Group Blog
 
All blogs
 

ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ของรัชชี่ (ตอน 1)



วันสุดท้ายของปลายปี 2551 เป็นปีแรกที่ฉันได้ไปสถานที่ปฏิบัติธรรมของคุณแม่สิริ (ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย) ที่อยู่แถวเพชรเกษม

ตามโปรแกรมเริ่มตั้งแต่กลางวันวันที่ 31 ธ.ค. ไปจนถึงกลางวันอีกวันของวันที่ 1 ม.ค. อยู่สวดมนต์ข้ามปีได้ ถ้าเหนื่อยก็เปิดห้องพักได้ค่ะ ฉันไปถึงตั้งแต่เที่ยงและกลับออกมาตอนหนึ่งทุ่มค่ะ (เป็นผู้ใหญ่อนามัย ^_^ อยู่ไม่ไหวค่ะ)



รูปสถานที่

พระรูปแรกมาบรรยายแทนพระศรีญาณโสภณ วัดพระราม 9 อายุยังไม่มากเลย หน้าตาดีด้วย พระเล่าว่าเมื่อตอนอายุ 19 ปีก็เคยเป็นฆราวาสมาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม 7 วันที่นี่แหละ ไป ๆ มาก็ซึ้งในพระธรรม ก็เลยบวชค่ะ

พระเล่าว่าแม้ ณ วันนี้บวชเป็นพระแล้ว ก็ยังต้องคอยเจริญสติอยู่เนือง ๆ มีช่วงหนึ่งที่พระไปอยู่ที่วัดไทยในประเทศอังกฤษ 2 ปี มีร้านอาหารไทยนิมนต์ท่านไป ในร้านเปิดเพลงอยู่เพลงหนึ่ง แค่ช่วงแว้บเดียว พระสามารถนึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับท่านในช่วงวัยรุ่น ณ วันเวลาของเพลงนี้ แต่แล้วท่านก็เตือนสติตัวเองให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน

พบพระ “แทนคุณ” มาบรรยายธรรมด้วยค่ะ (จำกันได้มั้ยคะ อดีตพิธีกรหลายรายการ เช่น อัจฉริยะข้ามคืน) มาเวลากำลังเหมาะเลยค่ะ ช่วงบ่าย ๆ ฉันเริ่มง่วงนิด ๆ (นิสัยไม่ดีเนาะ) พระแทนคุณให้ทำกิจกรรมเดินจงกรม คือให้จับคู่กัน แล้วผลัดกันให้คนหนึ่งยืนข้างหน้า หลับตา คนหลังใช้สัญลักษณ์มือกำกับคนข้างหน้าให้รู้ว่าจะไปทางไหน ถ้าเป็นสัญลักษณ์นิ้วชี้แตะหลัง หมายถึงเดินไปข้างหน้า ถ้าแตะไหล่ขวาหรือซ้าย คือเดินไปทางขวาหรือซ้าย ถ้าแตะทั้งหลังมือ หมายถึงหยุด

แปะรูปตอนเป็นฆราวาส เผื่อจะจำกันได้ค่ะ



ขณะที่ฉันเป็นคนข้างหน้า ฉันได้เรียนรู้ว่าการที่จะเดินไปข้างหน้า โดยหลับตานั้น ต้องมีความไว้ใจคนข้างหลังอย่างมาก ที่จะทำให้ไม่เดินชนแถวอื่น ๆ (ให้นึกถึงภาพห้องประชุมใหญ่ ๆ นะคะ แล้วมีคนเต็มห้อง)

หลังจากทดลองแบบ 2 คน พระ “แทนคุณ” ให้เพิ่มเป็น 4 คน เป็น 8 คน เป็น 12 คน เช่นในกรณี 12 คน 11 คนแรกยืนหลับตาหมดเลย และยึดตามสัญลักษณ์ของคนสุดท้าย ทำกันเป็นทอด ๆ

เบื้องหลังกิจกรรมนี้ที่พระ “แทนคุณ”สอนและฉันสัมผัสได้คือ วัน ๆ เราทำทุกอย่างตามที่จิตสั่ง ตรงไป ซ้าย ขวา สารพัด ยิ่งจำนวนแถวยิ่งยาว จะยิ่งเห็นเลยค่ะว่าบางครั้งบิดเบี้ยวขนาดไหน เพราะคนที่อยู่ระหว่างกลางอาจเผลอสติที่จะรู้ว่าคนข้างหลังแตะเราด้วยสัญลักษณ์ใด เพื่อที่จะได้ทำสัญลักษณ์ดังกล่าวบอกคนข้างหน้าเราตามนั้น

ดังนั้นสิ่งสำคัญ คือ เราควรฝึกเจริญสติ นี่คือพื้นฐานที่สำคัญของศาสนาพุทธที่แตกต่างจากศาสนาอื่น
1 ทำดี
2 ละชั่ว
3 ทำจิตให้ผ่องใส
ข้อ 3 นี่ล่ะค่ะคือ hilight (วัน ๆ ฉันสติแตกประจำค่ะ ^_^ จิตส่งออกประจำ)
บอกนิยาม "จิตส่งออก" ให้น้อง ๆ เด็ก ๆ คือขณะที่เราทำกิจกรรมใดอยู่ แต่จิตเราไปคิดเรื่องอื่น ไม่ได้อยู่กับสิ่งที่เราทำ เป็นกันมั้ยคะ


ได้ฟังธรรม สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ฉันถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ชิ้นโตประจำปีนี้เลยค่ะ



คิดถูกแล้วค่ะที่ใส่เสื้อสีขาวมา แต่ใส่กางเกงสีน้ำตาล (ส่วนใหญ่เขาใส่ชุดขาวกันหมด) เกือบหยิบเสื้อสี แต่เป็นสีอ่อน ๆ มาใส่แล้ว ดีแล้วไม่งั้นคงรู้สึกแปลก ๆ

จำนวนคนที่มาเยอะมาก จนไม่น่าเชื่อ พิธีกรแจ้งว่าจำนวนคนลงทะเบียน 1,700 คน แปลกนะทำไมคนจำนวนนี้ถึงมา countdown กันที่นี่ แทนที่จะไปสถานบันเทิง (อ้อ ! ต้องกลับมาถามตัวเองเหมือนกันด้วยซีว่าทำไม ^_^ ) มีเด็ก ๆ อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ มากับครอบครัว นั่งตาแป๋วฟังพระ หนุ่ม ๆ สาว ๆ เพียบค่ะ

ก่อนกลับ ฉันแวะช็อปปิ้งร้านหนังสือในนั้นมาด้วย “รู้ทันกรรม รู้ทันโลก” โดยพระภาสกร ภูริวทฒโน (ภาวิไล) ชื่อเดิมคือ นิรันดร์ ภาวิไล เป็นบุตรของ ศ.ดร.ระวี ภาวิไล จบการศึกษาวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกข์) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เนื้อหาในหนังสือเป็นการเน้นย้ำให้เห็นความสำคัญของหลักคำสอนเรื่องกรรม และประยุกต์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์มาอธิบายคำสอนของพระพุทธเจ้าให้คนธรรมดา ๆ (เช่นฉัน) เข้าใจ



ช่วงปีใหม่ ถือเป็นเทศกาล Car free day ของฉันด้วยค่ะ ขากลับที่ฉันเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ยังหวั่น ๆ มหาชนที่จะไป countdown ที่ Central World ค่ะ โชคดีมาก ๆ รถไม่แน่นนัก คงเป็นเพราะพวกเขาเดินทางไปถึงกันเรียบร้อย เพราะช่วงอยู่บนรถไฟฟ้าผ่านบริเวณนั้น เห็นฝูงชนยืนแน่นขนัดด้านล่างเลยค่ะ

พูดถึงเรื่อง countdown ฉันเพิ่งนึกถึงเหตุการณ์ผับ “ซานติก้า” ขอบุญบารมีของพระปฎิบัติที่มาบรรยายที่ยุวพุทธิกสมาคม และกระแสธรรมอันเกิดจากกลุ่มคนพันกว่าคน จงมีไปถึงกลุ่มผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นให้ไปสู่สุคติด้วยค่ะ




ท้ายนี้ขอขอบพระคุณผู้ที่พาไปด้วยนะคะ เป็นของขวัญปีใหม่ที่ดีเยี่ยมเลยค่ะ

.....รัชชี่ ณ 31 ธ.ค. 51..... บันทึก ณ 6 ม.ค. 52





An Affair To Remember (Piano) - Instrumental




 

Create Date : 06 มกราคม 2552    
Last Update : 6 มกราคม 2552 20:19:30 น.
Counter : 1087 Pageviews.  

เหตุเกิดที่ไปรษณีย์และรถไฟฟ้า



ที่มาของ Blog หมวดนี้

เกริ่นนิดหน่อยค่ะ จากที่เขียน Blog ในรูปแบบหลากหลาย "ท่องเที่ยวใน/
ต่างประเทศ" "ไดอารี่ภาคภาษาไทย – ภาคภาษาอังกฤษ"
"จักร ๆ วงศ์ ๆ ฝรั่ง"

ล่าสุดฉันเกิดความคิดอยากเขียนเรื่อง “ธรรมะสบาย ๆ สไตล์รัชชี่” (แม้ว่าความรู้ธรรมะของตัวเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยว) แต่จากที่อ่านหนังสือธรรมะบางเล่ม ชอบตรงที่บางประโยคที่ได้จากการอ่านมันกระแทกใจตัวเอง ทำให้เห็น “นางมารร้าย” ที่ซ่อนในใจตัวเองบางขณะ แต่เรื่องราวที่อ่านส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องราวของคนอื่น หรือเรื่องเล่ามา

ฉันอยากเขียนในรูปแบบสบาย ๆ โดยยกประสบการณ์ตัวเองแบบง่าย ๆ แล้วนำมาเชื่อมโยงกับธรรมะ (แต่กลัวว่าจะไม่มีคนอ่าน) ^_^

เพื่อนคนหนึ่งของฉันหลังจากทราบไอเดียฉันแล้วบอกว่า “ดีนะ เรื่อง case study ทำนองนี้ ลองเขียนดูสิ จะช่วยวิจารณ์ให้”

แม่มณี (ย่าชอบเล่า) จาก Bloggang บอกว่า “ เขียนซีคะ มีพวกเราชอบอ่านกันเยอะแยะค่ะ ช่วยกันอ่านอยู่แล้วค่ะ เอาประสบการณ์จากชีวิตจริง สอดแทรก ก็ดีค่ะ มันเข้าใจง่ายและใกล้ๆตัวดีค่ะ รับรองมีคนอ่านแยะค่ะ ส่วนน้อง Discipula แวะเข้ามา comment ว่า "พยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับ "ย่าชอบเล่า""

ดังนั้นคราวนี้ฉันขออาจหาญลอง sample ดูสักครั้งนะคะ




"เหตุเกิดที่ไปรษณีย์และรถไฟฟ้า"

เขาว่า “ความสุขจากการให้ จะสุขมากกว่าการรับ” ประโยคนี้เป็นจริงหรือ???

คนส่วนใหญ่ รวมถึงฉัน จะมีความสุขในการรับมากกว่าการให้ โดยเฉพาะเวลาได้ของขวัญต่าง ๆ แต่ความต้องการของคนเราก็ไม่มีที่สุด คิดว่าได้ของชิ้นนี้มาจะมีความสุขมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความสุขของของชิ้นนี้จะลดน้อยถอยลง จากนั้นก็จะอยากได้ของสิ่งใหม่เรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด

วันเสาร์ที่ผ่านมา ฉันไปส่งพัสดุที่ไปรษณีย์แถวบ้านที่เปิดทำการวันเสาร์ด้วย มีผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนแรกเธอไม่ได้ตั้งใจพูดกับฉัน เธอบอกคนอื่นว่าช่วยเขียนที่อยู่ให้หน่อย เธอยื่นกระดาษ 1 ใบ เขียนเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาไทย เธอกำลังจะส่งพัสดุ 2 กล่อง กล่องหนึ่งส่งไปประเทศญี่ปุ่น อีกกล่องส่งในประเทศไทย



แต่ไม่มีใครตอบรับ เพราะแต่ละคนก็มัวแต่สนใจเรื่องของตัวเอง วันนั้นฉันก็
สบาย ๆ ไม่รีบ เพิ่งซื้อกล่องพัสดุเสร็จ กำลังพับกล่อง จะใส่ของ ฉันบอกเธอว่า มาช่วยเขียนให้ เธอบอกว่าเขียนไม่เป็น ตอนแรกเข้าใจว่าเธอไม่รู้ภาษาอังกฤษอย่างเดียว ก็กะว่ากล่องที่สองให้เธอเขียนเอง แต่เธอบอกว่าอ่านและเขียนภาษาไทยก็ไม่ได้ด้วย จึงช่วยเขียนให้อีกกล่อง แต่สิ่งที่สงสัยอยู่นิด แต่ไม่ได้ถามนะคะ ก็เธอพูดภาษาไทย ดูแล้วก็ค่อนข้างชัด หรือว่าเธอเป็นชาวต่างชาติ ประเทศ
เพื่อนบ้าน????

แต่ที่แน่ ๆ ออกจากไปรษณีย์ด้วยความรู้สึกดี ๆ ภายในใจค่ะ

เมื่อวานนี้เอง ฉันเข้าเมืองโดยใช้บริการรถไฟฟ้า ขากลับ ตามตู้หยอดเหรียญ
แต่ละตู้ ค่อนข้างว่าง คนไม่เยอะ มีชาวตะวันตกผู้ชายคนหนึ่ง ยืนที่ตู้หยอดเหรียญก่อนฉัน เขาเดินถอยออกมาให้ฉันหยอดก่อน ตอนแรกเข้าใจว่าเขาอาจจะยังเลือกอยู่ว่าจะไปไหนดี แต่พอฉันได้บัตร BTS เรียบร้อยแล้ว ก็เห็นเขายังยืน ๆ อ่านอยู่ ความรู้สึกบอกฉันว่าเขาน่าจะมีปัญหานะ ฉันจึงตัดสินใจเดินเข้าไปถาม



"Where are you going??"
"Nana"
"O.K. Nana here is 20 Baht"

ฉันก็ชี้ ๆ บอกหมายเลข บอกราคา เขาถามต่อถึงจุดแลกเหรียญ ก็เลยพาเขาเดินไปเคาน์เตอร์เจ้าหน้าที่รถไฟฟ้า

นี่ก็อีกครั้ง ที่เป็นความรู้สึกอิ่มค่ะ ....... “อิ่มใจ”

นี่ละมั้งที่เขาว่า “ความสุขจากการให้ จะสุขมากกว่าการรับ”


......รัชชี่......









Youre The Inspiration - Chicago




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2551    
Last Update : 25 ธันวาคม 2551 7:31:28 น.
Counter : 380 Pageviews.  

1  2  

รัชชี่
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




พี่มานิต ประภาษานนท์ เป็นผู้ชักชวนเข้าสู่วงการการเขียนบล็อก ด้วยประโยคว่า
“จ๊ะเขียนบล็อกซี"

เริ่มเขียนบล็อก : 24 ก.ย. 51




สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก






Setting program for counting visitors since 7 Nov. 2009
free counters
New Comments
Friends' blogs
[Add รัชชี่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.