มีเรื่องดีๆมาบอกเล่า เหมือนได้จับเข่าคุยกัน ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร เราก็ยังคงเป็นคนเลือกที่จะมีความสุขได้เสมอ อย่าเผลอไปทุกข์แล้วกัน
 
 

กฎทอง 11 ข้อ เมื่อคุณและคนรักทะเลาะกัน

1. ต้องไม่โกรธพร้อมกันสองคน
2. พยายามควบคุมสติ
3. อย่ายึดตัวเองเป็นที่ตั้งมาก
4. นึกถึงคุณความดีของอีกฝ่ายเข้า
5. สัญญาว่าจะไม่โกรธกันข้ามคืน
6. อย่าพยายามกล่าวโทษหรือตำหนิอีก
7. อย่าตะโกน หรือใช้ถ้อยคำที่
8. อย่ารื้อฟื้นเรื่องใน
9. อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่อง
10. เมื่อรู้ตัวว่าผิดก็หัดขอโทษให้
11. รู้จักให้อภัย




 

Create Date : 24 กันยายน 2551   
Last Update : 24 กันยายน 2551 18:14:07 น.   
Counter : 504 Pageviews.  


แนวคิดการใช้ชีวิต

อย่าไปให้ความสำคัญกับใครบางคน เมื่อคุณเป็นแค่ทางเลือกของเขา
สัมพันธภาพจะดีที่สุดเมื่อทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกันอย่างสมดุล

ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก
เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ และไม่ต้องการฟังมัน
แต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก

เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย

เมื่อเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า เรามีทางเลือกง่ายๆ 2 อย่าง
กลับไปนอนและฝันหวานต่อ หรือ ลุกขึ้นมาแล้วทำความฝันให้เป็นจริง
มันก็แล้วแต่คุณจะเลือกแล้วล่ะ

เรามักทำให้คนที่ใส่ใจเราต้องร้องไห้
เรามักร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา
และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา

นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง
ถ้าเห็นคุณเห็นด้วย มันก็ยังไม่สายเกินแก้

เมื่อคุณกำลังสนุกสนาน ก็อย่ารับปากพล่อยๆ
เมื่อคุณกำลังเศร้า ก็อย่าได้ตอบกลับ
เมื่อคุณกำลังโกรธ ก็อย่าไปตัดสินใจอะไร

คิดให้ถี่ถ้วน ทำอย่างสุขุม

เวลาก็เหมือนสายน้ำ
คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก
เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว
มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า...




 

Create Date : 14 กันยายน 2551   
Last Update : 14 กันยายน 2551 23:26:31 น.   
Counter : 1142 Pageviews.  


Today is a beautiful day

A blind boy sat on the steps of a building with a hat by his feet.
He held up a sign which said: 'I am blind, please help.'
There were only a few coins in the hat.

A man was walking by. He took a few coins from his pocket and dropped them into the hat.

He then took the sign, turned it around, and wrote some words.
He put the sign back so that everyone who walked by would see the new words. Soon the hat began to fill up.

A lot more people were giving money to the blind boy.
That afternoon the man who had changed the sign came to see how things were.

The boy recognized his footsteps and asked, 'Were you the one who changed my sign this morning?
What did you write?' The man said, 'I only wrote the truth. I said what you said but in a different way.'

What he had written was:

'Today is a beautiful day and I cannot see it.'

Do you think the first sign and the second sign were saying the same thing?

Of course both signs told people the boy was blind.
But the first sign simply said the boy was blind.
The second sign told people they were so lucky that they were not blind.
Should we be surprised that the second sign was more effective?

Moral of the Story: Be thankful for what you have. Be creative. Be innovative. Think differently and positively.
Invite others towards good with wisdom.
Live life with no excuse and love with no regrets.
When life gives you a 100 reasons to cry, show life that you have 1000 reasons to smile.

Face your past without regret.
Handle your present with confidence.

Prepare for the future without fear. Keep the faith and drop the fear.

Great men say, 'Life has to be an incessant process of repair and
reconstruction, of discarding evil and developing goodness....

In the journey of life, if you want to travel without fear, you must have the ticket of a good conscience.'

The most beautiful thing is to see a person smiling...
And even more beautiful is, knowing that you are the reason behind it!!!




 

Create Date : 10 กันยายน 2551   
Last Update : 10 กันยายน 2551 11:40:15 น.   
Counter : 222 Pageviews.  


เสียงสะท้อน เพื่อก่อให้เกิดการแก้ไข ปรับเปลี่ยน

สามารถดูได้จากประเทศอย่างอินเดีย อียิปต์
ซึ่งมีอารยธรรม มานานกว่า 2000 ปีแต่ก็ยังยากจน

ในขณะเดียวกัน คานาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
ที่เคยเป็นประเทศเล็กๆ ไม่มีศักยภาพเมื่อ150 ปีที่แล้ว แต่วันนี้กลับพัฒนาจนกลายเป็นประเทศพัฒนาร่ำรวยได้

และความแตกต่างระหว่างประเทศเจริญแล้วที่ร่ำรวยกับประเทศด้อยพัฒนาที่ยากจน
ก็ดูเหมือนไม่ได้อยู่ที่ทรัพยากรของประเทศอีกนั่นล่ะ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีพื้นที่ทำกินน้อยมาก
80% ของพื้นที่เป็นภูเขา ไม่เหมาะในการทำเกษตรกรรม
แต่ญี่ปุ่นกลับเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าการเกษตรที่สำคัญของโลก
และยังเป็นเหมือนโรงงานกลางที่รับเอาวัตถุดิบจากที่ต่างๆของโลกมาผันเป็นสินค้าส่งออกกลับไปทั่วโลก

อีกตัวอย่างคือสวิสเซอร์แลนด์ ที่ไม่มีการทำไร่โกโก้เลย แต่กลับเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อด้านการทำช็อคโกแล็ตของโลก ทั้งๆที่พื้นที่ๆทำการเกษตรมีอยู่เล็กมากๆ และอากาศหนาวจัดจนทำการเกษตรได้เพียง 4 เดือนใน 1 ปี
และสวิสเซอร์แลนด์ยังนำเอาความมีระบบระเบียบของคนและบ้านเมืองมาใช้ประโยชน์ จนได้รับการยอมรับให้เป็นธนาคารของโลก

นักบริหารจากประเทศที่เจริญแล้วยืนยันกับคู่ค้าของเขาในประเทศที่ด้อยพัฒนาว่า ไม่เห็นมีความแตกต่างด้านสติปัญญาของแรงงานเลย
สีผิว และ เผ่าพันธุ์ก็ไม่ใช่เหตุผลอีกแหละ เพราะเมื่อแรงงานที่เคยขี้เกียจในประเทศของตนย้ายไปอยู่และหากินในประเทศที่เจริญแล้วกลับกลายเป็นแรงงานที่ขยันด้วยซ้ำไป

แล้วอะไรที่ทำให้แตกต่าง ?

สิ่งที่แตกต่างคือ ทัศนคติ ที่ฝังรากลึกมานานปีผ่านระบบการศึกษา และการอบรมปลูกฝัง
จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของคนในประเทศพัฒนาแล้ว พบว่าคนส่วนใหญ่ดำเนินชีวิตอยู่บนหลักปรัชญาเหล่านี้

  • ใช้จริยธรรมนำทางชีวิต (Ethics as the basic principle)

  • ความซื่อสัตย์ รักษาคำพูด เชื่อถือได้ (Integrity)

  • ความรับผิดชอบในบทบาท หน้าที่ (Responsibility)

  • การเคารพต่อกฎระเบียบ (Respect to the law and rules)

  • การเคารพต่อสิทธิของผู้อื่น (Respect to the rights of other citizens)

  • ความรักในงาน (Work Loving)

  • ความสนใจในการอดออมและลงทุน (Strive for saving and investment)

  • ความตั้งใจปราถนาสู่ความเป็นที่หนึ่ง ( Will of super action)

  • การตรงต่อเวลา (Punctuality)


ในประเทศด้อยพัฒนา มีคนเพียงจำนวนน้อยที่ใช้หลักปรัชญาเหล่านี้ในการดำเนินชีวิต
ประเทศเรายังไม่เป็นประเทศพัฒนา ไม่ใช่เพราะเราขาดทรัพยากร หรือมีภัยธรรมชาติเป็นปัญหา
แต่เรายังไม่พัฒนาไปได้ดีกว่านี้ เพราะเราขาดทัศนคติ และแรงผลักดันที่สอดคล้องไปตามหลักปรัชญาการดำเนินชีวิตที่กล่าวมาแล้ว

ถ้าคุณไม่ส่งต่อเมลล์นี้
คุณจะไม่ถูกสาปแช่งใดๆ
คุณจะไม่ล้มป่วย
คุณจะไม่ทะเลาะกับแฟน
คุณจะไม่ถูกไล่ออกจากงาน

แต่ถ้าคุณรักประเทศไทย และอยากเห็นประเทศของเราเปลี่ยนเป็นประเทศพัฒนาเต็มขั้น
เริ่มที่ตัวคุณเอง พัฒนาสังคมใกล้ตัวคุณ ในบ้าน ที่ทำงาน
และอย่าลืมช่วยกันส่งข้อความนี้ต่อให้คนรอบข้างคุณให้มากที่สุด
หวังว่าจะได้เป็นส่วนช่วยผลักดันให้คนไทยลุกขึ้นคิด วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเพื่อนำประเทศไทยไปสู่การแก้ไข ปรับเปลี่ยน และพัฒนาเต็มขั้น

ที่มา forward mail




 

Create Date : 15 มกราคม 2551   
Last Update : 15 มกราคม 2551 19:01:35 น.   
Counter : 314 Pageviews.  


ชายชราทั้งสาม

ผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากบ้านของเธอ และได้เห็นชายชราที่มีเคราสีขาว 3 คน
นั่งอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านของเธอ เธอไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร เธอพูดกับเขาว่า

"ฉันไม่คิดว่าฉันรู้จักพวกคุณ แต่ท่าทางคุณต้องหิวแน่เลย โปรดเข้ามาในบ้านและทานอะไรซักหน่อยเถอะ"

"สามีของเธออยู่ในบ้านไหม" เขาถาม

"ไม่" เธอตอบ "เขาออกไปข้างนอก"

"ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็เข้าไปข้างในไม่ได้ดอก" เขาตอบ

ในตอนเย็น เมื่อสามีเธอกับมาบ้าน เธอเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น

"ไปบอกพวกเขาซิ ฉันกลับมาบ้านแล้ว และเชิญเข้ามาในบ้านเถิด"

เธอก็ออกไปและเชิญพวกชายชรานั้นให้เข้ามาในบ้าน

"เราเข้าไปในบ้านพร้อมกันไม่ได้หรอก" เขาตอบ

"ทำไมล่ะ" เธอถาม

ชายชราคนหนึ่งอธิบายว่า "เขาชื่อ ความมั่งคั่ง"

เขาพูดและชี้ไปยังเพื่อนของเขา และชี้ไปยังอีกคนหนึ่งว่า

"เขาคือ ความสำเร็จ และฉันคือ ความรัก"

เขากล่าวต่อไปว่า
"บัดนี้ จงเข้าไปข้างในและปรึกษากับสามีของเธอว่า คนไหนในพวกเราที่คุณต้องการจะให้เข้าไปในบ้านของคุณ"

เธอกลับเข้ามาข้างในและบอกกับสามีของเธอ สามีของเธอรู้สึกดีใจมาก

"วิเศษจริงๆ " เขากล่าว

"เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะเชิญ ความมั่งคั่ง เมื่อเขาอยู่กับเรา บ้านของเราจะเต็มไปด้วยความมั่งคั่ง"

ฝ่ายภรรยาไม่เห็นด้วย

"ที่รัก ทำไมเราไม่เชิญ ความสำเร็จ ล่ะ"

ขณะนั้นลูกสะใภ้ได้ยินทั้งสองกำลังปรึกษา จากมุมหนึ่งของบ้าน เธอก็เข้ามาและแนะนำว่า

"จะไม่ดีกว่าเหรอ ถ้าเราเลือก ความรัก บ้านของเราจะเต็มไปด้วยความรักไง"

"เราฟังสิ่งที่ลูกสะใภ้แนะนำเถอะ" สามีกล่าวกับภรรยา

"ออกไปข้างนอกและเชิญความรักเข้ามาเป็นแขกของเราเถอะ"

ภรรยาออกไปและถามชายชราทั้ง 3 ว่า

"ใครคือความรัก โปรดเข้ามา และเป็นแขกของเราเถอะ"

ความรักลุกขึ้นและเดินไปยังบ้าน
ชายชราอีก 2 คนก็ลุกขึ้นและตามเขาไป
ด้วยความประหลาดใจ ภรรยาถาม ความมั่งคั่ง และความสำเร็จว่า

"ฉันเชิญเพียงความรัก ทำไมคุณถึงเข้ามาด้วยล่ะ"

ชายชราตอบพร้อมกันว่า
"ถ้าคุณเชิญความมั่งคั่ง หรือ ความสำเร็จคนใดคนหนึ่ง อีกสองคนก็จะอยู่ข้างนอก
แต่เมื่อคุณเชิญความรัก ที่ใดที่เขาไป เราจะไปกับเขา ที่ใดมีความรัก ที่นั่นก็จะมีความมั่งคั่งและความสำเร็จ"




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2550   
Last Update : 7 ธันวาคม 2550 23:40:07 น.   
Counter : 263 Pageviews.  


1  2  3  4  

ริเวอร์
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นั่งทำงานหน้าคอมมาจะสิบปีอยู่แล้ว

หลังจากเป็นผู้ใช้งานที่ซื่อสัตย์แต่ไม่ค่อยยอมพัฒนา

พอมาดูความรู้คอมฯของตัวเอง เทียบกับความเปลี่ยนแปลงที่แสนจะรวดเร็วของโลกคอมพิวเตอร์

ก็ออกจะสงสารตัวเองเล็กน้อย ที่ต้องมาเริ่มเรียนรู้ทำงานกับมันจริงๆจังๆเอาวัยปูนนี้ เฮ่อ
[Add ริเวอร์'s blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com