Beau Brummell : The Charming Man 2006
หลังจากที่เลิกดูละครโทรทัศน์ไทยมาเป็นเวลาจวนจะสิบปี และเริ่มเบื่อหน่ายกับความโอเวอร์ + ลวงโลกของภาพยนต์ฮอลีวูด (รวมไปถึงขี้คร้านงอนง้อความขาดๆเกินๆของภาพยนต์เอเชีย) ก็ทำให้เริ่มเบนความสนใจไปที่ภาพยนต์ และ ซีรี่โทรทัศน์ทางยุโรปแทน ซึ่งก็มีถูกใจบ้าง ผิดหวังบ้าง แต่ที่ค่อนข้างผิดหวังน้อยที่สุดคิดว่าเป็นซีรี่จากบีบีซี ของหราชอาณาจักร (ความจริงซีรี่ของประเทศอื่นที่ดีๆก็มีเยอะ แต่ติดตรงที่ไม่่ค่อยมีซับไตเติลภาษาอังกฤษ)

ซีรี่จากบีบีซีเรื่องล่าสุดที่เพิ่งดูจบหลัสอบข้อเขียนเทอมนี้คือเรื่อง Beau Brummell : The Charming Man ออกอากาศปี 2006 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวประวัติส่วนหนึ่งของบุคคลเจ้าของชื่อ ในประวัติศาสตร์อังกฤษ ชายคนนี้คือหนุ่มเจ้าสำอาง (Dandy) ที่เป็นผู้นำทางแฟชั่นในต้นศตวรรษที่ 19 และแทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ปฏิวัติแฟชั่นสุภาพบุรุษ ทั้งนี้ต้องขอท้าวความถึงแฟชั่นสุภาพบุรุษในสองศตวรรษก่อนหน้านั้น องประกอบหลักของเครื่องแต่งกายในระยะเวลาสองร้อยปีก่อนยุคของ Brummell คือสูทสามชิ้น (เสื้อนอก เสื้อกั๊ก และกางเกงขาสามส่วน) โดยนิยมใช้สีสันและลายผ้าที่หลากหลาย ประดับตกแต่งด้วยการปักเลื่อมลาย อีกทั้งยังมีความนิยมในการสวมวิกผม ผัดแป้ง แต่งหน้า ไม่น้อยไปกว่าสตรี โดยในภาษาอังกฤษมีศัพท์สแลงเรียกบุรุษสำรวยซึ่งมีลักษณะตามนี้ว่า Fop

Brummell เป็นบุคคลที่ต่อต้านฟ็อบอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เขาสร้างกระแสนิยมการสวมเสื้อผ้าสีเข้มเรียบๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง สง่าผ่าเผยของบุรุษ (ซึ่งเป็นต้นแบบของชุดสูท และ ชุดพิธีากรต่างๆของสุภาพบุรุษในยุคหลังๆ สืบมากระทั่งถึงปัจจุบัน) แฟชั่นของเขามีจุดเด่นในการผูกผ้าผูกคอ (Cravat) อย่างปราณีต ไม่สวมวิกผม ไม่ผัดหน้า สวมรองเท้าบู้ตยาว ขัดเงา และใส่กางเกงขายาวแทนขาสามส่วน รวมไปถึงการรักษาความสะอาดของร่างกาย

ในซีรี่นำเสนอความสัมพันธ์ซึ่งค่อนข้างกระเดียดไปในเชิงรักร่วมเพศของ Brummell กับ ปริ๊น รีเจนท์ หรือ จอร์จที่ 4 ในอนาคต ​(ในเรื่องอยู่ในตอนปลายรัชสมัย จอร์จที่ 3 ที่เสียสติ) ลอร์ดไบรอน และ โรบินสัน พ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์ ในตอนต้นเรื่อง Brummell ได้รับการอุปถัมภ์จากปริ๊น รีเจนท์ เป็นอย่างดี แต่แล้วก็ต้องถึงจุดแตกหักเมื่อ Brummell ได้พบกับลอร์ดไบรอน กวีหนุ่มหน้ามน จนกลายเป็นรักสามเส้าชาวสีม่วงขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความถังแตกของ Brummell กระทั่งต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง และ แทบจะเอาชีวิตไม่รอด

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับซีรี่เรื่องนี้สำหรับผู้มีความสนใจทางด้านประวัติศาสตร์คือ รายละเอียดด้านเครื่องแต่งการบุรุษ ซึ่งในซีรี่ทำให้ได้เห็นขั้นตอนการแต่งกายของผู้ชายในต้นศตวรรษที่ 19 โดยละเอียด ตั้งแต่ตัวเปลือยๆ จนใส่เต็มยศ (ดูภาพยนต์โซนยุโรปต้องทำใจ ซีรี่ทางโทรทัศน์ยังอยู่ในเรตเบาๆ เห็นมากที่สุดคือเปลือยเต็มตัวแบบหันหลัง แต่ถ้าเป็นหนังโรงแล้วมีทุกรูปแบบ ทั้งป่าโปร่ง ป่าดงดิบ อนาคอนด้า ช้างแมมม็อธ ออกหน้ากล้องแบบจะๆ ไม่มีเซ็นเซอร์ ในกรณีนี้ ถ้าเป็นของพระเอกนางเอกยังพอรับได้ เพราะส่วนใหญ่รักษารูปร่างดี แต่ถ้าเป็นตัวโกง ตัวประกอบอื่นๆแล้วถึงกับติดตานอนไม่หลับทีเดียว)

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับคอหนัง Y (นอกจากฉากเปลือยเต็มตัวแบบหันหลังดังกล่าวข้างต้น) คือการนำเสนอความสัมพันธ์ของ Brummell กับบุคคลต่างๆ ที่เอ่ยถึง ซึ่งทำออกมาได้ค่อนข้างละเอียดอ่อนและน่าประทับใจพอสมควร แต่ในความเห็นส่วนตัว คิดว่ารักแท้ของ Brummell คือโรบินสัน พ่อบ้าน โดยจะเห็นได้จากฉากที่หลังจาก Brummell ถูกปริ๊นรีเจนท์ตัดความสัมพันธ์ และเริ่มถังแตก แต่โรบินสันก็ยังตั้งหน้าตั้งตาขัดรองเท้าให้ ทั้งๆที่ตัวไม่ได้ค่าจ้าง ซ้ำยังต้องมาพลอยโดนเจ้าหนี้เล่นงานไปด้วยเสียอีก

สิ่งทำให้ซีรี่เรื่องนี้พิเศษ เห็นจะเป็นการตีความ และนำเสนอ ซึ่งไม่ได้ทำออกมาตามแฟชั่นหนังพีเรียดในยุคนี้ ที่มักนำเสนออกมาด้วยแสงนวลๆ ภาพนุ่มๆ ดำเนินเรื่องเนิบๆ เพราะด้วยบุคลิกของ Brummell ซึ่งภาษาฝรั่งเรียกว่า Dashing ซีรี่จึงถูกนำเสนอให้มีอารมณ์แบบร่วมสมัยอยู่ในตัว ทั้งด้วยดนตรีแนวร็อค และ ป็อบ ที่บรรเลงด้วยเครื่องสาย และ เปียโน ตลอดจนลักษณะของภาพ และ แอคติ้งที่ทำให้ดูเป็นเรียลลิตี้ ไม่ได้มีการปั้นแต่งอะไรมาก แสงแบบหม่นๆ และมุมกล้องที่คล้ายๆกับได้จากกล้องแฮนดี คาเมร่า กับการได้เห็นคนในเครื่องแต่งการย้อนยุค ในบรรยากาศย้อนยุค พูดคุยเรื่องตลกคะนอง เมาปลิ้น ไม่ได้วางท่าทางอะไรมาก เหมือนกับจะทำให้ผู้ชมได้เห็นบรรยากาศในยุโรปเมื่อ 200 ปีก่อน ในแง่ที่ค่อนข้างธรรมชาติ อย่างที่ไม่เคยมีในภาพยนต์เรื่องอื่นๆ

ในเรื่องมีปล่อยมุกเรื่อยๆ ซึ่งอาจะไม่ค่อยขำสำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับซีรี่บีบีซี และ ไม่คุ้นเคยกับความเนือยและความปัญญาอ่อนของตลกอังกฤษ แต่ด้วยจังหวะของการปล่อยมุกที่มีอยู่ไม่กี่มุก แต่กลับมาในเวลาที่เหมาะสม (มุก จอร์จ กับจอร์จ, มุกนอนกับเพื่อนแม่, แม่นอนกับเพื่อน ฯลฯ) ก็จัดว่าฮาได้ตามสมควร

สรุปแล้วซีรี่เรื่องนี้ได้ทั้งความบันเทิง ความแปลกใหม่ และ สาระความรู้ แต่ที่ไม่ถูกใจเห็นจะเป็นตัวนักแสดง เพราะรู้สึกว่า Jame Purefoy ผู้รับบท Brummell นั้นแก่ และไม่ค่อยหล่อ (ผู้สร้างคงคัดมาเพราะหน้าเหมือน Brummell รูปที่ไม่หล่อ แต่ไม่เข้าใจว่ารูปที่หล่อก็มี ทำไมไม่เอามาคัด?) แต่ในเรื่องแอ็คติ้ง และ บั้นท้าย (ที่โชว์ในฉากเปลือยทั้งตัวแบบหันหลัง) ก็จัดว่าพอผ่าน

ลิงก์ของซีรี่
https://www.youtube.com/watch?v=_QunT9eL-3Q




ตัวอย่างของการเปลี่ยน Fop ให้เป็น Dandy



Create Date : 23 มิถุนายน 2554
Last Update : 23 มิถุนายน 2554 10:23:49 น.
Counter : 604 Pageviews.

2 comments
  
แวะมาเยี่ยมค่ะ

ไปเยี่ยมบล็อกของน้ำชาได้ค่ะ ThaiLand Travel l สถานที่ท่องเที่ยว
โดย: nonguide วันที่: 23 มิถุนายน 2554 เวลา:11:46:28 น.
  
แนะนำเว็บดูหนังซีรีย์เกาหลีฟรี
โดย: koreaserie (loveyoupantip ) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:8:31:27 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

The Marriage Of Figaro
Location :
Queensland  Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ศึกษาด้านดนตรีที่ Queensland Conservatorium
มีความสนใจพิเศษด้าน ดนตรี ศิลปะ วรรณกรรม และ ประวัติศาสตร์