คลิปหนีบผ้าห่ม-ของเล่น
เป็นของจุกจิกเล็กๆน้อยๆที่เหมือนจะน่ามองข้าม แต่มีประโยชน์ค่ะ เพราะเอาไว้หนีบของติดกับรถเข็นหรือคาร์ซีทได้เราพาลูกไปข้างนอกบ่อยๆค่ะ โดยเฉพาะที่ที่อากาศเย็น แอร์ค่อนข้างหนาวเลยมักจะห่มผ้าให้ลูกเพื่อไม่ให้เค้าหนาว ทั้งในรถเข็นและคาร์ซีทของที่เราว่ามันจำเป็นคือ คลิปหนีบผ้าห่มนี่แหละค่ะ เพราะจะกันผ้าห่มหล่นพื้นทำให้ผ้าของลูกสกปรกได้ค่ะหรือจะเอาไว้ใช้หนีบของเล่นไม่ให้ตกลงมาก็ได้นะคะ หรือในคาร์ซีทบางตัวที่ไม่มีที่ใส่หัวเข็มขัดคาไว้ให้สายมันอ้าออกเวลาอุ้มน้องเข้าไปนั่งน้องจะได้ไม่ทับสายเข็มขัด ก็สามารถเอาตัวนี้มาติดแล้วใช้หนีบสายเข็มขัดแทนได้ค่ะคลิปหนีบแบบนี้มักจะมีปลายอีกด้านเป็นแบบแคว่กๆ เพื่อจะได้สะดวกในการใช้งาน ส่วนหัวคลิปจะมีทั้งแบบเล็ก และเป็นใหญ่ค่ะ เลือกใช้หนีบได้ตามความเหมาะสมคลิปหนีบบางชิ้น สามารถกลายเป็นของเล่นได้ด้วย เพราะมีเม็ดๆให้เขย่าเกิดเสียงค่ะ
คาร์ซีท Aprica W-900
คาร์ซีทรุ่นนี้สั่งจากญี่ปุ่นนะคะ คู่มือที่รินได้มากับคาร์ซีทไม่มีคู่มือภาษาอังกฤษค่ะ มีแต่ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ ได้มาแบบเล่มๆกับแผ่นซีดี รินเองก็อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกหรอกนะคะ แต่สามารถดูจากภาพก็พอจะเข้าใจวิธีติดตั้งค่ะ ไม่ยาก แต่เวลาดูภาพขั้นตอนต้องนั่งดูให้ละเอียดนิดนึงค่ะ เรื่องของรุ่นแต่ละรุ่น รินเองไม่ได้รู้ลึกรู้จริงอะไรมากนักหรอกค่ะ เพราะไม่ได้เห็นและไปเทียบตัวจริงแต่ละรุ่น อาศัยดูภาพเอาจากในเว็บ ส่วนตัวแล้วรู้สึกเวลาดูรถเข็นจะง่ายกว่าดูคาร์ซีทอีกเพราะในเว็บคาร์ซีทแต่ละรุ่นภาพไม่ค่อยอธิบายความต่างเท่าไหร่นักบอกก่อนนะคะ ว่าคาร์ซีท aprica เวลาติดตั้งจะไม่เหมือนยี่ห้ออื่น คือ ในกรณีเด็กเล็กน้ำหนักไม่เกิน 8 กิโลจะนอนราบไปกับเบาะรถ ไม่ได้หันหน้าเข้าเบาะเหมือนยี่ห้ออื่น เพราะฉะนั้น ปลายเท้าเด็กจะหันไปทางประตูค่ะ หากคุณแม่นั่งข้างน้อง (ทางศีรษะ) จะดูแลน้องลำบากนิดนึง เพราะอุ้มออกมาก็ลำบากค่ะ จะอุ้มใส่เข้าไปก็ลำบาก (กรณีที่แม่ก็นั่งในรถ) แต่ถ้าแม่ลงรถมาเปิดประตูดูแลก็ไม่ได้ยุ่งยาก เราเองติดคาร์ซีทลูกคนโตไว้ข้างหลังแล้วตัวนึง และของคนเล็กก็ติดเบาะหลังคู่กับคาร์ซีทคนโต เวลาไปไหนแม่ไม่ได้นั่งหลังค่ะ นั่งหน้าตลอด เวลาลูกร้องเราค่อยหยุดรถแล้วลงไปดูแลค่ะ เพราะถือว่านั่งเพื่อความปลอดภัย หากรถวิ่งเราก็ไม่เอาลูกมาอุ้มกินนมหรือทำอะไรอยู่แล้ว นั่งก็คือนั่ง ถ้าร้องหยุดรถ แล้วลงไปดูแล พอเงียบก็จับใส่คาร์ซีทแล้วค่อยเดินทางต่อ เพราะฉะนั้นเราเลยเฉยๆเรื่องที่อุ้มลูกเข้า-ออกๆมาดูแลเวลาร้องตอนรถวิ่งไม่ได้น่ะค่ะ แอ๊ตต้านั่งคาร์ซีทตั้งแต่ออกจากรพ.แล้วค่ะ (อ๊อตโต้ก็นั่งตอนออกจากโรงพยาบาลเหมือนักนค่ะ แต่คนละรุ่น) และจนถึงตอนนี้ก็นั่งมาหลายรอบแล้วค่ะ ไปหาหมอ ไปห้างกับแม่ ไปบ้านพ่อแม่ ระยะทางไกลๆด้วย ขึ้นทางด่วน เดินทาง 1 ชม.กว่าๆทุกอาทิตย์ ก่อนเดินทางเราจะให้นมลูกจนอิ่มก่อน หากระหว่างทางเค้าเกิดร้อง ถ้าหากจอดได้ก็จอดตามปั๊มค่ะ แต่ถ้าบนทางด่วนก็จะร้องเพลงกล่อมก่อน ถ้าไม่หยุดก็ต้องทำใจปล่อยร้องเหมือนกันค่ะ พอลงทางด่วน หาที่จอดได้แล้วค่อยลงไปดูว่าร้องด้วยสาเหตุอะไร (เท่าที่เป็น จะร้องเพราะอึน่ะค่ะ)แต่ถ้าหากคุณแม่ใจไม่แข็งหรือใจไม่ถึงพอ ก็อาจจะต้องดูยี่ห้ออื่นแทนค่ะ ที่สะดวกอุ้มลูกง่ายหน่อย แต่รินว่ามันไม่ปลอดภัย เพราะถ้ารถวิ่งอยู่ ยังไงก็ไม่ควรจะเอามาอุ้ม แถมพอน้องเริ่มโตหน่อย เค้าก็จะรู้แกวว่าร้องซักพัก เดี๋ยวแม่ก็อุ้มออก ไม่ต้องนั่งคาร์ซีทก็ได้ของรินเหตุผลที่เลือก aprica ก็เพราะนั่งสบาย รินหอบลูกไปไหนมาไหนด้วยตลอดค่ะ นั่งรถค่อนข้างบ่อยและระยะทางไกล เลยอยากเลือกยี่ห้อที่จะนั่งได้สบายและปลอดภัยกับเค้า อีกอย่างวัสดุต่างๆก็ดูดีกว่าคอมบิทีเดียวค่ะ ที่ญี่ปุ่นก็จัดเป็นยี่ห้อบนๆเลยด้วย ตอนลูกคนโตรินเคยให้ใช้คาร์ซีทแบบกระเช้า graco ตอนแรกเกิด ถึง 2-3 เดือน ถึงได้เปลี่ยนมาเป็น combi รุ่น neosis first ค่ะ ตอนนี้คนโต 4 ขวบกว่าแล้วค่ะ เปลี่ยนเป็นคอมบิรุ่นที่ใช้ได้จนโตแทนแล้วค่ะ ตอนคนโตใช้ combi ตัวเก่า มีปัญหาเรื่องนั่งนานๆแล้วร้อนพอสมควรค่ะ นั่งไปงอแงไป พอคนเล็กเลยเลือก aprica มาลอง เพราะดูแล้วเรื่องการระบายอากาศทำได้ดีกว่าคอมบิค่ะ ตัวฟองน้ำที่เบาะเค้าจะมีร่องๆ ซึ่งช่วยตรงนี้ได้พอสมควร บางรุ่นก็จะมีช่องระบายอากาศด้านข้างเพิ่มให้ด้วยค่ะ ข้อเสียของ aprica ที่รินไม่ชอบอย่างนึงคือ สายเข็มขัดที่พาดไหล่ 2 เส้นถ้าหากมีคลิปมายึดสายเข้าไว้ด้วยกัน รินว่ามันจะดูปลอดภัยกว่า ในกรณีที่น้องเริ่มโต เค้าจะเริ่มชอนไชแขนออกมาตรงกลางได้ ทำให้ตัวไม่อยู่ในตำแหน่งนั่งที่ถูกต้อง หากรถชนขึ้นมาตัวอาจจะกระเด็นหลุดออกมาได้ เลยไปหาซื้อตัวคลิปมาติดเพิ่ม (ยี่ห้ออื่นเป็นของฝรั่งค่ะ)เวลาปรับหันหน้าเข้าเบาะ เราว่าจะเอนได้ค่อนข้างมากหน่อยนะคะ นั่งแบบนี้เด็กๆน่าจะชอบด้วยค่ะ พอปรับเป็นแบบนี้เวลารถหยุดติดไฟแดงแอ๊ตต้าไม่ค่อยร้องแล้วค่ะ คงจะพอเห็นวิว และก็เอื้อมมือไปจับของเล่นที่แขวนไว้ได้แล้วค่ะมีคุณแม่เคยหลังไมค์ถามรินเรื่องคาร์ซีท aprica เรื่องการหมุนคาร์ซีท (คาร์ซีทที่หมุนไปหมุนมาได้)รินเองอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก แต่ได้อาศัยถามคนโน้นคนนี้ และแม่ค้าที่อยู่ที่ญี่ปุ่นมาหลายปี(ปัจจุบันก็อยู่ญี่ปุ่น) aprica ไม่ใช่คาร์ซีทที่เอาไว้ปรับไปปรับมาตามใจตัวเองนะคะ ถ้าน้องยังเล็กนน.น้อยกว่า 7-8 กิโลจะต้องนอนราบเท่านั้นค่ะ ไม่สามารถให้น้องนั่งหันหน้าเข้าเบาะหรือออกเบาะหรือหันเข้าหน้าต่างนะคะพอนน.น้องเกิน 7-8 กิโลแล้ว ต้องหันหน้าเข้าเบาะเท่านั้น ไม่นอนราบแล้วค่ะอีกอย่างที่สำคัญคือ ไม่ใช่เอาไว้ปรับจากนอนเป็นนั่งหรือนั่งเป็นนอนตอนรถวิ่งหรือเดินทางนะคะ อันนี้รินเคยถามแม่ค้าที่อยู่ที่ญี่ปุ่น เค้าบอกแบบนี้ค่ะ แต่มีคุณแม่เคยหลังไมค์มาบอกว่ามีแม่ค้าอยู่เจ้านึงที่ไทยบอกว่า ถ้าลูกนั่งหลับให้ปรับเป็นนอนตอนรถวิ่งได้แต่แม่ค้าที่ญี่ปุ่นยืนยันว่าต้องติดตั้งตามสเต็ปของมันคือ แรกเกิด ถึง 7-8 กิโล ให้นอนราบ7-8 กิโลขึ้นไปถึง 10 กิโลให้หันหน้าเข้าเบาะ9-10 กิโลไปจนถึง 18 กิโลให้หันหน้าออกจากเบาะฟังก์ชั่นหมุนเก้าอี้ไม่ได้เอาไว้หมุนไปหมุนมาให้น้องหันหน้าไปทางโน้นทางนี้นะคะ แต่เอาไว้เพื่ออำนวยความสะดวกเวลาจะอุ้มเอา-ออกจากคาร์ซีทและเพื่อความสะดวกในการติดตั้ง หรือเวลาไม่ใช้คาร์ซีทน่ะค่ะ เพราะปรับจากเอนนอนราบให้หลังตั้งแล้วหมุนเก็บได้สะดวกไม่เกะกะน่ะค่ะ หากไม่ติดตั้งตามคู่มือหรือวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง จะทำให้เกิดอันตรายกับน้องเวลาเกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ ลงคลิปอ๊อตโต้เล่นกับแอ๊ตต้าตอนเดินทางยาวๆ นั่งรถไกลจากเพชรบุรีกลับกทม.ค่ะ ถ่ายตอนแอ๊ตต้า 7 เดือนครึ่งนะคะ(ไว้รอถ่ายรูปแล้วจะมาต่อให้นะคะ)
ครีมทาผื่นผ้าอ้อม
ยี่ห้อไหนดี อันนี้ต้องบอกก่อนเลยนะคะ ว่าต้องลองเองค่ะเพราะเด็กแต่ละคนถูกกับครีมไม่เหมือนกันค่ะบางคนใช้วาสลีนทาแทน แต่ถ้าแดงแล้วมักจะไม่หายค่ะเราไม่ชอบวาสลีนนักเพราะมันค่อนข้างเหนอะหนะมาก กลัวลูกรำคาญน่ะค่ะ เหมือนเราทาครีมที่ตัวเราเอง แล้วครีมมันไม่ซึมเข้าผิว ลองมาหลายยี่ห้อเหมือนกันค่ะ แต่ที่ลงรีวิวให้เลือกมาลงเฉพาะยี่ห้อที่ยังมีติดบ้านอยู่นะคะ ดราโพลีนหลอดสีชมพูไม่ได้ถ่ายมาเทียบให้ค่ะเริ่มด้วยครีมที่เค้าว่าเป็นสุดยอดครีม ขายดีในอังกฤษค่ะ พอหาได้ในเมืองไทยนะคะ มีคนหิ้วมาขายแล้วค่ะทาแล้วดีไหม อันนี้แล้วแต่ว่าถูกกับผิวเด็กไหมน่ะค่ะ แต่กับแอ๊ตต้าไม่ถึงกับทาคืนเดียวแล้วรุ่งขึ้นหายแดงสนิทนะคะ แต่ก็จัดว่าค่อนข้างดีค่ะ เนื้อครีมเนียนเบามาก นุ่มผิวมากๆเลยค่ะ เหมือนกับตีเนยกับน้ำตาลจนขึ้นฟูเบานั่นแหละค่ะแตะนิดเดียวก็เกลี่ยได้พื้นที่มาก เพราะครีมลื่นดี ล้างออกง่าย ไม่เหนอะหนะมากนักนะคะ ค่อนข้างแห้งดีกว่าตัวอื่นค่ะแนปปี้ ฮิปโป้ เป็นขวัญใจสมัยอ๊อตโต้เล็กๆค่ะ หาซื้อง่าย และถูกกับก้นอ๊อตโต้ ทาแล้วหายเร็วค่ะ ส่วนผสมจะคล้ายๆกับ Sudocrem นะคะ แต่ล้างออกยากกว่า เกลี่ยก็ยากไปหน่อย เพราะครีมฝืดๆค่ะ บีแพนเธน ถูกกับก้นแอ๊ตต้าค่ะ ถ้าแดงทานี่แล้วหายเร็วดี แต่เนื้อครีมหนึบมากที่สุดในบรรดาครีมที่เคยซื้อมาใช้ค่ะ เหนียวมากเลย เกลี่ยก็ยาก ล้างออกก็ยาก ถ้าได้เนื้อครีมแบบ Sudocrem จะดีมากๆเลยค่ะ บีแพนเธนเลยนานๆใช้ที เพราะไม่ประทับใจเนื้อครีมซักเท่าไหร่ครีมตัวนี้ซื้อมาลองตอนไปหาซื้อบีแพนเธนในร้านค่ะ กระปุกใหญ่มาก ไม่รู้ใช้อีกกี่ปีจะหมดนะคะ กระปุกสีขาวใช้ทาป้องกันไม่ใช่รักษาค่ะ เนื้อครีมจะคล้ายๆ Sudocrem แต่ไม่เนียนนุ่มเท่าค่ะ Boots จะเหนียวๆหน่อย ล้างออกยากไปนิดค่ะ แต่ใช้ปริมาณนิดเดียว เกลี่ยได้พื้นที่มากเหมือน Sudocrem ค่ะ Sudocrem เนื้อครีมจับตัวแข็งมากกว่าค่ะ รองลงมาก็ Boots ลงมาอีกก็แนปปี้ เหลวสุดก็บีแพนเธนค่ะเวลาเกลี่ย Sudocrem กับ Boots ได้พื้นที่มากกว่า และดูเป็นครีมเคลือบผิวทึบกว่าค่ะ ส่วนแนปปี้กับบีแพนเธนออกแนวใสๆน้ำๆมากกว่าสำหรับดราโพลีน ครีมสีชมพู ลักษณะครีมจะใสๆน้ำๆหน่อยค่ะ
หวี-แปรงผม
ซื้อเซ็ตหวีกับแปรงผมมาก็หลายยี่ห้อแล้วค่ะ แต่ที่ถูกใจที่สุดคือ แปรงผมของ Chiccoเพราะขนแปรงนุ่มมากค่ะ เนื้อแน่น ขนแปรงถี่ๆแต่จะมีขนร่วงตอนเอามาใช้ใหม่ๆมั่งนะคะอีกชิ้นนึงที่ตามหามานานค่ะเพราะความที่อยากพกแปรงใส่กระเป๋าไปข้างนอกด้วย แต่หากใส่ในกระเป๋าไปอย่างนี้จะโดนทับบี้หมด กลัวขนแปรงจะเสีย ไม่ได้รูปน่ะค่ะ เลยตามหาแปรงที่มีฝาครอบกันขนแปรงถูกกดทับเซ็ตนี้จะมีหวีให้ด้วยค่ะ มาพร้อมกล่องพลาสติกเก็บมิดชิดไปได้มาจากญี่ปุ่น ตรงตามที่ต้องการเลยล่ะค่ะขนแปรงก็นุ่มนิ่มดีค่ะ ใช้ได้ทีเดียว ขนจะคล้ายๆของ the first years นะคะแต่ยังไงเราก็ชอบขนแปรงของ Chicco มากกว่าอยู่ดีแต่อันนี้เอาไว้พกไปนอกบ้านสะดวกกว่าค่ะ
กรรไกรตัด-ซอยผมเด็ก
ตัดผมเองไม่ยากอย่างที่คิดหรอกค่ะ เคยพาอ๊อตโต้เข้าร้านตัดผมแค่ครั้งเดียว คือ ตอน 5 เดือนกว่า เพราะเค้าผมร่วงเป็นหย่อมๆ ทีนี้เลยโดนปู่กับย่าจับตัดให้ ออกมาดูไม่จืดค่ะ เลยพาเข้าร้านไปตัดรองหวีจะได้ดูสม่ำเสมอทั่วทั้งหัวหลังจากนั้นเราก็ตัดผมให้เค้าเองมาตลอดค่ะกรรไกรตัดตรงของเด็กปลายจะมนๆและหุ้มพลาสติกเอาไว้หน่อย เวลาตัดจะปลอดภัยขึ้นนิดนึงค่ะ เหมาะสำหรับแม่ๆที่ไม่ใช่ช่างผมมืออาชีพค่ะแต่ที่เราชอบใช้ และใช้มากคือ กรรไกรซอยค่ะ กรรไกรตัดตรงใช้น้อยมากเพราะเวลาเอากรรไกรมาซอย จะทำให้ผมดูเบาๆกว่าการตัดตรงค่ะตัดผมทรงแบบนี้ไม่ยากหรอกค่ะ อาศัยค่อยๆลองทำไปเรื่อยๆ ลองดูช่างทำผมเวลาตัดผมนิดนึง เค้าจะยกผมขึ้นมาตัด ก็จำมาตัดตาม ได้ออกมาแบบในรูปค่ะ