การจัดห้องนอนตามฮวงจุ้ย มีผลต่อสุขภาพ ห้องนอน เป็นห้องที่มีความสำคัญมากที่สุดห้องหนึ่งของบ้าน และในทางฮวงจุ้ย ห้องนอนก็มีผลต่อทั้งสุขภาพ การงาน ความรัก และสภาพการเงินของเจ้าของห้อง โดยห้องนอนควรเป็นห้องที่มีความสงบ อันเป็นลักษณะของพลังหยิน เพื่อที่เจ้าของห้องจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ตรงข้ามกับห้องทำงานหรือสำนักงาน ที่ควรมีการเคลื่อนไหวคึกคักอันเกิดจากพลังหยาง ลองใช้เคล็ดลับต่อไปนี้เพื่อสร้างสมดุลทางฮวงจุ้ยให้แก่ห้องนอนของคุณ การจัดห้องนอนตามฮวงจุ้ย มีผลต่อสุขภาพ - อย่าให้ประตูห้องนอนตรงกับเตียงนอน หรือประตูห้องนอนตรงกับประตูห้องน้ำ เพราะจะเกิดโรคภัย และธุรกิจสะดุด ถ้าประตูใหญ่ตรงกับประตูห้องนอน ก็จะเก็บเงินไม่อยู่ และอาจมีปากเสียง - เตียงนอนห้ามตั้งอยู่ตรงกับไฟ จะทำให้คนนอนสุขภาพไม่ดี และอย่าตั้งเตียงเป็นมุมทแยง เพราะจะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ - หิ้งลอย ตู้ลอยไม่ควรอยู่บนหัวนอน จะทำให้เครียด เกิดโรคทางสมอง - ไม่ควรวางกระจกไว้ตรงกับเตียง เพราะจะทำให้เสียสุขภาพ - เตียงนอนไม่ควรวางอยู่ใต้คานเปลือย - เตียงนอนไม่ควรวางข้างตู้ขนาดใหญ่ เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อผู้พักผ่อน - ตั้งโคมไฟสว่างๆ ไว้บริเวณที่หัวเตียง เพื่อกระจายพลังงาน แทนการปิดไฟที่ส่องมายังเตียงนอนโดยตรง - ติดรูปที่ช่วยสร้างพลังหยิน เช่น พระจันทร์ หรือรูปที่ให้ความรู้สึกสงบ ไม่มีการเคลื่อนไหวรุนแรง ช่วยให้ผู้อาศัยพักผ่อนได้เต็มที่มากขึ้น หรือหากบ้านไหนอยากมีลูกให้ติดรูปเด็กไว้ในห้องนอน - ตั้งโคมไฟโทนสีแดง ส้ม หรือชมพูไว้ในห้องนอนด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะทำให้โชคดีด้านความรัก - 10 สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ในการตกแต่งห้องนอน   Create Date : 11 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 11 พฤษภาคม 2557 20:58:51 น.     Counter : 1382 Pageviews.   Share Tweet

10 ทิปส์ง่ายๆ แต่งบ้านให้เวิร์ก เปลี่ยนมุมมองความคิดซะใหม่ อะไรๆ ก็เปลี่ยน แนวคิดนี้นำมาใช้ในการตกแต่งบ้านได้อย่างดี และนี่คือทิปส์ง่ายๆ 10 ข้อ ที่คุณอาจมองข้ามเกี่ยวกับการแต่งบ้านให้ตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย ชวนเพื่อนๆ ชาว Decor.mthai.com มาจัดห้องให้สวยโดนใจค่ะ 10 ทิปส์ง่ายๆ แต่งบ้านให้เวิร์ก 1. หมอนสองคู่ดูดี หมอนหนึ่งคู่อาจน้อยไปสำหรับมุมนั่งเล่น หากเลือกใช้โซฟายาวด้วยแล้วก็ยิ่งดูไม่อบอุ่นเท่าไหร่ ลองใช้หมอนสองคู่ในรูปแบบที่แตกต่างกันทั้งสีสัน แพตเทิร์นและผิวสัมผัสของเนื้อผ้าจะยิ่งเพิ่มมิติ เติมเต็มความว่าง และก่อเกิดความน่ามองจนคุณคาดไม่ถึงเชียวล่ะ 2. ยุคนี้ต้องมิกซ์ เตียงสี่เสาสไตล์คลาสสิกกับห้องที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นช่วยดึงดูดความสนใจได้ดี เก้าอี้หลุยส์หรูหรากับความเรียบง่ายในห้องสไตล์ลอฟต์ก็ดูเวิร์ก เพราะนี่คือยุคของการผสมผสานสไตล์ที่แตกต่าง แต่สำคัญที่การใช้งานต่างหากว่าจะต้องลงตัวและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ 3. ซื้อเตียงใหญ่ไว้ก็ดี เฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กไม่เพียงทำให้ห้องนอนที่เล็กอยู่แล้วยิ่งดูเล็กลงคราวหน้าเปลี่ยนใหม่ ลองเลือกเตียงสูงที่มีหัวเตียงสูง รวมถึงมีพื้นที่ใต้เตียงด้วยก็จะช่วยให้ห้องนอนของคุณดูใหญ่ขึ้น 4. สีเข้มช่วยได้ เปลี่ยนความคิดที่ว่าสีเข้มจะทำให้ห้องดูแคบและอึดอัดในบางกรณีผนังสีเข้มๆ กลับให้ผลต่อความรู้สึกที่ตรงกันข้ามแม้แต่เฟอร์นิเจอร์สีเข้มภายในห้องสีขาวก็ให้ความรู้สึกถึงพื้นที่ว่างมากขึ้น และส่งผลให้ห้องเล็กๆ ดูใหญ่กว่าในความเป็นจริง 5. ง่ายๆ แค่ติดวอลเปเปอร์ วิธีที่ง่ายและเร็วที่สุด ซึ่งคุณทำเองก็ได้ในการเปลี่ยนโฉมใหม่ให้ประตูบานเลื่อนที่ใช้สำหรับกั้นห้อง เพียงติดวอลเปเปอร์ลายสวยๆ แทนที่ เท่านี้คุณก็จะได้ มุมมองใหม่ๆ ได้ทันที ทั้งยังช่วยคุณประหยัดสตางค์เพราะไม่ต้องจ้างช่างมารื้อประตูทำใหม่ให้วุ่นวาย 6. ใช้พรมจริงในห้องน้ำ สลับใช้พรมทอจากใยผ้าจริงๆ แทนการใช้ผ้าเช็ดเท้า เพราะอย่าลืมว่ามันถูกทอขึ้นเพื่อให้ทนต่อการใช้งานและซึมซับความสกปรกได้มากกว่า โดยเฉพาะกับเท้าที่เปียกน้ำเป็นครั้งคราว 7. ไม่มีโซฟาบ้างก็ได้ ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าห้องนั่งเล่นจะต้องมีโซฟาไว้สำหรับเอนกายเสมอไป ยิ่งเป็นคอนโดฯ ที่มีพื้นที่ใช้งานจำกัด คุณอาจจัดวางอาร์มแชร์นั่งสบายดีไซน์เก๋แทนโซฟา เอาไว้นั่งเล่นหรือออกงานรับแขกไปในตัวก็เข้าท่า 8. เพิ่มจำนวนโคมไฟ ในห้องนอนติดตั้งโคมไฟสี่จุดดีกว่ามีแค่สองจุดในห้องนอน เพราะแสงไฟสำหรับสร้างบรรยากาศและแสงไฟสำหรับการอ่านหนังสือนั้นไม่เหมือนกันฉะนั้น คุณจึงจำเป็นจะต้องมีแสงไฟที่เหมาะกับการใช้งานทั้งสองนี้ในห้องเพื่อเลือกใช้ได้ตามต้องการ 9. งามอลังด้วยสีทอง เมื่อสีทองกลับมาเป็นเทรนด์แต่งบ้านอีกครั้ง ของตกแต่งเฉดสีทองเพียงไม่กี่ชิ้นก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศห้องให้อบอุ่นและหรูหราอลังการขึ้นเหมือนห้องนั่งเล่นสไตล์คลาสสิกที่ทุ่มทุนสร้างยังไงยังงั้น ต้นไม้-ดอกไม้เสริมมุมเหงาๆ ไม่มีอะไรที่จะดูพลิ้วไหวและมีชีวิตชีวาดีไปกว่าสีเขียวสบายตาของต้นไม้หรือดอกไม้สีสันสวยงามในกระถางที่ชวนสดชื่นล้วนแต่ช่วยเติมแต่งมุมว่างในห้องใหญ่ๆ ให้รู้สึกไม่เหงาอ้างว้างและแข็งกระด้างอีกต่อไป ข้อมูลจาก www.lisaguru.com   Create Date : 10 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 10 พฤษภาคม 2557 21:12:02 น.     Counter : 1478 Pageviews.   Share Tweet

สุขภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ สัมผัสความงามได้แล้วในเมืองไทย บริษัทฮาโก้บุกตลาดสุขภัณฑ์ระดับพรีเมี่ยมจับมือกับรอคคาเปิดตัว สุขภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ในงานสถาปนิก 57 ซึ่งเป็นข่าวดีของคนไทยที่จะได้ใช้สุขภัณฑ์ที่มีความทันสมัย และรูปร่างหน้าตาก็สวยอีกด้วยค่ะ ว่าแล้วเราไปชมผลิตภัณฑ์ที่ทางบริษัทเขานำมาเปิดตัวกันดีกว่า สุขภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ สัมผัสความงามได้แล้วในเมืองไทย สุขภัณฑ์ รุ่น w+w สุขภัณฑ์รุ่น W+W : เป็นทั้งโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้า ช่วยประหยัดน้ำและพื้นที่ภายในห้องน้ำ ด้วยระบบการรีไซเคิลและกรองน้ำที่ใช้แล้วจากอ่างล้างหน้าให้สมารถนำมาใช้ซ้ำ ในการลำระล้างชักโครก สุขภัณฑ์ รุ่น In-Wash สุขภัณฑ์ รุ่น In-Wash : สุขภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยมี่ดี มีขนาดกระทัดรับแบบ Talk less มีระบบฉีดชำระอิเล็กทรอนิกส์ไว้ในชิ้นเดียวกัน สุขภัณฑ์ รุ่น Khromaclin สุขภัณฑ์ รุ่น Khromaclin : ที่มีให้เล้อกหลากหลายสี เช่น สีแดง Passion Red , สีเท่า Street Grey , สีฟ้า Oxygen Blue และสีเท่าเงิน Siliver Grey ปัจจุบัน Roca เป็นผู้นำตลาดในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ทั้งเป็นผู้นำระดับโลกในการออกแบบ การผลิต การค้าและการตลาดของผลิตภัณฑ์ห้องน้ำ ที่มีฐานการดำเนินงานอยู่ในสี่ทวีปทั่วโลก ขอบคุณ : talk.mthai.com   Create Date : 09 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 9 พฤษภาคม 2557 21:26:59 น.     Counter : 1447 Pageviews.   Share Tweet

สร้างบ้านป้องกันแผ่นดินไหว ..ทำอย่างไร วันนี้ Decor.Mthai จะพาเพื่อนๆ ไปเนื้ัอหาเกี่ยวกับการ สร้างบ้านป้องกันแผ่นดินไหว กันค่ะ ประวัติการออกแบบอาคารป้องกันแผ่นดินไหวจากการเก็บข้อมูลกว่า 30 ปี ในช่วงปี 1963-1993 พบว่าอาคารที่ใช้ระบบผนังแรงเฉือนต้านแรงด้านข้าง สามารถรับมือกับแผ่นดินไหวได้ดี และยืนอยู่ได้แม้อาคารอื่นๆ จะพังลง เราได้ดูข้อมูลเพิ่มเติมกันเลยค่ะ สร้างบ้านป้องกันแผ่นดินไหว .ทำอย่างไร อาคารรูปแบบนี้สามารถรับมือได้ดีกว่าอาคารอื่นอย่างเห็นได้ชัด วิศวกรก็เลยสนใจในจุดนี้ และประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวก็ฟื้นฟูและสร้างอาคารใหม่ให้รองรับแรงได้มากยิ่งขึ้นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือในประเทศชิลี นอกจากนี้แล้วอาคารทั่วไปที่ไม่ได้รับการออกแบบอย่างมีมาตรฐานและตามหลักการก็มักจะเป็นสิ่งก่อสร้างแรกๆ ที่พังทลายลงมาก่อนแม้จะมีแผ่นดินไหวไม่แรงมาก แม้จะมีขนาดแผ่นดินไหวเพียง 4-5 เท่านั้น การออกแบบให้มีมาตรฐานและแข็งแรง ตัวอย่างเช่น ยึดรั้งชิ้นส่วน อย่าง เสากับฐานราก เสากับคาน ออกแบบเสาให้แข็งแรงมีขนาดโตพอ ยึดโยงส่วนอาคารกันโย้ และข้อต่อต่างๆให้แข็งแรง รวมถึงมีวิศวกรควบคุมให้เป็นไปตามมาตรฐาน ขอบคุณภาพ : คิวเทค โปรดักส์ ก่อนการสร้างบ้านให้ป้องกันแผ่นดินไหว วิศวกรจะต้องพิจารณาพื้นที่สภาพดินในเขตนั้น รวมถึงรูปแบบของอาคารเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิบัติในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง โครงสร้างที่ดีควรจะวางตำแหน่งเสาให้มีความสมมาตรในแกนหลักทั้งตามยาวและตามขวางของอาคาร หากเป็นอาคารสูง ควรมีกำแพงรับแรงเฉือนหลายชิ้น วางในตำแหน่งที่กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอตลอดผังอาคาร โดยไม่กระจุกตัวอยู่ในบริเวณเดียว ทิศทางการวางแนวผนังควรหันด้านยาวของผนังให้สามารถรับแรงด้านข้างจากแผ่นดินไหวได้ทั้งสองทิศทาง ทั้งตามยาวและตามขวางของอาคาร ดังตัว อย่างอาคารที่มีการจัดวางตำหน่งเสาและกำแพงรับแรงเฉือนที่ดี นอกจากรูปแบบของอาคารที่เหมาะสมแล้วความแข็งแรงของโครงสร้างก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเสานอกจากจะรับน้ำหนักบรรทุกปกติ ซึ่งเป็นน้ำหนักของอาคารและน้ำหนักบรรทุกจรตามการออกแบบทั่วไปแล้ว เสาจะต้องมีกำลังรับน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้นในขณะเกิดแผ่นดินไหว เมื่อเปรียบเทียบขนาดเสากับอาคารทั่วไปแล้ว เสาอาคารต้านทานแผ่นดินไหว จะมีขนาดใหญ่กว่าและมีปริมาณเหล็กเสริมตามยาวของเสามากกว่า เพื่อรับน้ำหนักบรรทุกและการดัดตัวที่เพิ่มมากขึ้นรวมทั้งต้านการเคลื่อนที่ทางด้านข้างด้วย และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือการเสริมเหล็กให้โครงสร้างมีความเหนียวพอเพียงในการต้านทานแรงแผ่นดินไหว โดยการจัดปริมาณการเสริมเหล็กตามยาวและเหล็กปลอกที่โอบรัดรอบเหล็กเสริมตาม ยาวของเสาและคานให้พอเพียง ส่วนการสร้างบ้านป้องกันแผ่นดินไหวในประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้รับเหมาหลายรายที่นำเสนอบ้านป้องกันแผ่นดินไหวมาเป็นตัวเลือกของคนที่มีงบประมาณสูงขึ้นมาเล็กน้อย และอยากจะได้ความปลอดภัยพร้อมกับความสบายใจในการอยู่อาศัย ซึ่งสามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้สูงถึงระดับ 7 เพราะฉะนั้นเราก็คงจะมั่นใจได้ระดับหนึ่ง ขอบคุณข้อมูล : dailynews   Create Date : 08 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 8 พฤษภาคม 2557 21:24:06 น.     Counter : 1375 Pageviews.   Share Tweet

ตกแต่งบ้านแบบเรียบหรู อยู่แล้วสบาย ทุกวันนี้สไตล์การตกแต่งบ้านมีหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เจ้าของบ้านจะเป็นคนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ และของแต่งบ้านเองตามความเข้าใจ ความชอบ หรือจิตนาการของตัวเอง แต่บางครั้งเรื่องของรูปแบบการตกแต่งบ้านก็มีความละเอียดอ่อนมาก วันนี้ Decor.Mthai จึงนำข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการ ตกแต่งบ้านแบบเรียบหรู อยู่แล้วสบาย มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ เราไปดูการตกแต่งบ้านรูปแบบนี้กันเลยค่ะ ตกแต่งบ้านแบบเรียบหรู อยู่แล้วสบาย การจัดพื้นที่ให้เรียบหรู (Space Planing) การจัดพื้นที่ให้เรียบหรู : ต้องคำนึงถึงลักษณะการใช้สอยเป็นสำคัญวางทุกอย่างให้เป็นระเบียบ แต่ดูเป็นธรรมชาติ ต้องมีจังหวะการวางเฟอร์นิเจอร์สอดคล้องกับตัวอาคาร เรียงลำดับการใช้งานก่อนหลังให้ถูกต้อง และที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดในการจัดพื้นที่เเบบเรียบหรูก็คือมุมมองต้องดูดีมีองค์ประกอบที่เหมาะสม เช่นก่อนถึงห้องรับแขกก็ควรจะมีจุดเบรกสายตา และความประทับใจในตอนแรกเป็นโถงก่อน ห้องนอนเปิดประตูเข้ามาแล้วจะต้องไม่ปะทะกับเตียงนอนทันทีควรเบกด้วยฉากกั้น หรือโถงเล็กๆ ทางสัญจรต้องไม่อึดอัด ต้องมีความคล่องตัว สุดท้ายทุกมุมภายในบ้านต้องรับกันทั้งหมด เป็นต้น วิธีการเช๊คมุมมองง่ายๆ เหมือนเรากำลังถ่ายรูปบ้านเราเองทุกมุมต้องสวยได้องค์ประกอบ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เรียบหรู การเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เรียบหรู : ควรต้องผสมผสานเฟอร์นิเจอร์ในแต่ละตัวภายในบ้านให้สอดคล้อง ให้กลมกลืนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหมดทุกตัว เช่นการผสมผสานระหว่างเฟอร์นิเจอร์ที่มีรายละเอียดเยอะๆ สลับกับเฟอร์นิเจอร์เรียบๆ แต่ดูมีลูกเล่น หรือห้องรับแขกผนังอาจจะเป็นสีขาวสะอาดตา สลับกับผนังที่มีลวดลาย เลือกใช้โซฟาที่มีรูปทรงที่เรียบแต่โดดเด่นด้วยลายของหมอและพรมเป็นต้น ดังนั้นจุดสำคัญในการตกแต่งบ้านแบบเรียบหรู ก็คือการที่เรารู้จักเน้นเฉพาะบางจุดให้ดูโดนเด่นไม่ควรเน้นทุกจุด เพราะจะทำให้เเย่งกันเด่น บ้านไหนที่เด่นทุกมุมมีรายละเอียดเยอะเกินไปก็จะไม่เข้ากับสไตล์เรียบหรู การแต่งบ้านรูปแบบนี้ก็เหมือนการแต่งกายถ้าคนไหนแต่งกายด้วยเครื่องประดับมากเกินไป เช่นมีทองเต็มตัว,มีเพชรระยิบระยับ เราก็จะเรียกว่าแต่งกายแบบลิเกนั้นเองค่ะ ขอบคุณภาพประกอบจาก : decoist.com   Create Date : 07 พฤษภาคม 2557     0 comment Last Update : 7 พฤษภาคม 2557 21:27:00 น.     Counter : 1963 Pageviews.   Share Tweet