คนกรุงเทพ อาจต้อง ใส่หน้ากากกันมลพิษ กันแล้วเพราะนโยบายพื้นที่สี (ไม่) เขียว (จริง) จากภาครัฐ
ก้อนเนื้อร้ายบุกทลายเมือง!!
แค่นี้คนเมืองก็รู้สึกป่วยจะแย่อยู่แล้วไหนจะต้องคอยข่มใจให้สงบจากปัญหารถติดไหนยังต้องฝ่ามลพิษออกไปทำงานกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหลายคนจึงใช้เวลาที่เหลือเพียงน้อยนิดในวันหยุดสุดสัปดาห์พาตัวเองไปหาพื้นที่สีเขียว สูดดมอากาศบริสุทธิ์ ให้ได้รู้สึกถึงธรรมชาติอันรื่นรมย์ให้รู้สึกว่ายังมี คุณภาพชีวิตดีๆ หลงเหลืออยู่ในเมืองหลวงอันแสนจะวุ่นวายแห่งนี้อยู่บ้าง
เมื่อได้ยินข่าวว่าพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางเมืองย่านมักกะสันกำลังจะถูก เนื้อร้ายทรงคอนกรีต เข้ามาทำลายปอดคนกรุงเทพฯ จึงบอกได้คำเดียวว่า เซ็ง!!
เราเหลือพื้นที่สีเขียวกลางกรุงนับว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามากในหลายด้าน สมควรแล้วหรือที่ใครอยากทำลายคุณค่าเหล่านี้เพื่อแลกกับศูนย์การค้า ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนเพียงหยิบมือ ฤทัยรัตน์อิ่มศิลป์
ผมเกิดและอยู่ที่มักกะสัน มา 40ปีแล้วครับ รักมักกะสันมาก แต่บ้านเพิ่งถูกซื้อไปโดยนายทุน เพื่อสร้างตึกใหญ่ผมว่ามักกะสันจะสวยมาก และทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็นเมืองสวยและน่าอยู่มากๆถ้ามักกะสันกลายเป็นสวนสาธารณะ ชาวต่างชาติจะได้ชื่นชมและเล่าต่อไปทั่วโลกแน่เพราะตรงนั้นชาวต่างชาติเยอะมากและเป็นแอร์พอร์ตลิงก์ ภีญทรรศน์ทับมณี
กรุงเทพควรมีสวนสาธารณะที่ปลอดภัยมากกว่านี้เรามีห้างสรรพสินค้ามากเกินไปแล้วสังเกตได้ว่าช่วงปิดเทอมเด็กๆทำความผิดเป็นจำนวนไม่น้อย เพราะเขาไม่มีที่ไปไม่มีกิจกรรมที่เหมาะสมกับเด็ก ถ้ารักและห่วงใยประเทศชาติจริงต้องนึกถึงคุณภาพของเด็กให้มากสวนสาธารณะเป็นสถานที่ที่คนทุกวัย สามารถมีกิจกรรมร่วมกันได้ในประเทศที่เจริญอย่างนิวซีแลนด์ วันเสาร์ อาทิตย์ ผู้คนไปเล่นกีฬาที่สวนสาธารณะไม่บ้าเดินห้างเหมือนคนไทย ม.ล.อาภาวดี กัญญาพันธุ์
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่จะเอาหรือไม่เอาสวนสาธารณะแต่เป็นเรื่องของสิทธิในฐานะพลเมืองของกรุงเทพฯว่าเราควรจะมีส่วนร่วมตัดสินใจในการจัดสรรพื้นที่และภูมิศาสตร์ของเมืองที่เราอาศัยอยู่ซึ่งสิ่งนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเราว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไรเกียรติชัย เกียรติศิริขจร
นี่เป็นเพียงตัวอย่างอาการเซ็งเพียงบางส่วนของผู้ที่ลงชื่อคัดค้านโปรเจกต์หวังกำไรครั้งใหญ่ครั้งนี้ของทาง รฟท.(การรถไฟแห่งประเทศไทย) ซึ่งร่วมกันลงนามเอาไว้ ผ่านทางเว็บไซต์ Change.org ภายใต้ชื่อโครงการเราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ (คลิกเพื่อไปยังหน้าลิงก์) พร้อมกับแชร์โพสต์เด็ดๆปลุกระดมความรู้สึกชาวกรุงผ่านทางเพจ MakkasanHope บนเฟซบุ๊ก(คลิกเพื่อไปยังหน้าลิงก์) ซึ่งดูเหมือนว่ากระแสจะเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆบนโลกออนไลน์ในขณะนี้ คิดดูว่าเพิ่งเปิดลงชื่อคัดค้านได้แค่ 3 วันแต่ยอดคนสนับสนุนปาเข้าไป 5 พันกว่าเสียงแล้ว!!
รฟท. = ผู้ดีเก่าขายสมบัติกิน?
หนี้ คือตัวแปรสำคัญที่บีบบังคับให้เจ้าของพื้นที่อย่างรฟท. ผุดโปรเจกต์ป่าคอนกรีตครั้งนี้ขึ้นมาอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนแม้รู้ดีว่าพื้นที่สีเขียวในมหานครของไทยอยู่ในภาวะอัตคัดขาดแคลน จากที่ควรจะมีอัตราส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร ไม่ต่ำกว่า 9 ตารางเมตร/คน อย่างที่องค์การอนามัยโลก (WHO) กำหนดเอาไว้ แต่กลับต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของเกณฑ์เสียอีกคือมีพื้นที่สีเขียวเพียง 4.09 ตารางเมตร/คน เท่านั้นสะท้อนให้เห็นคุณภาพชีวิตอันตกต่ำของคนไทยเป็นอย่างมาก
แต่ดูเหมือนว่า รฟท. จะมองไม่เห็นว่าเป็นปัญหาอะไรเพราะปัญหาใหญ่สำหรับบอร์ดในตอนนี้คือ พวกเขามีหนี้สินท่วมหัวหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนติดท็อปไฟว์มานานแสนนานไหนจะโครงการรถไฟความเร็วสูงที่รัฐบาลวาดฝัน-กดดันเอาไว้ให้รับผิดชอบอีกที่ดินมักกะสันจึงกลายเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นสุดท้ายที่หยิบออกมาประมูลได้อย่างง่ายๆและน่าจะได้ราคางามที่สุดแล้ว
ถ้าบอกว่ารฟท. เป็นหนี้ ต้องปรับปรุงระบบของเขาเพื่อทำรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงแต่ไม่รู้จะเอาเงินมาจากที่ไหน อันนี้ผมเข้าใจครับ แต่มีคำถามว่าเขาเป็นหน่วยงาน 3อันดับต้นๆ ของประเทศที่มีที่ดินอยู่ในมือเยอะที่สุดนะพื้นที่มักกะสันคือแปลงที่หนึ่ง แปลงที่สองคือตรงจตุจักร-บางซื่อ เป็นร้อยๆ ไร่เลยไหนจะตรงรัชดาฯ อีก ที่มีโรงอาบอบนวดยี่ห้อต่างๆ
แต่ที่ผ่านมาเราไม่เคยเห็นการบริหารจัดการให้ดีขึ้นเลย แต่วันนี้เขากลับกำลังทำตัวเหมือน ผู้ดีเก่าที่ทำงานไม่ค่อยเป็นก็เลยต้องเอาสมบัติเก่าของตัวเองมาขายกินเอาที่ดินตรงมักกะสันมาประมูลสร้างห้าง ทำลายพื้นที่สีเขียว ผมไม่เห็นด้วยครับ
ต้องถามว่า ทำไม รฟท.ถึงไม่ขึ้นค่าโดยสารมาตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ทำไมไม่ปรับปรุงการเดินรถทำไมมาบริหารพื้นที่ตรงจตุจักรแล้วทำให้เกิดความขัดแย้ง ทำไมทำอะไรดูมีนอกมีในและมันก็ยังมีพื้นที่อื่นอีกเยอะแยะที่เอื้อให้ รฟท.เข้าไปพัฒนาและสามารถสร้างกำไรให้ รฟท. ยืนขึ้นมาได้ใหม่ แต่เขาไม่ทำถึงเวลาก็เอาที่มาขายกิน
ผมว่าวิธีแก้ปัญหาแบบนี้ในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เป็นเจ้าของประเทศ ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ผมก็ไม่ได้อยากจะตำหนิเขานะครับ แต่เพียงแค่ท่านเปลี่ยนมุมมองในการบริหารนิดหนึ่งประชาชนจะรักท่านแน่นอนครับและจะรักแบบไม่เสื่อมคลายด้วย ปุณลาภปุณโณทก นักออกแบบ แกนนำการรณรงค์ เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์หรือเรียกสั้นๆ ในนาม กลุ่มสวนมักกะสันฝากไว้ให้คิด
ถึงตอนนี้ ประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยเพิ่งออกมาแถลงการณ์ว่าใกล้ได้ฤกษ์การประกาศเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) แล้วโดยคิดเอาไว้ว่าพื้นที่ทั้งหมด 700 ไร่หักส่วนที่ก่อสร้างรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ออกไป เหลือ 497.11 ไร่จะลงทุนทำคอมเพล็กซ์แบบครบวงจร ส่วนเรื่องที่จะพัฒนาเป็นสวนสาธารณะไหมยังไม่ได้ข้อสรุป แต่จะมีการจัดให้มีพื้นที่สีเขียวตามกฎหมาย เพราะฐานะการเงินของรฟท. ยังขาดทุน การนำที่ดินที่มีศักยภาพมาสร้างรายได้ถือว่าจำเป็น
หากคำนวณคร่าว ๆ ที่ดินจำนวนเกือบ 500 ไร่นั้นแบ่งส่วนหนึ่งเป็นถนนประมาณ 30% ก็จะเหลือที่ดิน 350 ไร่ในจำนวนนี้สามารถก่อสร้างเป็นหอประชุม-นิทรรศการ ขนาดประมาณ 60 ไร่ 1 แห่ง,ศูนย์การค้าขนาด 30 ไร่ จำนวน 2 แห่ง รวม 60 ไร่, โรงแรมขนาด 15 ไร่ 4 แห่ง รวม 60 ไร่ ในขณะที่พื้นที่ส่วนที่เหลืออีก 170ไร่นั้น สามารถแบ่งเป็นแปลงสร้างอาคารสำนักงาน ห้องชุดพักอาศัยเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แปลงละ 8 ไร่ ขนาดเท่าที่ตั้งของธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่สีลม จำนวน 21 แปลง ปัทมา จันทรานุกูล กรรมการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตทแอฟแฟร์ส (AREA) ชี้แจงรายละเอียดเอาไว้
ไม่น่าแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดจึงมีชาวกรุงรู้สึกเดือดปุดๆจนต้องลุกขึ้นมาค้าน เห็นกันจะจะอยู่ว่าในแบบแปลนที่วางเอาไว้ ไม่มีคำว่า พื้นที่สีเขียวหรือ สวน หลงเหลืออยู่เลยทั้งที่คณะรณรงค์ยืนยันว่าคนที่เข้ามากดไลค์เพจในเฟซบุ๊กนับหมื่นเห็นตรงกันว่าไม่ต้องการอาคารเชิงพาณิชย์ตามรูปแบบที่ รฟท. เสนอมาแม้แต่นิดเดียว
แต่ถ้าเป็นไปได้ อยากให้พื้นที่ส่วนแรกเป็นพื้นที่ห้างฯและอาคารพาณิชย์แค่ 30-40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่อยากได้อาคารแนวดิ่ง 50-60 ชั้นอย่างมากสุดแค่ 20 ชั้นก็พอ อีก 30 เปอร์เซ็นต์อยากให้ทำเป็นอุทยานการเรียนรู้อย่าง OKMD, TK Park, Museum Siam เป็นพื้นที่การเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรม และส่วนสุดท้ายเป็นพื้นที่สีเขียวจัดให้มีพื้นที่ของลู่วิ่ง ลู่จักรยาน ลานสเก็ตบอร์ด หรือลานเอ็กซ์สตรีมสปอร์ตว่ากันไปตามการออกแบบ
พัฒนา หรือ ทำลาย
แค่ลองจินตนาการว่า ปอดขนาดใหญ่ ขนาด 700 ไร่ของคนกรุงเทพฯหายไป ก็ทำให้เริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ แล้ว ยิ่งนึกเสียดายขึ้นไปอีกเมื่อมองเห็นว่า บึงมักกะสันซึ่งเป็นแก้มลิงกลางเมืองหลวงช่วยให้ผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า อาจถูกถมทับจนหมดสิ้น ไหนจะสถานที่แห่งประวัติศาสตร์อย่างการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ตรงนั้นด้วยแกนนำกลุ่มสวนมักกะสันจึงอยากให้เจ้าของที่อย่าง รฟท. คิดให้ดี คิดให้หนักหรือถ้าคิดไม่ออก อย่างน้อยให้เริ่มต้นความคิดที่ว่าจะทำอย่างไรให้พื้นที่ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด?
สัญญาสัมปทาน30 กว่าปี ลองคิดคร่าวๆ เอา 30 ปีไปหาร 200,000 ล้านแสดงว่าปีหนึ่งต้องได้กำไรอย่างน้อย 7,000 ล้าน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยเพราะธุรกิจที่จะลงทุนเยอะขนาดนี้แล้วได้รับกลับมาในอัตราเท่านี้ได้คือถ้าจะสร้างห้างฯ คุณต้องทำใหญ่กว่าพารากอนประมาณ 30 เท่าถึงจะได้กำไรแค่เวลาก่อสร้างก็ยากแล้ว คงต้องมีคนไปเดินสัก 50,000 คนทุกวันพื้นที่ตรงนั้นถึงจะอยู่ได้ครับ
แล้วห้างฯ ทุกวันนี้ก็มีเยอะแยะและคนก็เดินน้อยลงมากพวกเราไม่ได้บอกว่าห้ามผุดห้างฯ ขึ้นมาตรงนั้นนะครับ มีไปเลยครับแต่ขอให้แตกต่างและสร้างกำไรได้ เพราะลำพังจำนวนห้างฯเท่าที่มีอยู่ตรงแถวสยาม-ราชประสงค์-ประตูน้ำ 4-5 แสนตารางเมตรก็เยอะแล้วจะผุดห้างฯ ขึ้นมาตรงนี้อีก คุณจะเอาอะไรไปแข่งกับเขาครับ จะสร้างมาเหมือนๆเดิมมันก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายก็ต้องเจ๊งกันไป
แต่ในทางกลับกัน ถ้าสร้างให้เป็นห้างฯ ที่แวดล้อมด้วยสวนออกแบบดีๆ แล้วทำให้เป็น เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ แบบที่ประเทศเจริญแล้วเขาทำให้มีสวนน้ำ สวนธรรมชาติ ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้และเก็บค่าบริการได้เรามีอุทยานการเรียนรู้ มีสวนศิลป์ มีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะมีออดิทอเรียมทั้งกลางแจ้งและในร่มที่สามารถจัดคอนเสิร์ตได้ถามว่าตรงนั้นจะเป็นเศรษฐกิจมูลค่าเพิ่มไหม? นักท่องเที่ยวจะไปไหม?ถ้าทำตรงนั้นให้นักท่องเที่ยวบอกต่อว่า ต้องไปให้เป็นสวนมักกะสันที่กรุงเทพฯ ไม่เคยมี แต่มารวมอยู่ที่นี่มีทั้งสวน มีทั้งศิลป์ ห้างก็มี แต่มีในสัดส่วนที่มันเหมาะสม
แต่ทุกวันนี้ เห็นผู้ใหญ่มานั่งประชุมกัน คิดอะไรไม่ออกเรียกฝ่ายการเงินมา เรียกคนวิจัยมาหน่อย พูดแค่ตัวเลข 2 แสนล้านบาท แล้วโยนๆ กันไปแล้วคิดว่ามันจะสำเร็จไหมครับ ประชาชนก็จะรู้สึกว่า มาอีกละ! ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ตามมาทำนโยบายที่ดูไม่ค่อยฉลาดกันทุกทีเลย
ล่าสุด ได้ข่าวว่าทางการรถไฟแห่งประเทศไทยจะรีบประกาศ TOR ออกมาให้ประมูลกันภายในเดือนมี.ค. นี้ เพราะเห็นความเคลื่อนไหวต่อต้านบนโลกออนไลน์เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆมีผู้มาเข้าชื่อร่วมคัดค้านเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ตอนนี้ลงชื่อสนับสนุนกันทะลุ5,000 แล้ว จากที่ตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 รายชื่อและจะประกาศยุติการรณรงค์ปลายเดือน เม.ย.เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกไปยังผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง
เราคิดว่าเราเป็นประชาชนประชาชนเป็นเจ้าของประเทศนั่นหมายถึงว่าทรัพย์สินของรัฐหรือการกระทำทั้งหมดของหน่วยงานรัฐเรามีสิทธิที่จะโต้แย้งแสดงความคิดเห็นต่างๆ ได้แต่เราไม่สามารถเดินเข้าไปเป็นกลุ่มคนเล็กๆ แล้วบอกว่าเราอยากได้อย่างนั้นอย่างนี้เราเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปประท้วงให้ผู้ใหญ่โกรธและไม่พอใจแต่แค่อยากแสดงออกด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งหมดที่ผมพูดมา อาจจะมีดราม่าปนอยู่บ้างแต่จริงๆ แล้วการรณรงค์โปรเจกต์นี้ เราไม่ได้ทำอยู่ภายใต้แรงกดดันใดๆ เลยแต่เราทำอยู่บนรอยยิ้มและความสุขครับ
และถ้าคุณอยากเป็นหนึ่งเสียงที่ยกมือสนับสนุนสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าจะเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเมือง ลองไปลงชื่อใน Change.org ( //www.change.org/MakkasanHope ) หรือถ้าจับต้นชนปลายไม่ถูก เริ่มจากเสิร์ชหน้าเพจ เราอยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ ( //www.facebook.com/MakkasanHope ) บนเฟซบุ๊กก่อนก็ได้
ยิ่งยอดลงชื่อมากเท่าไหร่พลังเสียงก็จะยิ่งหนักแน่นมากขึ้นเท่านั้น ตามคอนเซ็ปต์ของพวกเขาที่บอกเอาไว้ว่า เพราะนี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้บอกในสิ่งที่เราต้องการ!!
ชมวีดีโอ