ชมวิวทิวทัศน์ เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

รถไฟความเร็วสูง (หัวกุด) เชื่อมอาเซียนไม่จริง ไม่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านเลย จะคุ้มค่าได้อย่างไร?? สงสัย!!




นอกจากประเด็นที่น่าเป็นห่วงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทแถมดอกเบี้ยอีกประมาณ 3 ล้านล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 5.2ล้านล้านบาท หนี้สิน ที่คนไทยจะเป็นหนี้ระยะเวลา 50 ปี ซึ่งการกู้เงินมาใช้นอกงบประมาณซึ่งมันจะมีปัญหาการตรวจสอบเรื่องความโปร่งใสในการใช้เงินเป็นอย่างยิ่งอย่างที่ทราบกันอยู่

แต่วันนี้จะเขียนเกี่ยวกับ รถไฟความเร็วสูงในแง่การเปรียบเทียบการเชื่อมโยงพื้นที่เส้นทางที่พาดผ่านของประเทศเพื่อนบ้านเราใกล้ๆแค่นี้เอง กับโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทยกันครับว่าวิสัยทัศน์ของผู้นำแต่ละประเทศ เป็นอย่างไรและลองมาทบทวนเรื่องความคุ้มค่ากันหน่อยครับ ว่ามันจะคุ้มค่าประมาณไหน


ข้าสู่บทความกันครับ

ความจริงก็เป็นการเปรียบเทียบธรรมดา จากข้อมูลที่ธรรมดาเช่นกันในอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นกรณีที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงทำไม รถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลนี้จะทำ มันทำไมกุดๆ ไม่เชื่อมโยงกับประเทศอะไรเลยเพราะถ้าไม่เชื่อมโยงกับใครเลยในอาเซียนแล้วความคุ้มค่ามันก็น่าจะต่ำกว่าเชื่อมโยงกันครับ จำได้ว่า รัฐบาลที่แล้ว ทำ MOU กับทางจีนไว้แล้วที่จะทำสาย กรุงเทพ-หนองคาย กรุงเทพ-ปาดังเบซ่า ไม่แน่ใจว่ามีสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ กรุงเทพ-ระยอง ด้วยหรือเปล่า


ภาพจาก นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันที่ 29 มีนาคม 2556




โครงการรถไฟความเร็วสูงของไทย “หัวกุด”ไม่เชื่อมโยงกับประเทศใดเลยในอาเซียน

มีเส้นทางแค่นี้เอง กรุงเทพ-เชียงใหม่กรุงเทพ-โคราช กรุงเทพ-หัวหิน

มาดูสิงคโปร์กับมาเลเซียบ้างครับ




อ้างอิง //www.oknation.net/blog/inter/2013/02/19/entry-1

Copy//สิงคโปร์และมาเลเซียประกาศวันนี้จะสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างสิงคโปร์และกรุงกัวลาลัมเปอร์โดยมีเป้าหมายสร้างเสร็จภายในปี 2563

นายกรัฐมนตรีลี เซียน หลุงของสิงคโปร์และนายกรัฐมนตรีนาจิ๊บราซัค ของมาเลเซียที่อยู่ระหว่างเยือนสิงคโปร์ แถลงข่าวร่วมกันวันนี้ว่าสองประเทศจะสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างสิงคโปร์และกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียซึ่งจะเป็นพัฒนาการสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างกันที่จะทำให้สองประเทศมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น

โครงการนี้ตั้งเป้าว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2563และเส้นทางรถไฟจะทำให้สามารถเดินทางระหว่างกันได้ด้วยเวลาแค่เกือบ 90 นาที ซึ่งเร็วมากเมื่อเทียบการขับรถยนต์นานถึง 4ชม. และนั่งรถบัสนาน 5 ชม.แต่ผู้นำทั้งสองยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะใช้งบก่อสร้างเท่าไหร่และรัฐมนตรีของสองประเทศยังต้องเจรจาตกลงกันเรื่องรายละเอียดและรูปแบบของเส้นทางรถไฟ

ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันว่าโครงการนี้จะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของโอกาส ความมั่งคั่ง และการเติบโตของสองประเทศโดยเส้นทางรถไฟสายใหม่จะช่วยอำนวยความสะดวกทั้งการเดินทาง เพิ่มศักยภาพทางธุรกิจตลอดจนทำให้ประชาชนของสองประเทศใกล้ชิดกันมากขึ้น

เดิมมีแนวคิดริเริ่มตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 90ว่าจะสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสองประเทศแต่ต้องล้มเลิกไปเพราะวิตกเรื่องงบก่อสร้าง โดยเมื่อปี 2552สื่อมาเลเซียคาดว่าอาจต้องใช้งบราว 2,500 ถึง 3,500 ล้านดอลลาร์ แต่โครงการนี้ถูกปัดฝุ่นขึ้นมาอีกครั้งในปี 2553 โดยการผลักดันของนายกรัฐมนตรีราซัค

ทั้งสิงคโปร์และมาเลเซียเป็นสมาชิกของอาเซียนและอาเซียนตั้งเป้าว่าจะมีเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงสมาชิกทั้ง 10 ประเทศโดยอาจเชื่อมต่อไปถึง จีนและอินเดียด้วย แต่ประเมินว่าขณะนี้ยังขาดเส้นทางรถไฟที่จะต้องสร้างใหม่หรือซ่อมแซมในหลายประเทศของอาเซียนรวมกัน4,069 กม.

มาดูโครงการของลาว-เวียดนาม กันหน่อยครับ





อ้างอิง //www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9550000136061

ซินหัว -ลาวเดินหน้าพัฒนาเครือข่ายเส้นทางรถไฟความเร็งสูงของประเทศ ด้วยมูลค่าลงทุน 4,000ล้านดอลลาร์เชื่อมต่อกับเวียดนามในการลงนามที่มีขึ้นนอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (ASEM)ที่ลาว สื่อท้องถิ่นของลาวรายงาน

หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทม์สของทางการลาวรายงานว่าข้อตกลงมูลค่า 4,000 ล้านดอลลาร์ มีการลงนามกันเมื่อวันจันทร์ (5 พ.ย.)โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างทางรถไฟความเร็วสูงสายแรกที่เชื่อมต่อระหว่างลาวและเวียดนาม และจะคาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลา 5 ปี

นายกรัฐมนตรีทองสิง ทำมะวง ของลาว และนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคของมาเลเซีย ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่สายนี้

ข้อตกลงสัมปทานระหว่างรัฐบาลลาว และบริษัท Giant Consolidated Ltd ของมาเลเซีย จะเข้าพัฒนารางรถไฟความยาว 220 กิโลเมตรจากแขวงสะหวันนะเขต ไปถึงเมืองลาวบาวที่อยู่ใกล้เวียดนามและเมื่อโครงการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ แขวงสะหวันนะเขตจะมีเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อโดยตรงไปยังด่านลาวบาวที่เป็นพรมแดนระหว่างลาว และเวียดนาม

เส้นทางรถไฟลาว-เวียดนามสายนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเมื่อทั้งโครงการเสร็จสมบูรณ์จะทำให้เส้นทางรถไฟสายนี้เชื่อมต่อกันตั้งแต่สิงคโปร์มาเลเซีย ไทย และไปสิ้นสุดที่เมืองคุนหมิง ของจีน.

โครงการรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน





ส่วนเส้นทางลาว-จีน ข้อมูลเดิม ดูได้ที่คลิปภาพบน youtube ครับ





 

Create Date : 31 มีนาคม 2556    
Last Update : 2 เมษายน 2556 0:34:56 น.
Counter : 2635 Pageviews.  

มักกะสันคอมเพล็กซ์” ก้อนเนื้อร้าย ทะลวงปอดชาวกรุง!! ไม่ร่วมมือกันวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจสายไปครับ



เชิญร่วมลงชื่อ พร้อมกดแชร์แบ่งปัน ตาม link นี้

www.change.org/MakkasanHope

อ้างอิงข้อมูล Manageronline ตามลิ้งก์ //www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9560000034841

หายใจติดขัดปอดของคนกรุงกำลังจะหายไป!! พื้นที่สีเขียวขนาด 700ไร่ กำลังจะถูกบดขยี้ให้มลายหายไปด้วยเมกะโปรเจกต์อลังการมูลค่า 2 แสนล้านของ รฟท.ที่ใช้ชื่อว่า “มักกะสันคอมเพล็กซ์” ผุดห้างทรงสูงโรงแรมหรู และพื้นที่เชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบขึ้นเสียบแทนร่มไม้ที่เคยทำหน้าที่ฟอกมลพิษให้หายใจกันได้อย่างเต็มปอด

ชาวกรุงทนไม่ไหว ใช้ Social Media ออกโรงรณรงค์เต็มสตรีมเปิดลงชื่อคัดค้านแค่ 3 วัน ยอดคนสนับสนุนทะลุ 5 พันเสียงแล้ว!! การต่อสู้ระหว่างอำนาจรัฐกับพลังประชาชนใครเป็นผู้ตัดสิน?




คนกรุงเทพ อาจต้อง “ใส่หน้ากากกันมลพิษ” กันแล้วเพราะนโยบายพื้นที่สี (ไม่) เขียว (จริง) จากภาครัฐ

ก้อนเนื้อร้ายบุกทลายเมือง!!

แค่นี้คนเมืองก็รู้สึกป่วยจะแย่อยู่แล้วไหนจะต้องคอยข่มใจให้สงบจากปัญหารถติดไหนยังต้องฝ่ามลพิษออกไปทำงานกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหลายคนจึงใช้เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดในวันหยุดสุดสัปดาห์พาตัวเองไปหาพื้นที่สีเขียว สูดดมอากาศบริสุทธิ์ ให้ได้รู้สึกถึงธรรมชาติอันรื่นรมย์ให้รู้สึกว่ายังมี “คุณภาพชีวิตดีๆ” หลงเหลืออยู่ในเมืองหลวงอันแสนจะวุ่นวายแห่งนี้อยู่บ้าง

เมื่อได้ยินข่าวว่าพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางเมืองย่านมักกะสันกำลังจะถูก “เนื้อร้ายทรงคอนกรีต” เข้ามาทำลาย“ปอดคนกรุงเทพฯ” จึงบอกได้คำเดียวว่า “เซ็ง!!”

“เราเหลือพื้นที่สีเขียวกลางกรุงนับว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามากในหลายด้าน สมควรแล้วหรือที่ใครอยากทำลายคุณค่าเหล่านี้เพื่อแลกกับศูนย์การค้า ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนเพียงหยิบมือ” ฤทัยรัตน์อิ่มศิลป์

“ผมเกิดและอยู่ที่มักกะสัน มา 40ปีแล้วครับ รักมักกะสันมาก แต่บ้านเพิ่งถูกซื้อไปโดยนายทุน เพื่อสร้างตึกใหญ่ผมว่ามักกะสันจะสวยมาก และทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองสวยและน่าอยู่มากๆถ้ามักกะสันกลายเป็นสวนสาธารณะ ชาวต่างชาติจะได้ชื่นชมและเล่าต่อไปทั่วโลกแน่เพราะตรงนั้นชาวต่างชาติเยอะมากและเป็นแอร์พอร์ตลิงก์” ภีญทรรศน์ทับมณี

“กรุงเทพควรมีสวนสาธารณะที่ปลอดภัยมากกว่านี้เรามีห้างสรรพสินค้ามากเกินไปแล้วสังเกตได้ว่าช่วงปิดเทอมเด็กๆทำความผิดเป็นจำนวนไม่น้อย เพราะเขาไม่มีที่ไปไม่มีกิจกรรมที่เหมาะสมกับเด็ก ถ้ารักและห่วงใยประเทศชาติจริงต้องนึกถึงคุณภาพของเด็กให้มากสวนสาธารณะเป็นสถานที่ที่คนทุกวัย สามารถมีกิจกรรมร่วมกันได้ในประเทศที่เจริญอย่างนิวซีแลนด์ วันเสาร์ อาทิตย์ ผู้คนไปเล่นกีฬาที่สวนสาธารณะไม่บ้าเดินห้างเหมือนคนไทย” ม.ล.อาภาวดี กัญญาพันธุ์

“เรื่องนี้ไม่ใช่แค่จะเอาหรือไม่เอาสวนสาธารณะแต่เป็นเรื่องของสิทธิในฐานะพลเมืองของกรุงเทพฯว่าเราควรจะมีส่วนร่วมตัดสินใจในการจัดสรรพื้นที่และภูมิศาสตร์ของเมืองที่เราอาศัยอยู่ซึ่งสิ่งนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเราว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร”เกียรติชัย เกียรติศิริขจร

นี่เป็นเพียงตัวอย่างอาการเซ็งเพียงบางส่วนของผู้ที่ลงชื่อคัดค้านโปรเจกต์หวังกำไรครั้งใหญ่ครั้งนี้ของทาง รฟท.(การรถไฟแห่งประเทศไทย) ซึ่งร่วมกันลงนามเอาไว้ ผ่านทางเว็บไซต์ Change.org ภายใต้ชื่อโครงการ“เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์” (คลิกเพื่อไปยังหน้าลิงก์) พร้อมกับแชร์โพสต์เด็ดๆปลุกระดมความรู้สึกชาวกรุงผ่านทางเพจ MakkasanHope บนเฟซบุ๊ก(คลิกเพื่อไปยังหน้าลิงก์) ซึ่งดูเหมือนว่ากระแสจะเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆบนโลกออนไลน์ในขณะนี้ คิดดูว่าเพิ่งเปิดลงชื่อคัดค้านได้แค่ 3 วันแต่ยอดคนสนับสนุนปาเข้าไป 5 พันกว่าเสียงแล้ว!!

รฟท. = ผู้ดีเก่าขายสมบัติกิน?

“หนี้” คือตัวแปรสำคัญที่บีบบังคับให้เจ้าของพื้นที่อย่างรฟท. ผุดโปรเจกต์ป่าคอนกรีตครั้งนี้ขึ้นมาอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนแม้รู้ดีว่าพื้นที่สีเขียวในมหานครของไทยอยู่ในภาวะอัตคัดขาดแคลน จากที่ควรจะมีอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร ไม่ต่ำกว่า 9 ตารางเมตร/คน อย่างที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดเอาไว้ แต่กลับต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของเกณฑ์เสียอีกคือมีพื้นที่สีเขียวเพียง 4.09 ตารางเมตร/คน เท่านั้นสะท้อนให้เห็นคุณภาพชีวิตอันตกต่ำของคนไทยเป็นอย่างมาก

แต่ดูเหมือนว่า รฟท. จะมองไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไรเพราะปัญหาใหญ่สำหรับบอร์ดในตอนนี้คือ พวกเขามีหนี้สินท่วมหัวหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนติดท็อปไฟว์มานานแสนนานไหนจะโครงการรถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลวาดฝัน-กดดันเอาไว้ให้รับผิดชอบอีกที่ดินมักกะสันจึงกลายเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นสุดท้ายที่หยิบออกมาประมูลได้อย่างง่ายๆและน่าจะได้ราคางามที่สุดแล้ว

“ถ้าบอกว่ารฟท. เป็นหนี้ ต้องปรับปรุงระบบของเขาเพื่อทำรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงแต่ไม่รู้จะเอาเงินมาจากที่ไหน อันนี้ผมเข้าใจครับ แต่มีคำถามว่าเขาเป็นหน่วยงาน 3อันดับต้นๆ ของประเทศที่มีที่ดินอยู่ในมือเยอะที่สุดนะพื้นที่มักกะสันคือแปลงที่หนึ่ง แปลงที่สองคือตรงจตุจักร-บางซื่อ เป็นร้อยๆ ไร่เลยไหนจะตรงรัชดาฯ อีก ที่มีโรงอาบอบนวดยี่ห้อต่างๆ

แต่ที่ผ่านมาเราไม่เคยเห็นการบริหารจัดการให้ดีขึ้นเลย แต่วันนี้เขากลับกำลังทำตัวเหมือน “ผู้ดีเก่า”ที่ทำงานไม่ค่อยเป็นก็เลยต้องเอาสมบัติเก่าของตัวเองมาขายกินเอาที่ดินตรงมักกะสันมาประมูลสร้างห้าง ทำลายพื้นที่สีเขียว ผมไม่เห็นด้วยครับ

ต้องถามว่า ทำไม รฟท.ถึงไม่ขึ้นค่าโดยสารมาตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ทำไมไม่ปรับปรุงการเดินรถทำไมมาบริหารพื้นที่ตรงจตุจักรแล้วทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำไมทำอะไรดูมีนอกมีในและมันก็ยังมีพื้นที่อื่นอีกเยอะแยะที่เอื้อให้ รฟท.เข้าไปพัฒนาและสามารถสร้างกำไรให้ รฟท. ยืนขึ้นมาได้ใหม่ แต่เขาไม่ทำถึงเวลาก็เอาที่มาขายกิน

ผมว่าวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของประเทศ ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ผมก็ไม่ได้อยากจะตำหนิเขานะครับ แต่เพียงแค่ท่านเปลี่ยนมุมมองในการบริหารนิดหนึ่งประชาชนจะรักท่านแน่นอนครับและจะรักแบบไม่เสื่อมคลายด้วย” ปุณลาภปุณโณทก นักออกแบบ แกนนำการรณรงค์ “เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์”หรือเรียกสั้นๆ ในนาม “กลุ่มสวนมักกะสัน”ฝากไว้ให้คิด

ถึงตอนนี้ ประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยเพิ่งออกมาแถลงการณ์ว่าใกล้ได้ฤกษ์การประกาศเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) แล้วโดยคิดเอาไว้ว่าพื้นที่ทั้งหมด 700 ไร่หักส่วนที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ออกไป เหลือ 497.11 ไร่จะลงทุนทำคอมเพล็กซ์แบบครบวงจร ส่วนเรื่องที่จะพัฒนาเป็นสวนสาธารณะไหมยังไม่ได้ข้อสรุป แต่จะมีการจัดให้มีพื้นที่สีเขียวตามกฎหมาย เพราะฐานะการเงินของรฟท. ยังขาดทุน การนำที่ดินที่มีศักยภาพมาสร้างรายได้ถือว่าจำเป็น

“หากคำนวณคร่าว ๆ ที่ดินจำนวนเกือบ 500 ไร่นั้นแบ่งส่วนหนึ่งเป็นถนนประมาณ 30% ก็จะเหลือที่ดิน 350 ไร่ในจำนวนนี้สามารถก่อสร้างเป็นหอประชุม-นิทรรศการ ขนาดประมาณ 60 ไร่ 1 แห่ง,ศูนย์การค้าขนาด 30 ไร่ จำนวน 2 แห่ง รวม 60 ไร่, โรงแรมขนาด 15 ไร่ 4 แห่ง รวม 60 ไร่ ในขณะที่พื้นที่ส่วนที่เหลืออีก 170ไร่นั้น สามารถแบ่งเป็นแปลงสร้างอาคารสำนักงาน ห้องชุดพักอาศัยเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แปลงละ 8 ไร่ ขนาดเท่าที่ตั้งของธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม จำนวน 21 แปลง” ปัทมา จันทรานุกูล กรรมการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตทแอฟแฟร์ส (AREA) ชี้แจงรายละเอียดเอาไว้

ไม่น่าแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดจึงมีชาวกรุงรู้สึกเดือดปุดๆจนต้องลุกขึ้นมาค้าน เห็นกันจะจะอยู่ว่าในแบบแปลนที่วางเอาไว้ ไม่มีคำว่า “พื้นที่สีเขียว”หรือ “สวน” หลงเหลืออยู่เลยทั้งที่คณะรณรงค์ยืนยันว่าคนที่เข้ามากดไลค์เพจในเฟซบุ๊กนับหมื่นเห็นตรงกันว่าไม่ต้องการอาคารเชิงพาณิชย์ตามรูปแบบที่ รฟท. เสนอมาแม้แต่นิดเดียว

แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้พื้นที่ส่วนแรกเป็นพื้นที่ห้างฯและอาคารพาณิชย์แค่ 30-40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่อยากได้อาคารแนวดิ่ง 50-60 ชั้นอย่างมากสุดแค่ 20 ชั้นก็พอ อีก 30 เปอร์เซ็นต์อยากให้ทำเป็นอุทยานการเรียนรู้อย่าง OKMD, TK Park, Museum Siam เป็นพื้นที่การเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรม และส่วนสุดท้ายเป็นพื้นที่สีเขียวจัดให้มีพื้นที่ของลู่วิ่ง ลู่จักรยาน ลานสเก็ตบอร์ด หรือลานเอ็กซ์สตรีมสปอร์ตว่ากันไปตามการออกแบบ

พัฒนา หรือ ทำลาย

แค่ลองจินตนาการว่า ปอดขนาดใหญ่ ขนาด 700 ไร่ของคนกรุงเทพฯหายไป ก็ทำให้เริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ แล้ว ยิ่งนึกเสียดายขึ้นไปอีกเมื่อมองเห็นว่า “บึงมักกะสัน”ซึ่งเป็นแก้มลิงกลางเมืองหลวงช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า อาจถูกถมทับจนหมดสิ้น ไหนจะสถานที่แห่งประวัติศาสตร์อย่าง“การรถไฟแห่งประเทศไทย” ซึ่งตั้งอยู่ตรงนั้นด้วยแกนนำกลุ่มสวนมักกะสันจึงอยากให้เจ้าของที่อย่าง รฟท. คิดให้ดี คิดให้หนักหรือถ้าคิดไม่ออก อย่างน้อยให้เริ่มต้นความคิดที่ว่าจะทำอย่างไรให้พื้นที่ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด?

“สัญญาสัมปทาน30 กว่าปี ลองคิดคร่าวๆ เอา 30 ปีไปหาร 200,000 ล้านแสดงว่าปีหนึ่งต้องได้กำไรอย่างน้อย 7,000 ล้าน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยเพราะธุรกิจที่จะลงทุนเยอะขนาดนี้แล้วได้รับกลับมาในอัตราเท่านี้ได้คือถ้าจะสร้างห้างฯ คุณต้องทำใหญ่กว่าพารากอนประมาณ 30 เท่าถึงจะได้กำไรแค่เวลาก่อสร้างก็ยากแล้ว คงต้องมีคนไปเดินสัก 50,000 คนทุกวันพื้นที่ตรงนั้นถึงจะอยู่ได้ครับ

แล้วห้างฯ ทุกวันนี้ก็มีเยอะแยะและคนก็เดินน้อยลงมากพวกเราไม่ได้บอกว่าห้ามผุดห้างฯ ขึ้นมาตรงนั้นนะครับ มีไปเลยครับแต่ขอให้แตกต่างและสร้างกำไรได้ เพราะลำพังจำนวนห้างฯเท่าที่มีอยู่ตรงแถวสยาม-ราชประสงค์-ประตูน้ำ 4-5 แสนตารางเมตรก็เยอะแล้วจะผุดห้างฯ ขึ้นมาตรงนี้อีก คุณจะเอาอะไรไปแข่งกับเขาครับ จะสร้างมาเหมือนๆเดิมมันก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็ต้องเจ๊งกันไป

แต่ในทางกลับกัน ถ้าสร้างให้เป็นห้างฯ ที่แวดล้อมด้วยสวนออกแบบดีๆ แล้วทำให้เป็น “เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์” แบบที่ประเทศเจริญแล้วเขาทำให้มีสวนน้ำ สวนธรรมชาติ ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้และเก็บค่าบริการได้เรามีอุทยานการเรียนรู้ มีสวนศิลป์ มีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะมีออดิทอเรียมทั้งกลางแจ้งและในร่มที่สามารถจัดคอนเสิร์ตได้ถามว่าตรงนั้นจะเป็นเศรษฐกิจมูลค่าเพิ่มไหม? นักท่องเที่ยวจะไปไหม?ถ้าทำตรงนั้นให้นักท่องเที่ยวบอกต่อว่า “ต้องไป”ให้เป็นสวนมักกะสันที่กรุงเทพฯ ไม่เคยมี แต่มารวมอยู่ที่นี่มีทั้งสวน มีทั้งศิลป์ ห้างก็มี แต่มีในสัดส่วนที่มันเหมาะสม

แต่ทุกวันนี้ เห็นผู้ใหญ่มานั่งประชุมกัน คิดอะไรไม่ออกเรียกฝ่ายการเงินมา เรียกคนวิจัยมาหน่อย พูดแค่ตัวเลข 2 แสนล้านบาท แล้วโยนๆ กันไปแล้วคิดว่ามันจะสำเร็จไหมครับ ประชาชนก็จะรู้สึกว่า มาอีกละ! ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามมาทำนโยบายที่ดูไม่ค่อยฉลาดกันทุกทีเลย”

ล่าสุด ได้ข่าวว่าทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจะรีบประกาศ TOR ออกมาให้ประมูลกันภายในเดือนมี.ค. นี้ เพราะเห็นความเคลื่อนไหวต่อต้านบนโลกออนไลน์เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆมีผู้มาเข้าชื่อร่วมคัดค้านเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ตอนนี้ลงชื่อสนับสนุนกันทะลุ5,000 แล้ว จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 รายชื่อและจะประกาศยุติการรณรงค์ปลายเดือน เม.ย.เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกไปยังผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง

“เราคิดว่าเราเป็นประชาชนประชาชนเป็นเจ้าของประเทศนั่นหมายถึงว่าทรัพย์สินของรัฐหรือการกระทำทั้งหมดของหน่วยงานรัฐเรามีสิทธิที่จะโต้แย้งแสดงความคิดเห็นต่างๆ ได้แต่เราไม่สามารถเดินเข้าไปเป็นกลุ่มคนเล็กๆ แล้วบอกว่าเราอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้เราเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปประท้วงให้ผู้ใหญ่โกรธและไม่พอใจแต่แค่อยากแสดงออกด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งหมดที่ผมพูดมา อาจจะมีดราม่าปนอยู่บ้างแต่จริงๆ แล้วการรณรงค์โปรเจกต์นี้ เราไม่ได้ทำอยู่ภายใต้แรงกดดันใดๆ เลยแต่เราทำอยู่บนรอยยิ้มและความสุขครับ”

และถ้าคุณอยากเป็นหนึ่งเสียงที่ยกมือสนับสนุนสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็น“ความสุขที่แท้จริง”ของคนเมือง ลองไปลงชื่อใน Change.org ( //www.change.org/MakkasanHope ) หรือถ้าจับต้นชนปลายไม่ถูก เริ่มจากเสิร์ชหน้าเพจ “เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์” ( //www.facebook.com/MakkasanHope ) บนเฟซบุ๊กก่อนก็ได้

ยิ่งยอดลงชื่อมากเท่าไหร่พลังเสียงก็จะยิ่งหนักแน่นมากขึ้นเท่านั้น ตามคอนเซ็ปต์ของพวกเขาที่บอกเอาไว้ว่า “เพราะนี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้บอกในสิ่งที่เราต้องการ!!”


ชมวีดีโอ 





เชิญร่วมลงชื่อ พร้อมกดแชร์แบ่งปัน ตาม link นี้

www.change.org/MakkasanHope

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVEขอขอบคุณ มา ณ ที่นี้ครับ




 

Create Date : 24 มีนาคม 2556    
Last Update : 24 มีนาคม 2556 0:47:33 น.
Counter : 1552 Pageviews.  

10 อุโมงค์ต้นไม้สุดสวย ที่ใครได้เห็นเป็นต้องทึ่ง บ้านเรามีกับเค้าบ้างหรือเปล่า???


10อุโมงค์ต้นไม้สุดสวย ที่ใครได้เห็นเป็นต้องทึ่ง บ้านเรามีกับเค้าบ้างหรือเปล่า???

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

//travel.kapook.com/view51766.html

ดูบ้านเค้าอนุรักษ์ต้นไม้กันอย่างดีแต่บ้านเรามีแต่จะลดพื้นที่สีเขียว มันแปลกดีครับ สำหรับประเทไทย

วันนี้เราไปดู 10 อันดับอุโมงค์ต้นไม้สวย ๆ จากเว็บไซต์ Top Tenz กันดีกว่าครับ


1.อุโมงค์ดอกวิสเทอเรีย ประเทศญี่ปุ่น

อุโมงค์ดอกวิสเทอเรีย ประเทศญี่ปุ่นนั่นเองซึ่งภาพความสวยงามของดอกวิสเทอเรียที่บานสะพรั่งคล้ายกับม่านดอกไม้นั้นจะเป็นสิ่งที่เราพบเห็นได้หลังเทศกาลชมซากุระในกรุงโตเกียว ชิซึโอกะ และโอคาซากิโดยที่ความงดงามของมันนั้นไม่แพ้ซากุระสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียวแบบนี้แล้วจะไม่ให้เป็นอุโมงค์ต้นไม้ที่สวยงามเป็นอันดับหนึ่งได้ยังไงล่ะ


2.เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้

ทุก ๆ เดือนตุลาคมผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองโจฮันเนสเบิร์กประเทศแอฟริกาใต้ จะได้เพลิดเพลินไปกับภาพความสวยงามของต้นศรีตรังกว่า 70,000 ต้นที่จะบานสะพรั่งพร้อม ๆ กัน จนเกิดเป็นทิวทัศน์สีม่วงอ่อนหวานสวยงามราวกับเทพนิยายเลยทีเดียวเพราะฉะนั้นถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวที่นั่นอย่าลืมหาทางไปช่วงนี้ให้ได้เพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศสวย ๆ ด้วยตาตัวเองนะคะ

3. อุโมงค์แห่งรักประเทศยูเครน

แม้จะขึ้นชื่อว่าอุโมงค์แห่งรักแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสถานที่ไม่เหมาะกับคนโสดหรอกนะเพราะที่นี่เป็นแหล่งอธิษฐานให้รักสมหวังที่หลายคนนิยมกันมากโดยคู่รักก็จะมาเดินขอพรให้รักกันยั่งยืนในขณะที่คนโสดจะขอให้ตัวเองได้พบเนื้อคู่เร็ว ๆ อย่างไรก็ดีระหว่างเดินขอให้รักสมหวังก็ต้องคอยระวังรถไฟด้วยล่ะเพราะอุโมงค์นี้เป็นทางรถไฟในตัวด้วยเหมือนกันไม่อย่างนั้นอาจได้เข้าโรงพยาบาลก่อนเจอรักแท้ไม่รู้ด้วยนะ


4. ป่าไผ่ซางาโนะประเทศญี่ปุ่น

อุโมงค์ต้นไผ่จากเมืองอาราชิยาม่านี้มีทางเดินให้เราได้ชมความงามยาวถึง 500 เมตร เลยทีเดียวซึ่งนอกจากจะได้ชมความงามของต้นไผ่แล้ว เสียงเวลาต้นไผ่กระทบลมยังโรแมนติกสุด ๆถึงขนาดที่รัฐบาลญี่ปุ่นยกย่องให้มันเป็นหนึ่งใน 100เสียงที่ต้องได้ยินสักครั้งหากมาประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นป่าแห่งนี้ยังเชื่อมกับวัดชื่อดังหลายแห่งอีกต่างหากดังนั้นถ้าใครได้มาสักครั้งคงมีทริปท่องเที่ยวที่คุ้มค่ามากแน่นอน


5. อุโมงค์ต้นบีชประเทศไอร์แลนด์

พูดถึงอุโมงค์ต้นไม้สวยหวานด้วยดอกไม้ใบไม้สีสันสดใสมามากแล้วก็ลองมาพูดถึงอุโมงค์ต้นไม้ที่มีเสน่ห์ลึกลับแฝงความน่ากลัวกันบ้างดีกว่าโดยอุโมงค์ต้นไม้ที่ว่านี้คืออุโมงค์ต้นบีชทางตอนเหนือของประเทศไอร์แลนด์

ว่ากันว่าอุโมงค์นี้เป็นผลงานของ เจมส์ สจ๊วตที่ปลูกต้นไม้พวกนี้ราว 150 ต้น ตลอด 2 ข้างทางไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18เพื่อให้ทิวทัศน์บริเวณบ้านของเขาสวยงามโดดเด่นประทับใจแขกที่มาแต่ที่มันมีอายุยืนยาวอยู่มาได้นานขนาดนี้ก็เป็นเพราะมันเป็นที่สิงสถิตของวิญญาณหญิงรับใช้ที่ตายไปอย่างลึกลับนั่นเองซึ่งก็เคยมีหลายคนพบเห็นวิญญาณของเธอในชุดสีเทากันมาแล้วอุโมงค์แห่งนี้จึงถือเป็นตำนานความสยองขวัญที่ดูลึกลับน่ากลัวแต่ก็งดงามด้วยในเวลาเดียวกัน


6. อุโมงค์ต้นยิวประเทศอังกฤษ

เป็นเวลายาวนานหลายปี สืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 1470 ที่ต้นยิวเป็นแบบให้ภาพวาดของจิตรกรมากมายรวมไปถึงนักเขียนที่มักเอามันมาใช้พูดถึงในนิยายแฟนตาซีอยู่บ่อย ๆซึ่งที่มันได้รับความนิยมขนาดนี้ ก็อาจเป็นเพราะรูปทรงที่โดดเด่นแปลกตาก็เป็นได้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่อุโมงค์ต้นยิวในเมืองเวลส์ ประเทศอังกฤษจะสวยงามน่าประทับใจจนติดอันดับกับเขาด้วย


7. อุโมงค์ต้นแปะก๊วยประเทศญี่ปุ่น

นอกจากความสวยงามที่เราเห็นกันอยู่แล้วต้นแปะก๊วยนั้นยังถือเป็นต้นไม้ที่มีความหมายมากสำหรับชาวญี่ปุ่นอีกด้วยโดยมันเป็นต้นไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของความหวังและชีวิตใหม่จากการที่เป็นต้นไม้ซึ่งสามารถอยู่รอดมาได้หลังเหตุระเบิดที่ฮิโรชิม่าดังนั้นอุโมงค์ต้นแปะก๊วยใกล้ศาลเจ้าเมจินี้จึงถือเป็นหนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์แสนสวยของประเทศญี่ปุ่นแห่งหนึ่งเลยทีเดียว


8.อุโมงค์ต้นไม้สวนเวอร์มอนต์ สหรัฐอเมริกา

หากพูดถึงเสน่ห์ฤดูใบไม้ร่วงที่เต็มไปด้วยสีแสดและแสงแดดอบอุ่นสบายตาแล้วรับรองได้เลยว่าอุโมงค์ต้นไม้แห่งนี้สวยไม่แพ้ที่ไหน ๆ แน่นอนเพราะมันเต็มไปด้วยสีสันของใบไม้ร่วงที่ดูแล้วลงตัวสุด ๆราวกับภาพวาดจากปลายพู่กันของจิตรกรเลยทีเดียว เรียกได้ว่าทิวทัศน์ของที่นี่งดงามไม่แพ้ดอกไม้บานในช่วงฤดูใบไม้ผลิเลย


9. ถนน Rua de Carvalho Goncalo ประเทศบราซิล

สำหรับใครที่หลงรักความเขียวชอุ่มของธรรมชาติคุณจะต้องอยากไปสัมผัสความงามของถนน Rua de Carvalho Goncalo เมืองปอร์โตอาเลเกร ประเทศบราซิลด้วยตาตัวเองสักครั้งแน่นอน เพราะความสวยงามของต้นชิงชันที่รายล้อมอยู่กว่าพันต้นนี้ทำให้ทิวทัศน์ของที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดของประเทศเลยเชียวล่ะ


10. อุโมงค์ต้นเชอร์รีบลอสซัม ประเทศเยอรมนี

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีต่อกี่ปีฤดูใบไม้ผลิบนถนนเฮียร์สแตรบ เมืองบอน ประเทศเยอรมัน ก็ยังคงงดงามน่าประทับใจเสมอเพราะต้นเชอร์รี บลอสซัมที่ผลิดอกบานสะพรั่งสองข้างทางนั้นทำให้บรรยากาศหวานแหววโรแมนติกขึ้นมาทันทีเห็นแบบนี้แล้วถ้าใครได้มาเดินถ่ายรูปกับคนพิเศษก็คงเป็นความทรงจำที่น่ารักสุด ๆไปเลยว่าไหมคะ?




 

Create Date : 23 มีนาคม 2556    
Last Update : 23 มีนาคม 2556 10:14:44 น.
Counter : 2563 Pageviews.  

ร่วมลงชื่อ เพื่อสนับสนุนให้ “หยุดขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม” ร่วมมือร่วมแรงกันอีกครั้ง




ร่วมลงชื่อ เพื่อสนับสนุนให้ “หยุดขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม”ร่วมมือร่วมแรงกันอีกครั้ง

เครดิต รสนาโตสิตระกูล

เนื้อหาและข้อมูลเพิ่มเติมโปรดอ่านได้ที่ลิ้งก์เพจคุณ รสนาโตสิตระกูล ตามลิ้งก์ครับ

//www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=438397872903448&id=236945323048705

การขึ้นราคาก๊าซหุงต้มกับประชาชนไม่มีความเป็นธรรม เพราะปัญหาก๊าซหุงต้มหรือ LPG ขาดแคลนเกิดจากการใช้ของปิโตรเคมีเครือธุรกิจของปตท.เอาไปใช้มากขึ้น จนไม่พอเพียงกับการใช้ของประชาชนแต่กลับไล่ประชาชนให้ไปใช้แอลพีจีนำเข้าที่มีราคาแพงกว่าทางแก้คือรัฐบาลต้องเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันกับปิโตรเคมีอย่างน้อย 12 บาทต่อกิโลกรัมเหมือนที่เรียกเก็บจากอุตสาหกรรมทั่วไปจึงจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่เป็นธรรม

To:

นายกรัฐมนตรี, สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน

หยุดขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม




 

Create Date : 22 มีนาคม 2556    
Last Update : 22 มีนาคม 2556 0:15:40 น.
Counter : 1235 Pageviews.  

ท่านใดอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ เชิญร่วมลงชื่อร่วมกันที่ change.org ตามลิ้งก์







ได้เวลาคลิก เพื่อ"เปลี่ยน"มักกะสัน

เปลี่ยนความคิดเห็น ให้เป็นรูปธรรม

เปลี่ยนความฝัน ให้กลายเป็นจริง


เชิญร่วมลงชื่อ พร้อมกดแชร์แบ่งปัน ตาม link นี้

www.change.org/MakkasanHope

เพื่อแสดงพลังให้เห็นว่า

เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ มากแค่ไหน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงพลังเพื่อขับเคลื่อนมักกะสันให้เป็นพื้นที่สีเขียวกับเรา

//www.facebook.com/makkasanhope

เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์



ที่ดินผืนนี้จะถูกพัฒนาด้วยการให้เช่าในมูลค่ากว้าง 2 แสนล้าน

โดยให้เช่าในอายุสัญญามากกว่า 30 ปี

...อะไรจะเกิดขึ้นที่นี่

...อาคารเก่าที่มีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ต้นไม้...

...ผลกระทบของการพัฒนาต่างๆกำลังจะเกิดขึ้น

แล้วคุณหละ....คุณอยากให้"มักกะสัน" เป็นเช่นนี้หรือไม่ ??

1 Like ของท่านสามารถสร้างพลังเพื่อรักษาพื้นที่สีเขียวเพื่อคุณภาพชีวิตของเราได้ก่อนที่ที่ดินผืนนี้จะถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นป่าคอนกรีตในไม่ช้า...



"นี่อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่เราได้บอกสิ่งที่เราต้องการ"




รู้จัก Change.org ร่วมผลักดัน“มักกะสัน”

หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมทีมงาน “เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์” ตัดสินใจจับมือกับ Change.org เพราะเราเห็นว่าเสียงทุกเสียงของท่านมีคุณค่าและไม่ต้องการให้เสียงนั้นจางหายไปการรวมพลังผ่านทาง Change.org จะช่วยให้พลังของเรามีน้ำหนักมากขึ้นและสามารถส่งต่อถึงผู้มีอำนาจอย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้

Change.org เป็นเว็บไซท์ที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนบนโลกใบนี้สามารถเริ่มร่วมรณรงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีในสังคม และสามารถเชิญชวนคนที่อยู่บนโลกออนไลน์มาสนับสนุนแนวคิดดีดีได้ทันทีนี่คือการต่อสู้เพื่อสิ่งที่ถูกต้องไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยไปจนถึงระดับชาติเพราะเสียงทุกเสียงมีคุณค่าและเป็นพลังบริสุทธิ์ที่ส่งสัญญาณไปถึงภาครัฐรวมถึงบริษัทเอกชนเพื่อให้เขาเหล่านั้นรับฟังความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบัน Change.org มียอดผู้ใช้ในเมืองไทยมากกว่า170,000 คนหลังจากเปิดตัวได้เพียงแค่ 7เดือน และมีฐานผู้ใช้เกิด 25 ล้านคนทั่วโลกที่สำคัญอัตราการเติบโตและส่งต่อไม่ได้อยู่ที่จำนวนตัวเลขนี้เท่านั้นเพราะเราทุกๆคนสามารถเป็นหนึ่งช่องทางที่สามารถกระจายข่าวผ่านการแชร์เรื่องราวรณรงค์นั้นๆผ่านสังคออนไลน์ที่เราเป็นสมาชิกกันอยู่ เช่น เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ บล๊อค การส่งอีเมลฯลฯ

การรณรงค์ที่ประสบความสำเร็จผ่าน Change.org มีเป็นจำนวนมากอาทิ การปกป้องพุทธสถาน การอนุรักษ์ทะเล และการปกป้องต้นไม้เก่าแก่ 100 ปี การจัดระเบียบการฉายหนังบนรถทัวร์ไปจนถึงการช่วยให้ชาวจักรยานขับขี่ปลอดภัยล้อไม่ติดท่อ

ได้เวลาส่งสัญญาณถึงผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจการใช้พื้นที่บริเวณ“มักกะสัน”ให้หันมาสนใจในสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องเพื่อคุณภาพชีวิตดีดีที่เราขาดหายไปพร้อมส่งต่อไปสู่รุ่นลูกและหลานต่อๆไปเตรียมตัวร่วมรณรงค์พร้อมกดแชร์แบ่งปันเพื่อนๆ เพื่อ “มักกะสัน”ของเรานะครับผม

ต้นสัปดาห์หน้าเตรียมพบกับแคมเปญเพื่อการเปลี่ยนจากเพจ"เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์"

...แล้วเราจะรู้ว่าพลังจากประชาชนมีจริงหรือไม่...




หลายโครงการที่ Change.org ประสบความสำเร็จจากจุดเริ่มต้นของการรณรงค์ผ่านเว็บไซท์ สู่การร่วมลงชื่อจากภาคประชาชนจนนำไปสู่ผลสำเร็จ เช่นการรณรงค์เชิญชวนโรงแรมชั้นนำต่่างๆทั่วประเทศให้หันมาใส่ใจสุขภาพลูกค้าพร้อมไปกับการอนุรักษ์ท้องทะเลโดยการหยุดจำหน่ายหูฉลาม เพียงแค่ไม่ถึงสัปดาห์โรงแรมสวิสโฮเต็ล เลอ คองคอร์ด ร่วมลงนามประกาศจุดยืนหยุดจำหน่ายหูฉลามหรือการรณรงค์ยุติการฉายหนังรุนแรงบนรถโดยสารและมีนโยบายหนังที่เหมาะกับผู้โดยสารเด็ก ส่งผลให้กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทขนส่งจำกัดออกมาตรการเข้มงวดให้พนักงานประจำรถมีความระมัดระวังในการนำภาพยนตร์ไปเปิดให้บริการบนรถโดยสาร

ทุกครั้งที่ร่วมลงชื่อและการแชร์ต่อผ่านอีเมล์ โซเชียลมีเดียร์ คุณมีส่วนช่วยผลักดันและเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เรื่องราวของการรณรงค์เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นกลายเป็นกระแสกดดันภาคประชาชน ถึงเวลาที่เราจะร่วมด้วยช่วยกันผลักดันการรณรงค์ “เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์”ด้วยการร่วมลงชื่อผ่านทาง www.change.org/MakkasanHope และแชร์ส่งต่อกันนะครับ




"เรามาเปลี่ยนไปด้วยกัน"

"เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์"+"change"

อีกไม่กี่วัน เราจะเตรียมตัว เตรียมใจรวมพลังกัน.."เปลี่ยน"เพื่อสิ่งที่ใช่สำหรับทุกคนไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า..เรามั่นใจ

ทุกคลิก ทุกไลค์ ทุกแชร์ คือพลัง

เชิญร่วมลงชื่อ พร้อมกดแชร์แบ่งปัน ตาม link นี้

www.change.org/MakkasanHope

เพื่อแสดงพลังให้เห็นว่า

เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะ และพิพิธภัณฑ์ มากแค่ไหน

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงพลังเพื่อขับเคลื่อนมักกะสันให้เป็นพื้นที่สีเขียวกับเรา

//www.facebook.com/makkasanhope

เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์







 

Create Date : 19 มีนาคม 2556    
Last Update : 19 มีนาคม 2556 17:08:50 น.
Counter : 1391 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ภาพอดีต ภาพปัจจุบัน และอนาคต และความเป็นไปของเกาะรัตนโกสินทร์
เล่าเรื่องทริป ที่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดา แต่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่ในสายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว มัน อเมซิ่ง มากมาย
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.