ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ผู้ชายชอบ เซ็กส์ แบบไหน

แน่นนอนว่าการแต่งงานหรือการใช้ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว มันมีองค์ประกอบอื่น ๆ ลึกลงไปในรายละเอียดมากกว่านั้น แต่ก็ยอมรับเถอะว่า เซ็กส์มีส่วนสำคัญที่ทำชีวิตคู่ของคุณมีความสุขหฤหรรษ์ แล้วคุณจะไม่ใส่ใจเรื่องบนเตียงนี้สักหน่อยเหรอ?

ผู้ชายชอบ  เซ็กส์ แบบไหน

เกร็งสลับกับการผ่อนคลายกล้ามเนื้อช่องคลอด

หากคุณสังเกตว่าเขากำลังจะเข้าสู่ประตูสวรรค์ชั้นเจ็ดแล้วล่ะก็ คุณสามารถทำให้เขาระทวยได้มากขึ้นโดยการเกร็งกล้ามเนื้อสลับกับการผ่อนคลายกล้ามเนื้อช่องคลอดของคุณเพื่อบีบรัดองคชาติของเขา ทำซ้ำด้วยนะจ๊ะ! รับรองค่ะว่าเขาจะรู้สึกหฤหรรษ์จากประสบการณ์ใหม่ที่ได้ลิ้มลอง ยกเว้นก็แต่…คุณเคยลองแล้ว

เซอร์ไพรส์สามี

หาคืนที่ลูกคุณหลับสนิท แล้วลองเอาโบว์มาผูกที่ข้อมือคุณเสมือนว่าคุณเป็นของขวัญสำหรับสามี ทีนี้ผู้รับจะทำอย่างไรกับคุณก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามจังหวะที่สามีคุณต้องการแล้วล่ะค่ะ เชื่อเถอะค่ะว่าเขาต้องคิดว่าคุณคือของขวัญที่พิเศษที่สุดที่เขาเคยได้รับมา!
ให้คุณเป็นคนเผด็จศึกเกมส์รัก

หากคุณต้องการหาอะไรมาช่วยพยุงตัวคุณในท่าที่ผู้หญิงอยู่ด้านบน ให้ลองใช้มือทาบกับกำแพงขณะขยับตัวขึ้นลงดู เมื่อคุณรู้ว่ายอดขององคชาติอยู่ในอวัยวะเพศของคุณแล้ว ให้คุณลองขยับสะโพกหมุนไปในลักษณะของวงกลมขณะที่คุณกำลังเคลื่อนตัวลงมาเพื่อให้องคชาติเข้าไปอยู่ในอวัยวะเพศของคุณทั้งหมด แน่นอนว่านอกจากสามีจะได้มองเห็นความสวยของคุณแล้วเขายังรู้สึกสั่นสะท้านอีกด้วย
ใช้อุปกรณ์ประกอบ

สลัดรูปแบบเซ็กส์เดิม ๆ ซ้ำไปมาจนเขาและคุณรู้ว่าจะเริ่มแล้วจบอย่างไรโดยใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่ช่วยทำให้สามีคุณตื่นเต้นเร้าใจและอยากลิ้มลอง เช่น กุญแจมือ หรือผ้าปิดตา แล้วแหย่ให้สามีสยิว เชื่อเถอะค่ะว่าคุณสามียอมคุณทุกอย่างเลย

กระจก

คุณรู้ไหมว่าผู้ชายชอบใช้สายตามอง เมื่อเขาเห็นภาพกิจกรรมระหว่างคุณทั้งสองที่สะท้อนออกมาจากกระจก ยิ่งทำให้เขาหัวใจเต้นเร็วขึ้น เพราะว่ามันเหมือนกับเขากำลังดูหนังสยิวอยู่อย่างนั้นแหละ ในยามเช้าเมื่อสามีแปรงฟันเรียบร้อย และกำลังเตรียมตัวอาบน้ำ วินาทีนั้นแหละคุณลองเดินเข้าไปลูบไล้ กระเซ้าเย้าแหย่สามีดู รับรองสามีสยบแทบเท้าคุณอย่างแน่นอน หลายอาทิตย์ผ่านไปภาพนี้ก็ยังตราตรึงอยู่ในหัวใจ เข้าห้องน้ำทีไร ภาพนี้โผล่มาทุกที
โบนัส ส่งภาพส่วนต่าง ๆ ของร่างกายคุณไปให้สามีระหว่างวันพร้อมกับข้อความว่าคุณอยากให้เขาทำอะไร เช่น รูปใบหูของคุณ พร้อมกับคำว่า “เลีย” ภาพหน้าอกของคุณ พร้อมกับคำว่า “เติมคำในช่องว่างสิคะ” คุณก็จะได้ไอเดียว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก…th.theasianparent.com




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2557   
Last Update : 13 มิถุนายน 2557 20:47:50 น.   
Counter : 1201 Pageviews.  

พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014

   เก็บตกอีกหนึ่งรางวัลคนบันเทิง ที่ปีนี้จัดมาเป็นปีที่ 3 แล้ว สำหรับงานประกาศรางวัล The Great Awards หรืองาน ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 ที่จัดขึ้น ณ โรงละคร อักษรา คิง เพาเวอร์ โดยแน่นอนว่า งานยักษ์แบบนี้ เหล่าคนบันเทิง ต่างพร้อมใจกันมาร่วมเดิน พรมแดง กันอย่างคับคั่งเลยทีเดียว
ทีมงาน Women Mthai ก็ได้ตามไปเก็บภาพบรรยากาศ การเดิน พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 ของเหล่าคนดังอย่างชิดขอบ พรมแดง มาประมวลภาพให้ได้ชมกันอย่างจุใจอีกเช่นเคย ส่วนงานนี้ใครขโมยซีน หรือใครสวยเลอค่าที่สุดก็คงต้องมาช่วยกันตัดสินเลยค่ะ

600

พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014

นุ่น วรนุช บน พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014

พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014

เจมี่ บูเฮอร์ บน พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014

พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014 พรมแดง ดาราเดลี่ อวอร์ด 2014




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2557   
Last Update : 12 มิถุนายน 2557 21:29:32 น.   
Counter : 1836 Pageviews.  

เทรนด์ใหม่! คู่บ่าวสาวใต้หวันฉีกแนวใส่ชุดไอ้มดแดงแต่งงาน

วันนี้ก็มีข่าวสารเจ๋งๆ มาฝากกันอีกเช่นเคยนะครับ แต่วันนี้เป็นเรื่องของเทรนด์ใหม่ๆ ในการแต่งงานในใต้หวันที่จัดว่าแปลกแหวกเเนวชวนเกรียนไม่เหมือนใครของคู่บ่าวสาวคู่หนึ่ง ที่งานนี้ฝ่ายชายพี่แกจัดชุดมาสค์ไรเดอร์ The First V1 มาใส่แทนชุดสูทเจ้าบ่าวแทนซะงั้น (ว่าแต่ชุดพี่แกก็ทำมาเนียนเหมือนกันนะว่ามั้ย)

ก็คนมันชอบนี่หน่าทำไงได้ 55 เรียกว่าเป็นตัวอย่างเทรนด์ใหม่ในการแต่งงานเลยก็ว่าได้นะเนี่ย


10421638_10152236556313892_3675221680405611865_n

แจ่มทั้งชุดไรเดอร์แจ่มทั้งเจ้าสาวเลย

ครั้งนึงในชีวิตครับ จัดเต็ม!!! ไม่ซ้ำใครแน่นอน

ใส่หน้ากากถ่ายเยอะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าบ่าวกันพอดี 55 ถอดซะหน่อย

จัดฉายเดี่ยวสักภาพ

เอาเป็นต้องขอชมว่าทั้งคู่น่ารักและฉีกแนวไม่เหมือนใครดีจริงๆ ครับ นับเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความเป็นตัวของตัวเองและรักในสิ่งที่ชื่นชอบ ทั้งหมดอยู่ที่ว่าคุณจะกล้าที่จะนำมันออกมาโชว์หรือจะเดินตามรอยเท้าคนอื่นที่ต้องใส่สูทในการแต่งงานเท่านั้น




 

Create Date : 12 มิถุนายน 2557   
Last Update : 12 มิถุนายน 2557 21:25:12 น.   
Counter : 1489 Pageviews.  

โรคลมชัก หรือที่เรียกว่า ลมบ้าหมู

ลมบ้าหมู หมายถึง โรคลมชัก ชนิดหนึ่งที่มีอาการเป็นลมหมดสติ และชักกระตุกทั้งตัว ซึ่งจะเป็นอยู่นานไม่กี่นาที แล้วฟื้นคืนสติได้เอง มักจะมีอาการเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ผู้ที่มีอาการของโรคนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องต่อเนื่อง ผู้ป่วยก็จะสามารถดำเนินชีวิตเช่นคนปกติทั่วไป แต่ถ้าขาดการรักษา ปล่อยปละให้เกิดอาการชักบ่อยๆ ก็อาจได้รับอันตรายจากอุบัติเหตุขณะเกิดอาการ เช่น ตกจากที่สูง จมน้ำ รถชน เป็นต้น

  • ชื่อภาษาไทย : ลมบ้าหมู ลมชัก
  • ชื่อภาษาอังกฤษ  : Epilepsy, Grand mal

159091622

สาเหตุของ โรคลมชัก

ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยตรวจไม่พบสาเหตุชัดเจน เชื่อว่ามีความ พร่องของสารเคมีบางอย่างในการควบคุมกระแสไฟฟ้าในสมอง (โดยที่โครงสร้างของสมองเป็นปกติดี) ทำให้การทำหน้าที่ของสมองเสียความสมดุล มีการปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าอย่างผิดปกติของเซลล์สมอง กระตุ้นให้เกิดอาการชัก และหมดสติชั่วขณะ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะมีอาการครั้งแรกในช่วงอายุ 5-20 ปี และอาจมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย

ส่วนน้อยอาจเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างสมอง (เช่น สมองพิการแต่กำเนิด สมองได้รับกระทบกระเทือนระหว่างคลอด สมองพิการภายหลังการติดเชื้อ แผลเป็นในสมองหลังผ่าตัด ฝีในสมอง เนื้องอกในสมอง โรคพยาธิในสมอง เลือดออกในสมอง) ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ โรคพิษสุรา ยาเสพติด (เช่น การเสพยาบ้าเกินขนาด) พิษจากการใช้ยาบางชนิดที่ใช้เกินขนาด เป็นต้น มักพบว่ามีอาการชักครั้งแรกในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ และมีคนอายุมากกว่า25 ปี

อาการของ โรคลมชัก

ผู้ป่วยอยู่ๆ ก็มีอาการหมดสติ เป็นลมล้มพับกับพื้นทันทีทันใด พร้อมกับมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งทั้งตัว หายใจลำบาก หน้าเขียว ซึ่งจะเป็นอยู่นานไม่กี่วินาทีถึง 20  วินาที ต่อมาจะมีอาการชักกระตุกของกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเป็นระยะๆ และมีอาการตาค้าง ตาเหลือก ในระยะแรกมักจะชักถี่แล้วค่อยๆ ลดลงตามลำดับ จนกระทั่งหยุดกระตุก ในช่วงนี้จะมีอาการน้ำลาย ฟูมปาก และอาจมีเลือดออกจากการกัดถูกริมฝีปาก หรือลิ้นตัวเอง อาจมีอาการปัสสาวะหรืออุจจาระราดร่วมด้วย

อาการชักจะเป็นอยู่นานประมาณ 1-3 นาที (บางรายอาจนาน 5-15 นาที) แล้วฟื้นสติตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกมึนงง อ่อนเพลีย บางรายอาจม่อยหลับไปนานเป็นชั่วโมงๆ

ผู้ป่วยมักจะจำไม่ได้ว่าตัวเองล้มลง หลังจากม่อยหลับและตื่นขึ้นมาแล้ว อาจมีอาการ ปวดศีรษะ มึนงง สับสน อ่อนเปลี้ยเพลียแรง หาวนอน ลืมตัว และอาจทำอะไรที่ตัวเองจำไม่ได้ในภายหลัง บางรายอาจมีอาการเตือนหรือออรา (aura) นำมาก่อนจะหมดสติ เช่น แขนหรือขาชาหรือกระตุกเพียงข้าง หนึ่ง หรืออาจเห็นแสงวาบ ได้กลิ่น รส หรือได้ยินเสียงดังๆ หรือมีความรู้สึกกลัวอย่างไม่มีเหตุผล เป็นต้นผู้ป่วยอาจเกิดอาการชักในเวลากลางวันหรือ หลังเข้านอนตอนกลางคืนก็ได้ บางรายเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุกระตุ้น บางครั้งก็พบสาเหตุที่กระตุ้นให้ผู้ป่วยชัก เช่น อดนอน หิวข้าว กินอาหารมากเกินไป ทำงานเหนื่อย เกินไป คิดมาก ดื่มสุรา กินยากระตุ้นประสาท ท้องผูก มีประจำเดือน มีไข้สูง อยู่ในสถานที่ที่มีเสียงอึกทึกหรือมีแสงจ้าหรือแสงวอบแวบ เล่นเกมคอมพิวเตอร์ การหายใจเข้าออกเร็วๆ เป็นต้น

อาการเป็นลมหมดสติ และชักกระตุก อาจมีสาเหตุอื่น เช่น

  • โรคติดเชื้อของสมอง (เช่น สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ) ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ อาเจียน ซึม ต่อมาจะไม่ค่อยรู้สึกตัว และชักกระตุก
  • ชักจากไข้ พบในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ขวบ เด็กจะมีไข้ และชักกระตุกนาน 2-3 นาที (ไม่เกิน 5-15 นาที) แล้วฟื้นสติ เป็นปกติได้อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่มีอาการหมดสติและชัก กระตุก ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดๆ ควรจะรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาตามสาเหตุ

การวินิจฉัย โรคลมชัก

แพทย์มักจะส่งตรวจพิเศษเพื่อการวินิจฉัยที่แน่ชัด เช่น การตรวจคลื่นสมอง หรืออีอีจี (electroencephalogram หรือ EEG) การเจาะหลัง (lumbar puncture) การถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

การดูแลตนเองของผู้ป่วย โรคลมชัก

1. เมื่อพบผู้ป่วยมีอาการหมดสติและชักกระตุก ควรให้การปฐมพยาบาลก่อนส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาล ดังนี้

  • ป้องกันอันตราย หรือการบาดเจ็บ โดยให้ผู้ป่วยนอนอยู่ในพื้นที่โล่งและปลอดภัย ไม่มีสิ่งกีดขวางหรือระเกะระกะอยู่ข้างกาย (ถ้ามีข้าวของที่อยู่รอบบริเวณ ผู้ป่วยควรเคลื่อนย้ายออกไป) ระวังการตกจากที่สูง และให้อยู่ห่างจากน้ำและไฟ
  • ปลดเสื้อผ้า เข็มขัด เครื่องแต่งกายให้หลวม
  • จับผู้ป่วยนอนในท่าตะแคง เพื่อให้ทางเดินหายใจโล่ง (โดยการผลักลำตัวผู้ป่วย ไม่ใช่การดึงแขนผู้ป่วย อาจทำให้ไหล่หลุดได้) ให้ผู้ป่วยหนุนหมอนหรือผ้าห่ม
  • ถ้ามีเศษอาหาร เสมหะ หรือฟันปลอม ให้นำออกจากปาก ถ้าผู้ป่วยใส่แว่นตาควรถอดออก
  • อย่าใช้วัตถุ (เช่น ไม้ ด้ามช้อน ปากกา ดินสอ) สอดใส่ปากผู้ป่วยเพื่อป้องกันไม่ให้กัดลิ้น เพราะนอกจากไม่ได้ประโยชน์เท่าที่ควรแล้ว ยังอาจทำให้ปากและฟันได้รับบาดเจ็บได้
  • อย่าผูกหรือมัดตัวผู้ป่วย อาจทำให้ผู้ป่วยบาดเจ็บได้
  • อย่าปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่ตามลำพัง จนกว่าจะหายเป็นปกติ
  • อย่าให้ผู้ป่วยกินอะไรระหว่างชัก หรือหลังชักใหม่ๆ อาจทำให้ผู้ป่วยสำลักได้

2. เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคลมบ้าหมู ผู้ป่วยควร รู้จักดูแลตนเอง ดังนี้

- การใช้ยา ควรปฏิบัติดังนี้

  • กินยากันชักทุกวัน ตามขนาดที่แพทย์แนะนำ ควรทำบันทึกการกินยาและการนัดของแพทย์เพื่อกันลืม
  • อย่าหยุดยาหรือปรับเปลี่ยนขนาดยา หรือซื้อยากินเอง
  • ถ้าลืมกินยาไปเพียงมื้อเดียวหรือวันเดียว ให้เริ่มกินในมื้อต่อไปตามปกติ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาชนิดอื่นร่วมกับยากันชัก โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพราะยาบางชนิดอาจต้านฤทธิ์ยากันชัก ทำให้อาการชักกำเริบได้ บางชนิดอาจเสริมฤทธิ์ยากันชัก ทำให้เกิดพิษขึ้นได้
  • ควรสังเกตผลข้างเคียงที่เกิดจากยากันชัก เช่น อาการมึนงง คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ ผื่นคัน ผิวหนังพุพอง เหงือกบวม ดีซ่าน มีไข้ เป็นต้น ถ้าพบ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อพิจารณาปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม บางกรณีแพทย์อาจต้องทำการตรวจเลือดประเมินผลข้างเคียงต่อตับ ไต เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เป็นระยะ
  • ยากันชักบางชนิดอาจต้านฤทธิ์ยาเม็ดคุมกำเนิด ทำให้คุมกำเนิดไม่ได้ผลบาง ชนิดอาจมีผลทำให้ทารกในครรภ์พิการ หรือแท้งได้ ผู้ป่วยที่กินยาคุมกำเนิดหรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้การดูแลที่เหมาะสมต่อไป เช่น ในรายที่กินยาโซเดียมวาลโพรเอต หรือคาร์บามาซีพีน แพทย์จะให้ผู้ป่วยกินยาเม็ดกรดโฟลิก (folic acid) ขนาด 1 มิลลิกรัมต่อวัน ตั้งแต่ระยะก่อน ตั้งครรภ์และขณะตั้งครรภ์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดความพิการทางระบบประสาท (neural tube defect)
  • หากตั้งครรภ์ หรือเจ็บป่วยอย่างอื่น ควรแจ้งให้แพทย์ที่รักษาทราบ และนำยาที่กินอยู่ไปให้แพทย์ดูด้วย
  • ในกรณีที่เปลี่ยนสถานที่รักษา ควรนำประวัติและยาที่กินอยู่ไปให้แพทย์ดูด้วย

- เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้องจนควบคุม โรคได้แล้ว ผู้ป่วยสามารถทำงาน เรียนหนังสือ เล่นกีฬา หรือออกสังคมได้ตามปกติ รวมทั้งสามารถแต่งงานได้

- ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วย เพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นให้เกิดการชัก ผู้ป่วยควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าอดนอน อย่าทำงานเหนื่อยเกินไป อย่าใช้ความคิดมาก หลีกเลี่ยง การกระทบกระเทือนทางจิตใจ อย่าอดอาหาร ระวังอย่าให้ท้องผูก ห้ามดื่มแอลกอฮอล์หรือกินยากระตุ้นประสาท อย่าเข้าไปในที่ที่มีเสียงอึกทึก หรือมีแสงจ้า แสงวอบแวบ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจกระตุ้นให้เกิดอาการชักได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการกระทำและสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยงอันตราย เช่น ว่ายน้ำ ปีนขึ้นที่สูง อยู่ใกล้ไฟ ใกล้น้ำ ทำงานกับเครื่องจักร ขับรถ ขับเรือ เดินข้ามถนนตามลำพัง เป็นต้น ถ้าจำเป็นต้องว่ายน้ำ ควรมีคนอื่นอยู่ด้วยตลอดเวลา ในบางประเทศจะอนุญาตให้ผู้ป่วยมีใบขับขี่ได้ เมื่อปลอดจากอาการชักแล้วอย่างน้อย 1 ปี

- ผู้ป่วยควรเปิดเผยให้เพื่อนที่ทำงานหรือที่โรงเรียนทราบถึงโรคที่เป็น เพื่อว่าเมื่อเกิดอาการชักจะได้ไม่ตกใจ และหาทางช่วยเหลือให้ปลอดภัย พ่อแม่ ญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงควรมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของโรคและวิธีช่วยเหลือผู้ป่วย ไม่ควรแสดงความรังเกียจ ควรให้กำลังใจผู้ป่วย และให้เข้าร่วมกิจกรรมในชีวิตประจำวันเช่นคนอื่นๆ

การรักษา โรคลมชัก

แพทย์จะให้การรักษา ดังนี้

1. เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคลมบ้าหมูชนิดที่มีสาเหตุ (เช่น เนื้องอกสมอง เลือดออกในสมอง) ก็จะให้การแก้ไขตามสาเหตุ (เช่น ผ่าตัด) และอาจจำเป็นต้องให้ ผู้ป่วยกินยากันชักร่วมด้วย

2. ส่วนในรายที่เป็นลมบ้าหมูชนิดที่ตรวจไม่พบสาเหตุ หากเคยชักมาเพียง 1 ครั้ง มักจะแนะนำให้ ผู้ป่วยปฏิบัติตัว หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการ และเฝ้าดูอาการต่อไป โดยยังไม่ให้ยารักษา เนื่องเพราะผู้ป่วย กลุ่มนี้อาจไม่มีอาการชักอีกตลอดไป (โอกาสชักซ้ำพบได้ประมาณร้อยละ 30-60) ซึ่งไม่คุ้มกับผลข้างเคียงจากยา

แพทย์จะพิจารณาให้ยากันชักแก่ผู้ป่วยที่มีอาการกำเริบซ้ำครั้งที่ 2 โดยเริ่มจากยากันชักขั้นพื้นฐาน (ได้แก่ ฟีโนบาร์บิทาล และเฟนิโทอิน) โดยจะเลือกใช้เพียงชนิดใดชนิดหนึ่งก่อน ซึ่งจะค่อยๆ ปรับขนาดยา ทีละน้อยจนสามารถควบคุมอาการได้ ถ้าไม่ได้ผลก็จะเปลี่ยนไปใช้ยาพื้นฐานอีกชนิดหนึ่งแทน ถ้ายังไม่ได้ผล ก็อาจต้องเปลี่ยนไปใช้ยากันชักขั้นสูง เช่น โซเดียมวาลโพรเอต (sodium valproate) คาร์บามาซีพีน (carbama-zepine) โทพิราเมต (topiramate) เป็นต้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถควบคุมไม่ให้เกิดอาการ กำเริบด้วยยาเพียงชนิดเดียว มีน้อยรายที่อาจต้องให้ยาควบกันตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป เมื่อปรับยาจนสามารถควบคุมโรคได้แล้ว ผู้ป่วย จะต้องกินยาในขนาดนั้นไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายปีจนปลอดจากอาการชักแล้ว 2-3 ปี (สำหรับเด็ก) และ 5 ปี (สำหรับผู้ใหญ่) จึงเริ่มหยุดยา โดยค่อยๆ ลดลงทีละน้อย ห้ามหยุดยาทันที อาจทำให้เกิดโรคลมชักต่อเนื่องเป็นอันตรายได้

เมื่อลดยาหรือหยุดยาแล้ว กลับมีอาการชักใหม่ (พบได้ประมาณร้อยละ 25 ในเด็ก และร้อยละ 40-50 ในผู้ใหญ่) ก็จะกลับไปใช้ยาตามขนาดเดิมใหม่ ส่วนในรายที่เคยควบคุมอาการได้ดี แต่ต่อมา กลับมีอาการชัก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ปรับลดยาลง แพทย์ก็อาจจำเป็นต้องเพิ่มขนาดยาหรือปรับเปลี่ยนยาใหม่ จนกว่าจะควบคุมอาการได้

3. ในรายที่ใช้ยารักษาไม่ได้ผล หรือทนต่อผลข้าง-เคียงไม่ได้ อาจต้องส่งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำ การตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีที่ซับซ้อนขึ้น และอาจต้องรักษา ด้วยการผ่าตัดสมอง หรือใช้เครื่องกระตุ้นประสาทสมอง

ภาวะแทรกซ้อน

อาการหมดสติ ล้มฟุบ และชัก อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บ เช่น บาดแผลตามร่างกาย แผลจากการกัดลิ้นตัวเอง กระดูกหัก ศีรษะได้รับบาดเจ็บ เป็นต้นข้อสำคัญคือ อาจทำให้ได้รับอุบัติเหตุขณะขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร ขณะเล่นน้ำหรือว่ายน้ำ ปีนป่ายหรืออยู่ในที่สูง อยู่ใกล้เตาไฟ น้ำร้อนหรือของร้อน ซึ่งอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงถึงตายได้อาจทำให้เกิดการสำลักเศษอาหารลงปอด เกิดปอดอักเสบได้ผู้ที่มีอาการชักบ่อย อาจทำให้มีอุปสรรคต่อการทำกิจวัตรประจำวัน การเรียนหนังสือ และการทำงานได้ในรายที่เป็นโรคลมชักต่อเนื่อง หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที ก็อาจตายหรือพิการได้ ภาวะนี้มีอัตราตายถึงร้อยละ ๑๐-๒๐ผู้ที่เป็นโรคลมชักรุนแรงบางรายอาจเกิดภาวะเสียชีวิตกะทันหัน (sudden unexpected death in epilepsy) ขณะมีอาการกำเริบ แม้แต่เกิดอาการขณะอยู่ในที่ที่ปลอดภัย (เช่น บนเตียงนอน) ก็ตาม สันนิษฐานว่าเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) และภาวะขาดอากาศหายใจ (suffocation) ขณะชัก มักเกิดกับผู้ที่ยังควบคุมอาการชักไม่ได้ผลดีและมีการขาดยารักษาส่วนความบกพร่องทางอารมณ์และสติปัญญาที่พบในผู้ป่วยโรคลมชักบางรายนั้น มักไม่ได้เป็นผลจากโรคลมชักโดยตรง แต่เกิดจากสาเหตุหรือความผิดปกติทางสมองที่พบร่วมกับโรคลมชัก

การป้องกัน โรคลมชัก

โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อมีอาการชักเกิดขึ้นแล้ว ควรหาทางป้องกันไม่ให้อาการกำเริบขึ้น ด้วยการกินยากันชักตามขนาดที่แพทย์แนะนำ และผู้ป่วยต้องหลีกเลี่ยงสาเหตุที่กระตุ้นให้อาการกำเริบ

ขอบคุณที่มาจาก : www.doctor.or.th




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2557   
Last Update : 11 มิถุนายน 2557 20:13:09 น.   
Counter : 1295 Pageviews.  

น้ำฝรั่ง ช่วยลดไขมันในหลอดเลือด

รู้หรือไม่? ฝรั่งนั้นมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด ฝรั่งเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ง่าย มีตลอดทั้งปีและราคาไม่แพง แต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ฝรั่งมีวิตามินสูง ใช้แก้ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเดิน ระงับกลิ่นปาก แก้บิดมูกเลือด ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน บำรุงเหงือกและฟัน บำรุงผิวพรรณ และมีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยลดสารพิษในร่างกาย ช่วยลดระดับไขมันในหลอดเลือด ป้องกันไม่ให้ไขมันจับที่ผนังหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเลือดแข็งตัวได้ บางคนอาจจะไม่ชอบรับประทานฝรั่งสดๆ วันนี้เราเลยมีสูตรการทำ น้ำฝรั่ง มาฝากค่ะ ไม่ยากเลย

gvava

ส่วนผสม

  • ฝรั่ง 2 ลูก
  • น้ำต้มสุก 200 กรัม
  • น้ำเชื่อม 15 กรัม
  • เกลือป่น 2 กรัม

วิธีทำ

  • นำฝรั่งมาล้างให้สะอาด และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ (ใช้แต่เนื้อฝรั่งนะคะ)
  • นำฝรั่งที่หั่นแล้วใส่ในเครื่องปั่น เติมน้ำต้มสุกและปั่นจนละเอียด
  • กรองด้วยผ้าขาวบาง เติมน้ำเชื่อมและเกลือ ชิมรสชาติตามใจชอบได้เลยค่ะ

น้ำฝรั่ง ทำไม่ยากเลยใช่ไหมคะ? ถ้าหากใส่ขวดที่สะอาดสามารถแช่เย็นไว้ได้ถึง 5-7 วันเลยค่ะ ลองทำแล้วแช่เย็นเก็บไว้ดื่มคลายร้อนและยังได้ประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วยค่ะ

เรียบเรียงโดย : health.mthai.com




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2557   
Last Update : 10 มิถุนายน 2557 20:56:40 น.   
Counter : 1149 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  100  101  102  103  104  105  106  107  108  109  110  111  112  113  114  115  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]