบบอาจารย์ก็คือ การสร้างห้องสุขาให้แก่จิตของเรา เราต้องรู้จักสร้างห้องสุขาที่สะอาด ห้องสุขาที่ไว้รองรับอารมณ์นี่แหละ...
##########
Create Date : 16 มิถุนายน 2555 | | |
Last Update : 16 มิถุนายน 2555 20:10:58 น. |
Counter : 720 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|