คลิปบอกรักผัว ปรากฎการณ์ออนไลน์ผ่านสายตานักวิชาการ (สัมภาษณ์พิเศษ) คลิปรักผัวมาก โด่งดังบนโลกออนไลน์ นักวิชาการสื่อ วิเคราะห์สาเหตุ ความขบขันของการล้อเลียน ทำคนสนใจ นายธาม เชื้อสถาปนศิริ นักวิชาการด้านสื่อ ประจำสถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ ได้ให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าว MThai News กรณีที่ชาวสังคมออนไลน์และสื่อสำนักข่าวใหญ่กำลังสนใจประเด็นข่าว สาวบอกรักสามี โดยมีการอัดคลิปบอกผ่านโซเชียล จนกลายเป็นกระแสล้อเลียนรักผัวมาก บนโลกสังคมออนไลน์ ซึ่งนักวิชาการด้านสื่อได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณีนี้ว่า สังคมในอินเทอร์เน็ตปัจจุบัน ผู้คนมิได้สนใจข้อเท็จจริงของข่าวสารมากนัก แต่มุ่งเน้นให้คุณค่าไปที่เรื่องราว (story) ที่สนุก แปลก น่าสนใจ และแตกต่าง ด้วยความเร็วของข้อมูลข่าวสารเท่าทวีคูณในสื่อสังคม จึงทำให้ข่าวสารใดๆ หนึ่งๆ ที่ผู้คนสนใจ หรือพร้อมที่จะเชื่อ โดยไม่ตรวจสอบตั้งคำถามนั้น จึงมีคุณสมบัติ แพร่ขยายกระจายได้เร็ว  เหตุที่มันแพร่กระจายได้เร็ว ก็เพราะ ผู้คนมีความรู้สึกว่า มันน่าเชื่อถือ ก็เพราะว่า ข่าวสารดังกล่าว ถูกแชร์และส่งต่อมาจากคนใกล้ชิด เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ดังนั้น เขาจึง วางใจ ไว้ใจ และ เชื่อใจ นั่นนำมาสู่การไม่ได้ตรวจสอบต้นตอข้อเท็จจริงของข่าว “กรณีคลิป “หนูรักผัว” นั้น ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่น่าสนใจ คลิปนี้มีองค์ประกอบของเรื่องราวที่สนุก ขบขัน ตรงไปตรงมา ไม่เสแสร้ง และ มีจุดจำง่ายๆ จากประโยคและท่าทางของผู้โพสต์ เจ้าตัว ความตลก น่ารัก น่าขบขัน หรือ น่ารังเกียจ ในความไม่เหมาะสม จึงนำมาให้ผู้คนสนใจ “ เมื่อคลิปแรกปล่อยไปแล้ว จึงสร้างกระแสแบบดังข้ามคืนได้ไม่ยาก และข่าวถัดมา ที่ว่า สามีของเธอโดนตำรวจรวบตัว จับกุมได้แล้วนั้น ก็มีองค์ประกอบ ของ ความน่าจะเชื่อ ความน่าจะจริง แต่ก็ยังไม่มีการตรวจสอบแน่ชัด มากไปกว่า ความน่าจะจบเรื่องมุกฮานี้ได้อย่างพอเหมาะสมลงตัว ดังนั้น กรณีคลิป หนูรักผัว ก็สะท้อนพฤติกรรมของชาวโซเชี่ยลมีเดียมากมายว่า มุ่งเน้นไปที่เรื่องราวชวนดราม่า ขบขัน แต่ไม่ได้สนใจเรื่องข้อเท็จจริง ” ส่วนกรณีที่สื่อสำนักใหญ่ที่ได้รับความเชื่อถือให้พื้นที่ข่าวกับประเด็นนี้ ตนมองว่า สำนักข่าวใหญ่ๆ ต้องการ “ร่วม+สร้าง” กระแสข่าวกับชาวเน็ต เพื่อสร้างความรู้สึกร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับชาวเน็ต สังเกตจะเห็นว่า การพาดหัวข่าว มักใช้คำว่า “หึ่ง, กระหน่ำ, ถล่ม แชร์สนั่น – โลกออนไลน์”  คือ เอาแค่ปรากฎการณ์ กระแสมารายงาน ในเชิงว่า มันเป็นสิ่งที่ชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจ  แต่สื่อก็มิได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่ง สำนักข่าวใหญ่ๆ ต้องการสร้างกระแสนิวส์ฟีดในโลกโซเชี่ยลของตัวเอง เพราะ มันอาจนำพา พ่วงความสนใจไปที่ข่าวสารอื่นๆ ขององค์กรได้ด้วย MThai News   Create Date : 16 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 16 พฤษภาคม 2557 21:11:55 น.     Counter : 1997 Pageviews.   Share Tweet

หนุ่มใหญ่มะกัน ไปหาปลาแต่ได้เต่าอัลลิเกเตอร์ยักษ์หนัก100ปอนด์ วันนี้(15 พ.ค.) สำนักข่าวเดลิเมล์ รายงานว่านายเดฟ ฮาเรล หนุ่มใหญ่ชาวสหรัฐอเมริกา สามารถจับเต่าอัลลิเกเตอร์ยักษ์ น้ำหนักราว 100ปอนด์ได้ โดยเขาจับได้ระหว่างที่กำลังไปหาปลาที่บริเวณทะเลสาปยูฟัวล่า (Eufaula Lake) ในรัฐโอกาโฮม่า ซึ่งเขาได้โชว์ภาพอุ้มเต่าอัลลิเกเตอร์นี้ถ่ายแล้วอัพขึ้นเฟซบุ๊ค ได้รับความสนใจจากชาวสังคมออนไลน์ทั่วโลก เนื่องจากขนาดของเต่าตัวดังกล่าวมีขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันเหมือนไดโนเสาร์ด้วย โดยเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างยิ่งคือนายเดฟไม่ได้เอาเต่าตัวนั้นกลับบ้านไปด้วย แต่ปล่อยคืนทะเลสาปไปหลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ ทั้งนี้เต่าอัลลิเกเตอร์ หรือ เต่าอัลลิเกเตอร์ สแนปปิ้ง  เป็นเต่าที่กระจายพันธุ์ในแหล่งน้ำจืดของหลายพื้นที่ในภาคตะวันออกและภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา กินเนื้อ ปลาและสัตว์น้ำต่าง ๆ เป็นอาหาร เชื่อกันว่า มีอายุยืนได้ถึง 200 ปี แต่อายุโดยเฉลี่ยในที่เลี้ยง คือ 20-70 ปี ซึ่งกรามของมันมีความรุนแรงทางการกัดสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รองลงมาจากจระเข้และไฮยีน่า โดยแรงกัดของมันแรงกว่าหมาพันธุ์พิทบูลด้วยซ้ำ   Create Date : 15 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 15 พฤษภาคม 2557 21:01:29 น.     Counter : 1704 Pageviews.   Share Tweet

น้าซู โพสต์ชวน แอ๊ด คาราบาว ร่วมชุมนุม กปปส. น้าซู โพสต์ชวน แอ๊ด คาราบาว ร่วมชุมนุม กปปส. ฉะ ทอม ดันดี หลังเลือกฝั่ง นปช. เกิดเป็นกระแสฮือฮาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เมื่อจู่ๆ นายระพินทร์ พุฒิชาต หรือน้าซู จากวงซูซู ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว @Zu Putichat เชิญชวน แอ๊ด คาราบาว ให้ออกมาต่อสู้ร่วมกับกลุ่ม กปปส. เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ โดยระบุว่า “ออกมาเถอะเพื่อน ถึงวันนี้ลูกนายคงไม่อดตายหรอก พวกเราร้อน เหนื่อยล้ากลางแดด ล้มหายไปหลายคนแล้ว .. นายยังเป็นคนไทยหรือเปล่า?” พร้อมกันนี้น้าซู ยังได้โพสต์ภาพ พร้อมข้อความถึงเพื่อนเก่าอย่าง ทอม ดันดี ที่เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดงด้วยว่า “เมื่อก่อนเป็นนักร้องยังช่วยเพื่อนในวงขนเครื่องดนตรี ตอนนี้แกยังเป็นแดงอยู่หรือ? ทั้งนี้เมื่อภาพและข้อความดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป ก็ทำให้มีคนเข้าไปแสดงความเห็นมากมาย โดยมีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับการเชิญชวนแกมร้องขอให้เข้าร่วมทางการเมืองแบบเลือกข้างเช่นนี้ MThai news   Create Date : 15 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 15 พฤษภาคม 2557 20:59:30 น.     Counter : 1297 Pageviews.   Share Tweet

ผบ.ทบ.ห่วงรุนแรงหากยังป่วน ทหารจำเป็นต้องออกมา รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจง คำแถลงของ ผู้บัญชาการทหารบก ห่วงความรุนแรง วอนยึดสันตินำประเทศสงบหากยังป่วนทหารจำเป็นต้องออกมา พันเอกวินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ชี้แจง คำแถลงของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกฝ่ายที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาติ เพื่อนำประเทศชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม การใช้ช่องทางตามกฎหมาย หรือการพูดคุยประชุมหารือกัน อาจไม่ประสบผลมากนักในห้วงเวลานี้  และอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ  ดังนั้น ทุกฝ่ายควรดำเนินการด้วยวิธีการสงบสันติ ไม่สร้างเงื่อนไข และปัญหาเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ จากสถานการณ์การใช้อาวุธเมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น จึงขอให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ช่วยกันประณามทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงดังกล่าว และขอเตือนกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงให้หยุดการกระทำ เพราะหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ทหารอาจจะต้องออกมาจัดระเบียบเอง และจะใช้มาตรการทางกฎหมายปราบปรามอย่างเด็ดขาด ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกล่าวพาดพิงว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพอยู่เฉย ขอเรียนว่า กองทัพได้ดำเนินการทุกอย่างมาด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง จึงขอเตือนผู้ที่กล่าวให้ร้ายกองทัพ ให้ระมัดระวังคำพูด ซึ่งถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของกองทัพ  ทั้งนี้ ยืนยันว่า กองทัพเป็นของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนคนไทยทุกคน มิได้เป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รองโฆษก ทบ. ชี้แจง คำแถลง ผบ.ทบ. ดังนี้ 1.ขอ เป็นกำลังใจให้ทุกพวกทุกฝ่ายที่กำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาของชาติบ้านเมือง เพื่อนำประเทศชาติไปสู่ความสงบเรียบร้อย ทั้งด้วยวิธีการทางกฎหมายก็ดี หรือการพูดคุยเจรจาก็ดี หรือสันติวิธีอื่น ๆ ก็ดี อย่างไรก็ตาม การใช้ช่องทางตามกฎหมาย หรือการพูดคุยประชุมหารือกัน อาจไม่ประสบผลมากนักในห้วงเวลานี้ เพราะมีข้อถกเถียงและโต้แย้งมากมาย และอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งมีแนวโน้มเกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ทุกฝ่ายควรดำเนินการด้วยวิธีการอันสงบสันติ ไม่สร้างเงื่อนไข และปัญหาเพิ่มมากขึ้น ต้องหยุดสร้างความรุนแรง และช่วยกันนำพาประเทศชาติออกจากความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว 2.จากสถานการณ์การใช้อาวุธเมื่อคืนวันที่ 14 พ.ค.57 ซึ่งมีทั้งผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้กระทำ ล้วนแต่เป็นการกระทำผิดกฎหมายทั้งสิ้น จึงขอให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ช่วยกันประณามทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรง และใช้อาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมทั้งขอให้ส่งข้อมูลหรือเบาะแสให้กองทัพบกทันทีเมื่อได้รับทราบ 3.การที่หลายฝ่ายกล่าวพาดพิง ผบ.ทบ และผบ.เหล่าทัพ ว่า อยู่เฉย ไม่ดำเนินการใด ๆ ขอเรียนว่า กองทัพได้ดำเนินการทุกอย่าง มาด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาในครั้งนี้ มีความซับซ้อน และมีผลกระทบในหลายมิติ 4. ขอเตือนผู้ที่กล่าวให้ร้ายกองทัพ ให้ระมัดระวังคำพูด ซึ่งถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของกองทัพ ทหารทุกคนไม่สามารถยอมรับได้ 5.ขอเตือนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงด้วยอาวุธสงครามต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้หยุดการกระทำนั้นตั้งแต่บัดนี้ เพราะหากสถานการณ์ยังคงมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทหารอาจจำเป็นต้องออกมาระงับเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศชาติโดย รวม 6.หรือหากสถานการณ์รุนแรงมากขึ้นจนมีแนวโน้มถึงขั้นจะเกิดการ จลาจล เพื่อความสงบเรียบร้อย กองทัพอาจมีความจำเป็นต้องใช้กำลังทหารเข้าคลี่คลายสถานการณ์ ในขั้นนั้น หากมีผู้หนึ่งผู้ใด หรือกลุ่มบุคคล หรือกองกำลังติดอาวุธ ตอบโต้กองทัพ หรือทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์อีก บุคคลผู้นั้น หรือกลุ่มบุคคลนั้น จะต้องถูก จนท. ใช้มาตราการทางกฏหมายปราบปรามอย่างเด็ดขาด โดยผู้ที่กระทำความผิดดังกล่าว อาจจะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ได้ เช่นกันกับกลุ่มบุคคล ที่มีความคิดจะบุกรุกหรือปิดล้อมหน่วยทหาร ขอให้ยุติแนวคิดการกระทำดังกล่าวโดยทันที 7. กองทัพเป็นของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนคนไทยทุกคน มิได้เป็นของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่กองทัพก็ต้องปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ และประชาชน เมื่อมีความจำเป็น อย่างเต็มความสามารถ จึงขอเรียนให้ทราบโดยทั่วกัน   Create Date : 15 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 15 พฤษภาคม 2557 20:58:37 น.     Counter : 1051 Pageviews.   Share Tweet

ศอ.รส.หน้าแตก! ทอ.เผย ม็อบไม่ได้บุกเข้าห้องประชุมข่มขู่ รัฐบาล-กกต. ชี้ 2 ฝ่าย ยกเลิกประชุมเอง ยัน ทอ.จัดกำลัง อย.ตรึงพื้นที่เข้ม ก่อนม็อบขออนุญาติเข้าพื้นที่ตรวจสอบว่าไม่มีใครอยู่จริง    เมื่อเวลา 17.17 น.วันนี้ 15 พ.ค.57  พล.อ.ท.มณฑล สัชฌุกร ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวกับผู้สื่อข่าว MThai News ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.บุกเข้ามายังพื้นที่หอประชุมกานตรัตน์ ซึ่งใช้เป็นสถานที่การประชุมหารือ ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.และรัฐบาลรักษาการ โดยไม่มีการขัดขวางจากทางเจ้าหน้าที่ทหารที่มีการตั้งแนวไว้ รวมถึงกรณีที่ ศอ.รส.แถลงข่าวว่า “กลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไปข่มขู่ขับไล่ถึงในห้องประชุม จนทำให้การประชุมต้องล้มเลิกไป” นั้น ขอชี้แจงว่าในช่วงเวลาดังกล่าว ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเข้ามายังพื้นที่บริเวณด้านในนั้น ในที่ประชุมได้มีมติยกเลิกการประชุมหารือ ตั้งแต่กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนมาถึงด้านหน้าบริเวณปากทางเข้า-ออก หอประชุมฯ ริมถนนพหลโยธิน ในฝั่งขาเข้าแล้ว ซึ่งบริเวณหน้าแนวนั้น จะมีชุดของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนยืนอยู่ในชั้นแรก ส่วนในชั้นที่ 2 เป็นชุดของเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน หรือ อย.ที่ตั้งแนวตรึงกำลังอยู่ในชั้นถัดมา และอีกชั้นก่อนทางเข้าห้องประชุม (ตัวอาคาร) จะเป็นกำลังจากทางเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร หรือ สห.ยืนดูแลความเรียบร้อยอีกชั้นหนึ่ง โดยเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมมาถึง เราได้ส่งนายทหารเข้าเจรจาพูดคุยกับทางแกนนำ พร้อมระบุว่า การประชุมได้ยุติลงแล้ว ไม่มีใครอยู่ภายใน แต่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะขอเข้าไปตรวจสอบ เพื่อความบริสุทธิ์ใจทางเจ้าหน้าที่จึงพาเดินสำรวจว่าไม่มีใครอยู่ภายในจริง จนกระทั่งกลุ่มผู้ชุมนุมมองว่าใกล้เที่ยง จึงได้เปิดสวนบริเวณด้านในให้ผู้ชุมนุมพักผ่อนรับประทานอาหาร โดยมีผู้แทนกองทัพอากาศร่วมรับประทานอาหารด้วย ก่อนกลุ่มผู้ชุมนุมจะแยกย้ายกันกลับ MThai News   Create Date : 15 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 15 พฤษภาคม 2557 20:58:07 น.     Counter : 1249 Pageviews.   Share Tweet