ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

5 เคล็ดลับ…สวยจากภายใน

เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนฝันอยากมีหุ่นสวย สุขภาพดี หลายคนคิดได้เพียงแค่การเริ่มต้นลดน้ำหนัก หากลดน้ำหนักมากจนเกินไปอาจจะหุ่นสวยแต่สุขภาพไม่ดี แต่จะทำอย่างไรให้หุ่นสวยและดีจากภายในสู่ภายนอก วันนี้เรามีวิธีง่ายๆ ด้วยการทำกิจกรรมเหล่านี้เพื่อให้คุณหุ่นสวย สุขภาพดีกัน

นอน งงมั้ยล่ะค่ะ ว่าการนอนจะทำให้เราหุ่นดีขึ้นได้อย่างไร เพราะทุกครั้งที่เรายังไม่นอน ร่างกายไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่าคุณกำลังทำอะไร แต่ร่างกายจะบอกเพียงแค่ว่า คุณกำลังเครียด และรู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังอยู่ใยภาวะอันตราย ดังนั้นเมื่อทุกครั้งที่คุณนอนไม่หลับระบบในร่างกายจะหลั่งสารคอติโซนออกมาอย่างอัตโนมัติ เพื่อเป็นการเก็บไขมันสะสมไว้เป็นเสบียง เหตุที่ร่างกายต้องนอนให้ครบทั้ง 8 ชั่วโมง เพื่อร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมา ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมันและซ่อมแซมร่างกาย

การทำอะไรเพลินๆ จนลืมตัว อาการที่คุณทำจะคิดว่าเริ่มรำคาญ ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำท่าทางเหล่านั้นตอนไหน เช่น กระดิกเท้า หมุนปากกา เขย่าขา เหล่านี้ช่วยเผลาผลาญไขมันได้ เพราะเคยมีการวิจัยออกมาว่าอาการเหล่านี้ถูกทำออกมาจากจิตใต้สำนึกที่ไม่รู้ตัว จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ แม้จะเป็นกิริยาที่ออกแรงเบาๆ แต่การกระทำนี้ถ้ารวมกันเป็นปี จะช่วยให้คุณลดไขมันได้เป็นพันแคลอรี่

หัวเราะ ก็ช่วยให้คุณหุ่นดีได้ เพราะการหัวเราะจะนำสารแห่งความสุข ทำให้ร่างกายหลั่งสารคอติโซนออกมาน้อย ทำให้ไม่มีการเก็บสะสมไขมัน ที่สำคัญอย่าเครียด อาการเครียดจะส่งผลให้คุณกิน กิน กิน เพื่อให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น

ดูโทรทัศน์ให้น้อยลง และออกไปทำกิจกรรมอื่นๆ ให้มากขึ้น หรือการยืนให้มาก ไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรที่เปลี่ยนจากการนั่ง เป็นการยืนให้ได้มากที่สุด จะทำให้คุณได้ออกแรงช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและสามารถเผาผลาญได้ดีขึ้น เลี่ยงการกินหน้าจอทีวีโดยเด็ดขาดเพราะการกินหน้าจอจะทำให้คุณกินเพลิน จนทำให้ร่างกายสะสมไขมันส่วนเกินมากเกินไป

นั่งสมาธิ หายใจลึกๆ การหายใจเป็นการสูดออกซิเจนเข้าไปมากขึ้น เมื่อร่างกายได้รับออกซิเจนเข้าไปจะช่วยเผาผลาญและยังช่วยให้อวัยวะต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2555   
Last Update : 4 สิงหาคม 2555 20:21:12 น.   
Counter : 2065 Pageviews.  

พฤติกรรม "แอ๊บแบ๊ว" ของวัยรุ่นไทย

เคยได้ยินคำว่า "แอ๊บแบ๊ว" กันมั้ยคะ? เอ็นทรี่นี้ไม่ได้เขียนโดยใช้ reference จากตัวเองแน่ๆ ค่ะ แต่รู้สึกว่าอาการนี้กำลังระบาดไปทั่วจริงๆ เป็นยังไงมาดูกัน..


(นางแบบจากจีน หรือใต้หวันนี่ล่ะนะ)

"แอ๊บแบ๊ว"เป็นอาการทาง จ(ริ)ต ชนิดหนึ่ง มักเกิดขึ้นในเพศหญิงช่วงแรกสาวเป็นต้นไป แต่เดี๋ยวนี้เริ่มลุกลามในผู้ชายกะเทยและเพศใกล้เคียงด้วย โรคนี้จะมีอาการควบคู่ไปกับภาวะแทรกซ้อน ที่แสดงออกทางอวัยวะต่างๆ ของร่างกายดังนี้

1.ดวงตา
จากที่เคยมีลูกตาขนาดปกติไม่ว่าขนาดใดก็ตาม คนที่"แอ๊บแบ๊ว"จะมีดวงตากลมบ้องแบ๊ว เกิดประกายวิบวับขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ (สันนิษฐานว่าเป็นที่มาของคำว่าแอ๊บแบ๊วนั่นเอง) ถ้านึกภาพไม่ออกแนะนำให้ไปดูเอ็มวีเพลงปูของเนโกะจั๊มพ์ อะโนโนโน่อย่างนี้ไม่ดี.. ช็อตทื่สองสาวเล่นกับกล้องนั่นแหละใช่เลย!

อุปกรณ์เสริมความแบ๊วในข้อนี้ได้แก่ ที่ดัดขนตา, มาสคาร่าและอายไลเนอร์ ที่จะช่วยขับให้ตาแบ๊วขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เดี๊ยวนี้มีคอนแท็คเลนส์ประเภทเพิ่มขนาดลูกตาดำด้วย..แม่เจ้า!!!

แต่มีข้อแม้ว่าควรมีทักษะในการเสริมแต่งนิดนึง เพราะเคยเห็นสาวๆหลายคนทามาสคาร่าหนาเป็นปื้น ขนตาจับเป็นก้อนๆเหมือนขาแมลงวัน อันนั้นออกแนวสยองแล้วล่ะค่ะ

เมื่อตาโตขึ้นแล้วอวัยวะข้างเคียงที่จะมีผลกระทบก็คือคิ้ว ที่จะเลิกขึ้นนิดๆหัวคิ้วจะหดเข้าหากันนิดนึง
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนแอ๊บแบ๊วมีสีหน้าดูสงสัยไร้เดียงสาอยู่ตลอดเวลา สายตาแบบนี้เพื่อนชายหลายคนของอิชั้นสารภาพว่าเห็นแล้วถึงกับร้องอ๊าง ง ง ง  ...สาวคนไหนจะลองทำตาแบ๊วดูก็ไม่ว่ากันค่ะ

2.แก้ม
อยากรู้จังว่าใครคือมนุษย์คนแรกที่ตัดสินว่า ผู้หญิงแก้มป่องคือผู้หญิงน่ารัก แก้มป่องจึงเป็นอาการแบ๊วอันดับสองที่ขาดไม่ได้ 
ลำพังคนที่แก้มป่องเป็นธรรมชาติก็ถือเป็นโชคดีของเค้าไปค่ะ แต่สำหรับคนที่แก้มตอบโหนกปูดกรามสองข้างทำมุมฉากซึ่งกันและกัน เราก็จะได้เห็นอาการพยายามอมลมไว้ในปากแล้วดันกระพุ้งแก้มให้ป่องออกมาจนกระทั่งดูน่าหยิกเล่น (อิชั้นเคยลองดูแล้วรู้สึกเหมือนอมน้ำยาบ้วนปากแล้วลืมบ้วนทิ้ง) คนที่แอ๊บแบ๊วจนชำนาญก็จะขนาดแก้มที่ป่องกำลังดีดูน่ารัก แต่สำหรับแบ๊วมือใหม่หลายคนก็พลาดกะไซส์แก้มผิด ป่องเป็นปลาทองรักเร่หรือไม่ก็ชิพกับเดลล์เพิ่งผ่าฟันคุด ก็ถือว่าต้องฝึกกันอีกเยอะ..ได้ไม่ต้องกังวล เพราะถ้าแก้มยังทำให้คุณดูแบ๊วไม่สมใจละก็..ปากยังช่วยคุณได้ค่ะ

เด็กแว่น แอ๊บแบ๊ว สาวน่ารัก

3.ปาก
ไม่ว่าตามปกติใครจะมีริมฝีปากไซส์อ้อมพิยดาหรือจอยรินลณี ปากของสาวแอ๊บแบ๊วจะถูกกำหนดให้มีริมฝีปากบนบางๆ แล้วยกเชิดขึ้นจนเห็นฟันคู่หน้านิดๆแบบอั้มพัชราภา/แตงโม /เมย์พิชนาฏ/กิ๊บซ่ากิ๊บซี่เกิร์ลลี่เบอรี่และดาราอีกเป็นสิบคน ที่ถ่ายรูปลงหนังสือกี่เล่มๆ ก็ทำปากแบบเดิมได้ตลอดเวลา 
ส่วนริมฝีปากล่างขณะแอ๊บแบ๊วนั้นมีข้อบังคับว่า ห้ามเผยอออกมาจนห้อยย้อยแบบโน๊ตเชิญยิ้มเด็ดขาด แต่ต้องเกร็งไว้นิดๆเบะคางให้ดูคล้ายแอบงอนใครมาหน่อยนึง และทีเด็ดคือต้องยิงมุมปากให้เบี้ยวไปข้างที่ถนัดข้างใดข้างหนึ่งพอประมาณ หน้าแบ๊วที่ออกมาจะดูแก่นเซี้ยวแสนซนและทำให้แอบคิดไปเองได้ว่า "ตอนนี้เราหน้าเหมือนโฟร์แล้วล่ะตะเอง.." 

อย่าลืมรักษารูปปากไว้ตลอดเวลาที่พูดคุยด้วยนะคะ เสียงที่ออกมาจะได้อ้อมแอ้มพูดไม่ชัดน่ารักน่าถีบเอ๊ย!น่าจีบขึ้นอีกจมเลย

4.เสียง
เสียงเป็นอาการทางกายภาพข้อสุดท้ายของโรคแอ๊บแบ๊ว เสียงมาตรฐานการแอ๊บแบ๊วคือเสียงเล็กๆอู้อี้นิดๆอ้อนหน่อยๆ ประมาณน้องเบเบ้หรือจิ๊บปกฉัตรอะไรแถบๆ นี้ ใครที่เคยสอบอ่านร้อยแก้วร้อยกรองแล้วได้คะแนนเต็มมา อาจจะต้องไปตัดปลายลิ้นตัวเองก่อนจึงจะออกเสียงแบ๊วๆแบบนี้ได้ 
น้ำเสียงที่นิยมแอ๊บแบ๊วคือlevelตั้งแต่ 2 เป็นต้นไป ทำอย่างไรก็ได้ให้ผิดอักขระวิธีให้มากที่สุดเช่น 

  • จริงเหรอออกเสียงเป็นจิ๊ง-ง๋ออออออ??
  • ใช่ไหมเป็นชิเมะ?/ชิป้ะ?/ชิม้า?
  • ไม่เอาเป็นมิอาวววว
  • คือว่า,เอ่อเป็นคึ่บั่บ/คึ่แบ๊บ/เอิ่ม/อึ่มมม
  • อะไรน่ะเป็นอึ่หล่ายอ้ะ?เป็นต้น

ตัวอย่างประโยค

"อ้าวสวัสดีแกไม่ได้เจอกันนานมากคิดถึงสุดๆ ไปกินข้าวที่สยามกันมั้ยเดี๋ยวพี่ชายเราไปส่งล่ะ"

เป็น"ฮั้ย!สัสดีแกร..มะได้เจ๊อกึนนานม๊ากกกคิดถึ่งซูดซู๊ดดด ไปกินค๊าวที้ซึ่หย่ามกึนเมะเด๋วพี๊..ชายเราป้ะส่งแหละ" ฯลฯ

วิธีฝึกง่ายๆ ก็คือยืนหน้ากระจกฝึกทำหน้าให้แบ๊วที่สุด แล้วลองอ่านข้อความเหล่านี้อัดเสียงใส่เทปเอาไว้ ถ้าเปิดฟังแล้วรู้สึกอยากกระโดดถีบตัวเองเมื่อไหร่ แสดงว่าคุณผ่านการ"แอ๊บแบ๊ว"ระดับเบสิคได้แล้วล่ะค่ะ

เด็กแว่น แอ๊บแบ๊ว สาวน่ารัก


//webboard.yenta4.com/topic/75269




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2555   
Last Update : 3 สิงหาคม 2555 21:14:56 น.   
Counter : 2761 Pageviews.  

ไวรัสตับอักเสบซี โรคที่หนุ่มสาวพึงระวัง

ไวรัสตับอักเสบซี

ไวรัสตับอักเสบซี โรคที่หนุ่มสาวพึงระวัง (ไทยโพสต์)

หลาย คนคงคุ้นหูกับโรคไวรัสตับอักเสบเอและบี แต่ความเป็นจริงแล้วยังมีไวรัสตับอักเสบอีกหนึ่งชนิด ที่มีความรุนแรงไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “โรคไวรัสตับอักเสบซี” ซึ่งโรคไวรัสตับอักเสบซี ไม่ใช่โรคใหม่ในทางการแพทย์  เพราะค้นพบมากว่า 12 ปี แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร แม้อาการที่แสดงและความรุนแรงของโรคไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

รศ.พญ.วัฒนา สุขีไพศาลเจริญ หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น  เผยถึงโรคไวรัสตับอักเสบซีว่า เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดตับอักเสบได้อีกชนิดหนึ่ง สามารถทำให้เกิดตับอักเสบทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง ตลอดจนตับแข็งและมะเร็งตับ

ความรุนแรงของเชื้อไวรัสชนิดนี้คือ เป็นตับอักเสบเรื้อรังมากกว่าชนิดอื่น และยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันเหมือนไวรัสตับอักเสบบี เนื่องจากผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีแบบเฉียบพลัน มักไม่ค่อยมีอาการ จึงไม่มีการรักษาโรคใด ๆ เพราะผู้ป่วยยังเป็นปกติเหมือนเดิม

แต่ถึงแม้ผู้ป่วยที่มีอาการแสดงของการอักเสบเฉียบพลัน ปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อมูลใด ๆ ที่ยอมรับว่าได้ผล ดังนั้นจึงเป็นการดูแลรักษาตามอาการเท่านั้น เช่น ถ้าอ่อนเพลียมาก แนะนำให้พักผ่อน ไม่นอนดึก รับประทานอาหารตามปกติ ไม่มีความจำเป็นต้องดื่มน้ำหวาน ยกเว้นว่าถ้ามีอาการคลื่นไส้อาเจียน ในระยะเริ่มแรกก็ให้หลักเลี่ยงอาหารมัน รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น น้ำหวาน และเมื่ออาการอักเสบดีขึ้น ก็กลับมารับประทานอาหารตามปกติ แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ส่วนใหญ่จะกลายเป็นโรคเรื้อรัง และมีการดำเนินของโรคไปเรื่อย ๆ จนถึงสภาพตับเสื่อม และตับวายในที่สุด ดังนั้นในผู้ป่วยที่ตับอักเสบเรื้อรัง จึงสมควรได้รับการรักษา

การ ติดต่อของโรคไวรัสตับอักเสบซี สามารถติดต่อได้ทางเลือดและผลิตภัณฑ์ของเลือดทุกชนิด อาทิ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน การฉีดยากับหมอเถื่อน การสัก การเจาะหู โดยใช้อุปกรณ์ที่ไม่มีมาตรฐาน การฟอกไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง การติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (ในลักษณะสำส่อนทางเพศ) การติดต่อจากแม่ไปสู่ลูก  หรือการติดต่อในครอบครัว เป็นต้น

แต่ ใช่ว่าจะต้องตื่นตระหนก หากพบบุคคลในครอบครัวเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี คุณหมอบอกว่า “การติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในคู่สามี-ภรรยาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นโรคนี้ จะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะโอกาสติดเชื้อไปสู่อีกคนหนึ่งค้อนข้างน้อย ไม่จำเป็นต้องป้องกันด้วยถุงยางอนามัย แต่ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงที่ทำให้เกิดบาดแผล และหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ขณะที่มีประจำเดือนเท่านั้น”

สำหรับครอบครัวใดที่มีบุตรหลาน หรือญาติที่ป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบซี ก็มีคำแนะนำสำหรับวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้นดังนี้

1.หยุดรับบริจาคเลือด

2.แยกอุปกรณ์มีคม เช่น มีดโกน กรรไกรตัดเล็บ แปรงสีฟัน ไม่ใช้ปนกับของคนอื่น

3.งดการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน

4.การสัก เจาะ ควรใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน และห้ามนำไปใช้กับคนอื่น

5.งดการดื่มแอลกอฮอลล์ เพราะการดื่มสุราเพียง 20-30 กรัมต่อวัน (เบียร์ 1 กระป๋อง หรือไวน์ 1  แก้ว) จะเพิ่มความรุนแรงของตับมากขึ้น และถ้าดื่มมากกว่า 50 กรัมต่อวัน จะย่นระยะเวลาให้เกิดตับแข็งเร็วขึ้น

6.หลีกเลี่ยงสารพิษอื่น ๆ เช่น อาหารเสริม สมุนไพร ที่ไม่ทราบส่วนประกอบหรือผลข้างเคียง เพราะอาจทำให้ตับอักเสบขึ้น หรือเกิดตับแข็งเร็วขึ้น

7.หลีกเลี่ยงพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ หรือพฤติกรรมทางเพศที่รุนแรง

8.ควรมาพบแพทย์ทุก 3-6 เดือน แม้จะไม่มีอาการอะไร หรือมาตามนัดของแพทย์ทุกครั้ง เพื่อตรวจว่ามีตับอักเสบหรือไม่ หรือเริ่มเป็นตับแข็งหรือยัง หรือเพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มแรก

นอก จากนี้ คุณหมอยังเตือนหนุ่มสาวที่รักสวยรักงามทั้งหลายว่า “สำหรับวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาวที่ต้องการความสวยงามและนิยมการสัก การเจาะตามอวัยวะต่าง ๆ ควรจะต้องระมัดระวังเรื่องมาตรฐานของอุปกรณ์ที่ต้องได้คุณภาพ และสถานประกอบการที่มีมาตรฐาน มีความรับผิดชอบในการทำงาน ไม่นำอุปกรณ์ที่ใช้แล้วมาใช้กับคนอื่นอีก เพราะโรคนี้เป็นแล้วเป็นเลยและส่งผลกระทบถึงชีวิตและความเป็นอยู่ อีกอย่างคือวัคซีนสำหรับการป้องกันยังไม่สามารถค้นพบได้ ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อที่ดีที่สุด คือ พยายามหลีกเลี่ยงการรับเลือด หรือผลิตภัณฑ์ของเลือดโดยไม่จำเป็นจะดีที่สุด”




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2555   
Last Update : 3 สิงหาคม 2555 21:13:47 น.   
Counter : 1577 Pageviews.  

คำสอนดีๆ จากแม่

แม่คงสอนให้ลูกฉลาดไม่ได้
ลูกต้องเรียนรู้และฉลาดด้วยไหวพริบและกึ๋นของลูกเอง

แม่อยากให้ลูกคิด และมองโลกในแง่ดี
อย่าคิดว่าใต้ฟ้านี้มีแต่เรื่องทำไม่ได้ เป็นไม่ได้
หัดคิดให้เป็นบวกไว้แหละดี

แม่อยากให้ลูกหัดฝัน
เมื่อไรลูกฝันเป็น ..ไม่ว่าจะเป็นใฝ่ฝัน หรือความฝัน
ลูกจะรู้ว่าโลกนี้มันน่าอยู่เพียงไหน

แม่อยากให้ลูกพูดแต่เรื่องดี พูดแต่เรื่องสวยงาม
จงเป็นคนสุดท้ายที่ให้ร้ายคนอื่น และจงเป็นคนแรกที่ให้กำลังใจและชื่นชม

แม่อยากให้ลูกทำเรื่องแปลกๆ
ลูกไม่จำเป็นต้องเดินตามชีวิตประจำวันของใคร
อย่าเก็บความคิดแปลก เพียงเพราะเห็นว่ามันไม่เหมือนใคร

แม่อยากสอนให้ลูกกล้าแดด กล้าฝน
เพราะภายใต้ไออุ่นของดวงอาทิตย์ลูกจะได้รับวิตามินดี
และภายใต้ฟ้าที่มีฝน มันจะทำให้ลูกร้องไห้โดยไม่มีใครเห็นน้ำตา

แม่อยากสอนให้ลูกออกกำลังกายทุกวัน
อย่างน้อยคนเราก็ต้องเคลื่อนไหวทะมัดทะแมง ลูกได้ออกแรงเสียบ้าง
ลูกจะแข็งแกร่งไม่อ่อนแอ

แม่อยากให้ลูกยิ้ม และอยู่กับโลกด้วยความรัก
ยิ้มอาจจะไม่ชนะทุกสิ่ง ยิ้มมากๆอาจจะดูเหมือนคนบ้า
แต่มันก็ดีกว่าหน้าบึ้งหน้างอเป็นไหนๆ

แม่อยากสอนให้ลูกรู้จักอดทน
ลูกต้องเรียนรู้ว่าลูกไม่มีทางได้ทุกๆอย่างที่ลูกหวังไว้
อดทนและอย่าได้เสียกำลังใจ อย่าท้อและขอให้
เริ่มใหม่อย่างมีพลัง

แม่อยากสอนให้ลูกเขย่งขาขึ้นให้สูง
ไม่มีอะไรที่สูงไปกว่าสองมือเราจะเอื้อมคว้า
เพียงแค่ว่าเรายืนยันที่จะไม่ยืนอยู่กับที่

แม่อยากสอนให้เจ้ามีความสุข..แต่อย่าลืมทุกข์ด้วยล่ะลูก
คนที่ไม่เคยมีความทุกข์
เขาสุขจริงๆไม่เป็นหรอก เจ้าเอย

ไอคิวมันติดมาแต่บนฟ้าลูกจ๋า ไม่ฉลาดก็มีความสุขได้ไม่ต้องห่วง
อย่าน้อยใจถ้าตามใครเขาไม่ทัน อย่าเสียขวัญถ้าเราช้ากว่าใครๆ

อีคิวมันต้องหาเองบนโลกนี้ลูกเอ๋ย ไม่ฉลาดก็น่ารักและมีความสุขได้
"อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุง ลูกมีกำลังใจเป็นถุงจากแม่ ไม่ต้องกลัว"

ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง ที่มา : Forward Mail




 

Create Date : 03 สิงหาคม 2555   
Last Update : 3 สิงหาคม 2555 21:02:26 น.   
Counter : 1866 Pageviews.  

คุณพร้อมจะแต่งงานแล้วรึยัง

SEX,XXX,เซ็ก,เซ็กส์,เซ็กซ์,ประสบการณ์,ความรัก,ร่วมเพศ,เทคนิคบนเตียง,เรื่องบนเตียง,ร่วมรัก,เพศ,รัก,XX



ช่วงนี้คู่ไหนๆต่างก็จูงมือเข้าสู่ประตูวิวาห์ แล้วตัวคุณล่ะ พร้อมที่จะเป็ฯฝั่งเป็นฝาแล้วหรือยังนะ

1.ทำไมคุณถึงจะแต่งงาน
a เพราะเพื่อนๆสละโสดกันไปหมดแล้ว และฉันก็เบื่อความโสดเต็มที
b ฉันคิดว่าฉันมีวุฒิภาวะมากพอแล้วที่จะรับผิชอบหน้าที่ภรรยา

2.คุณรู้และเชื่อมั่นในเรื่องราวชีวิตในอดีตของคนรักของคุณไหมa
ฉันไม่สนใจในจุดนั้นเลยแล้วก็ไม่ได้ไว้ใจเขาอย่างเต็มที่หรอกนะ
b เราได้คุญกันแล้วและเราไว้ใจกันและกัน

3.คุณได้ใช้เวลาบอกเล่าถึงความต้องการส่วนตัวและความคาดหวังกับคู่ของคุณรึยัง
a ไม่ล่ะ ฉันชอบเซอร์ไพรส์มากกว่า
b เรียบร้อยแล้ว และเราก็แฮปปี้ ยอมรับกันทั้งสองฝ่าย

4.คุณชอบเขาจริงๆหรือแค่หลงในหน้าตาที่ดูดีของเขา
a ฉันชอบรุปร่างหน้าตาเขาจริงๆ!
b ไม่เชิงหรอก ฉันแค่ชอบเขาในแบบที่เขาเป็น

5.คุณคิดว่าคุณกับคนรักรู้จักกันดีมากแล้วรึยัง
a อืม…เราเดทกันไม่กี่ครั้ง
b แน่นอน

6.คุณคิดว่าคุณจะมีความสุขกับเขาไหม
a ไม่รู้สิ มันขึ้นอยู่กับพรหมลิขิต
b ฉันจะมีความสุขกับเขาอย่างที่สุด

7.คุณจะยอมรับไหมที่ต้องประนีประนอมด้วยการปรับความต้องการของตัวเองสักหน่อย
a ฉันไม่ต้องการผ่อนผัน ฉันต้องการให้เขาเข้าใจความต้องการของฉัน
b แน่นอน ทำไมล่ะ ฉันทำได้อยู่แล้วเมื่อจำเป็น

ลองนับคะแนนกันแล้วดูเฉลยดังนี้

คำตอบส่วนมากเป็นข้อ a คุณยังต้องการเวลาอีกก่อนที่จะแต่งงาน การแต่งงานไม่ใช่แค่การสละโสดนะ คนทั้งสองต้องมีความเข้าใจและยืนหยัดด้วยกัน เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบเลย รอเจอใครสักคนที่คุณพร้อมจะใช้ชีวิตร่วมด้วยจริงๆดีกว่า

คำตอบส่วนมากเป็นข้อ b คุณพร้อมแล้วที่จะแต่งงาน พวกคุณเหมาะสมกันแล้ว คุณตื่นเต้นที่จะได้แต่งงานและโตพอที่จะพร้อมรับมือกับอนาคตในมือของคุณทั้งคู่ ขอให้มีชีวิตคู่ที่แฮปปี้นะ

ขอขอบคุณ นิตยสาร Lisa




 

Create Date : 02 สิงหาคม 2555   
Last Update : 2 สิงหาคม 2555 20:31:04 น.   
Counter : 1661 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]