Group Blog
 
All blogs
 

วัดไตรมิตร.... โฉมใหม่



เป็นครั้งที่ 3 ที่ฉันได้ไปไหว้พระทองคำที่วัดไตรมิตร นับจากครั้งแรกตอนที่ยังประดิษฐานที่อาคารหลังเก่า ตอนนั้นที่เดินเข้าไปวัด ยังรู้สึกว่ารก ๆ อยู่เลย ยังมีการปิดทึบมุมที่สร้างพระมณฑปใหม่

วันปีใหม่ ฉันไปโต๋เต๋หลายที่ในวันเดียว วัดไตรมิตรตอนนั้นยังมีการกั้นบริเวณพระมณฑปไม่ให้เข้า เพราะยังอยู่ในช่วงทำบุญสวดมนต์ โดยเฉพาะให้ประชาชนเข้าไปร่วมสวดมนต์ตอนเทศกาลปีใหม่ด้วย เห็นเก้าอี้วางเรียงรายด้านล่าง

มาครั้งนี้ได้เห็นพระมณฑปเต็มรูปแบบสักที งดงามมาก มีการประดิษฐาน
พระทองคำอยู่ที่ชั้น 4 นอกจากนี้แล้วสถานที่นี้ยังได้จัดนิทรรศการที่ชั้น 2 และชั้น 3 ด้วย เป็นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าและให้ความรู้แก่ผู้คนที่กราบไหว้



























นิทรรศการชั้น 3 แสดงการหล่อพระทองคำ ยุคแรกที่พระทองคำได้มาอยู่ที่วัดไตรมิตรยังโบกปูนไว้ ไม่มีใครทราบว่ามีเนื้อทองด้านใน ต่อมาช่วงเคลื่อนย้ายปูนได้กะเทาะออกและทำให้เห็นเนื้อทองด้านใน นี่กระมังที่เรียกว่า "ทองเนื้อแท้" ยังไงก็เป็นทองจริง

แต่คนยุคปัจจุบันมองกันที่เปลือกที่ห่อหุ้มด้านนอกมากกว่า




มีมุมให้หยิบถุงใส่รองเท้า แล้วถือเข้าไปด้านในค่ะ ทางขึ้น ทางลง ทางเข้า ทางออกคือคนละฝั่ง เป็นระเบียบดีค่ะ ขาออกก็จะเจอจุดให้คืนถุงใส่รองเท้า




น้ำหนักองค์พระ 5.5 ตัน เป็นเนื้อทองถึง 75% ได้มีการบันทึกในหนังสือ
กินเนสบุ๊คด้วยว่าเป็นพระทองคำองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ฉันรู้ความเป็นมาของพระองค์นี้ทีไร ให้นึกเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของบางสิ่งที่บางครั้งเราก็คิดว่ามันมีอยู่จริงหรือ ไม่น่าเชื่อ แต่หลายครั้งก็ต้องให้อัศจรรย์ใจกับสิ่งที่มองไม่เห็น

จำลองการสร้างพระทองคำในยุคสุโขทัย



แสดงการพอกปูนทับ สันนิษฐานว่าสมัยนั้นเตรียมป้องกันข้าศึกศัตรูไม่ให้ทราบว่าเป็นทอง










มีมุมขายของที่ระลึกก่อนออกจากชั้นนี้





นิทรรศการชั้น 2 แสดงประวัติความเป็นมาของชุมชนชาวจีน
ก่อนเข้าไปชมจะมีซองอังเปาสีแดง ด้านในบรรจุกระดาษคำถาม 1 ใบ มีคำถามอยู่ 5 ข้อ ถ้าตอบได้อย่างน้อย 3 ข้อ (คำตอบก็อยู่ในนิทรรศการนั่นแหละ) ออกมาแล้วจะได้ของที่ระลึก เป็นกุศโลบายที่เข้าท่าที่ให้คนที่เข้าไปชมสนใจ




ปกติฉันก็เป็นคนชอบอ่านอยู่พอสมควร แต่ว่าเวลาไปชมอะไรนอกสถานที่ มักไม่ค่อยชอบยืนอ่านอะไรยาว ๆ อีกอย่างตอนนั้นเราเริ่มหิวกันแล้วใกล้เวลาอาหารกลางวัน ดังนั้นนิทรรศการชั้น 2 จึงไม่ได้ชมอะไรอย่างละเอียด
รีบจ้ำอ้าวหน่อย ๆ

ชั้น 2 นี้ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ เพราะเห็นตรงมุมด้านในแปะป้ายว่าห้ามถ่ายรูป แต่งง ๆ เหมือนกันก็เห็นมีคนถ่ายกัน แต่เราก็ทำตามกฎกติกาเขาซะหน่อย

ตอนแรกยังหาคำตอบไม่เจอ ก็คิดว่าช่างมันเหอะ แต่อาศัยว่าบางข้อใช้ความรู้รอบตัว สรุปตอบได้ 3 ข้อ ออกมาแล้วสิ่งที่ได้ก็คือโปสการ์ด 2 ใบค่ะ


เป็นอีกสถานที่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปะ ชมวัดชมวา รวมถึงได้รับความรู้ถึง
เรื่องราวในอดีตด้วยค่ะ


เราคนไทย ยังไงก็ควรรู้ความเป็นมาของเมืองเรา ว่ามั้ยคะ


…รัชชี่….









 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2553    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2553 22:23:38 น.
Counter : 1477 Pageviews.  

ตามรอยหนังสือพิมพ์ไปวัดมหรรณพ



หลบเรื่องราวบรรยากาศความเครียดทางการเมืองของเมืองไทยชั่วคราว
ขอย้อนรอยเล่าเรื่องราวไปเยือนวัดมหรรณพกันดีกว่า
(บล็อกดอง เพราะไปมาตั้งแต่ก่อนปีใหม่ค่ะ)



วัดนี้อยู่ไม่ไกลจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ตรงเสาชิงช้าค่ะ


งานนี้เป็น request จากแม่ให้พาไปเยือนวัดมหรรณพ

เรืองของเรื่องคือ ฉันซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 7 ธ.ค. หน้าหลัง ๆ เขาพูดถึง
พระทองคำสมัยสุโขทัย ประดิษฐานที่วัดมหรรณพ แถวถนนตะนาว

แม่เลยตัดหนังสือพิมพ์หน้านั้นไว้ คราวก่อนเคยไปไหว้พระทองคำที่วัดไตรมิตรเหมือนกัน (ซึ่งพระองค์นั้น อยู่รอดปลอยภัยจากพม่าสมัยเสียกรุง เพราะว่าชาวกรุงศรีอยุธยาโบกปูนปิด ไม่ให้พม่ารู้ว่าเป็นพระทองคำ)

ด้านหน้าพระวิหาร





มีเรื่องเล่าว่าสมัยก่อนที่ทำการโยกย้ายพระทองคำองค์นี้มาจากวัดหนึ่งที่อุทยานศรีสัชนาลัย การเดินทางสมัยก่อนไม่สะดวก ที่วัดมหรรณพได้เตรียมการสร้างพระอุโบสถไว้ แต่ว่าเดินทางมาไม่ทันวันงาน

ดังนั้นที่วัดนี้จึงสร้างพระวิหาร อยู่ข้าง ๆ พระอุโบสถเดิม โดยมีขนาดเท่ากัน และจึงนำพระทองคำองค์นี้มาประดิษฐานที่นี่เอง




พระทองคำองค์นี้มีเนื้อทอง 60% เป็นพระพุทธรูปที่งดงามมาก ต้องยอมรับกับช่างสมัยสุโขทัยจริง ๆ














ที่นี่แปลกดีคะ ตะกร้อเป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่จะแก้บน เขาว่ากันว่าท่าน
ศักดิ์สิทธิ์มาก







แต่ฉันหลุดพ้นจากความเชื่อต่าง ๆ เหล่านี้มานานแล้ว สำหรับฉันแล้วเวลาไหว้พระ ถ้าจะขอ จะขออยู่ 2 เรื่อง คือ ให้มีสติในการดำเนินชีวิต และให้พบเจอกัลยาณมิตรที่ดี

ซึ่งแนวความคิดฉัน ฉันคิดว่าคนเราคงขอและได้อะไรไปทุกเรื่องไม่ได้หรอก มนุษย์ทุกคนอยู่ภายในโลกธรรม สุข ทุกข์ ได้ยศ เสื่อมยศ ได้ลาภ เสื่อมสาภ สรรเสริญ นินทา


บริเวณด้านนอกของพระวิหาร






พระอุโบสถที่อยู่ข้าง ๆ พระวิหารค่ะ





ศาลาวิปัสสนา อาทิตย์ - ประภาศรี กำลังเอก



อีกมุมหนึ่งของวัด




ขอบคุณแม่ค้าขายพวกปิ้ง ๆ ย่าง ๆ ที่อยู่ตรงปากทางเดินเข้าวัดที่ถนนมหรรณพ ฉันถามถึงวัดนี้ เธอเดินมาส่งจนถึงพระวิหารเลย ขากลับว่าจะขอถ่ายรูปเธอมาลงบล็อกซะหน่อย แต่ปรากฎว่าไม่อยู่แล้ว ใครผ่านไปแถวนั้นเชิญชวนไปอุดหนุนเธอกันหน่อยนะ

เธอจะขายอยู่ตรงมุมด้านหน้านี่แหละค่ะ




เราได้ปฎิทินปี 2553 เป็นรูปพระทองคำมาเป็นที่ระลึกด้วย


....รัชชี่.....







 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 22 เมษายน 2553 18:43:04 น.
Counter : 1506 Pageviews.  

จาก Little India ไปดูแสงไฟที่ใจกลางเมือง



One fine day งวดนี้เมื่อวันขึ้นปีใหม่ ฉันยึดเป็นวัน Car free day งดใช้
รถส่วนตัว เพียงแค่นำรถส่วนตัวออกจากบ้านแป๊บเดียว มาจอดตรงจุดจอดรถรถไฟฟ้า แล้วเดินทางโดยรถรถไฟฟ้าและแท็กซี่สำหรับวันนี้

เราเริ่มตั้งต้นตอนบ่ายที่ดิโอลด์สยาม ด้วยกาแฟกันคนละแก้วที่ร้าน
Black Canyon

จากนั้นเดินโต๋เต๋ไป Little India ระหว่างเดินเจอวัดซิกข์โดยบังเอิญ
จึงเดินเข้าไป ถามยามก่อนว่าขึ้นได้มั้ย ยามบอกให้ไปหยิบผ้าที่วางไว้ในตะกร้าและให้โพกหัว พร้อมขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 4

เสียดายบริเวณด้านในเขาไม่ให้ถ่ายรูป จึงถ่ายรูปมาเฉพาะด้านนอก








ข้าง ๆ วัดซิกข์คือห้างอินเดีย เอ็มโพเรี่ยม ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยจ้า รู้จักแต่ห้างเอ็มโพเรียม ตรงสุขุมวิท



เดินอีกนิดถึง Little India ซึ่ง little จริง ๆ ถามคนแถวนั้นว่ามีบริเวณแค่นี้เองหรือ ใช่จริง ๆ ด้วย

แปลกดีค่ะ บริเวณ Liitle India มีศาลเจ้าของจีนอยู่ข้าง ๆ แสดงว่าชุมชนนั้นอยู่รวมกันอย่างสันติ แม้จะต่างเชื้อชาติ




ขนมอินเดีย แต่ไม่ได้ลองชิมนะ












มุมมองยามไกลของวัดซิกข์ที่เดินเข้าไปก่อนหน้านี้แล้ว งดงามดี




เดินพอเหนื่อยแล้วก็ใช้บริการแท็กซี่พาไปวัดไตรมิตร

ศาลเจ้าบริเวณแถบนั้น





วัดไตรมิตรอยู่ในช่วงสมโภชน์ คืนวันที่ 31 ธ.ค. หลังเที่ยงคืน ฉันเปิดทีวีช่องหนึ่งไปโดยบังเอิญ มีการถ่ายทอดสดการสวดมนต์ข้ามปี

วันขึ้นปีใหม่ยังมีคนหนาแน่นที่นี่ ฉันเห็นสภาพเก้าอี้ที่วางอยู่ให้นึกถึงบรรยากาศยามค่ำคืนที่มีคนมาสวดมนต์ คืนวันที่ 1 ม.ค. เป็นคืนสุดท้ายที่มีการสวดมนต์ตอนกลางคืน















หลายจุดมีแปะป้ายที่เก้าอี้ว่า "จอง"



แท็กซี่ (อีกรอบ) ไปแถบสยามค่ะ กะว่าจะไปเดินหอศิลปวัฒนธรรมตรงข้าม
มาบุญครอง แต่ว่าปิด

เลยเดินเล่นที่สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามพารากอน


บน Sky Walk มีของขายตามข้างทาง เหมือนบรรยากาศถนนคนเดินเลย ไม่เคยเจอที่เขาขายของตรงนี (เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงเลย)


Dinner ที่ร้านญี่ปุ่น Sukishi เป็นร้านอาหารบาบีคิวสไตล์เกาหลี + อาหารญี่ปุ่น


อิ่มแล้วได้เวลาเดินดูแสงไฟยามค่ำคืน ผ่านเซ็นทรัลเวิล์ด อัมรินทร์ จนสิ้นสุดที่รถไฟฟ้าชิดลม เพื่อต่อรถไฟฟ้ากลับบ้าน


































เป็น one fine day แบบชิลชิลค่ะ


.....รัชชี่.....









Ratchee’s Grateful Journal
วันพฤหัส 21 ม.ค. 53

เมื่อวานที่เกิดเหตุการณ์ผู้หญิงตกรางรถไฟฟ้าที่สถานีหมอชิต ฉันเป็นคนหนึ่งที่ใช้บริการรถไฟฟ้าในช่วงเวลานั้นด้วย สงสัยเหมือนกันว่าทำไมจอดที่สถานีอารีย์นาน ???

เจ้าหน้าที่ประกาศว่าเกิดเหตุขัดข้อง ......

จนอีกสักพัก เจ้าหน้าที่ประกาศว่าให้ผู้โดยสารลงจากรถ เกิดเหตุขัดข้อง ไม่สามารถไปต่อได้

....เช้าวันพฤหัส....
แอบสังเกตนิดนึงว่าวันนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมคนจะเป็นอย่างไร เพราะฉันคิดว่าเรื่องความปลอดภัย เราไปโบ้ยให้ BTS รับผิดชอบอย่างเดียวก็ไม่ถูก พฤติกรรมการเข้าคิวของผู้คนก็ควรปรับปรุงด้วย

เช้าวันนี้สิ่งที่ฉันสังเกตที่จุดขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีแรก พบว่ารถไฟฟ้าออกเร็วขึ้น จากเดิมที่จะมีการแช่รอจนจำนวนผู้โดยสารค่อนข้างอัดแน่นตั้งแต่สถานีแรก (ได้อ่าน comment เรื่องนี้ตามเวปไซด์ว่า BTS ควรเพิ่มจำนวนเที่ยวในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ไม่ใช่ให้คนอัดแน่นมาก)

แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือ เดิมที่ฉันไปต่อแถวเข้าคิว ตอนแรกก็เป็นคิวดี ๆ หรอก พอรถไฟฟ้าใกล้มา เริ่มมีผู้คนชุดใหม่แอบเนียนมาต่อแถวข้าง ๆ

สรุปตอนสุดท้ายว่า ฉันคิดว่าความมีวินัย ก็สำคัญไม่แพ้มาตรฐานความปลอดภัยค่ะ









Ratchee's Greatful Journal
วันศุกร์ 29 ม.ค. 53


ดีใจจังกับค่ำนี้ได้เห็นพระจันทร์ดวงกลมโต ได้ดูข่าวช่วงเย็นโดยบังเอิญว่าคืนนี้พระจันทร์จะดวงโตที่สุดในรอบปีนี้
ความจริงก็เกือบลืมนะ ถ้าไม่เห็นช่วงขณะขับรถกลับบ้าน

นึกถึงพระจันทร์ยิ้มเมื่อครั้งก่อนแล้ว มันชวนให้ยิ้มซะจริง ๆ
จะมีโอกาสได้เห็นอีกมั้ยหนอ????

วันก่อนขอบคุณยาม 2 คนที่ชี้บอกฉันเรื่องยางรถล้อหลังเริ่มแบนแล้ว ครั้งแรกฉันก็สงสัย ขณะจอดรถเข้าซอง ยามคนนั้นมองรถฉันจัง แล้วเขาก็บอก

เย็นวันนั้นตั้งใจว่าขากลับจะแวะปั๊มให้เติมลมซะหน่อย

แล้วก็ลืม


วันถัดมา ตั้งแต่เข้าหน้าประตูบริษัทเลย ยามคนหนึ่งทำท่าจะบอกอะไร ฉันนึกขึ้นได้ เปิดกระจกรถบอกเขาว่า
"เรื่องยางใช่มั้ยคะ ทราบแล้วค่ะ ลืมไป"

เลยต้องจดในสมุดที่เก็บไว้ที่รถว่า "เติมลมยาง" ด้วย

เย็นวันนั้นเลยไม่พลาด

บันทึกอีกเรื่อง เพิ่งได้ดูซีรีย์เรื่อง Gossip girl ตอนแรกแค่บอกน้องคนหนึ่งว่า ไหนลองเอามาดูแผ่นหนึ่งซิ

ปรากฎว่าแค่วันเสาร์ อาทิตย์ จนถึงวันพุธ ดูจบไปแล้ว 5 แผ่น แผ่นละ 4 ตอน

บอกแล้ว ถ้าไม่ดูก็ไม่ดูเลย เพราะรู้ว่าดูแล้วติด







 

Create Date : 19 มกราคม 2553    
Last Update : 29 มกราคม 2553 19:11:25 น.
Counter : 3372 Pageviews.  

ดูศิลป์ ดูใจ ที่วัดธรรมมงคล



มาชวนกันไปชมสถานที่วัดธรรมมงคลกัน อยู่สุขุมวิท 101 นี่เอง
ตอนแรกคิดว่าบล็อกนี้ควรจะอยู่ในกรุ๊ปบล็อกไหน จะเป็นกรุ๊ปธรรมะหรือท่องเที่ยวไทยดี แต่ดูแล้วที่ไปมาน่าจะไปดูศิลป์มากกว่าดูใจ
ดังนั้นอยู่ในหมวดท่องเที่ยวดีกว่า



ไปมาเมื่อเดือน ก.ย. จนจะลืมเรื่องราวไปแล้ว

วันที่ไปวันอาทิตย์น่ะค่ะ คนเยอะพอสมควร เข้าใจว่าเพราะมีคอร์สสำหรับผู้สนใจเรียนสมาธิแบบวันเดียว ทุกวันอาทิตย์ค่ะ ช่วงเช้าก็จะเรียนทฤษฎี ช่วงบ่ายพาไปสอนเดินจงกรมกับนั่งสมาธิ แล้วก็ไปฟังบทสรุปต่อ


นอกจากนี้มีคอร์สสำหรับครูสอนสมาธิ และมีสถาบันชนาพัฒน์
สอนด้านแฟชั่นดีไซน์ด้วย








หลวงพ่อองค์ดำ หรือพระพุทธรูป ภ.ป.ร. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทรงเททองหล่อ สร้างเป็นพระประธานของพระมหาเจดีย์แห่งนี้



บริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีคนมานั่งสมาธิกัน หรือคอร์สที่สอนสมาธิ พระหรือ
ครูผู้สอนจะพาลูกศิษย์มาฝึกเดินจงกรมและนั่งสมาธิกันที่นี่








ขึ้นลิฟท์ไปสักการะะพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาจากบังคลาเทศ ประดิษฐานที่ชั้นสูงสุดคือชั้นที่ 14 ของพระมหาเจดีย์





พระมหาเจดีย์นี้ก่อสร้างตามแบบพุทธคยา



ลืมไปแล้วนะว่าพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร อยู่ชั้นไหนค่ะ
(ความจำสั้น)






มีห้องสมุดด้วย อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์





มุมมองศาลาพระหยก จากด้านบนของพระมหาเจดีย์









เดินไปที่ศาลาพระหยก ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหยก
และพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์กวนอิมหยก

หยกชิ้นใหญ่นี้ได้ถูกค้นพบที่ใต้ทะเลสาบน้ำแข็ง ประเทศแคนาดา หยกเป็นวัสดุที่มีความ แข็งแกร่งมาก และเหมาะแก่การนำมาสร้าง พระพุทธรูป เพราะมีความสวยงาม คงทนถาวร ตราบนานเท่านาน

หยกชิ้นใหญ่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ชิ้นหลัก นำมาแกะสลักเป็นองค์พระพุทธรูป และเจ้าแม่กวนอิม แกะสลักโดยช่างผู้ชำนาญงานชาวอิตาลี (ท่าทางอิตาลีนี่เป็น
ต้นตำรับศิลปะตั้งแต่ยุคโบราณ จนมาถึงสถาปัตยกรรมหลายแห่งของประเทศไทยเลยนะคะ)









วัดนี้มีหลายสาขาที่ประเทศแคนาดา
ดูท่าทางชาวตะวันตกสนใจการเรียนสมาธิกันพอสมควร

......รัชชี่.....




Brief in English…..By Ratchee

Wat Dhammamongkol is in Bangkok at Sukhumwit 101, it’s one of interesting temple as you will see some beautiful architecture.

Big jade which was found in Canada in 1991 and Italian architect made it to be one of Buddha image and goddess of mercy

Now there’re many branches of Wat Dhammamongkol in Canada and so many western people are interested and studying meditation there.

emo






 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2552 17:27:43 น.
Counter : 3154 Pageviews.  

ย่ำต๊อกวัดเบญถึงวิมานเมฆ......ตอน 2



.....ต่อจากตอนที่แล้ว......

เดินออกมาจากวัดเบญจมบพิตร ฉันเดินข้ามถนนมาเจอร้านสหกรณ์ แล้วเดินต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อสัมผัสเส้นทางส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทยอย่างเต็มที่











.....พระที่นั่งอนันตสมาคม (Ananda Samakhom Throne Hall).......

รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระที่นั่งนี้ใช้เป็นที่เสด็จออกมหาสมาคม

เพิ่งทราบความเป็นมาค่ะว่าชื่อนี้มาจากชื่อพระที่นั่งองค์เดิมภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งสร้างในสมัยรัชการที่ 4 แต่อยู่ในสภาพทรุดโทรมยากแก่การบูรณะ ที่ตรงนั้นจึงโปรดเกล้า ฯ ให้รื้อลงและสร้างเป็นสวน

หลากหลายมุมของพระที่นั่งอนันตสมาคม



พระที่นั่งองค์นี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลี่ยน เรอเนสซองส์ (Italian Renaissance) และแบบนีโอคลาสสิก (Neo Classic) ภายนอกประดับด้วยหินอ่อนซึ่งสั่งมาจากเมืองคาราร่า (Carara) ประเทศอิตาลี

ในพระที่นั่งอนันตสมาคม มีร้านกาแฟดอยตุงด้วยค่ะ




....สวนสัตว์ดุสิต (Dusit Zoo).....


เดินย่ำต๊อกทั้งที่ก็เข้าไปดูข้างในสวนสัตว์เขาซะหน่อย เห็นมีร้านจำหน่ายฟิล์ม เอ! ยังมีคนใช้ฟิล์มกันเยอะมั้ยนะในปัจจุบัน ด้วยความที่กล้องดิจิตอลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนยุคนี้

ใครใคร่อยากนั่งรถชมด้านในก็ได้ ผู้ใหญ่ 20 เด็ก 10 แต่อย่างว่านะการเดินเป็นการสัมผัสสถานที่ที่ดีที่สุด ก็ย่ำต๊อกกันต่อไป

หลากหลายมุมของสวนสัตว์ดุสิต



การตลาดมุมของกินทั้งหลาย โอวัลติน นมตรามะลิ เซเว่นก็ยังมีเปิดในสวนสัตว์


รู้สึกภาพถ่ายในสวนสัตว์ดุสิตของตัวเองจะเหมือนเดินสวนสาธารณะมากกว่าเดินสวนสัตว์นะคะ


ไฮไลท์ที่อยากไปนอกจากวัดเบญจมบพิตรแล้วคือที่พระที่นั่งวิมานเมฆค่ะ
(ไม่เคยได้ไปซะที ปีใหม่จะไปแล้วก็ดูเหมือนจะปิด) ทำให้ทราบว่ายังมีพระที่นั่งอภิเศกดุสิตที่มีความงดงามไม่แพ้กันคะ


...................................................................................

.....พระที่นั่งอภิเศกดุสิต......

พระที่นั่งอภิเศกดุสิต ถือเป็นท้องพระโรงของพระราชวังดุสิต เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ประดับด้วยลวดลายฉลุไม้เรียกว่า “ลายบุหงา” และประดับกระจกสีและลวดลายปูนปั้นที่หน้าบัน






พักทานอาหารกลางวันก่อนนะคะ ผัดไทยชาววังจานละ 30 บาท เป็นแบบ self serve ค่ะ ไปรอรับอาหารเอง ทานเสร็จแล้วเอาจานไปไว้ตรงมุมล้างจาน









แวะเข้าชมผ้าโบราณสักหน่อย ต้องเอาของฝากไว้ที่ล็อกเกอร์ค่ะ ด้านในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปได้ ฉันชอบผ้าคลุมไหล่แบบโบราณ อายุ 120-150 ปี





.........................................................................


......มุมบริเวณต่าง ๆ โดยรอบ.....




.........................................................................



......พระที่นั่งวิมานเมฆ (Vimanmek Mansion)......

พระที่นั่งวิมานเมฆออกแบบโดยสมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์
พระอนุชาของรัชกาลที่ 5 เดิมปลูกไว้ที่เกาะสีชังในปี 2436 แต่เพราะเกิดความขัดแย้งกับฝรั่งเศสในกรณี ร.ศ. 112 ฝรั่งเศลใช้เรือปิดปากอ่าว ทำให้พระที่นั่งองค์นี้ยังปลูกสร้างไม่เสร็จ ถูกทิ้งให้รกร้างอยู่นาน

ปีพ.ศ. 2444 รัชกาลที่ 5 เกิดประทับใจพระที่นั่งองค์นี้ จึงรับสั่งให้รื้อให้ย้ายเข้ามาปลูกในพระราชวังดุสิต

** ที่มา "แคทยาและเจ้าฟ้าสยาม" ม.ร.ว.นริศรา จักรพงษ์ , ไอลีน ฮันเตอร์




ก่อนเข้าพระที่นั่ง เช่นเคยค่ะ ต้องไปฝากของไว้ที่ล็อกเกอร์ (เป็นล็อกเกอร์หยอดเหรียญ 20 บาท เจ้าหน้าที่มีเหรียญพร้อมให้แลกคะ)

กล้องก็ห้ามนำเข้าไปค่ะ มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจค้นร่างกาย (นิดหน่อย)

ดังนั้นทุกอย่างที่เห็นภายในพระที่นั่ง ต้องเห็นได้ด้วยตาและสัมผัสด้วยใจค่ะ

มีเจ้าหน้าที่พาเข้าชมและบรรยายให้ฟัง ใช้เวลาประมาณ 40 นาที (มีทั้งภาคภาษาไทยและภาคภาษาอังกฤษ สำหรับรอบชาวต่างชาติ)

เจอนักท่องเที่ยวต่างชาติ ฝรั่ง จีน ญี่ปุ่นมาเต็มเลยค่ะ (วันที่ไปเป็นวันอาทิตย์)

จากฟังบรรยายโดยเจ้าหน้าที่ที่จะพาเข้าชมในพระที่นั่งวิมานเมฆ
(ไม่มีในโบร์ชัวร์) พระที่นั่งนี้มีทั้งหมด 72 ห้อง ใช้เวลาในการก่อสร้าง 19 เดือน เป็นพระที่นั่งที่ยกเรือนมาจากที่เกาะสีชัง เป็นไม้สักทั้งหลัง


ภายในฉันเห็นมุมบันไดเวียน ซึ่งเป็นบันไดที่ข้าราชบริพารไว้ใช้


มีบริเวณชั้นใน ในยุคนั้น ห้ามผู้ชายเลยวัยโกนจุกแล้วเข้าไป
(ยกเว้นพระเจ้าแผ่นดิน พระสงฆ์)

เห็นห้องน้ำ ในยุคแรก ๆ ที่มีอ่างอาบน้ำ (แต่มีคนหาบน้ำมาใส่)

มีมุมเรือนไทย ต้อนรับเพื่อนต้น ที่รัชกาลที่ 5 เคยไปเยี่ยมเยียนทุกข์สุข
ของชาวบ้าน

ด้านในข้าง ๆ พระที่นั่ง ไกด์ชี้ให้ดูต้นสักทองต้นใหญ่เชียวค่ะ


ปิดท้ายโปรแกรมหลังจากชมพระที่นั่งวิมานเมฆแล้วก็ย่ำต๊อกเข้า
พระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อชมงาน "ศิลป์แผ่นดิน" ค่ะ เป็นนิทรรศการผลงาน
ชิ้นเอกของโรงฝึกศิลปาชีพ สวนจิตรลดา







การแต่งกายต้องเรียบร้อย ผู้หญิงต้องนุ่งกระโปรงหรือผ้าซิ่นค่ะ

ฉันจึงได้ที่ผ้าที่ระลึกมา 1 ชิ้น 40 บาท (มีวางขายที่นั่นเลยค่ะ มองไปมองว่าเอา
สีฟ้านี้แหละ เจ้าหน้าที่เรียกสีเทอร์คอยซ์ และช่วยพันผ้า
ปิดกางเกงขายาวเรียบร้อย)

เช่นเคยค่ะ มีล็อกเกอร์ให้เก็บของ ดังนั้นก็สัมผัสด้วยการดูด้วยตาและใจอีกครั้ง เขาจะมีหูฟังให้กดหมายเลขตามจุดที่เราไปดู และจะมีคำบรรยายให้ฟังค่ะ

จบแล้วทริปภายใน 1 วัน

....มีใครจะ "ท่องเที่ยวตามรอยรัชชี่" มั้ยคะ.....

....รัชชี่....

emo

..............................................................



.........บันทึกปิดท้าย ..........

เพิ่งช็อปปิ้งหนังสือ”แคทยาและเจ้าฟ้าสยาม” มาไม่นาน กำลังอินอยู่กับการอ่าน + จินตนาการ ประกอบกับทริปนี้ไปเยือนเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี่เอง


Brief in English.....by Ratchee...

Visiting Ananda Samakhom Throne Hall, constructed around 100 years ago in era of King Rama 5 of Thailand.

Dusit Zoo was originally private garden of King Rama 5 . In 1938 this place became the first zoo and national park of Thailand.


Vimanmek Mansion : the world’s largest golden teakwood mansion, originally built as part of the Dusit Garden by King Rama 5 and later used as a Royal residence, the mansion is made entirely of teakwood.


This one day trip is very impressive and touching for me walking since Benchama Bophit Temple , Ananda Samakhom Throne Hall , Dusit Zoo until Vimanmek Mansion . This is the first time for me to visit and seeing
very closely.

It reminds me thinking of Thai historical story, once King Rama 5 made Thailand to be one of well-known country and be still independence country which all of us should be proud as Thai.









 

Create Date : 06 ตุลาคม 2552    
Last Update : 6 ตุลาคม 2552 17:14:08 น.
Counter : 2500 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  

รัชชี่
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




พี่มานิต ประภาษานนท์ เป็นผู้ชักชวนเข้าสู่วงการการเขียนบล็อก ด้วยประโยคว่า
“จ๊ะเขียนบล็อกซี"

เริ่มเขียนบล็อก : 24 ก.ย. 51




สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก






Setting program for counting visitors since 7 Nov. 2009
free counters
New Comments
Friends' blogs
[Add รัชชี่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.